ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 28 นางถูกไล่ออกจากยอดเขาหรือ

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 28 นางถูกไล่ออกจากยอดเขาหรือ?

บทที่ 28 นางถูกไล่ออกจากยอดเขาหรือ?

ติงหลิวหลิ่วซึ่งกำลังคิดไปไกลไม่รู้ว่าความรู้สึกหนาวเย็นที่นางรู้สึกนั้นเป็นเพราะ ‘เครื่องทำน้ำแข็ง’ กำลังทำหวานเย็น

ตอนนี้ใบหน้าของโม่จวินเจ๋อมืดมนมาก ดวงตาที่เย็นชาจับจ้องไปยังเด็กสาว

หลิงเยว่ลูบถูแขนของตัวเองเพื่อคลายหนาว พลางยิ้มขอโทษอีกฝ่าย

“หากปราศจากความช่วยเหลือของท่าน ทั้งหมดนี้ก็คงไร้ผลเจ้าค่ะ”

หลิงเยว่พูดอย่างระมัดระวังด้วยกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถควบคุมแก่นปราณน้ำแข็งได้หากเขาไม่มีความสุขและจะทำลายหวานเย็นที่นางกำลังทำในท้ายที่สุด

โม่จวินเจ๋อยังคงปั้นหน้าอมทุกข์ จนกระทั่งเด็กสาวตักหวานเย็นมะม่วงหนึ่งช้อนยื่นไปที่ปากของเขา

“ศิษย์พี่ลองดูสิเจ้าคะ”

อุณหภูมิที่ต่ำมากในหอกลั่นโอสถเริ่มมีสัญญาณอบอุ่นขึ้นแล้ว

โม่จวินเจ๋อระงับความร้อนบนใบหน้าของเขา ก่อนรับช้อนจากหลิงเยว่อย่างใจเย็นแล้วกินมันด้วยตัวเอง

การกินครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกว่าการถูกใช้เป็นเครื่องมือทำหวานเย็นเริ่มเป็นสิ่งที่ยอมรับได้…

หลิงเยว่ผู้เกลี้ยกล่อมชายหนุ่มดึงกระบี่น้อยสีขาวราวหิมะออกมาอย่างมีความสุขจากแม่พิมพ์ที่ดูเหมือนกระบี่เหมันต์เร้นลับ และมอบมันให้กับโม่จวินเจ๋อราวกับสมบัติ

“ดูสิ มันเหมือนกระบี่น้อยมากเลยใช่หรือไม่เจ้าคะ?”

มันไม่เห็นจะเหมือนตรงไหน ไม่มีลวดลายอะไรเลย!

โม่จวินเจ๋อใช้จิตมองเข้าไปข้างในตันเถียนของเขา และเห็นกระบี่เหมันต์เร้นลับกำลังเต้นเร่าอย่างไม่พอใจ นอกจากเรื่องไม่มีลวดลาย ทุกอย่างก็ล้วนดูคล้ายกัน

หลิงเยว่กัดเข้าไป มันทั้งเย็น หวาน และอัดแน่นไปด้วยรสนม

“อันนี้ก็อร่อยเหมือนกันนะเจ้าคะ”

จากนั้นกระบี่เหมันต์เร้นลับก็เห็นคู่ชายหญิงกำลังกิน ‘มัน’ อย่างช่วยไม่ได้ คนทั้งสองกำลังกินมันอย่างมีความสุข!

วันนี้หลิงเยว่ไม่ได้ทำรสชาติมากมาย นอกจากรสนมแล้ว หวานเย็นยังมีรสชาติสมุนไพรวิญญาณเพียงสามรสเท่านั้น รสชาติหนึ่งเป็นสีเขียวซึ่งเป็นสีเดียวกับปิ่นปักผมบนศีรษะของเด็กสาวที่ยืนอยู่หน้าประตูหอกลั่นโอสถ

“!!!”

เด็กสาวพลันเห็นหญิงแปลกหน้าที่ประตูหอกลั่นโอสถหมายเลขสาม

หญิงสาวที่ดูอ่อนโยนคนนี้สวมเสื้อคลุมของศิษย์สายตรง อีกฝ่ายน่าจะเป็นศิษย์พี่สามของนางใช่หรือไม่?

“ศิษย์พี่สาม?” หลิงเยว่ตะโกนอย่างไม่มั่นใจ

ติงหลิวหลิ่วตกตะลึง อีกฝ่ายเรียกนางว่าอะไรนะ?

ศิษย์พี่สาม?

อาจารย์รับลูกศิษย์อีกแล้วหรือ?

แต่เหตุใดหอกลั่นโอสถของนางจึงถูกมอบให้ศิษยน้องห้าเล่า และเหตุใดนางจึงถูกไล่ออกจากยอดเขาอย่างไม่มีสาเหตุ?

ติงหลิวหลิ่วเริ่มหลั่งน้ำตาแล้วร้องไห้หนักจนทิ้งตัวลงไปนั่งตรงธรณีประตู

ตนทำอะไรผิด เหตุใดจึงถูกไล่ออกจากยอดเขา…

โม่จวินเจ๋อมุมปากกระตุก

หลิงเยว่ดูสับสน ด้วยไม่รู้ว่าทำไมศิษย์พี่หญิงคนนี้ของนางอยู่ดี ๆ ถึงร้องไห้

หรือเป็นเพราะนางครอบครองหอกลั่นโอสถของศิษย์พี่สามอยู่ใช่หรือไม่?

ปัจจุบันชิงยวนมีศิษย์สายตรงสี่คน ซึ่งแต่ละคนมีหอกลั่นโอสถเฉพาะของตัวเอง

นางเป็นเพียงศิษย์รอลงทะเบียน ดังนั้นว่านอวี้เฟิงอาจจะไม่ได้คิดอะไรมากก่อนหน้านี้ แล้วจัดให้นางใช้ห้องนี้ไปก่อน

หลิงเยว่รู้สึกว่านางได้ค้นพบความจริงแล้ว

“ศิษย์พี่สาม ท่านเข้าใจผิดแล้ว…”

หลังจากฟังคำอธิบายของหลิงเยว่ ติงหลิวหลิ่วก็หยุดร้องไห้

“เจ้าพูดจริงหรือ?”

“มันเป็นเรื่องจริง”

โม่จวินเจ๋อตอบและกัดหวานเย็นสมุนไพรวิญญาณรสเฉ่าเหมย*[1] รสชาติแปลกใหม่นี้ยอดเยี่ยมมากจริง ๆ

“ศิษย์พี่สามอยากกินด้วยหรือไม่เจ้าคะ?”

เมื่อเห็นว่าติงหลิวหลิ่วจ้องมองหวานเย็นในมือของโม่จวินเจ๋อ หลิงเยว่ก็หยิบกล่องมาให้

กล่องเป็นกล่องไม้ที่มีรูปทรงต่าง ๆ ของสมุนไพรวิญญาณแกะสลักด้านนอก ใช้สำหรับจับคู่กับหวานเย็นสีสันสดใส มันทั้งดูดี สวยงามและไม่ขัดตาเลย

ระบบแลกเปลี่ยนช่างสะดวกเสียจริง!

“มันงดงามนัก!”

ติงหลิวหลิ่วประทับใจกับความสวยงามของหวานเย็นในกล่องทันที

ในกล่องเล็กมีหวานเย็นทั้งหมดสามสี ได้แก่ สีม่วงอ่อน สีชมพูและสีเหลืองทอง มีไอเย็นล้อมรอบและมีกลิ่นหอมคล้ายนมเมื่อดมใกล้ ๆ

“นี่ทำจากหญ้าวิญญาณสีม่วงหรือ?”

นางถามหลิงเยว่โดยชี้ไปที่หวานเย็นสีม่วงอ่อน

หญ้าวิญญาณสีม่วงเป็นสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ทำโอสถฟื้นปราณ จริงแล้ว ๆ ตอนเป็นต้นมันมีสีเขียวอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อบดแล้วน้ำที่ได้จะกลายเป็นสีเหมือนดอกต้านจื่อ*[2] แล้ว ยังมีรสฝาดแต่เป็นเรื่องง่ายสำหรับหลิงเยว่ที่จะขจัดความฝาดออก

หลิงเยว่พยักหน้าและแสดงให้ติงหลิวหลิ่วได้เห็นหวานเย็นสมุนไพรวิญญาณอื่น ๆ ที่เตรียมไว้

“นี่ท่านยังกินได้อีกหรือ?”

ติงหลิวหลิ่วมองดูโม่จวินเจ๋อที่กินเสร็จไปกล่องหนึ่งแล้ว และกำลังหยิบมาอีกกล่องหนึ่งเพื่อกินต่อ

“เอามาสิ แล้วข้าจะกินอีกให้ดู”

โม่จวินเจ๋อค้นหาไปรอบ ๆ แต่ไม่พบหวานเย็นแบบเดียวกันกับของติงหลิวหลิ่ว ที่เหลือมีเพียงรสชาติเดียวเท่านั้น

แน่นอนว่าติงหลิวหลิ่วไม่ยอมให้ ก่อนจะกระทำกิริยาที่ไม่สอดคล้องกับกับรูปลักษณ์ที่อ่อนโยนของนาง นางไม่ได้ใช้ช้อนด้วยซ้ำ เพียงโน้มตัวลงและเลียไปเสียดื้อ ๆ

โม่จวินเจ๋อ “…”

หลิงเยว่ตกตะลึง

ติงหลิวหลิ่วซึ่งเพิ่งตระหนักได้ว่าตนกำลังทำสิ่งที่โง่เขลา หญิงสาวพลันหน้าแดงด้วยความเขินอาย และลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจากธรณีประตู “ข้าจะไปพบศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองก่อน!”

นางหยิบหวานเย็นหลายกล่องก่อนจากไป

หลังจากที่คนอื่น ๆ จากไปแล้ว หลิงเยว่ก็ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ศิษย์พี่สามกลับมาแล้ว นางต้องคืนหอกลั่นโอสถให้อีกฝ่าย แต่หลังจากนี้นางจะไปอาศัยอยู่ที่ใดกัน?

“เจ้าไปพักที่บ้านข้าได้นะ”

โม่จวินเจ๋อคิดถึงบ้านที่เขาไม่ได้ไปเยี่ยมมาหลายปีแล้ว และมันก็เหมาะสมที่หลิงเยว่จะอาศัยอยู่ที่นั่น

หลิงเยว่คิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ยังปฏิเสธ อย่างแย่ที่สุดนางก็แค่ฝึกฝนอยู่หน้าประตูห้องทั้งคืนไปก่อน ศิษย์พี่ใหญ่จะออกจากคุกในวันพรุ่งนี้แล้ว

ในขณะที่หลิงเยว่กำลังนั่งกังวลอยู่ อีกด้านหนึ่งติงหลิวหลิ่วได้นำ ‘อาหารพิเศษจากศิษย์น้อง’ ไปเยี่ยมศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองของนางที่กรงขัง

นางยังเตะกรงขังของจัวหลิงเหยาเมื่อเดินผ่านมันไปด้วย

จัวหลิงเหยาที่กำลังหลับตาเพื่อพักผ่อนลืมตาขึ้นทันที ทันเห็นร่างสีฟ้าหายไปอย่างรวดเร็ว

ติงหลิวหลิ่ว!

ศิษย์แต่ละคนภายใต้ผู้นำยอดเขาชิงยวนล้วนน่ารำคาญทุกคนจริง ๆ!

มือของจัวหลิงเหยาที่กำกรงปราณวารีพลันมีเส้นเลือดปูดโปน รอก่อนเถอะ อาจารย์และผู้ช่วยของข้าจะต้องมาเหยียบย่ำไอ้คนพวกนี้ทั้งหมดให้อยู่ใต้ฝ่าเท้าอย่างแน่นอน!

“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง ข้ากลับมาแล้ว!”

“ดูสินี่เป็นของพิเศษที่ข้านำมาให้พวกท่านโดยเฉพาะ มันอร่อยมากเลยนะเจ้าคะ!”

ติงหลิวหลิ่วหยิบหวานเย็นออกมาอย่างมีความสุข

ทว่าในสภาพแวดล้อมที่หนาวเหน็บแบบนี้ การกินอะไรเย็น ๆ …มันจะมีความสุขได้อย่างไร?

ร่างของติงหลิวหลิ่วแข็งค้างเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ทว่าตอนนี้ศิษย์พี่ทั้งสองของนางไม่สามารถใช้ปราณปกป้องร่างกายตนเองได้ ร่างกายของทั้งสองคงหนาวเย็นมากเสียจนพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย… ดังนั้นต่อให้พวกเขาจะกินหวานเย็นเข้าไปก็คงไม่ส่งผลกระทบใหญ่โตอันใดใช่หรือไม่?

เมื่ออวี้เจินได้ยินคำว่า ‘อาหาร’ นางก็ยื่นมือที่เย็นเฉียบออกมาและหยิบกล่องขึ้นมาโดยไม่คิด

“น้ำแข็งหรือ?”

เป็นอย่างที่ติงหลิวหลิ่วคิด ผลกระทบไม่ได้ใหญ่โตนัก มือที่เย็นอยู่แล้วของอวี้เจินสั่นเทิ้มมากกว่าเดิมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เมื่อว่านอวี้เฟิงคิดถึงผลที่ตามมาหากเขาปฏิเสธศิษย์น้องสามก็พลันตัวสั่น ก่อนหยิบกล่องเล็ก ๆ แล้วเปิดมัน เผยให้เห็นอาหารรูปลักษณ์ดูสวยงามและมีกลิ่นหอมมาก เขาเหลือบมองติงหลิวหลิ่วที่รอคอยมันอยู่ ก่อนยกช้อนขึ้นด้วยมืออันสั่นเทาแล้วยัดหวานเย็นเย็นเฉียบเข้าปาก

หนาวถึงกระดูกแต่หวานไปถึงหัวใจ!

“อร่อยยิ่งนัก!”

ระหว่างทางติงหลิวหลิ่วกินหวานเย็นกล่องของนางเองจนหมดแล้ว เมื่อกลับไป นางต้องถามศิษยน้องห้าว่าจะทำสิ่งนี้ได้อย่างไรให้ได้!

“อร่อย”

คนที่สงบที่สุดตอนนี้เป็นหลงหว่านโหรว มันคงจะน่าเชื่อมากกว่านี้ถ้าริมฝีปากของนางไม่กลายเป็นสีดอกต้านจื่อ

“มันอร่อยจริง ๆ!”

อวี้เจินกินไปพร้อม ๆ กับอาการตัวสั่น หลังจากกินไปหลายคำนางก็ยืนยันว่า “ศิษย์น้องหลิงทำของอร่อยใหม่ได้อีกแล้ว”

“เฮ้! เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเป็นศิษยน้องห้าทำมัน!”

ติงหลิวหลิ่วมองไปที่อวี้เจินอย่างแปลกใจ ไม่สิ… ทำไมอวี้เจินถึงอยู่ที่นี่ด้วย?

นางออกไปฝึกฝนนานกว่าครึ่งปี แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าที่นี่มีอะไรเกิดขึ้นมากมายเกินไปราวกับผ่านไปหลายร้อยปีแล้ว

ติงหลิวหลิ่วไม่เพียงมีศิษย์น้องห้าเท่านั้น ทว่าอวี้เจินแห่งยอดเขาบ่มเพาะกายาก็ดูเหมือนจะมีความสัมพันธ์อันดีกับศิษย์พี่ใหญ่และศิษย์พี่รองของนาง แม้แต่โม่จวินเจ๋อที่ถูกกล่าวขานว่าเย็นชาและหยิ่งผยองก็ยังดูใกล้ชิดกับศิษย์น้องห้าของนางเช่นกัน

ศิษย์น้องสี่ เจ้ารีบกลับมาช่วยศิษย์พี่หญิงคนนี้ของเจ้าเร็ว ๆ ได้หรือไม่!

[1] เฉ่าเหมย คือ สตรอว์เบอร์รี

[2] ดอกต้านจื่อ คือ ดอกลาเวนเดอร์

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท