ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 71 ผู้หญิงที่นี่ใจร้ายมาก นางอยากจะกลับบ้านไปร้องไห้

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 71 ผู้หญิงที่นี่ใจร้ายมาก นางอยากจะกลับบ้านไปร้องไห้

บทที่ 71 ผู้หญิงที่นี่ใจร้ายมาก นางอยากจะกลับบ้านไปร้องไห้

ร่างมังกรทองเปิดปากหมายจะกัดหลิงเยว่ ขณะเดียวกันปลายหอกที่แหลมคมก็พุ่งเตรียมที่จะแทงทะลุหลังของหญิงสาวด้วย

“ฮ่า ๆ ๆ เด็กโง่คนนี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะถูกโจมตีจากด้านหลัง นางใช้แค่ร่มบังด้านหน้าอย่างโง่เขลาเท่านั้น!”

“โง่เช่นนี้แล้วยังกล้าพูดจาโอ้อวดเสียใหญ่โต คอยดูเถิด นางจะได้เป็นผู้แข่งขันที่ต้องออกจากลานประลองรอบนี้เร็วที่สุด!”

ผู้สนับสนุนของฟู่หลินต่างยินดี และดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้น ขณะรอคอยหอกที่จะแทงทะลุหลังของหลิงเยว่

หอกสีทองแทงทะลุหลังของหลิงเยว่จริง ๆ แต่ไม่มีฉากเลือดสาดปรากฏ เมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรง ร่างในชุดเขียวที่ถือร่มสีสันสดใสก็พลันสลายไป

สิ่งที่ฟู่หลินแทงทะลุไปเป็นเพียงเงาของหลิงเยว่!

ผู้ชมทั้งหมดต่างตกตะลึง ด้วยไม่คาดคิดว่าทักษะการเคลื่อนไหวของนักกลั่นโอสถตัวน้อยนี้จะน่าทึ่งเช่นนี้!

ร่างของหลิงเยว่ที่ถือร่มหลากสีปรากฏขึ้นไม่ไกลจากฟู่หลิน ร่มเรืองแสงห้าสีสว่างมากขึ้น จนกลายเป็นลำแสงห้าสายที่บรรจบกันกลางอากาศ ก่อนจะพุ่งเข้าหาฟู่หลิน

ร่างมังกรที่ถูกสร้างจากหอกพลิกตัว และพุ่งเข้าต้านลำแสงห้าสีพร้อมกับฟู่หลินที่กระโดดหลบและพุ่งเข้าโจมตีหลิงเยว่ด้วยหอกอีกรอบ!

“ตูม ตูม!”

เสียงระเบิดดังขึ้นสองครั้ง

มังกรทองกลืนแสงห้าสีเข้าไป พร้อมกันนั้นหอกก็แทงหลิงเยว่จนปลิวออกไป ทว่าในเวลาเดียวกันก็มีเถาวัลย์หนามต้นยาวผุดขึ้นจากพื้นพันรอบข้อเท้าของฟู่หลิน ทำให้นางกระแทกลงกับพื้น

หลิงเยว่ที่ถูกโจมตีกระอักเลือดออกมาเต็มปากทันที แต่เด็กสาวก็ร่อนลงบนพื้นอย่างปลอดภัยด้วยความช่วยเหลือจากร่ม สายตาของนางอดหันไปหาฟู่หลินไม่ได้

ผู้หญิงคนนี้ร้ายกาจนัก เพียงโดนโจมตีครั้งเดียวเด็กสาวก็รู้สึกแทบจะพิการ ถ้าขืนโดนโจมตีอีก นางจะต้องแพ้ภายในสามกระบวนท่าแน่นอน

ฟู่หลินลุกขึ้นยืนอย่างสงบจากพื้นดิน และสร้างเถาวัลย์หนามรอบหอกของนาง

ฉากนี้ทำให้หลิงเยว่รู้สึกเย็นวาบและหนักใจ

โดยไม่ให้โอกาสหลิงเยว่ได้พูดอะไร หญิงสาวในชุดสีชมพูพร้อมหอกก็กระโจนเข้ามาอีกครั้ง

“ลูกศิษย์ในอนาคตของเจ้ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่…” ดวงตาของสยงฉีเลวี่ยเป็นประกายด้วยความกังวล ฟู่หลินเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินไป!

ชิงยวนก็เห็นเช่นกัน แม้ว่าจะมอบร่มวัชระเบญจธาตุที่นางเคยได้รับมาจากเจ้าสำนักแก่หลิงเยว่ ทว่าว่าที่ศิษย์ของนางก็ยังไม่สามารถเทียบได้กับฟู่หลิน

“ศิษย์รักของผู้นำยอดเขาต้วนทำให้ข้าชิงยวนอิจฉาจริง ๆ”

ต้วนไท่หนิงซึ่งมีรอยยิ้มเบ่งบานอยู่ทั่วใบหน้า ทันใดนั้นก็ยิ้มแข็งค้างแล้วพูดอย่างสุภาพว่า “เจ้าชมกันเกินไปแล้ว ว่าที่ศิษย์ของเจ้าต่างหาก ที่ในภายภาคหน้านางจะไร้ขีดจำกัด”

ชิงยวนพ่นลมหายใจ หลิงเยว่มีอนาคตไร้ขีดจำกัดจริง ๆ เพียงแต่ตอนนี้ถูกโจมตีไปสองกระบวนท่าเท่านั้น ลูกศิษย์อันล้ำค่าของนางก็ได้กระอักเลือดออกมาหลายคำ และอยู่ในสภาพที่น่าอับอายเสียแล้ว

อันที่จริงตอนโจมตีกระบวนท่าที่สอง ฟู่หลินมีโอกาสทำให้หลิงเยว่ตกลงจากลานประลอง แต่นางกลับเลือกที่จะมาทรมานหลิงเยว่ต่อไป

เห็นได้ชัดว่าหลิงเยว่ทำอะไรไม่ถูก และต้องยอมรับการถูกทุบตีอย่างอดทนเท่านั้น

“เด็กพวกนี้เป็นศิษย์สำนักเดียวกันแท้ ๆ เหตุใดพวกนางถึงต้องโหดร้ายกันเองเช่นนี้?”

ต้วนไท่หนิงก็สังเกตเห็นเช่นกัน และน้ำเสียงของเขาก็กังวล โดยความกังวลนั้นไม่ได้เสแสร้งแม้แต่น้อย ถ้าหลิงเยว่พิการจริง ๆ ทั้งเขาและฟู่หลินจะต้องเจอเรื่องใหญ่แน่นอน

“หากจะเกินเลยกันจริง ๆ ก็ให้ผู้ดูแลลานประลองออกไปหยุดเมื่อถึงเวลาเถิด”

สยงฉีเลวี่ยถอนหายใจ

“ไม่จำเป็น ข้าเชื่อหลิงเยว่”

ในความเป็นจริงมือของชิงยวนที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อของนางกำหมัดแน่นแล้ว พลางกำลังใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างมาก เพื่อไม่ให้ตนเองออกไปดึงว่าที่ศิษย์ของนางออกมาจากลานประลอง

หมอกดำ… กระจายขึ้นสู่พื้นอย่างเงียบ ๆ

ต้นกล้าเล็ก ๆ ถูกบดบังด้วยหมอกสีดำ พลันผุดขึ้นมาจากพื้นดิน และหมอกก็แพร่กระจายอย่างรวดเร็วจนครอบคลุมพื้นที่ลานประลองครึ่งหนึ่ง

หลิงเยว่ต้องการครอบคลุมลานประลองทั้งหมด แต่ความแข็งแกร่งของนางยังไม่ถึงขั้นนั้น

“นี่มันวิชาบ้าอะไรกัน!”

ผู้ชมในกลุ่มผู้ชมที่ดูด้วยความกระตือรือร้นต่างตกตะลึง

“มันเป็นเพียงวัชพืชที่ไร้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ จะไปมีประโยชน์อะไร?”

“ใช่แล้ว! เพียงจัดการนางในกระบวนท่าเดียว!”

บางคนพูดอย่างดูถูก โดยไม่ได้สนใจหมอกดำและหญ้าสีดำที่ยังคงเติบโตอยู่บนลานประลอง

ฟู่หลินก็ทำเช่นเดียวกัน นางเหวี่ยงหอกตัดหญ้าสีดำต้นใหญ่ออกในทันที

หญ้าสีดำหล่นลงกับพื้นและกลายเป็นหนอนสีดำยาวที่มีปากแหลมคมพร้อมกรีดร้องแทบเท้าฟู่หลิน

หญ้าสีดำทั้งหมดกลายเป็นหนอนตัวยาวที่ดุร้าย และหนาแน่นมากเสียจนดูน่ากลัว

ฟู่หลินตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางรู้ว่าหลิงเยว่สามารถทำให้พืชเติบโตและต่อสู้ได้ แต่นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถทำเช่นนี้ได้ด้วย!

แต่มันก็เท่านั้น

หอกส่องแสงสีทองสว่างปกคลุมทั้งมือของนาง ฟู่หลินฆ่าหนอนสีดำจำนวนมากไปทันที

“ใช้ไพ่ตายทั้งหมดที่มีเสีย ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว!”

ทันทีที่ฟู่หลินพูดจบ หอกของนางก็กลายเป็นมังกร พุ่งไปยังหลิงเยว่

แต่คราวนี้หลิงเยว่ไม่ยอมปะทะกับหอกโดยตรง นางกลับเร่งการเจริญเติบโตของหญ้าอย่างเงียบ ๆ แล้วให้ต้นหญ้ากลายร่างเป็นสัตว์เข้าปะทะแทน นางได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ จะให้ตัวเองต้านหอกตรง ๆ อีกครั้งคงเป็นไปไม่ได้ ไม่อย่างนั้นต่อให้ไม่ตายนางก็คงอยู่ในสภาพหายใจรวยริน

ร่มสีสันสดใสหมุนและขยายใหญ่ขึ้นเพื่อปิดกั้นการโจมตี แสงห้าสีพุ่งใส่หญิงสาวใบหน้าเย็นชาในชุดสีชมพูอีกครั้ง

หลิงเยว่อาศัยโอกาสนี้ใช้ทักษะการเคลื่อนไหวของนาง เพื่อเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พลางทำมุทราด้วยมือขณะท่องคาถาเงียบ ๆ เร็วขึ้นและเร็วขึ้น

“อา! ดูศิษย์พี่หญิงฟู่สิ มีหญ้าขึ้นบนตัวนาง!”

“สวรรค์! นี่มันวิชาชั่วร้ายอะไรกัน นางเป็นผู้บำเพ็ญมารหรือผู้บำเพ็ญฝ่ายอธรรมใช่หรือไม่?”

“มันต้องเป็นเช่นนั้นแน่! ไอ้พวกผู้บำเพ็ญมารชั่วช้า เจ้ายังจำสำนักเทียนชิงที่รับพวกผู้บำเพ็ญมารมาอยู่ด้วยได้หรือไม่? เพียงไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็ถูกทำลาย!”

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกไป ทั่วทั้งบริเวณก็เงียบไปชั่วขณะ

วิชาที่ดูชั่วร้ายนี้ เมื่อควบคู่กับหมอกสีดำและการเปลี่ยนพืชให้กลายเป็นสัตว์อย่างที่สมบูรณ์แบบนี้ เป็นของผู้บำเพ็ญมารเท่านั้น!

พืชสีเขียวที่ติดอยู่กับเสื้อคลุมของฟู่หลิน แม้ภายนอกจะเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่มีเพียงฟู่หลินเท่านั้นที่รู้ว่าพืชเหล่านี้น่ากลัวเพียงใด ด้วยพวกมันกำลังดูดปราณในร่างของนางอย่างต่อเนื่องเช่นนี้!

มือของนางเปล่งประกายสีทอง ก่อนจะทำลายพืชสีเขียวจนหมดสิ้น แต่พวกมันก็งอกขึ้นมาอีกครั้งหลังจากนั้นไม่นาน!

ฟู่หลินกัดฟัน พลันรีบถอดเสื้อคลุมออก และกว่าจะได้ทันคิดว่าเมื่อครู่มือของตนได้สัมผัสกับพืชสีเขียวเหล่านั้นหรือไม่ ทว่าไม่นานก็มีต้นกล้าสีเขียวเติบโตบนแขนของนางแล้ว!

พืชที่ติดอยู่บนเสื้อคลุม แต่เดิมทำให้ปราณของฟู่หลินถูกดูดออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าพืชที่เติบโตบนแขนของนางตอนนี้ กลับทำให้ปราณลดลงไปอย่างรวดเร็ว

“เจ้าต้องเป็นผู้บำเพ็ญมารแน่นอน!”

ฟู่หลินตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้ว พยายามอย่างเต็มที่เพื่อฆ่าผู้บำเพ็ญมารผู้นี้ ถือเป็นการกำจัดอันตรายให้กับสำนัก!

หลิงเยว่ไม่พูดอะไร ด้วยรู้ว่าหากตนเองเปิดปากตอนนี้ จะต้องอาเจียนออกมาเป็นเลือดแน่ นางจึงได้แต่เม้มริมฝีปากแน่น และควบคุมพืชวิญญาณต่อไปเพื่อดูดปราณของฟู่หลิน

มีร่มวิเศษหลากสีอยู่ตรงหน้านาง ดังนั้นฟู่หลินจึงไม่สามารถทะลวงผ่านได้อยู่พักหนึ่ง

ฟู่หลินที่ใช้กระบวนท่าพิเศษ จู่ ๆ ก็รู้สึกว่าการออกกระบวนท่านั้นเริ่มจะติดขัด และจิตใจก็เริ่มฟุ้งซ่าน กล่าวคือความว้าวุ่นใจนี้เกิดจากการที่ปราณของนางหมดลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักร่างกายของฟู่หลินก็เดินกะโผลกกะเผลก เท้าของนางลื่นล้มลงกับพื้นไม่สามารถลุกขึ้นได้

ราชาดอกไม้บินไปใช้รากเล็ก ๆ ของมันเกาะแขนของฟู่หลิน แล้วลากร่างไปที่ขอบลานประลองก่อนจะเหวี่ยงออกไป

“หมายเลขเก้าสิบเก้า ชนะ!”

ผู้อาวุโสที่ดูแลลานประลอง ประกาศผู้ชนะอย่างใจเย็น ก่อนหน้านี้เขาคิดอยู่เหมือนกันว่าหลิงเยว่ต้องเป็นผู้บำเพ็ญมารแน่ จึงเกิดความคิดอยากจะหยุดการแข่งขันนี้ ทว่าผู้นำยอดเขาโอสถชิงยวนส่งข้อความมาได้ทันเวลา และจากนั้น…

ฟู่หลินอยู่ในสภาพน่าอับอายมากหลังจากถูกเหวี่ยงลงจากลานประลอง ทำให้ผู้บำเพ็ญที่อยู่รอบ ๆ เป็นกังวล ด้วยไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

“ศิษย์พี่หญิงฟู่โปรดรอก่อน เราจะล้างแค้นให้ท่านเดี๋ยวนี้!”

“หลิงเยว่ต้องเป็นผู้บำเพ็ญมารแน่ ไปหาเจ้าสำนักกันเถิด!”

“ข้าจะไปหาผู้อาวุโสคุมกฎ ข้าต้องฆ่าผู้บำเพ็ญมารคนนี้ให้ได้!”

ผู้ชมแยกย้ายกันไป เหลือเพียงฟู่หลินคนเดียวที่ยืนอยู่บนพื้นว่างเปล่า พลางยิ้มให้คนบนลานประลอง

หลิงเยว่อยากจะยิ้มตอบ แต่ทันทีที่เด็กสาวขยับปากของนาง เลือดก็พุ่งออกมา ก่อนร่างเล็กจะล้มหงายหลังไป

หลงหว่านโหรวกระโดดขึ้นไปบนลานประลอง รีบประคองหลิงเยว่ ก่อนถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ศิษย์น้องของนางคนนี้ตั้งใจแน่วแน่ที่จะอดทนได้จนถึงตอนนี้ คราวนี้อาการบาดเจ็บที่หลิงเยว่ได้รับนั้นสาหัสยิ่งกว่าคราวก่อนนัก ศิษย์น้องห้าไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะนำอาหารวิญญาณออกมารับประทานเสียด้วยซ้ำ

หลงหว่านโหรวที่กำลังจะพาหลิงเยว่ออกไป ทันใดนั้นในอ้อมแขนของนางก็ว่างเปล่า ร่างของหลิงเยว่ถูกแย่งออกไปในพริบตา

ชิงยวนกอดหลิงเยว่แล้วหายตัวไปในทันที

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท