ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 9 ทุกคนมีอาจารย์แต่นางไม่มี

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 9 ทุกคนมีอาจารย์แต่นางไม่มี

บทที่ 9 ทุกคนมีอาจารย์แต่นางไม่มี

โม่จวินเจ๋อจ้องไปยังเนื้อวัวที่คีบขึ้นมาจากน้ำแกงเผ็ดในถ้วยน้ำจิ้ม เขาลังเลที่จะขยับตะเกียบ

หลิงเยว่มองด้วยความขบขัน

“ศิษย์พี่โม่ ท่านไม่กล้ากินหรือ?”

อวี้เจินสุมไฟเข้าไปอีก

โม่จวินเจ๋อไม่แม้แต่จะเหลือบมองอวี้เจินด้วยซ้ำ คิดว่าข้าไม่กล้ากินมันจริง ๆ หรือ?

ทันทีที่ชิ้นเนื้อเข้าปาก เขาก็ขมวดคิ้ว ดวงตาพลันเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง ปลายลิ้นชา และใบหน้าที่เคยขาวราวกับหิมะก็กลายเป็นแดงก่ำจากความเผ็ดร้อน!

หลิงเยว่หันกลับไป ขณะกำลังจะแอบหัวเราะอีกฝ่าย นางก็ได้เห็นคนสองคนยืนอยู่ข้างหลัง จึงลุกขึ้นยืนด้วยความตกใจ

“ท่านเจ้าสำนักเล่อเหอ… ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้เจ้าคะ?”

เล่อเหอพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินมาดึงลูกศิษย์อกตัญญูที่ทำเป็นเพิกเฉยต่อเขาออกไป และลงไปนั่งแทนที่อย่างเอาแต่ใจ

หลิงเยว่เข้าใจในทันที ก่อนหยิบถ้วยน้ำจิ้มออกมาสองใบอย่างรวดเร็ว แม้ว่านางจะไม่รู้ว่าอีกคนหนึ่งคือใคร แต่คนที่สามารถมากับเจ้าสำนักเล่อเหอได้ย่อมเป็นบุคคลที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

โม่จวินเจ๋อซึ่งดูเหมือนจะคุ้นเคยกับความเจ้าอารมณ์ของอาจารย์ตัวเองก็ควักเอาเก้าอี้สองตัวออกมาจากแหวนมิติอย่างใจเย็น

“อาจารย์… ท่าน… ท่าน… ก็มาที่นี่ด้วย!”

ปากของอวี้เจินอัดแน่นไปด้วยเนื้อวัว ทำให้นางพูดอย่างตะกุกตะกัก ไม่มีเวลาแม้แต่จะเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างบ้าคลั่ง นางรีบดึงเก้าอี้ที่โม่จวินเจ๋อเพิ่งหยิบออกมา เลื่อนให้อาจารย์นั่ง “อาจารย์นั่งลงก่อนเถิด เนื้อนี้อร่อยมากเลย!”

ที่แท้อีกคนหนึ่งก็คืออาจารย์ของอวี้เจินซึ่งเป็นผู้ดูแลยอดเขาบ่มเพาะกายา สยงฉีเลวี่ย!

หลิงเยว่อยากจะร้องไห้เพราะความอิจฉา นางเองก็อยากมีอาจารย์เช่นกัน

ทันทีที่สยงฉีเลวี่ยตัวสูงนั่งลง หลิงเยว่ก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกำลังไม่พอใจ แต่นางยังคงเสนอถ้วยน้ำจิ้มให้ แต่กลับถูกปฏิเสธก่อนที่จะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ

“ข้ากินโอสถงดธัญพืชมาแล้ว”

สยงฉีเลวี่ยดันถ้วยน้ำจิ้มออกไปแล้วส่ายหน้า

“เฮอะ! เขาไม่ยอมกินเหมือนอย่างข้าหรอก เขาฝึกฝนหนักจนสมองเลอะเลือนไปหมด เต็มใจที่จะสละแม้กระทั่งอาหารอร่อย ๆ ของโลกนี้ และสุดท้ายก็ยังเก่งไม่เท่าข้าด้วยซ้ำ!”

