ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 21 ปลาตัวใหญ่มากจนทำในหม้อเดียวไม่ได้

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 21 ปลาตัวใหญ่มากจนทำในหม้อเดียวไม่ได้

บทที่ 21 ปลาตัวใหญ่มากจนทำในหม้อเดียวไม่ได้

“ท่านมาหาข้าทำไมหรือเจ้าคะ?”

หลิงเยว่ที่เปิดประตูยิ้มอย่างขบขันเมื่อเห็นใบหน้าที่บวมปูดของโม่จวินเจ๋อ มันดูเลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่นางถูกทุบตีเสียอีก

เจ้าสำนักเล่อเหอช่างใจโหดเสียจริง ถึงขนาดทุบตีใบหน้าหล่อเหลาราวฟ้าประทานจนบวมปูดให้กลายเป็นเช่นนี้ได้!

“ยังจะถามอีกว่าข้ามาทำไม?”

โม่จวินเจ๋อเหลือบมองหลิงเยว่

“เจ้าจะให้ข้าฝึกซ้อมหรือเจ้าจะทำอาหารแทน?”

ฝึกซ้อม?

หลิงเยว่ส่ายหน้าและก้าวถอยหลังทันที นางเคยได้ยินมาว่าผู้ฝึกกระบี่นั้นโหดเหี้ยมมากกว่าผู้ฝึกกายามาก เด็กสาวไม่อยากหลั่งเลือดก่อนไปเผชิญการประลองชี้ชะตาวันพรุ่งนี้!

“ท่านอยากกินอะไรหรือเจ้าคะ?”

นางไม่มีสมาธิฝึกฝนเช่นกัน เช่นนั้นการเปลี่ยนอารมณ์ด้วยอาหารจึงเป็นเรื่องดี

โม่จวินเจ๋อเอาปลาสีเงินตัวใหญ่ที่ยังดิ้นอยู่ออกมาจากแหวนมิติ

ปลาตัวใหญ่มากจนไม่สามารถใส่ลงในหม้อเดียวได้

“ปลาตุ๋นเมื่อตอนกลางวันอร่อยดี”

จริง ๆ แล้วโม่จวินเจ๋อไม่ได้อยากกิน แต่เขาเดาว่าหลิงเยว่น่าจะไม่มีสมาธิฝึกฝนในคืนนี้และคงนอนไม่หลับ ดังนั้นเขาจึงจับปลาวิญญาณมาเบี่ยงเบนความสนใจอีกฝ่ายแทน

ส่วนหน้ากากที่เขาถอดออกแล้ว เอ่อ… เขาแค่ไม่อยากใส่มันอีกต่อไป…

“มื้อเที่ยงกินปลาตุ๋นไปแล้ว ตอนนี้เรามากินปลาย่างกันดีกว่าเจ้าค่ะ!”

มันเป็นปลาตัวใหญ่ ย่างยากเกินไป สองคนก็น่าจะกินไม่หมด

ราวกับรู้ความกังวลของเด็กสาว ประตูหอกลั่นโอสถหมายเลขหนึ่งและหมายเลขสองเปิดออกพร้อมกัน ส่งกลิ่นสมุนไพรวิญญาณลอยตลบอบอวลมาตามสายลม หลงหว่านโหรวและว่านอวี้เฟิงเดินมาพร้อมกัน

หลิงเยว่ได้รับขวดยามามากกว่าหนึ่งโหลอีกครั้ง ยาที่ได้มีทั้งโอสถฟื้นปราณที่สามารถเติมเต็มปราณที่สูญเสียไปได้อย่างรวดเร็ว โอสถพิทักษ์ใจที่สามารถปกป้องหัวใจได้ โอสถฟื้นฟูกายาที่สามารถเติมพละกำลังทางกายภาพได้อย่างรวดเร็ว โอสถห้ามเลือด โอสถรักษา ฯลฯ โอสถทุกแบบที่นางจำเป็นต้องใช้ในวันประลอง

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง ขอบคุณ…”

หลิงเยว่โผกอดหลงหว่านโหรวอย่างซาบซึ้ง

หลงหว่านโหรวที่ถูกกอดอย่างกะทันหันพลันตัวแข็งค้าง และนึกอยากจะผลักออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่ก่อนที่นางจะเคลื่อนไหว หลิงเยว่ก็ปล่อยมือและหันไปกอดว่านอวี้เฟิงที่อยู่ข้าง ๆ เสียแล้ว

ว่านอวี้เฟิงตกตะลึงทันที ศิษยน้องห้าคนนี้ทำอะไรเนี่ย!

“ข้าขอบคุณท่านเช่นกันเจ้าค่ะ”

หลิงเยว่ที่กำลังซาบซึ้งมาก แม้แต่โม่จวินเจ๋อก็ไม่รอดจากการถูกกอด

โม่จวินเจ๋อตกตะลึง อุณหภูมิบนใบหน้าของเขาพลันเริ่มสูงขึ้น

หลิงเยว่เข้าใจคนเหล่านี้เช่นกัน นางเพียงก้าวออกไปหลังจากกอดทันทีโดยไม่ให้โอกาสพวกเขาปฏิเสธ

ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน นางโชคดีมากที่ได้รู้จักพวกเขา แม้ว่าพรุ่งนี้ตนจะตายบนลานประลองก็คงไม่สูญเปล่า

“พวกเจ้ามายืนทำหน้าตาโง่เง่าอะไรอยู่ที่นี่กัน?”

ทันทีที่อวี้เจินมาถึง ก็เห็นคนสี่คนมองหน้ากันอย่างเงียบ ๆ และมีปลาวิญญาณตัวหนึ่งดิ้นไปมาบนพื้น

“เอ๊ะ! ทำไมปลาตัวนี้ถึงดูคุ้น ๆ ล่ะ?” ลู่เป่ยเหยียนที่ติดตามอวี้เจินมาเห็นปลาที่มีเกล็ดสีเงินแวววาวใต้แสงจันทร์ และในที่สุดก็จำได้ว่าเขาเคยเห็นมันที่ไหน

“…”

นี่ไม่ใช่ปลาที่อาจารย์ของเขาเลี้ยงเอาไว้หรอกหรือ?

“โม่จวินเจ๋อ เจ้าขโมยปลาหิมะสีเงินที่อาจารย์ของข้าเลี้ยงไว้มางั้นหรือ!”

โม่จวินเจ๋อที่กำลังงุนงงถูกเรียกสติกลับมาด้วยเสียงคำรามของลู่เป่ยเหยียน เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ปลามีตั้งเยอะแยะ แค่ตัวเดียวไม่เป็นไรหรอกน่า พรุ่งนี้ข้าจะจ่ายให้เขาเป็นสองเท่าถือเป็นการชดใช้”

หลิงเยว่ไม่คาดคิดเลยว่าโม่จวินเจ๋อจะกล้าทำอะไรที่ไร้ยางอายเช่นการขโมยปลาของผู้อื่นในยามวิกาลเช่นนี้ ทั้งยังพูดเถียงได้หน้าตาเฉย

“ถูกต้อง เอามาตัวเดียวจะเป็นอะไรนักหนา ข้าไม่เชื่อว่าหรอกว่าหลังจากมันกลายเป็นอาหารแล้ว เจ้าจะไม่กินมัน!”

ลู่เป่ยเหยียน “…”

ก็ใช่ ทำไมเขาถึงจะไม่กินล่ะ

เขาไม่ใช่คนที่ขโมยปลามาสักหน่อย และต่อให้เรื่องนี้จะแดงขึ้นมาโม่จวินเจ๋อก็จะเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

“ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าขโมยปลาหิมะสีเงินมาแบบนี้ ข้าคงแอบไปจับแกะเขาเดียวมาด้วยแล้ว…” ใบหน้าของอวี้เจินเต็มไปด้วยความเสียดาย

หลิงเยว่ “…”

ทำไมเด็กสาวรู้สึกราง ๆ ว่าคนพวกนี้ทำอย่างกับนี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของนาง?

แต่พรุ่งนี้นางจะอยู่หรือตายก็ยังไม่แน่ชัด ดังนั้นหลิงเยว่จึงไม่ตระหนี่กับค่าพลังวิญญาณของนางอีกต่อไป เด็กสาวจึงเข้าไปที่ระบบแลกเปลี่ยนซื้อเครื่องปรุงรสและสมุนไพรวิญญาณมากมายสำหรับหมักย่างปลา และเตาปลาย่าง*[1] ขนาดสามฉื่อกว่า ๆ มาด้วย

ระบบแลกเปลี่ยนมีทุกอย่างจริง ๆ เตาปลาย่างที่ซื้อมาดูคล้ายกับเตาปลาย่างยุคใหม่มาก แต่ก็ยังมีข้อแตกต่างอยู่บ้าง

ดังนั้นมันจึงดูไม่ธรรมดาที่จะใช้มัน

เมื่อหลิงเยว่หยิบเตาปลาย่างออกมา หลายคนก็ตกตะลึง

ลู่เป่ยเหยียนหัวหน้าศิษย์ของยอดเขาหลอมศาสตราเบิกตากว้างขึ้นทันทีเมื่อเขาเห็นสิ่งประดิษฐ์แปลก ๆ นี้ เขาสัมผัสมันเพียงชั่วครู่ก่อนเม้มริมฝีปาก

สิ่งนี้ทำจากเหล็กธรรมดา

นอกจากรูปทรงแปลกตาแล้วก็ไม่มีคุณสมบัติอื่นใดอีก

“ศิษย์น้องห้า สิ่งนี้ใช้ทำอะไรงั้นหรือ?” ว่านอวี้เฟิงชี้ไปที่เตายาว

“เอาไว้ใส่ปลาย่าง…”

หลิงเยว่ไม่ยอมให้ใครว่างงาน นางมอบหมายให้คนหนึ่งล้างผัก คนหนึ่งฆ่าปลา ทุกคนถูกแจกจ่ายหน้าที่ให้ทำ

ลู่เป่ยเหยียนกลายเป็นคนก่อไฟอีกครั้ง ใบหน้าของเขามืดมน

“เจ้าเองก็มีแก่นปราณอัคคีเช่นกันไม่ใช่หรือ!”

“ไฟของข้าจะเทียบกับของศิษย์พี่ลู่ได้อย่างไรเล่าเจ้าคะ!”

หลิงเยว่พูดด้วยรอยยิ้ม สำหรับปลาตัวใหญ่ขนาดนี้ ถ้าให้ใช้ไฟของตัวเองกว่าจะได้กินก็คงหลังเที่ยงคืน แต่มันจะแตกต่างออกไปถ้าให้ลู่เป่ยเหยียนเป็นคนก่อไฟให้ ทุกคนจะสามารถกินได้ในครึ่งชั่วยาม

หลิงเยว่ตั้งหม้อแล้วเอาน้ำแกงหม้อไฟเผ็ดที่เหลือจากหม้อไฟครั้งที่แล้วมาต้มต่อ

สักพักกลิ่นเผ็ดของน้ำแกงรสเผ็ดผสมกับกลิ่นปลาย่างก็ฟุ้งกระจายไปทั่วยอดเขาโอสถ

ครึ่งชั่วยามต่อมา ปลาหิมะสีเงินซึ่งถูกย่างจนเป็นสีน้ำตาลทองอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศ ได้ถูกวางลงบนเตาปลาย่างแล้วถูกคลุมด้วยผักวิญญาณ

“ศิษย์พี่ลู่ ท่านมาจุดไฟที่ใต้เตานี้ด้วยเจ้าค่ะ” หลิงเยว่ออกคำสั่ง

ภายใต้การจ้องมองของคนอื่น ๆ ลู่เป่ยเหยียนก็จุดไฟเผาที่ก้นเตาอย่างไม่เต็มใจ

หลิงเยว่เทน้ำแกงหม้อไฟลงบนตัวปลา เมื่ออุณหภูมิของเตาปลาย่างสูงขึ้น กลิ่นหอมของปลาย่างก็ทำให้ทุกคนน้ำลายสอ

“ศิษย์น้องหลิง ข้ากินเลยได้หรือไม่!!!”

อวี้เจินถือชามและตะเกียบ นางอยากกินมากเสียจนควบคุมน้ำลายตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

คนอื่น ๆ มองไปที่หลิงเยว่โดยไม่รู้ตัวรอให้นางพูด

“สามารถกิน …” ก่อนที่หลิงเยว่จะพูดคำว่า ‘ได้แล้ว’ เสียงตะโกนของใครบางคนก็ดังมาจากข้างหลังนาง

“เจ้าพวกเด็กเหลือขอแอบกินของอร่อย ๆ ลับหลังข้างั้นหรือ!”

ทันทีที่เล่อเหอปรากฏตัว ทุกคนก็ยืนขึ้นแสดงความเคารพต่อเจ้าสำนักที่แสนจะเอาแต่ใจของพวกเขา

ไม่สิ มีคนหัวรั้นคนหนึ่งที่เพิ่งถูกลงโทษไม่ยอมแสดงความเคารพ โม่จวินเจ๋อไม่ลุกขึ้น ไม่แม้แต่จะมองอาจารย์ของเขาด้วยซ้ำ ด้วยบหน้าไร้อารมณ์ เขาคีบเนื้อปลาชิ้นหนึ่งแล้วเอาเข้าปาก

เนื้อปลาละลายในปาก หนังปลาชั้นบนย่างจนเกรียมหอม ราดด้วยน้ำแกงหม้อไฟ น้ำแกงที่เคลือบเนื้อปลาทำให้รสชาติเข้มข้นชวนรัญจวน สิ่งนี้ทำให้อารมณ์ที่ไม่ดีของเขาหายไปในทันที

เล่อเหอไม่สนใจศิษย์กบฏคนนี้ เป็นอันเข้าใจได้ว่าทำไมเจ้าเด็กนี่ยังโกรธอยู่ เขาโบกมือให้หลิงเยว่และคนอื่น ๆ นั่งลง จากนั้นจึงเอาชามและตะเกียบของตัวเองออกมา แล้วนั่งลงหน้าเตาปลาย่างที่น่ากินสุด ๆ

“ปลาตัวนี้สดมากเหลือเกิน!” เมื่อเล่อเหอกินแล้ว สีหน้าของเขาก็พลันสั่นไหว

เมื่อได้ยินคำพูดของเล่อเหอ หลงหว่านโหรวและว่านอวี้เฟิงต่างก็ทำหน้าตากระอักกระอ่วน แต่หลิงเยว่ อวี้เจิน และลู่เป่ยเหยียนกลับมีสีหน้าไม่ทุกข์ร้อนและกินปลาย่างอย่างเอร็ดอร่อยต่อไป

ในขณะที่กินผักวิญญาณ อวี้เจินและลู่เป่ยเหยียนก็กลายร่างเป็นเด็กขี้สงสัย

“นี่คืออะไร เห็นได้ชัดว่ามันคือผักแต่ทำไมมันถึงนุ่มเหนียวอร่อยเช่นนี้…”

“อันนี้ก็กรอบอร่อยเหลือเกิน …”

“นั่นคือมันฝรั่ง และนั่นคือถั่วงอก …” หลิงเยว่อธิบายให้พวกเขาฟังขณะกิน

“ปลาเนื้อจืดนี้เมื่อถูกน้ำแกงเคลือบแล้วอร่อยมากจริง ๆ” เล่อเหอถอนหายใจ

แสงจันทร์เย็นปกคลุมยอดเขาโอสถ โดยมีควันของเตาปลาย่างลอยฟุ้งกระจายแสงเย็นออกไป

อารมณ์กังวลของหลิงเยว่ก็หายไปเช่นกัน

[1] เตาปลาย่าง (烤鱼炉) ในที่นี้มีลักษณะคล้ายกับชุดเตาปลาแป๊ะซะของไทย แต่ตัวจานถาดจะเป็นลักษณะสี่เหลี่ยมไม่ได้เป็นรูปตัวปลา

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท