บทที่ 76 หากไม่ทำงานหนักเพื่อหาเงินนางจะชำระหนี้ได้อย่างไร?
บทที่ 76 หากไม่ทำงานหนักเพื่อหาเงินนางจะชำระหนี้ได้อย่างไร?
ฉิงซือปฏิเสธคำขอที่ไม่สมเหตุสมผลของเหล่านักกลั่นโอสถและพูดว่า “นางอยู่ได้นานเท่าที่นางต้องการ”
หลิงเยว่ยิ้มเย้าแหย่ให้แก่พวกนักกลั่นโอสถ แล้วกลับไปเอาชามบะหมี่ที่เดิมตั้งใจจะสงวนไว้สำหรับศิษย์พี่ใหญ่และคนอื่น ๆ ไว้เผื่อว่าผู้ใดยังกินไม่อิ่ม ด้วยไม่คาดคิดเลยว่ามันจะมีประโยชน์ในตอนนี้
ฉิงซือยื่นถุงหินวิญญาณให้หลิงเยว่ก่อนจะรับชามบะหมี่ไป
“รับไปเถอะ”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านหัวหน้าฝ่ายคุมกฎ!”
หลิงเยว่ยิ้มกว้าง ตอนนี้นางต้องการหินวิญญาณอย่างเร่งด่วน ท้ายที่สุด หนี้ของนางเพิ่มสูงขึ้นจากสามล้านค่าพลังวิญญาณเป็นสามสิบสามล้านค่าพลังวิญญาณด้วยความเร็วแล้ว นางต้องการแปลงหินวิญญาณระดับล่างมากกว่าสามร้อยล้านก้อนเป็นแต้ม มีเพียงหินวิญญาณเท่านั้นที่พอมีความหวังที่จะสามารถใช้ชำระหนี้หมดได้
กว่าสามร้อยล้านก้อน!
หากนางไม่ทำงานหนักเพื่อหาเงินก็ไม่รู้ว่าปีไหนจะได้ใช้หนี้หมด
ภาพที่หลิงเยว่เก็บหินวิญญาณไปอย่างร่าเริงสุด ๆ ตรึงตาของฉิงซือมาก ชิงยวนเลี้ยงดูศิษย์ให้ยากจนเช่นนี้เลยหรือ? ฉิงซือปฏิเสธที่จะมอบหินวิญญาณให้กับเหล่าศิษย์ของตัวเองเสียด้วยซ้ำ… ไม่สิ มันก็เหมาะกับนิสัยของชิงยวนจริง ๆ นั่นละนะ
จากนั้นก็ฉิงซือหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หลิงเยว่ไม่สนใจ ตัวตนระดับสูงเช่นนี้จะกินในที่สาธารณะได้อย่างไร?
หลิงเยว่พลันโฆษณาอาหารของนางให้กับผู้บำเพ็ญที่อยู่ในกรงขังใกล้เคียง และในที่สุดก็ได้รับราวร้อยคำสั่งซื้อ
คำสั่งซื้อหนึ่งมีมูลค่าเท่ากับสองพันห้าร้อยหินวิญญาณระดับต่ำ ผู้ที่สั่งซื้อทั้งหมดล้วนเป็นพวกคนร่ำรวย นอกจากนี้ ยังได้พบกับผู้ที่มักจะถูกขังบ่อย ๆ ซึ่งเป็นปรมาจารย์ค่ายกลอย่างชีหุยที่สั่งอาหารวิญญาณแบบพิเศษของนางมูลค่าถึงหนึ่งหมื่น
การโฆษณานั้นมีประโยชน์มากจริง ๆ
หลิงเยว่ไม่ได้กลับไปล้างชามด้วยซ้ำ อย่างไรเสียนางก็จะกลับมาเร็ว ๆ นี้
เมื่อรู้ว่านางทำคนเดียวไม่ได้ จึงไปเรียกหากลุ่มซือจูทั้งสามให้มาช่วย นางไม่ได้ขอความช่วยโดยเปล่า นางจ่ายเงินให้พวกเขาด้วย
แต่พวกเขาไม่ต้องการหินวิญญาณ เพียงอยากกินเท่าที่พวกเขาต้องการ ซึ่งเป็นไปตามที่หลิงเยว่ต้องการพอดี
หลังจากทำงานหนักอยู่หนึ่งชั่วยามเต็ม ในที่สุดนางก็ทำอาหารครบทั้งร้อยคำสั่งซื้อ การทำหมูย่างและหมูสามชั้นทอดกรอบนั้นไม่ยาก ส่วนเนื้อตุ๋นก็ง่ายยิ่งกว่า ท้ายที่สุดน้ำแกงก็มีอยู่พร้อมแล้ว สิ่งที่นางต้องทำคือนวดแป้งทำเส้น แล้วลวกเส้นใส่ก่อนจะโรยผักด้านบน ทันทีที่เทน้ำแกง ชามบะหมี่น้ำแบบบ้าน ๆ แสนอร่อยก็พร้อมแล้ว!
หลิงเยว่และกลุ่มซือจูสามคนไปถึงภูเขาจองจำและก่อนเข้าไป แต่ละคนถือกล่องอาหารที่สูงเป็นพิเศษคนละสองกล่อง
ซือจูและกลุ่มของนางคนอื่น ๆ ไปแจกจ่ายบะหมี่ตามเส้นทางที่หลิงเยว่กำหนด
คราวนี้รอบบริเวณคุมขังของพวกนักกลั่นโอสถถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นของอาหาร ซึ่งยิ่งทรมานมากกว่าเดิมเสียอีก
“ศิษย์น้องห้า! เจ้าทนให้เราดูคนพวกนั้นกินได้อย่างไรกัน?” แม้ว่าติงหลิวหลิ่วจะยังย่อยบะหมี่ในท้องได้ไม่เท่าใดแต่นางก็รู้สึกแย่เมื่อต้องทนดมกลิ่นอาหารที่หอมตลบอบอวลอยู่รอบ ๆ ก็ชักอยากจะกินอีก…
“ศิษย์น้องหลิง… เมื่อครู่ข้ายังกินไม่พอเลย” อวี้เจินลูบท้องของนางที่ยังป่องอยู่ ขณะพูดโกหกหน้าตาย
“ข้าก็ยังไม่อิ่มเช่นกัน” ลู่เป่ยเหยียนกะพริบตา
โม่จวินเจ๋อไม่ได้พูดอะไร เอาแต่มองอย่างเหงา ๆ ไปที่คนในกรงขังวารีทางด้านซ้ายที่กำลังกินบะหมี่ แทะขาหมูและกินน่องไก่ด้วยความเพลิดเพลิน
สำหรับคนอื่นที่ไม่ได้พูดอะไร ดวงตาที่เว้าวอนของพวกเขาไม่เคยละไปจากหลิงเยว่เลยแม้แต่น้อย
“แน่นอนว่าข้ารู้ว่าพวกท่านจะต้องทนไม่ไหว ก็เลยเอาชุดน้ำชายามบ่ายและของว่างมาให้ด้วย แต่…” ก่อนที่จะเปิดกล่องอาหารหลิงเยว่หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนข้อมูลของลูกค้าที่สั่งอาหารทั้งหมดไว้ออกมา
“เมื่อถึงเวลาพวกท่านต้องช่วยข้าค้นหาพวกเขา เพื่อเก็บหินวิญญาณมาให้ด้วยนะเจ้าคะ”
เมื่ออยู่ในภูเขาจองจำ ทุกคนไม่สามารถเปิดถุงเก็บของหรือแหวนมิติได้เลย ดังนั้นนางจึงยังไม่ได้รับหินวิญญาณ…
หลิงเยว่กลัวว่าคนเหล่านี้จะไม่ยอมชำระหนี้หรือหนีหายไป นางไม่มีความสามารถในการไล่เก็บหนี้ทีละคน ดังนั้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขอความช่วยเหลือ
สหายคงไม่เกี่ยงที่จะช่วยเหลือกันใช่หรือไม่?
“ไม่มีปัญหา!”
อวี้เจินหยิบกระดาษมาแล้วอ่านดู ก่อนจะตบหน้าอกของนางแล้วสัญญา
เมื่อถึงเวลากินชายามบ่ายแล้ว แม้ชุดน้ำชาทุกอย่างจะเหมือนเดิมแต่ใครจะอดใจไหวกับของว่าง ขนมอบ และชานมอันเลิศรสได้?
แม้แต่ดวงตาของหลงหว่านโหรวที่สงบนิ่งก็ยังส่องประกาย โม่จวินเจ๋อก็รีบหยิบขนมอบข้าวหอมหมื่นลี้สีขาวราวหิมะขึ้นมา เขาชอบขนมนี้มาก
รสชาติหวาน นุ่ม และมีกลิ่นดอกไม้อ่อน ๆ ซึ่งเหมาะสำหรับการรับประทานในสภาพแวดล้อมเช่นนี้เหลือเกิน
ชิ้นที่สองตกไปอยู่ในมือของอวี้เจิน นางได้กินมันเป็นครั้งแรกเมื่อตอนถูกขังก่อนหน้านี้ และเมื่อถูกขังตอนนี้ นางก็ได้กินมันอีกเป็นครั้งที่สอง ของว่างนี้มีความหมายต่ออวี้เจินมาก ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นกับหลงหว่านโหรวและว่านอวี้เฟิงเช่นกัน
หลิงเยว่รู้สึกผิดมาก สาเหตุที่ทุกคนถูกขังถึงสองครั้งเป็นเพราะนาง
นางไม่เคยทำตัวเป็นจุดเด่นเลยสักครั้ง ทว่าเหตุใดยังมีหลายสิ่งมารบกวนเช่นนี้ ด้วยคราวนี้เป็นเพราะการแข่งขันจริง ๆ…
“ศิษย์พี่สี่ โชคร้ายทั้งหมดของท่านถูกย้ายมาให้ข้าแล้วหรือเจ้าคะ?”
ผู่ตานที่กำลังเพลิดเพลินกับขนมดอกท้อพลันหยุดกึก และมองไปยังหลิงเยว่ที่อยู่ด้านข้าง “ที่ข้าถูกขังอยู่ที่นี่มันเพื่อใครกันเล่า?”
“ต่อให้ไม่มีศิษย์น้องห้า เจ้าก็จะยังคงเป็นแขกประจำของที่นี่อยู่ดี” ว่านอวี้เฟิงแย้งกลับ “ศิษย์น้องห้า ข้าขอบอกให้เจ้ารู้ก่อนว่า ศิษย์พี่สี่ของเจ้าและชีหุยที่อยู่ในกรงขังใกล้ ๆ กัน ถูกผู้คนขนานนามว่าคู่บุรุษแห่งแดนจองจำ”
“ถูกต้อง พวกเขาหากไม่อยู่ในกรงขัง ก็คอยทำให้ตัวเองเข้ามาในกรงขังได้อยู่เสมอ” ลู่เป่ยเหยียนหัวเราะและพูดซ้ำเติมอีกรอบ
“ศิษย์น้องหลิง เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิด มันเป็นเพียงการถูกคุมขังชั่วคราว แค่ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งในการเพลิดเพลินกับอาหารอร่อยเท่านั้น”
โม่จวินเจ๋อดื่มชานมและพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นข้ากลับก่อนนะเจ้าคะ ไว้พรุ่งนี้พอพวกท่านออกมาข้าจะทำอาหารสูตรใหม่ให้กินเองเจ้าค่ะ!”
แม้ว่าพวกเขาจะบอกว่าไม่เป็นอะไร ทว่าหลิงเยว่ก็ยังคงรู้สึกผิด แต่ตอนนี้นางทำได้เพียงเลือกที่จะตอบแทนพวกเขาด้วยการทำอาหารที่อร่อยมากขึ้นเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้นภารกิจของระบบเกี่ยวข้องกับงานรับศิษย์ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า นางจะต้องระดมสมองเพื่อค้นคว้าสูตรอาหารใหม่ในช่วงเวลานี้ให้ได้
เมื่อหลิงเยว่ออกมา ซือจูและคนอื่น ๆ ก็รออยู่ข้างนอกก่อนแล้ว
“ศิษย์น้องหลิง เจ้าไม่รู้หรอกว่าพวกนักกลั่นโอสถที่ต้องการจะฆ่าเจ้านั้นอยากกินอาหารของเจ้ามากเพียงใด” ซือจูปิดปากกลั้นหัวเราะ ช่างน่าสนใจนัก
“ฮ่า ๆ ศิษย์พี่หญิงจัวที่เอาแต่แกล้งทำเป็นตายในกรงขังปกติแล้วนางจะหยิ่งมาก แต่เห็นได้ชัดว่าวันนี้นางโกรธแทบตายเลยกระมัง”
มู่มู่ยังบ่นพวกนักกลั่นโอสถที่ถูกคุมขังอยู่ข้างในซึ่งมักจะเย่อหยิ่งมากกว่าคนอื่น ๆ วันนี้พวกเขากลับดูน่าสงสาร และแม้ว่าจะอยากกิน พวกเขาก็ไม่เต็มใจที่จะเอาหินวิญญาณออกมา มันช่างสาแก่ใจเหลือเกินที่ได้เห็นภาพนี้!
เกาเยี่ยยืนเคียงข้างพลันยิ้ม เผยให้เห็นชัดว่าเขามีความสุขเพียงใด
“ช่วงนี้พวกท่านมีเวลาว่าง อยากเรียนรู้วิธีทำอาหารอร่อย ๆ กับข้าหรือไม่เจ้าคะ?” หลิงเยว่ลังเลที่จะปล่อยผู้ช่วยที่ดีทั้งสามคนนี้ไป
แม้ว่าหลิงเยว่จะสามารถทำงานหลายอย่างได้ด้วยตัวเอง แต่ด้วยมือเพียงคู่เดียว ไม่ว่าเด็กสาวจะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่สามารถทำอาหารวิญญาณทั้งหมดสำหรับงานเลี้ยงสุดพิเศษได้ และคราวนี้นางไม่เพียงต้องการทำอาหารวิญญาณแบบพิเศษเท่านั้น ทว่ายังต้องพัฒนาสูตรอาหารวิญญาณแบบหายากใหม่ ซึ่งปัจจุบันอาหารวิญญาณแบบหายาก หลิงเยว่ทำได้แต่ซาลาเปาย่างก้าววายุเท่านั้น
“ตกลง ตกลง!” ซือจูเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนตกรอบแรกของการแข่งขัน ทำให้พวกเขาไม่ได้เหนื่อยล้าอะไรมากนัก
“เจ้าเต็มใจที่จะสอนเราทำอาหารวิญญาณที่อร่อยและให้ผลเหมือนกินโอสถจริง ๆ หรือ?” เกาเยี่ยไม่อยากจะเชื่อเลย “แล้วเราจะทำมันได้หรือ?”
พวกเขาเคยปฏิบัติตามวิธีการที่หลิงเยว่สอนมาก่อนเสมอ ทว่าพวกเขาก็จบลงด้วยความล้มเหลวแทบทุกครั้ง โดยไม่แม้แต่จะรู้ว่าขั้นตอนใดที่มีปัญหา
“เหตุใดพวกท่านจะทำไม่ได้กันเล่า ขนาดศิษย์พี่รองของข้ายังทำได้เลย!” หลิงเยว่พูดด้วยความภาคภูมิใจ
แม้ว่าว่านอวี้เฟิงจะรู้วิธีทำเกี๊ยวเพียงอย่างเดียว และต้องใช้ความพยายามเกือบเดือน ทว่าท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ทำได้สำเร็จ!
การทำอาหารวิญญาณแบบพิเศษต้องเป็นนักกลั่นโอสถจริง ๆ อยู่แล้ว เพราะต้องมีความคุ้นเคยกับสมุนไพรวิญญาณที่เป็นส่วนผสมสำคัญ สำหรับหลิงเยว่แม้ว่าจะยังไม่ได้เป็นนักกลั่นโอสถเต็มตัว แต่นางก็มีตำราอาหารวิญญาณในหัวที่สามารถศึกษาหาความรู้ได้
และหลิงเยว่ก็ไม่ลืมเป้าหมายอันสูงส่ง คือการลากเหล่านักกลั่นโอสถทั้งหมดเข้าสู่กับดักของอาหารวิญญาณ เพื่อทำให้อาหารวิญญาณเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วโลกบำเพ็ญเซียน!
“เชื่อมั่นในตัวเอง พวกท่านทำได้!”
หลิงเยว่พาทั้งสามคนตรงไปที่ห้องหลอมโอสถหมายเลขสาม
หลังจากง่วนอยู่กับการพัฒนาสูตรอาหาร ห้องที่แต่เดิมเอาไว้กลั่นโอสถก็ไม่เหลือเค้าโครงเดิมอีก แม้แต่เตากลั่นโอสถก็ยังถูกนางใช้เพื่อทำน้ำแกงกระดูก
สงสัยนักว่าศิษย์พี่สามจะทุบตีนางหรือไม่หลังออกมาจากภูเขาจองจำ?