ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 42 เจ้าต้องการซื้อชุดยาพิเศษหรือไม่

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 42 เจ้าต้องการซื้อชุดยาพิเศษหรือไม่?

บทที่ 42 เจ้าต้องการซื้อชุดยาพิเศษหรือไม่?

มีแม่น้ำคั่นอยู่ระหว่างกลาง และพวกเขาก็มองดูกันจากระยะไกล

ในใจของผู้บำเพ็ญชุดน้ำเงินเกลียดชังหลิงเยว่ แต่เขายังคงรักษาความมีเหตุผลเอาไว้

“ศิษย์พี่ต้องการทำข้อตกลงกันหรือไม่เจ้าคะ?”

“ข้อตกลงอะไร?”

“เจ้าเป็นนักกลั่นโอสถไม่ใช่หรือ เจ้าต้องมีโอสถฟื้นปราณแน่ ๆ ข้าสามารถแลกมันกับบุปผาวารีสามดอกได้”

เสวนากันตั้งนานยังอยากปล้นนางอีกหรือ!

“ข้าไม่มียาฟื้นปราณธรรมดา แต่มียาฟื้นปราณแบบใหม่เท่านั้นเจ้าค่ะ”

หลิงเยว่หยิบอมยิ้มสายรุ้งที่ให้ผลแบบโอสถฟื้นปราณออกมาแล้วโบกมัน “หนึ่งอันมีค่าเท่ากับโอสถฟื้นปราณระดับต่ำหกเม็ด ข้าขอใช้มันแลกเปลี่ยนเป็นบุปผาวารีสามดอกกับศิษย์พี่ได้หรือไม่เจ้าคะ”

มีของดีเช่นนี้ด้วยหรือ?

ผู้บำเพ็ญชุดสีน้ำเงินแอบมีความสุขและหยิบบุปผาวารีสามดอกออกจากถุงเก็บของอย่างใจเย็น

“ให้ข้าเดินเอาไปให้เจ้าหรือไม่?”

“ไม่ ๆ ๆ ข้าจะนับสาม สอง หนึ่ง และเมื่อถึงหนึ่งก็ให้โยนแลกพร้อม ๆ กันนะเจ้าคะ”

หลิงเยว่ไม่โง่ให้ถูกหลอกหรอกนะ!

สาวน้อยตัวเหม็นผู้นี้ระวังตัวมากจริง ๆ! ผู้บำเพ็ญชุดน้ำเงินเม้มปาก ระวังตัวไปจะมีประโยชน์อะไร เขาจ้องถุงเก็บของของนางไว้แล้ว!

“สาม… สอง… หนึ่ง!”

ผู้บำเพ็ญชุดสีน้ำเงินแทบไม่ลังเลและโยนกล่องที่มีบุปผาวารีไปอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ

และแทบจะในเวลาเดียวกัน อมยิ้มสีสันสดใสสามอันก็ตกลงมาตรงหน้าเขาด้วย

“ตูม!”

“ตูม!”

ทั้งสองสิ่งระเบิดแทบจะพร้อมกัน

แน่อยู่แล้ว พวกมันคือระเบิด!

หลิงเยว่วิ่งหนีอย่างไม่ลังเลใจ

ผู้บำเพ็ญชุดน้ำเงิน “…”

เด็กสาวสมัยนี้หลอกยากถึงเพียงนี้เลยหรือ?

ในการเผชิญหน้าครั้งนี้ เขายืนยันได้อีกครั้งว่าหลิงเยว่ได้ซ่อนความแข็งแกร่งของนางไว้

จะติดตามไปดีหรือไม่?

เมื่อผู้บำเพ็ญชุดสีน้ำเงินตัดสินใจตามต่อ ร่างของสาวน้อยชุดเขียวก็พลันหายไปเสียแล้ว

ผู้บำเพ็ญชุดน้ำเงิน “…”

ตอนนี้หลิงเยว่สับสนมากกว่าผู้บำเพ็ญชุดสีน้ำเงินเสียอีก ทำไมทิวทัศน์โดยรอบจึงเปลี่ยนไปอีกครั้งทันทีที่นางหันกลับมา

“คนโง่อีกคน”

“คราวนี้มาจากยอดเขาโอสถ”

“น่าขัดใจจริง ๆ ทำไมไม่มีผู้บำเพ็ญค่ายกลหลงเข้ามาบ้างเล่า?”

“ผู้บำเพ็ญค่ายกลได้ใช้ทางอ้อมไปแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นว่ามันเป็นค่ายกลลวงตา มีแต่คนโง่อย่างพวกเราเท่านั้นที่หลงเข้ามาเช่นนี้”

หลิงเยว่ “…”

นางเข้าสู่แดนมายาอีกครั้งเสียแล้ว! แต่ครานี้สภาพแวดล้อมดูสวยงามกว่าครั้งที่แล้วมาก มีเสียงนกร้องและดอกไม้ก็มีกลิ่นหอม สมุนไพรวิญญาณมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะกวาดสายตามองไปทางใดก็เห็นสมุนไพรวิญญาณอยู่ทั้งนั้น!

ทว่าน่าเสียดาย… ทั้งหมดเป็นเพียงของปลอม

ไม่เช่นนั้นคนโง่ทั้งหกที่ติดอยู่ในแดนมายาอยู่ก่อนแล้วคงไม่แยแสกับสมุนไพรวิญญาณมากมายเช่นนี้ พวกเขาคงเก็บพวกมันไปจนเหี้ยนแล้วก่อนนางจะเข้ามา

“เฮ้! นักกลั่นโอสถทุกคนต่างก็มีแก่นปราณพฤกษา เจ้าใช้ปราณพฤกษาค้นหาสมุนไพรวิญญาณของจริงที มันจะทำให้พวกเราทุกคนสามารถทำลายค่ายกลลวงตานี้ออกไปได้”

หลิงเยว่เหลือบมองผู้ฝึกกระบี่ที่สวมเสื้อคลุมสีดำและถือกระบี่สีดำอยู่ นางรู้สึกอย่างกับว่าอีกฝ่ายคล้ายโม่จวินเจ๋อจริง ๆ เพียงแค่… ชายหนุ่มคนนี้ดูสะดุดตาและหล่อเหลามากกว่า

“เจ้าไม่ได้บอกก่อนหน้านี้หรือว่าสามารถบรรลุผ่านหมื่นค่ายกลได้ด้วยกระบวนท่าเดียว?”

“ข้าลองแล้ว แต่มันก็ยังไม่พังทะลายลง ปราณของข้าหมดตัวแล้ว!”

คนที่นั่งอยู่บนพื้นอยู่ในสภาพเศร้าใจนัก ส่วนคนอื่น ๆ ก็รู้สึกอับอาย พวกเขาพยายามลองแล้วแต่ไม่สามารถทำลายแดนมายานี้ได้

หลิงเยว่ลูบคางของนางและมองดูสมุนไพรวิญญาณรอบด้าน มันยากเกินไปที่จะค้นหาสมุนไพรวิญญาณของจริงท่ามกลางของปลอมที่มีมากมายนับไม่ถ้วนด้วยตาเปล่า!

“จริงหรือที่มีเพียงหนึ่งเดียว?”

“ภาพมายาก่อเกิดจากความเป็นจริง จริงและเท็จ เท็จและจริง เท็จสามารถกลายเป็นจริงได้ จริงสามารถกลายเป็นเท็จได้”

หลิงเยว่ “…”

ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดเลย!

“เจ้าติดอยู่มานานเท่าใดแล้ว คงจะหิวใช่หรือไม่ เจ้าต้องการซื้อชุดยาพิเศษหรือไม่? ชุดหนึ่งมีราคาเพียงแปดร้อยหินวิญญาณระดับล่างเท่านั้น!”

สิ่งที่เรียกว่าชุดยาพิเศษประกอบด้วยน่องไก่ทอดสองชิ้น ปีกไก่ทอดหนึ่งชิ้น ชานมหนึ่งแก้ว ขนมดอกบัวและอมยิ้ม

ถ้าให้นับเทียบกับยาเม็ดมันจะเท่ากับมีโอสถบำรุงกำลัง โอสถฟื้นฟูกายาสามเม็ด และโอสถฟื้นปราณหกเม็ด ซึ่งมูลค่าของยาเหล่านี้ตามท้องตลาดทั่วไปรวมกันก็ราว ๆ หนึ่งร้อยยี่สิบหินวิญญาณระดับล่าง

หลังจากหักต้นทุนแล้ว กำไรของนางนับเป็นแปดส่วน

การคิดกำไรเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ด้วยเพราะชุดอาหารพิเศษของหลิงเยว่นั้นแตกต่างออกไปจากยาธรรมดา กลับเป็นอาหารมีฤทธิ์เป็นยาแต่อิ่มอร่อย สามารถทำให้หัวใจของผู้คนเบิกบานได้ หลังจากหักต้นทุนแล้วมันจะเป็นเรื่องผิดแปลกอะไร หากนางจะคิดกำไรหินวิญญาณระดับล่างหกร้อยก้อน

ที่สำคัญอีกอย่างก็คือที่นี่คือในมิติลับ และนางก็ส่งสินค้าให้ผู้ซื้อถึงมือเป็นการส่วนตัว

การกระทำที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของหลิงเยว่ซึ่งดูขูดเลือดขูดเนื้อกับราคายาที่แสนแพงทำให้คนโง่ทั้งหกตกใจ

“สูดกลิ่นหอมเย้ายวนนี้ ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าอร่อยของมัน แล้วลองชิมดู …” หลิงเยว่ไม่เพียงพูดหว่านล้อมเท่านั้น แต่นางยังกินมันให้ดูด้วย

มีเสียง ‘กรอบ!’ ที่ดังฟังชัด และกลิ่นหอมของไก่ทอดที่ถูกกัดก็โชยออกมาเข้มข้นยิ่งขึ้น

“เอื๊อก!”

ผู้ฝึกฝนกายากลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว กลิ่นก็หอมซ้ำรูปลักษณ์ยังดูน่าอร่อยอีก

ข้าเพิ่งกินโอสถงดธัญพืชแต่ทำไมตอนนี้กลับรู้สึกหิวอีกเล่า?

เอ่อ… เหตุใดข้าถึงเอาหินวิญญาณออกจากถุงเก็บของโดยไม่รู้ตัว ข้าไม่สามารถควบคุมมือได้เลย!

หลิงเยว่กลัวว่าผู้ฝึกกายาจะเปลี่ยนใจ จึงรีบคว้าเอาหินวิญญาณมาเก็บทันที และอาหารชุดใหม่ก็ตกไปอยู่ในมือของผู้ฝึกกายาผู้นั้น

“นี่เจ้าซื้อมันจริง ๆ หรือ!?”

แม้ว่าคนอื่นจะอยากกินเช่นเดียวกัน แต่มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะซื้ออาหารที่ขายเป็นราคาถึงหินวิญญาณระดับล่างแปดร้อยก้อน!

มีความแตกต่างระหว่างการถูกล้อเลียนว่าเป็นคนโง่กับการเป็นคนโง่จริง ๆ

ทันทีที่ผู้ฝึกกายาผู้นั้นได้รับอาหารชุดก็พลันรู้สึกเสียใจขึ้นมา แต่มันคงไม่เหมาะสมหากจะกลับตัวคืนของ แล้วขอเงินคืน นางทำได้เพียงกัดน่องไก่ทอดภายใต้ดวงตาของคนโง่อีกห้าคนที่มองเหมือนว่านางเป็นคนโง่ที่สุด

โว้ว…

แม้ว่านักกลั่นโอสถผู้นี้จะมีจิตใจไม่ดี เป็นพวกชอบขูดรีดผู้คน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้โกหก รสชาติมันอร่อยนัก! นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่นางได้กินของอร่อยเช่นนี้ ทั้งยังให้ผลเหมือนกินยาอย่างไม่มีผิดเพี้ยนเลย! นางจิบเครื่องดื่มที่มีน้ำเป็นสีทองนวล ๆ และปราณในร่างที่เคยเหือดแห้งไปก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้น!

สุดยอด!

อวี้รุ่ยกินน่องไก่ทอดและชานมแก้วใหญ่หมดภายในพริบตาเดียว

นางอยากจะกินอาหารที่เหลือทั้งหมดในคราวเดียวเหลือเกิน แต่หลังจากหักห้ามใจตัวเองได้ จึงเก็บอาหารเข้าไปในถุงเก็บของอย่างไม่เต็มใจนัก มันมีมูลค่าตั้งหินวิญญาณระดับล่างแปดร้อยก้อน นางควรจะเก็บมันไว้ก่อน ค่อยละเลียดภายหลัง

“ในฐานะลูกค้ารายแรก ข้าจะให้อมยิ้มฟื้นปราณสองอันและชานมอีกหนึ่งแก้ว”

เนื่องจากอวี้เจินและศิษย์จากยอดเขาบ่มเพาะกายาเคยมาฝึกฝนให้หลิงเยว่ เด็กสาวจึงมีไมตรีที่ดีแก่พวกผู้ฝึกกายาอย่างอธิบายไม่ได้ ดังนั้นนางจึงยินดีเมื่อมอบของแถมให้อีกฝ่าย

แน่นอนว่าอวี้รุ่ยไม่เกรงใจ นางใส่อมยิ้มอันหนึ่งเข้าไปในปาก และเก็บที่เหลือลงในถุงเก็บของ

มันหวานและมีกลิ่นหอม ทั้งยังมีผลในการฟื้นฟูปราณจริง ๆ

หากนักกลั่นโอสถทำอาหารให้เป็นยาได้แบบนี้ในอนาคต นางอาจจะพิจารณาซื้อมันบ่อยขึ้นก็ได้ ตราบใดที่นักกลั่นโอสถคนอื่นไม่ขูดรีดเหมือนคนตรงหน้านางคนนี้

“อวี้รุ่ย เจ้ารู้จักนางใช่หรือไม่?”

ผู้ฝึกกระบี่รู้สึกสงสัย

“พวกนางต้องรู้จักกัน! และกำลังร่วมมือกันเพื่อหลอกลวงหินวิญญาณจากเราแน่นอน!”

“ข้าจะไม่ถูกหลอกเด็ดขาด!”

ทั้งห้าคนต่างพูดสรุปพร้อมกัน และทันใดนั้นก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกออกมาในเวลาที่ไม่เหมาะสม “เอ่อ…เจ้าให้ข้าชุดหนึ่งได้หรือไม่?”

หลิงเยว่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้อย่างไร

นางได้รับหินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งพันหกร้อยก้อนอย่างง่ายดาย ตราบใดที่นางขายได้อีกสองร้อยสี่สิบแปดชุด นางก็จะสามารถหาหินวิญญาณระดับต่ำได้สองแสนก้อน หลิงเยว่ปิดปากพลางหัวเราะคิกคัก ตราบใดที่นางชั่วร้ายพอ หินวิญญาณสองแสนก้อนก็ไม่คณนามือ!

หลังจากรับอาหารแล้ว ผู้บำเพ็ญหญิงก็เดินไปอีกฝั่งเพื่อกินอย่างเงียบ ๆ

“ถ้าพวกเจ้าซื้อมัน ข้าจะพาพวกเจ้าออกไปเป็นของแถม”

ยังมีคนที่ยังไม่ได้ซื้อเหลืออีกสี่คน ช่างเป็นสถานการณ์ที่ถูกเวลาและถูกสถานที่ ดังนั้นแน่นอนว่าหลิงเยว่จะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะขายของ!

“จริงหรือ?”

หลังจากถูกขังอยู่ทั้งวันทั้งคืน ผู้ฝึกกระบี่ก็ควักหินวิญญาณออกมาโดยไม่ลังเลใจ

“เจ้าไม่จำเป็นต้องเอาอาหารให้ข้าก็ได้”

“ถ้าเขาไม่ต้องการ ก็ให้ข้า!”

หลิงเยว่หันตัวแล้วมอบชุดอาหารที่ผู้ฝึกกระบี่ซื้อยื่นให้กับผู้ฝึกกายาอวี้รุ่ย

ฮึ่ม! เจ้าดูถูกอาหารวิญญาณแบบพิเศษของนางจริง ๆ!

“อย่าโกหกเราเชียวนะ!”

ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ที่มีระดับสูงสุดที่นี่เขาจึงเต็มใจควักหินวิญญาณออกมา แต่ในขณะที่อีกสามคนที่เหลือไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งมอบหินวิญญาณโดยไม่เต็มใจ

“ทั้งสามคนอยากได้อาหารชุดหรือไม่?”

ดวงตาของอวี้รุ่ยเต็มไปด้วยความคาดหวัง รอคอยให้ทั้งสามคนนี้พูดว่า ‘ไม่’

น่าเสียดายที่คำตอบของผู้บำเพ็ญทั้งสามไม่เป็นไปตามที่นางคาดหวังไว้

ทั้งสามคนไม่ได้ปฏิเสธ แต่กลับรับไปด้วยสีหน้ารังเกียจ

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท