ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 32 ความสุขและความเศร้าของคนเราไม่เหมือนกัน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 32 ความสุขและความเศร้าของคนเราไม่เหมือนกัน

บทที่ 32 ความสุขและความเศร้าของคนเราไม่เหมือนกัน

หลิงเยว่พอใจกับขนมดอกบัวที่ทำขึ้นมานี้มาก นางค่อนข้างเป็นคนมีหัวด้านศิลป์ และสีหน้าของศิษย์พี่ใหญ่ที่จริงจังของนางก็เปลี่ยนไป

“ศิษย์พี่ใหญ่ลองชิมดูสิเจ้าคะ”

หลิงเยว่และติงหลิวหลิ่วกินอาหารเหล่านี้มาทั้งบ่าย และฝืนกินไม่ได้อีกต่อไป พวกเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไรในเมื่อมีคนรอชิมอยู่ที่นี่แล้ว

ว่านอวี้เฟิงผู้ถูกละเลยหยิบขึ้นมาหนึ่งชิ้น ขนมดอกบัวที่เพิ่งออกมาจากกระทะยังร้อนอยู่ เขาเป่ามันเบา ๆ แล้วกัดคำใหญ่ภายใต้สายตาของอีกสามคน

“กรอบ!!”

เศษกลีบดอกที่เป็นแป้งกรอบร่วงหล่นลงสู่พื้น

“ตรงเกสรนุ่มและหนึบนัก!”

เขาคิดว่าขนมเปี๊ยะดอกไม้วิญญาณน่าทึ่งแล้ว แต่ตอนนี้ขนมดอกบัวในปากของเขามันน่าประหลาดใจยิ่งกว่าเสียอีก!

ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อเขากินตรงชั้นเกสร พลันรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงผลทางยาที่ดียิ่งกว่าบริเวณกลีบดอกเสียอีก ผลของมันยังทำให้พละกำลังทางกายของเขาฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว แตกต่างจากฤทธิ์ทางยาของขนมเปี๊ยะดอกไม้วิญญาณก่อนหน้านี้ที่เป็นการฟื้นฟูปราณ

ทำไมศิษย์น้องห้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ นางสามารถทำให้อาหารมีผลคล้ายกับยาได้อย่างสมบูรณ์แบบนี้ได้อย่างไร?

หลังจากกินขนมดอกบัวแล้ว หลงหว่านโหรวก็อารมณ์ดีขึ้นอย่างน่าประหลาด

ขณะที่นางกำลังจะกินชิ้นที่สอง แผ่นหยกสื่อสารบนเอวของนางก็สั่นขึ้น

“มาหาข้าเดี๋ยวนี้”

เสียงนี้ทำให้หลิงเยว่ยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัว มันเป็นเสียงของว่าที่อาจารย์ของนางในอนาคต

หลงหว่านโหรวหันหลังและกำลังจะจากไป แต่ถูกหลิงเยว่ดึงกลับ

“ศิษย์พี่ใหญ่กรุณารอสักครู่เจ้าค่ะ!”

หลิงเยว่เปิดกล่องอาหารและเติมอาหารอร่อย ๆ ลงไปข้างใน

ถ้าไม่ใช่เพราะนางไม่รู้ว่าชิงยวนอยู่ที่ไหน ตนคงจะไปส่งอาหารให้ทุกเมื่อเชื่อวัน เพียงเพื่อให้อีกฝ่ายจดจำหญิงสาวตัวน้อยนี้ได้มากขึ้น วันนี้หลิงเยว่กำลังจะได้มีโอกาสให้อีกฝ่ายได้กินขนมที่นางอุตส่าห์ทุ่มเท มันจะทำให้อาจารย์ชิงยวนจำนางได้มากขึ้นใช่หรือไม่?

“อาจารย์… ไม่น่าจะกินได้มากเท่าใดหรอกใช่หรือไม่?”

หัวใจของติงหลิวหลิ่วเจ็บปวดเมื่อนางมองดูของอร่อยที่หายไปทีละชิ้นต่อหน้าต่อตานาง

อาจารย์ของนางงดเว้นธัญพืชมานานหลายร้อยปีแล้ว การเอาอาหารไปให้มากมายถึงเพียงนี้ มันไม่เท่ากับเป็นการเสียเปล่าหรอกหรือ!

หลงหว่านโหรวและว่านอวี้เฟิงก็รู้สึกแบบเดียวกัน

เมื่อทนไม่ไหวอีกต่อไปทั้งสามจึงหยุดหลิงเยว่ที่ยังคงยัดขนมลงในกล่องอาหาร ก่อนหยิบออกคืนไปครึ่งหนึ่งแล้วจากไป

เมื่อเดินออกไป พวกเขาบังเอิญได้พบกับโม่จวินเจ๋อและ… เจ้าสำนักเล่อเหอ

เจ้าสำนักเล่อเหอไม่ให้โอกาสหลงหว่านโหรวได้คารวะทักทาย เขาหายตัวไปในพริบตา

“เสี่ยวเยว่! ในที่สุดเจ้าก็นึกถึงเจ้าสำนักคนนี้ของเจ้าได้…” เล่อเหอหยิบขนมดอกบัวที่มีสีสันสดใสที่สุดขึ้นมาแล้วยัดเข้าปากทั้งชิ้น

ใช่แล้วทั้งชิ้น!

เล่อเหอเคลื่อนไหวเร็วมากจนหลิงเยว่ไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขายัดมันเข้าไปจนหมดตอนไหน

หลังจากเคี้ยวไปได้เพียงครู่เดียว เล่อเหอก็ค้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ ต่างจากอาหารก่อนหน้านี้ที่เพิ่มพูนแต่ปราณเท่านั้น ทว่าอาหารวันนี้กลับสามารถฟื้นฟูพละกำลังทางกายภาพได้ด้วย!

สุดยอด!

หลังจากกินขนมดอกบัวแล้ว เล่อเหอก็หยิบขนมเปี๊ยะดอกไม้วิญญาณข้าง ๆ คราวนี้เขาไม่ได้กินทีเดียวหมดทั้งชิ้นแต่หักครึ่งก่อน

ไส้ที่สดใหม่ หวานและหอมภายในนั้นไม่อาจต้านทานได้

เขาเลียน้ำดอกไม้ตรงมุมปากก่อนจะหยิบขนมหลากสีสันที่ทำเป็นรูปดอกท้อใส่เข้าไปในปากทั้งหมด ภายนอกเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของสมุนไพรวิญญาณ และไส้ภายในมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มละมุนเต็มไปด้วยปราณเข้มข้น สรรพคุณทางยาของขนมชิ้นนี้คือการฟื้นฟูปราณ

เด็กสาวคนนี้คือสมบัติล้ำค่าชัด ๆ!

รูปร่างหน้าตาน่ารัก สดใส ทั้งยังเก่งในการทำอาหารอีก!

ในฐานะคนที่รู้จักหลิงเยว่มาก่อนใครเพื่อนและกินอาหารที่นางทำเองมามากที่สุด โม่จวินเจ๋อเพิ่งเคยเห็นนางทำขนมที่ดูประณีตเช่นนี้เป็นครั้งแรก

นอกจากจะสวยแล้วยังอร่อยมากด้วย

ทันทีที่อวี้เจินได้รับข้อความจากหลิงเยว่ นางก็รีบวิ่งมาอย่างไม่หยุด แต่ในท้ายที่สุดก็ช้ากว่าโม่จวินเจ๋อหนึ่งก้าว นางรู้อยู่แก่ใจว่าหลังออกจากภูเขาจองจำก็ควรมาหาหลิงเยว่เป็นคนแรกจึงจะดีที่สุด ไม่สิ… ทำไมนางไม่อาศัยอยู่ที่นี่เสียเลยเล่า!

หลิงเยว่เรียกทุกคนที่นางรู้จักมาในวันนี้

นางไม่ใช่แค่คิดให้พวกเขามาเป็นนักชิมอาหารให้เท่านั้น แต่นางรู้สึกว่าควรจะเลี้ยงฉลองที่พวกเขาถูกปล่อยจากภูเขาจองจำ และที่ตนเองรอดชีวิตมาได้ด้วย!

การที่สามารถเอาชีวิตรอดมาได้ไม่ใช่แค่มาจากผลของความพยายามของนางเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะคนเหล่านี้ด้วยที่มีส่วนทำให้เด็กสาวรอดชีวิตมาได้

หลิงเยว่ไม่คาดคิดเลยว่าทุกคนจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ส่วนในหน้าต่างภารกิจก็มีการปรับปรุง นางประสบความสำเร็จในการทำอาหารวิญญาณแบบพิเศษที่ให้ผลเดียวกับโอสถฟื้นปราณและโอสถฟื้นฟูกายาแล้ว

นางได้ศึกษาสูตรโอสถบำรุงกำลังและโอสถย่างก้าววายุแล้ว แต่นางยังไม่ได้เริ่มทำเลย

“ชานมสมุนไพรวิญญาณนี่อร่อยนัก!”

อวี้เจินเคยดื่มชานมแล้ว แต่รสชาติวันนี้แตกต่างไปจากที่เคยกินก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง!

ชานมเต็มปากกับขนมเปี๊ยะเต็มคำ ยอดเยี่ยมที่สุด!

เดิมทีเล่อเหอดูถูกของเหลวหลากสีสัน แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่อวี้เจินพูดและเห็นศิษย์คนอื่นดื่มอย่างมีความสุข เขาก็ลองหยิบชานมสีแดงทองหนึ่งแก้วขึ้นมาจิบ

โห!

ในปากมีกลิ่นหอมของสมุนไพร รสนม หวาน ถูกปากผู้สูงอายุอย่างยิ่ง!

เล่อเหอมองดูขนมและชานมที่หายไปอย่างรวดเร็ว เขายิ้มอย่างชั่วร้ายก่อนจะใช้วิชาตรึงกายให้ทุกคนแข็งค้าง จากนั้นจึงห่ออาหารทั้งหมดลงในแหวนมิติของเขาเอง แล้วโยนแหวนมิติอีกวงให้หลิงเยว่

“ข้ายังมีธุระต้องไปทำอยู่ ดังนั้นข้าจะกลับไปก่อน”

ไร้ยางอาย!

น่ารังเกียจ!

นี่มันมากเกินไปแล้ว!

นี่คือความคิดของทุกคนในห้องยกเว้นหลิงเยว่

เมื่อเล่อเหอจากไป ผลของวิชาตรึงร่างก็ถูกคลายออก

นี่เป็นครั้งแรกที่โม่จวินเจ๋อรู้สึกเจ็บปวดใจจริง ๆ

“ไหนเจ้าบอกว่ามีของอร่อยไม่ใช่หรือ…”

ลู่เป่ยเหยียนที่เพิ่งมาถึงมองไปรอบ ๆ หอกลั่นโอสถและพบว่าไม่มีอาหารเหลือเลย แต่กลับมีกลิ่นหอมอันเข้มข้นและกลิ่นหวานฟุ้งอยู่ในอากาศเท่านั้น

“พวกเจ้าไม่ได้เหลือมันไว้ให้ข้าเลยใช่หรือไม่!” ลู่เป่ยเหยียนเกือบจะร้องไห้ด้วยความโกรธ

“ฮือ ฮือ…”

แต่ก่อนที่เขาจะร้องไห้ก็มีคนร้องไห้ก่อนแล้ว

ติงหลิวหลิ่วและอวี้เจินกอดกันพลางร้องไห้ พวกนางบ่นอย่างขมขื่นเกี่ยวกับพฤติกรรมอันน่ารังเกียจของเล่อเหอ

“เจ้าสำนักทำกันเกินไปแล้ว!”

“ครั้งหน้าไม่ต้องเรียกเขามาแล้วนะ!”

ผู้ที่ไม่ได้ร้องไห้ใบหน้าของพวกเขาต่างหม่นจนสีคล้ายถ่าน มีเพียงหลิงเยว่คนเดียวเท่านั้นที่ยืนยิ้มเหมือนคนโง่

แหวนมิติเพียงอย่างเดียวก็มีมูลค่านับสิบล้านหินวิญญาณแล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าข้างในแหวนที่เล่อเหอให้มา ยังมีอาวุธวิญญาณและหินวิญญาณอยู่ข้างในอีกด้วย

ความสุขของหลิงเยว่จะไม่เกิดขึ้นเด็ดขาดหากไม่มีเล่อเหอในวันนี้!

“พวกท่านหยุดร้องไห้ได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะทำให้ใหม่อีกชุดเจ้าค่ะ”

ท่าทางที่สบายใจของหลิงเยว่พร้อมรอยยิ้มที่สดใส ทำให้อวี้เจินและติงหลิวหลิ่วเศร้ามากกว่าเดิม

เรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นอีกแน่นอน แม้พวกเขาจะไม่ได้ยากจนแต่เมื่อเปรียบเทียบกับเจ้าสำนัก พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรจากขอทาน เทียบเล่อเหอไม่ได้ด้วยซ้ำ! ไม่ได้เลย!

หรือต่อให้พวกเขาจะมีทรัพย์สมบัติเทียบเคียงได้กับเจ้าสำนัก แต่ด้วยความแข็งแกร่งก็ไม่อาจเทียบได้ ทำให้ไม่มีแม้โอกาสที่จะต่อต้านการถูกตรึงของเจ้าสำนักได้เลย

ไม่เพียงแค่ร่ำรวย ทว่ายังทรงพลังอีกด้วย!

โม่จวินเจ๋อแอบสาปแช่งในใจ

ความคิดของว่านอวี้เฟิงเองก็สอดคล้องกับโม่จวินเจ๋อ

หลิงเยว่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ และยังคงทำอาหารวิญญาณพิเศษต่อไป

ไม่รู้เลยว่าอาจารย์ของนางในอนาคตจะกินขนมเปี๊ยะบ้างหรือไม่?

ชิงยวนยังไม่ได้กินอะไร นางกำลังฟังคำอธิบายของหลงหว่านโหรวอย่างเงียบ ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่หลิงเยว่ซึ่งเป็นลูกศิษย์รอลงทะเบียนได้ทำในเดือนที่ผ่านมา

เมื่อนางได้ยินเรื่องอาหารที่ให้ผลเหมือนกินยา ก็พลันขัดจังหวะและถามว่า “อาหารที่ฟื้นฟูปราณได้?”

“ใช่แล้วเจ้าค่ะท่านอาจารย์”

หลงหว่านโหรวหยิบกล่องอาหารออกจากแหวนมิติ และหยิบขนมดอกบัว ขนมดอกท้อ ขนมเปี๊ยะดอกไม้ และชานมสีชมพูฟ้าหนึ่งแก้วออกมา

“นี่คือสิ่งที่ศิษย์น้องห้าขอให้ศิษย์นำมาให้อาจารย์เจ้าค่ะ”

ทันทีที่ขนมที่สวยงามและประณีตถูกวางลงบนโต๊ะ ชิงยวนก็ยิ้มและชมเชยว่า “ช่างมีทักษะเสียจริง”

แต่นางไม่ได้ตั้งใจจะกิน

หลงหว่านโหรวที่เพิ่งหยิบจานขนมออกมาเก็บจานกลับเข้าไปในกล่องอาหารเช่นเดิม

“ในเมื่ออาจารย์ไม่ชอบ ศิษย์ก็จะเก็บมันไว้แทน”

ชิงยวน “…”

นี่คือลูกศิษย์ที่นางรู้จัก ผู้เคยมีแต่การกลั่นโอสถอยู่ในสายตา และไม่มีความปรารถนาต่อสิ่งอื่นใช่หรือไม่?

“วางมันลง”

หลงหว่านโหรว “…”

หลงหว่านโหรวกังวลมาก ไม่อยากให้อาจารย์ได้เห็นพิรุธและลิ้มลองรสชาติของขนมที่นางอยากเก็บไว้กินเอง!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท