บทที่ 27 ศิษย์พี่สามผู้มีจินตนาการที่ยอดเยี่ยม
บทที่ 27 ศิษย์พี่สามผู้มีจินตนาการที่ยอดเยี่ยม
ขนมอบข้าวหอมหมื่นลี้สีชมพูอ่อนดึงดูดความสนใจของอวี้เจินเป็นอย่างแรก โดยเฉพาะชั้นบนสุดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้วิญญาณสีเหลืองอ่อนที่กำลังเบ่งบานช่างงดงามนัก
กลิ่นหอมของดอกไม้และสมุนไพรวิญญาณทำให้อารมณ์ของผู้คนดีขึ้น
อวี้เจินยื่นมือออกจากซี่กรงปราณวารีแล้วหยิบขนมอบข้าวหอมหมื่นลี้หอมหวานขึ้นมาหนึ่งชิ้น มันนุ่มมากราวกับว่าหากนางออกแรงมากเกินไปขนมอบในมืออาจถูกบดได้
นางอ้าปาก ก่อนกัดลงคำใหญ่!
หอมหวาน นุ่มละมุน เปี่ยมสุขนัก!
ปากของว่านอวี้เฟิงพลันกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อเห็นเกี๊ยวทอด เมื่อหวนนึกถึงความทรงจำระหว่างเขาและเกี๊ยว ว่านอวี้เฟิงจึงอ้อมตะเกียบไปที่ขนมจีบแทน
ขนมจีบแป้งสีเขียวอ่อนใสราวผลึกแก้วห่อไส้หลากสีสัน เมื่อเอาเข้าปาก รสชาติที่เข้มข้นก็ทำให้คนกินอดเคี้ยวเร็วขึ้นไม่ได้
เมื่อจับคู่กับน้ำแกงมะเขือเทศและเห็ดร้อน ๆ สักคำ น้ำแกงรสอมเปรี้ยวและสัมผัสเห็ดกรอบ ๆ ก็ทำให้ร่างกายของเขาซึ่งถูกลมหนาวพัดมาทั้งวันทั้งคืนพลันอบอุ่นขึ้นทันที
การแสดงออกของหลงหว่านโหรวไม่ได้เท่าอีกสองคน แต่ดูเหมือนนางจะสนใจซาลาเปาทอดผิวสีเหลืองทอง นางค่อย ๆ กัดมันอย่างบรรจง
ทันทีที่กัดและเคี้ยว ดวงตาของหลงหว่านโหรวเริ่มสับสน จากนั้นก็หรี่ตาลง
ซาลาเปาทอดนี้ที่หลิงเยว่ทำมานั้นใส่วัตถุดิบหลักมาสามอย่างคือ กุ้ง หมู และกระเทียมหอม ทั้งยังมีการใส่สมุนไพรวิญญาณสับผสมลงไปในไส้ด้วย ทำให้มีรสชาติสดชื่นและมีกลิ่นหอมของสมุนไพรวิญญาณ
โม่จวินเจ๋อยืนอยู่ข้าง ๆ เขาดูเหมือนจะสับสนอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเลียนแบบเด็กสาว นั่งลงบนพื้นและหยิบเอาแป้งห่อหมูฝอยจากกล่องอาหารหกชั้นที่วางบนพื้นมากิน
มันสวยและดูดีกว่าม้วนไข่และเนื้อที่เขาเคยกินมาก่อน ผิวแป้งด้านนอกสีฟ้าอ่อนบางใส เนื้อหั่นฝอยรวมกับผักที่มีสีสันสดใสและสมุนไพรวิญญาณที่อยู่ด้านในสามารถมองเห็นได้ผ่านแป้งบาง ๆ
เนื้อหมูนุ่มชุ่มฉ่ำ ผักสดและสมุนไพรให้สัมผัสกรอบหวาน ส่วนแป้งบางก็ค่อนข้างหนึบเหนียวเคี้ยวเพลิน
หลิงเยว่เหลือบมองไปด้านข้างของโม่จวินเจ๋อที่กำลังรับประทานอาหารอยู่
ไม่ใช่ว่าชายคนนี้ได้รับ ‘ส่วนแบ่งอาหาร’ จากนางไปและเก็บเอาไว้ในแหวนมิติแล้วหรอกหรือ ทว่าตอนนี้เขากลับมาแย่งอาหารจากคนในคุกที่ดูน่าสงสารเนี่ยนะ?
โม่จวินเจ๋อไม่ได้สนใจการมองของหลิงเยว่แม้แต่น้อย เขากินอย่างหน้าตาเฉย รวดเร็วแต่ไม่มูมมาม
คนหนึ่งกินอยู่นอกกรงขัง สามคนกินข้างในกรงขัง และอีกคนกำลังเฝ้าดู
เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังเพลิดเพลินกับอาหาร หลิงเยว่จึงถามอย่างลอย ๆ ว่าเหตุใดจึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น…
ในฐานะศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รอง พวกเขาไม่เต็มใจที่จะพูดด้วยกลัวว่าเด็กสาวจะรู้สึกผิด แต่อวี้เจินไม่คิดเช่นนั้น
แต่ประเด็นคือนางอธิบายถึงฉากที่กล้าหาญของตัวเองในการต่อสู้ครั้งนี้เป็นส่วนใหญ่
หลิงเยว่ฟังด้วยความสนใจอย่างมากและรู้สึกผิดจริง ๆ
นางไม่คิดเลยว่าเสียงกรีดร้องของนางจะไม่เพียงก่อให้เกิด ‘สถานการณ์รุนแรง’ เท่านั้น แต่ยังต้องมีการจ่ายชดเชยอีกด้วย
ดูเหมือนว่านางจะต้องหาหินวิญญาณให้ได้มากที่สุดโดยเร็วแล้ว
[ภารกิจหลักที่เจ็ด : ใช้โอสถฟื้นปราณระดับต้น โอสถฟื้นฟูกายาระดับต้น โอสถบำรุงกำลัง และโอสถย่างก้าววายุระดับต้นอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างอาหารวิญญาณพิเศษระดับต้น แต่ผลของอาหารจะต้องสูงกว่าโอสถระดับสองและจะต้องอร่อย จำกัดเวลาภารกิจ 15 วัน รางวัลคือ ค่าพลังวิญญาณ +10,000 แต้ม อายุขัย +100 วัน บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลวหักเป็นสองเท่าจากรางวัล]
หลิงเยว่เกือบจะสาปแช่งเมื่อนางเห็นคำอธิบายว่าบทลงโทษคือการถูกหักเป็นสองเท่าจากของรางวัล ระบบสุนัขนี้เริ่มชั่วร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ!
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการทำอาหารวิญญาณแบบพิเศษที่ให้ผลแบบโอสถกลั่นลมปราณแล้ว ภารกิจนี้ก็ไม่น่าจะยากเท่าไหร่ วิธีการควรจะเหมือนกันใช่หรือไม่?
ส่วนระยะเวลาในการทำภารกิจสิบห้าวัน…
สิบห้าวันหลังจากนี้ จะตรงกับวันแข่งขันสำนักพอดีเลย
“ศิษย์น้องห้า เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดเช่นนั้น มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าทั้งหมด ศิษย์ของผู้นำยอดเขาและศิษย์ของรองผู้นำยอดเขามีความบาดหมางกันมาเป็นเวลานานอยู่ก่อนแล้ว และพวกเราก็กระทบกระทั่งกับพวกเขาเป็นบางครั้งคราว”
ว่านอวี้เฟิงคิดว่าหลิงเยว่ที่เงียบไปเป็นเพราะกำลังรู้สึกราวกับว่ามันเป็นความรับผิดชอบทั้งหมดของนาง ดังนั้นเขาจึงเปิดปากเพื่อปลอบใจ
หลงหว่านโหรวที่กินอยู่ข้าง ๆ พยักหน้าสนับสนุน
สภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับพวกเขาเลย และมันยังช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งทางร่างกายของพวกเขาได้อีกต่างหากซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
“อื้ม!”
หลิงเยว่ยิ้ม พลางเก็บกล่องอาหารที่เกลี้ยงแล้ว แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถตอบแทนพวกเขาได้ แต่นางจะจำมันไว้อย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นข้าจะกลับไปก่อน แล้วจะมาใหม่พรุ่งนี้เพื่อส่งอาหารให้พวกท่านนะเจ้าคะ”
ส่งอาหาร…
ด้วยเหตุผลนี้ พวกเขาจึงไม่อาจเห็นแย้ง
อวี้เจินกินอิ่มแล้ว นางทรุดตัวลงกับพื้นพลางลูบพุงของตน พรุ่งนี้… อ่า… นางตั้งตารอว่าตนจะได้กินอะไรอีก
หลิงเยว่กำลังคิดถึงโอสถต่าง ๆ ที่จะเอามาใช้เป็นส่วนผสม นางควรใช้โอสถเช่นไรจึงจะดีที่สุด?
เอาเป็นโอสถฟื้นปราณก็แล้วกัน!
มันสามารถเพิ่มลมปราณที่ใช้ไปได้อย่างรวดเร็ว และเป็นโอสถที่ผู้บำเพ็ญเกือบทุกคนต้องมีติดตัว
หลิงเยว่ที่กลับมาพร้อมกับกระบี่เหมันต์เร้นลับมองเผิน ๆ ดูคล้าย ‘หวานเย็นรสนมรูปกระบี่’ จากนั้นจึงมองย้อนกลับไปที่ ‘เครื่องทำน้ำแข็ง’ โม่จวินเจ๋อ นางตระหนักได้ถึงความปรารถนาที่จะกินหวานเย็นของตน
โม่จวินเจ๋อรู้สึกสั่นสะท้านเล็กน้อยเมื่อเห็นสายตาของเด็กสาว กระทั่งกระบี่เหมันต์เร้นลับก็ยังรีบเข้าไปซ่อนในตันเถียนของเขาอย่างรวดเร็ว
ข้ารู้มานานแล้วว่าสาวน้อยคนนี้มีความคิดพิเรนทร์กับข้ามาโดยตลอด! รีบพาข้าออกไปจากที่นี่เร็ว ๆ เข้า!
โม่จวินเจ๋อซึ่งผูกจิตกับกระบี่เหมันต์เร้นลับไม่รู้ว่าควรจะแสดงสีหน้าเช่นไรในเวลานี้ หลิงเยว่ไม่เพียงมองกระบี่อย่างน่าขนลุกเท่านั้น แต่นางยังมองมาที่เขาอีกด้วย!
“ท่านอยากกินหวานเย็นหรือไม่เจ้าคะ?”
หลิงเยว่มองดูท้องฟ้าที่สดใส อากาศแบบนี้เหมาะแก่การกินหวานเย็นเป็นอย่างยิ่ง
การตายของผาวฮุยไม่ได้ทำให้หลิงเยว่รู้สึกไม่สบายใจ อย่างไรก็ตาม… นางไม่ได้ฆ่าอีกฝ่ายด้วยตัวเองสักหน่อย ผาวฮุยตายเพราะถูกสัตว์ของตัวเองฆ่าต่างหาก
การคิดแบบนี้สามารถทำให้หลิงเยว่รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขได้
“หวานเย็น?”
คำนี้โม่จวินเจ๋อไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่ทันทีที่ได้ยินว่ามันเป็นอาหาร ความปรารถนาที่จะจากไปของเขาก็น้อยลง
ไม่ว่ากระบี่เหมันต์เร้นลับในตันเถียนจะกระตุ้นเขาหรืออ้อนวอนมากแค่ไหน โม่จวินเจ๋อก็ยังคงไม่จากไป
เมื่อเครื่องทำน้ำแข็งไม่จากไปไหนแล้ว หลิงเยว่ก็รีบซื้อวัตถุดิบและเริ่มกระบวนการทำ
การทำหวานเย็นไม่ใช่เรื่องยาก วิธีการนั้นง่ายมาก
หลิงเยว่ตัดสินใจทำหวานเย็นสมุนไพรวิญญาณผสมผลไม้วิญญาณ
วันนี้มาทดลองกันก่อน อันดับแรกใช้สมุนไพรวิญญาณจากสูตรโอสถฟื้นปราณเพื่อทำหวานเย็นผลไม้ และศึกษาว่าผลไม้ชนิดใดที่สามารถจับคู่กับสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ได้ดีและมีรสชาติดีที่สุด!
“เจ้าจะให้ข้าช่วยอะไร?”
โม่จวินเจ๋อมองหลิงเยว่ที่กำลังยุ่ง เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนไร้ประโยชน์
“ตอนนี้แค่ช่วยล้างผลไม้และสมุนไพรวิญญาณก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
นมที่อุ่นในหม้อใบใหญ่ส่งกลิ่นหอมหวานของนมเข้มข้น อบอวลไปทั่วทั้งห้อง ทำให้ผู้คนรู้สึกสบายใจ
ติงหลิวหลิ่วที่เหนื่อยล้ายืนอยู่หน้าหอกลั่นโอสถของหลิงเยว่ ยืนยันกับตัวเองนับครั้งไม่ถ้วนว่านี่คือหอกลั่นโอสถหมายเลขสาม แต่เมื่อนางมองดูเด็กสาวที่กำลังวุ่นอยู่ข้างใน ตนก็เริ่มรู้สึกไม่แน่ใจ
นางแอบเปิดหอกลั่นโอสถหมายเลขหนึ่งและสอง ทั้งศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองไม่อยู่ที่นั่น แต่ดูเหมือนว่าจะถูกจับจองแล้ว คนอื่น ๆ ยังบอกนางว่าพวกเขากลับมาที่สำนักแล้ว แต่พอติงหลิวหลิ่วส่งข้อความไปหาพวกเขากลับไม่มีการตอบกลับ
ติงหลิวหลิ่วได้กลิ่นหอมของนมที่มาเตะปลายจมูก เกิดลางสังหรณ์นับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจ ผลลัพธ์ที่น่ากลัวที่สุดคือในระหว่างที่นางไม่อยู่ รองผู้นำยอดเขาได้ยกโขยงลูกศิษย์มาฆ่าล้างยอดเขาโอสถ และในขณะนี้หอกลั่นโอสถที่อยู่บนจุดสูงสุดของภูเขาก็ถูกยึดครองโดยฝ่ายตรงข้ามไปเสียแล้ว!
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ติงหลิวหลิ่วก็รู้สึกสั่นสะท้านไปถึงกระดูก อวัยวะภายในของนางคล้ายจะแข็งตัว
ตอนนี้นางควรซ่อนตัวโดยไม่ให้ใครค้นพบและรอจนกว่าตนจะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อล้างแค้นแทนอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่ และคนอื่น ๆ ใช่หรือไม่?
ไม่ไหว! นางแค้นเหลือเกิน จะอดรนทนรอนานขนาดนั้นได้อย่างไรกัน!
เริ่มจากไอ้ผู้ชายและเด็กผู้หญิงในหอกลั่นโอสถของนางก่อนเลย!