เล่อเหอคือผู้ที่อยู่ในขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นสุดท้าย อยู่ห่างจากการพ้นโลกีย์เพียงก้าวเดียว เพียงประโยคนี้ของเขาก็ทำให้สยงฉีเลวี่ยที่อยู่ในขอบเขตฝ่าทัณฑ์สวรรค์ขั้นกลางหุบปากเสียสนิท

เป็นไปได้หรือไม่ว่าความก้าวหน้าที่รวดเร็วของเจ้าสำนักได้มาจากการกินจริง ๆ!?

ในช่วงต้นปีมีข่าวลือเช่นนี้ในสำนักซึ่งทำให้อาหารเป็นที่นิยมมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ผลลัพธ์ที่เห็น ๆ กันอยู่กลับไม่เป็นที่น่าพอใจและยากที่จะเข้าใจได้…

คำพูดของเจ้าสำนักเล่อเหอทำให้หลิงเยว่รู้สึกเหมือนนางได้พบกับคนสนิท!

“ท่านเจ้าสำนักโปรดลองสิ่งนี้เจ้าค่ะ!”

หลิงเยว่ตักลูกชิ้นใส่ในถ้วยน้ำจิ้มของเล่อเหอ ลูกชิ้นที่ถูกทุบโดยอวี้เจินนับครั้งไม่ถ้วนและถูกนางปรุงอย่างพิถีพิถันย่อมต้องอร่อยมากแน่นอน

“ได้เลย ข้าจะลองชิมมัน!”

เล่อเหอกัดลูกชิ้น แต่ด้วยความเด้งสู้ฟันลูกชิ้นก็เด้งกลับเข้าไปในถ้วยทันที

ฟุ่บ!

“เฮ้ย!”

เขาคีบมันขึ้นมาอีกครั้งแล้วยัดใส่ปากทั้งลูก!

จากนั้นเล่อเหอก็ได้สัมผัสกับลูกชิ้นที่เด้งดึ๋ง ภายในของมันเต็มไปด้วยน้ำแกงชุ่มฉ่ำ แผ่ซ่านอยู่ในปากของเขา

รสชาตินี้สุดยอดมาก!

เล่อเหอมองดูหลิงเยว่ด้วยความสงสัย จากนั้นจึงกินลูกชิ้นอีกลูก ในดวงตามีทั้งความสุขและสับสน

ถ้าพูดตามหลักเหตุผล เนื้อของวัววิญญาณระดับต่ำย่อมมีปราณน้อยมาก แต่ลูกชิ้นสองลูกที่เขาเพิ่งกินไปนั้นกลับมีปราณแฝงอยู่มากกว่าสองเท่าของเนื้อวัวปกติที่เขากิน และเขาคงไม่รู้สึกถึงมันได้เลยหากไม่ได้สังเกต

“เป็นอย่างไรบ้างท่านเจ้าสำนัก ไม่อร่อยหรือเจ้าคะ?”

หลิงเยว่รู้สึกไม่สบายใจเมื่อถูกมองเช่นนี้

“เจ้าทำมันด้วยวิธีการพิเศษหรือ?”

เล่อเหอชี้ไปที่ลูกชิ้น

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ”

อวี้เจินซึ่งรับผิดชอบในการทุบเนื้อวัวส่ายหัว

“เอาละ ดีมาก!” เล่อเหอยิ้มอย่างมีความสุข “เสี่ยวเยว่ เจ้าอย่าได้ยอมแพ้เส้นทางอาหารอร่อยนี้เป็นอันขาด ไอ้พวกคนที่งดเว้นธัญพืชจะไม่มีวันเข้าใจถึงประโยชน์ที่ได้รับจากอาหารหรอก!”

ต่อให้อาหารจะไม่มีประโยชน์ใด ๆ หลิงเยว่ก็จะไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว ความรักในอาหารของนางอยู่เหนือชีวิต!

“ไม่เลิกแน่นอนเจ้าค่ะ!”

หลิงเยว่ส่ายหัว

“อร่อยสุด ๆ!”

หลังจากที่โม่จวินเจ๋อกินลูกชิ้น เขาก็ตกหลุมรักเนื้อสัมผัสที่เด้งดึ๋งชุ่มฉ่ำนี้ทันที

“โอ้ สวรรค์! เนื้อที่ถูกทุบนี้อร่อยเสียจริง!”

อวี้เจินยัดลูกชิ้นเข้าปากทีละลูกจนเต็มปากก่อนขบฟันเคี้ยว ความรู้สึกของการกินลูกชิ้นทีละหลายลูกในปาก ช่างวิเศษมากจนอดส่งเสียงร้องอย่างลิงโลดไม่ได้

หลิงเยว่รีบคว้าลูกหนึ่งเข้าปากเช่นกัน รสชาติดีกว่าที่นางคาดไว้

ลูกชิ้นที่ทำจากเนื้อธรรมดาก็อร่อยพอแล้ว ไม่ต้องพูดถึงลูกชิ้นที่ทำจากเนื้อวิญญาณเลย ไม่เพียงแต่จะอร่อยและชุ่มฉ่ำหลังจากกัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น มันยังอัดแน่นไปด้วยปราณซึ่งกินแล้วแผ่ซ่านจากปากไปตามแขนขา ทำให้รู้สึกสบายตัวอย่างมาก

มื้อนี้อร่อยมากสำหรับทั้งสี่คน!

สยงฉีเลวี่ยนั้นงดเว้นธัญพืชมาหลายร้อยปี ทว่าเมื่อกลิ่นหอมของเนื้อวัวลอยเตะจมูก กลับทำให้เขารู้สึกอยากอาหารอย่างไม่รู้ตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้เห็นคนอื่น ๆ กินเนื้อทีละชิ้นต่อหน้าเขา ไม่ว่าความตั้งใจของเขาจะแน่วแน่แค่ไหนก็ตาม บัดดี้กลับเริ่มจะหมดความอดทนไปทุกที

แต่เมื่อครู่เขาเพิ่งปฏิเสธไปเองนะ!

เขาแอบเตะเก้าอี้ของอวี้เจินอย่างลับ ๆ รอให้เจ้าตัวเงยหน้าขึ้นเพื่อที่เขาจะได้ส่งสายตาไปทางถ้วยน้ำจิ้มใบใหญ่ที่อยู่ข้าง ๆ นาง ศิษย์รักของเขาจะต้องเข้าใจคำใบ้นี้อย่างแน่นอน!

“อาจารย์มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า ดวงตาของท่านเป็นตะคริวหรืออย่างไร?”

ใบหน้าของสยงฉีเลวี่ยพลันมืดมน

เขาอยากจะตบกะโหลกของศิษย์โง่เง่าคนนี้เสียจริง!

อึก!

พรูด!

โม่จวินเจ๋อเกือบสำลัก แต่เล่อเหอสำลักโดยทันที แต่การสำลักของเล่อเหอไม่สามารถหยุดจากการเยาะเย้ยได้เลย “ดวงตาของอาจารย์เจ้าไม่ได้เป็นตะคริว แต่เขาแค่บังเกิดความอยากอาหารเท่านั้น!”

ผิวสีข้าวสาลีของสยงฉีเลวี่ยผู้ถูกเปิดเผยพลันเปลี่ยนเป็นสีเข้มขึ้น

ในท้ายที่สุดหลิงเยว่ก็ต้องพูดช่วยเหลือและมอบถ้วยน้ำจิ้มให้กับสยงฉีเลวี่ย “ท่านอาจารย์สยง ท่านก็ลองดูสักหน่อยนะเจ้าคะ”

อวี้เจินหายจากอาการสับสนทันใด นางรีบคีบเนื้อและลูกชิ้นให้อาจารย์ที่รักของนางอย่างประจบประแจง “ท่านอาจารย์โปรดลองดู… มันอร่อยมากจริง ๆ!”

สยงฉีเลวี่ยพอใจกับอาหารตรงหน้าและไม่สนใจที่จะถูกเล่อเหอมองว่าเป็นเรื่องตลก แค่นี้ไม่เจ็บหรอก หน้าของข้าหนาจะตายไป!

ทันทีที่เนื้อวัวเข้าไปในปาก ฟันขบไปยังชิ้นเนื้อ ราวกับว่าร่างกายที่อยู่มาหลายร้อยปีของเขาถูกเปิดใช้งาน!

หลิงเยว่พยักหน้า

“เจ้ายังไม่มีอาจารย์ใช่หรือไม่ ข้ามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ดูแลยอดเขาโอสถ”

นี่หมายความว่าตราบใดที่นางทำให้ผู้อาวุโสท่านนี้มีความสุขกับมื้ออาหารของนางได้ในวันนี้ บางทีนางอาจจะมีอาจารย์ได้ด้วยหรือเปล่า!?

หลิงเยว่กลายเป็นเหมือนสุนัขขี้ประจบทันที นางรีบคีบเนื้อใส่ถ้วยของสยงฉีเลวี่ย “ผู้อาวุโสสยง ท่านกินนี่สิ กินให้มาก ๆ เลยนะเจ้าคะ!”

ราวกับว่ายังไม่เพียงพอ นางยังพูดเสริมอีกว่า “ข้าจะลวกเนื้อเพิ่มให้ท่านเอง!”

เล่อเหอและโม่จวินเจ๋อมองหน้ากันด้วยสายตาว่างเปล่า

“อาจารย์ ท่านกำลังถูกมองข้ามอยู่นะ”

โม่จวินเจ๋อสุมไฟทันที

คนอย่างข้าหรือถูกมองข้าม!?

เล่อเหอไม่ยินยอม เขาไม่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากผู้ทำอาหารจานนี้ด้วยซ้ำ ก่อนพูดอย่างเหน็บแนมว่า “เสี่ยวเยว่ แค่ปรมาจารย์ของยอดเขาโอสถนับว่าไม่มีอะไรพิเศษ ตราบใดที่ข้าอ้าปาก เจ้าสามารถเลือกปรมาจารย์ของทุกยอดเขาในสำนักได้ทั้งหมด รวมถึงเจ้าสำนักอย่างข้าด้วย!”

สยงฉีเลวี่ยกำลังเพลิดเพลินกับอาหารและไม่พูดอะไรสักคำ เขากินเนื้อวัวที่แสนอร่อยจากถ้วยอย่างมีความสุข

“เช่นนั้นผู้น้อยจะแสดงทักษะให้ท่านเห็นในวันนี้เจ้าค่ะ!”

หลิงเยว่ตัดสินใจทำอาหารอื่นอย่างเร่งด่วน

ดังนั้นนอกจากกลิ่นหอมของหม้อไฟแล้ว กลิ่นหอมอื่น ๆ ยังปรากฏที่ภูเขาด้านหลังด้วย

ยำเนื้อเสร็จก่อนเป็นอันดับแรก

[ท่านทำภารกิจหลักที่สามสำเร็จ! ท่านเตรียมอาหารวิญญาณระดับหนึ่งได้สำเร็จ ได้รับรางวัล ค่าพลังวิญญาณ +500 แต้ม อายุขัย +20 วัน ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ 2,260 แต้ม อายุขัยคงเหลือ 84 วัน]

ภารกิจหลักที่สาม? มันยังไม่ได้แจ้งออกมาเลยไม่ใช่หรือ!

หลิงเยว่แอบมีความสุข ดูเหมือนว่านางจะทำภารกิจเสร็จก่อนกำหนดเสียแล้ว

จากนั้นอาหารอีกสามจานที่เหลือก็เสร็จสิ้น เนื้อยี่หร่าก้อนเต๋า เนื้อพริกไทยดำ และเนื้อหัวหอม เสียงของระบบก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

[ท่านทำภารกิจหลักที่สี่สำเร็จ! ท่านได้ใช้วัตถุดิบอย่างพลิกแพลง ด้วยวัวหนึ่งตัวสามารถทำให้ผู้กินพึงพอใจได้เกินหกคน ได้รับรางวัล ค่าพลังวิญญาณ +1,000 แต้ม อายุขัย +30 วัน ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ 3,260 แต้ม อายุขัย 114 วัน]

ความประหลาดใจนี้เกิดขึ้นกะทันหันมาก หลิงเยว่ไม่อยากจะเชื่อเลย!

หากภารกิจหลักในอนาคตคือการใช้วัตถุดิบวิญญาณเพื่อทำอาหารอร่อยต่าง ๆ นางก็ไม่จำเป็นต้องรอให้ระบบออกภารกิจให้ก่อนแล้ว นางสามารถทำภารกิจให้สำเร็จล่วงหน้าได้เลย!

เพราะถึงไม่มีภารกิจที่แจ้งมาจากระบบนางก็จะทำอยู่ดี!

ทันทีที่อาหารเสร็จเรียบร้อย เล่อเหอก็หยิบเนื้อชิ้นที่มีกลิ่นหอมที่สุดขึ้นมาทันที มันกรอบนอกนุ่มใน เมื่อเคี้ยวกลิ่นหอมของเนื้อยังคงติดอยู่บนริมฝีปาก อบอวลอยู่ภายใน

เนื้อนุ่มอร่อย มีรสเปรี้ยวและเผ็ด

ทั้งหมดล้วนทำจากเนื้อวัว ทว่าแต่ละแบบรสชาติไม่ซ้ำ ทั้งยังอร่อยไม่แพ้กัน

เนื้อทั้งสี่จานถูกทุกคนยกเว้นหลิงเยว่รุมกินจนหมดอย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น

“สาวน้อย เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ” สยงฉีเลวี่ยยังมีอะไรอยากจะพูดอีกมาก

หลังรับประทานอาหาร หลิงเยว่ก็คิดว่านางควรจะเลื่อนขั้นขึ้นไปอยู่ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสี่ แต่มันกลับยังไม่ขยับ…

หรือเป็นเพราะนางมีแก่นปราณมากเกินไป?

หลิงเยว่ควรถามปัญหานี้!

มีผู้ยิ่งใหญ่หลายคนอยู่ที่นี่ นางคงโง่มากถ้าไม่ถามออกไปตอนนี้ใช่หรือไม่?

“สำหรับผู้ที่มีแก่นปราณหลายชนิด ความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาจะช้ามาก การเลื่อนขั้นแต่ละระดับจะต้องใช้ปราณจำนวนมากกว่าคนปกติ แต่ก็มีข้อได้เปรียบเช่นกัน ผู้มีแก่นปราณมากในร่างจะเหมาะมากสำหรับการต่อสู้ที่ยืดเยื้อ ถ้าหากอยู่ในระดับการฝึกตนที่เท่ากัน ผู้ที่มีแก่นปราณหลายชนิดจะได้เปรียบผู้ที่มีแก่นปราณเดี่ยวและแบบคู่อย่างเด่นชัด แค่รอให้คู่ต่อสู้ใช้ปราณจนหมดเพียงเท่านี้ก็สามารถเผด็จศึกได้ไม่ยากแล้ว” เล่อเหอพูดและมองไปที่โม่จวินเจ๋อ

โม่จวินเจ๋อ “?”

“ให้ข้าดูแก่นปราณของเจ้า”

หลิงเยว่ไม่ได้ปิดบังและยื่นมือออกไปอย่างจริงใจ ตอนนี้มันเป็นเวลาตัดสินแล้วว่านางจะสามารถมีอาจารย์ได้หรือไม่!

พลังที่อธิบายไม่ได้แพร่กระจายเข้ามาภายในร่างกายของนาง แต่หายไปในเวลาเพียงชั่วครู่

เล่อเหอซึ่งถอนจิตสำนึกของเขาออกไปแล้วรู้สึกราวกับว่าเขาเพิ่งถูกฟ้าผ่า เขาผ่านร้อนผ่านหนาวเห็นสิ่งต่าง ๆ มามากมาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นผู้ที่มีแก่นปราณครบห้าธาตุซึ่งมีระดับเกินแปดทั้งหมด และในจำนวนแก่นปราณทั้งหมด แก่นปราณพฤกษาถึงกับอยู่ในระดับเก้า!

“เจ้าหมีเฒ่า เจ้ามาดูสิ!”

ในตอนแรกสยงฉีเลวี่ยไม่รู้เหตุผล แต่หลังจากตรวจสอบแก่นปราณของหลิงเยว่แล้ว ทั้งร่างของเขาก็สั่นสะท้านทันที

มีแก่นปราณครบห้าธาตุไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ทุกแก่นปราณมีระดับเกินแปดนั้นถือว่าสุดแสนจะผิดปกติ บุคคลเช่นนี้เหมือนเป็นโอรสสวรรค์ที่โปรดปรานชัด ๆ …

ยอดเยี่ยม ยอดเยี่ยมมาก แต่…

“อาจารย์ มีอะไรผิดปกติกับศิษย์น้องหลิงหรือ?”

ทันใดนั้นอวี้เจินก็กังวลเมื่อเห็นว่าอาจารย์ทั้งสองเงียบ

หากคุณสมบัติของหลิงเยว่ต่ำเกินไป นางคงจะต้องตายบนลานประลองในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าใช่หรือไม่?

หลิงเยว่เองก็เริ่มรู้สึกแย่

“พรสวรรค์ยอดเยี่ยมมาก! หายากที่จะได้เห็นในอีกร้อยปี ไม่สิ พันปี!” ใบหน้าของสยงฉีเลวี่ยมีความซับซ้อนขึ้น

“หากเป็นผู้บำเพ็ญคนอื่น ๆ ที่ต้องการก้าวผ่านจากขั้นสามของขอบเขตกลั่นลมปราณไปขั้นสี่ พวกเขาอาจจำเป็นต้องใช้โอสถกลั่นลมปราณสามสิบห้าเม็ด แต่ของเสี่ยวเยว่อาจต้องการมากกว่าห้าสิบเม็ด!”

โอสถกลั่นลมปราณสามารถช่วยผู้บำเพ็ญเร่งการดูดซับปราณโดยรอบได้ ซึ่งช่วยเพิ่มระดับการฝึกตนของพวกเขา

“นั่นหมายความว่าผู้บำเพ็ญที่อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณ หากต้องการก้าวผ่านขอบเขตนี้อาจต้องใช้หินวิญญาณระดับล่างราวห้าพันก้อน แต่ถ้าเป็นหลิงเยว่อาจต้องการมากกว่าห้าหมื่นก้อน?”

แม้ว่าโม่จวินเจ๋อจะถามออกมาเหมือนเป็นคำถาม แต่มันดูเหมือนเขาสรุปให้เรียบร้อยแล้ว

อวี้เจินมองไปที่หลิงเยว่โดยไม่รู้ตัว นาง… ได้ยินถูกใช่หรือไม่?

หลิงเยว่ที่จู่ ๆ ก็ได้ยินข่าวร้ายเช่นนี้รู้สึกว่าแข้งขาของนางอ่อนแรงจนแทบอยากจะร้องไห้

“อย่าด่วนร้องไห้ไปเลย” เล่อเหอหัวเราะอย่างเต็มที่กับการแสดงออกของหลิงเยว่ซึ่งเหมือนกับท้องฟ้ากำลังจะถล่ม “ปรมาจารย์แห่งยอดเขาโอสถอาจขาดแคลนอย่างอื่นแต่นางย่อมไม่ขาดแคลนโอสถและหินวิญญาณ เมื่อได้เห็นคุณสมบัติของศิษย์เช่นเจ้า นางจะต้องชอบเจ้ามากแน่ ๆ!”

“มาแล้วนั่น”

ทันทีที่สยงฉีเลวี่ยเอ่ยสำทับ หญิงงามที่ดูบริสุทธิ์ผู้มีใบหน้างามงดจนไม่มีใครเทียมสวมชุดสีฟ้าอ่อนก็เดินเข้ามา เมื่อนางเข้าใกล้ กลิ่นหอมของยาสมุนไพรจาง ๆ ก็ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้จิตวิญญาณของผู้คนสดชื่นขึ้น

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท