การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า – ตอนที่ 67 องค์ที่ 3 บดขยี้ – เจ้าหญิงแวมไพร์และการล้างแค้น (2)

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

“อ- อันดับ… 3…… ในก- กองทัพจอมมาร……?”

“ถูกต้อง ในชาติที่แล้ว ไม่ว่าพวกแกจะทำอะไรฉัน ฉันก็ต่อต้านไม่ได้เลย… แต่ว่า ดูตอนนี้สิ! ฉันมีพลังที่ต่อให้พวกแกรวมหัวกันสู้ พวกแกก็สะกิดฉันไม่ได้เลยแม้แต่ปลายเล็บด้วยซ้ำ!”

“ท- ทำไม…”

“หืม?”

“ทำไม แกถึงเข้าร่วมกับกองทัพจอมมาร? แกเป็นมนุษย์นี่ ถึงต่อให้จะแค่เคยเป็นก็เถอะ? ทำไมไม่คิดจะเอาพลังนั้นมาใช้เพื่อมวลมนุษย์กันเล่า!”

“ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลยแม้แต่ครั้งเดียว… ฉันเกลียดมนุษย์มากขนาดที่อยากจะล้วงสมองตัวเองออกมาแล้วทำให้ตัวเองลืมๆ ไปซะว่าตัวเองเคยเป็นมนุษย์มาก่อนด้วยซ้ำไป… พวกมนุษย์น่ะนะ ฉันล่ะโโโโโคตรเกลียดพวกมันเลย!”

“อะไรกัน……!?”

“เพราะงั้น พวกแกไม่มีทางจะได้หนีไปจากที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉันตัดสินใจไว้ว่าจะไม่มีทางยอมไว้ชีวิตมนุษย์หน้าไหนก็ตามที่เข้ามาให้ฉันเห็นแม้แต่คนเดียว ถ้าเกิดว่าไม่มีเหตุผลเพียงพอล่ะก็นะ”

 

ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ พวกมนุษย์มันก็เลวสิ้นดีไม่ต่างกัน

อา ก็ต้องยอมรับว่าที่โลกเดิม ก็ยังพอจะมีมนุษย์ที่เป็นคนดีอยู่บ้างจริงๆ

แต่ที่โลกใหม่นี้น่ะ พวกมนุษย์ที่หมกมุ่นคลั่งไคล้ในเทพธิดามิซารี่ แถมยังดูถูกเหยียดหยามทุกเผ่าพันธุ์อื่นนอกจากพวกมันเองน่ะเรอะ อยู่ไปก็รังแต่จะเป็นพิษเป็นภัยกับโลกนี้เท่านั้นแหละ

 

…และถึงแม้ว่าเจ้าพวกที่อยู่ตรงหน้าฉันตอนนี้จะไม่ได้บ้าไร้สติแบบพวกมนุษย์คนอื่นๆ ก็ตาม แต่แค่การมีอยู่ของพวกมันก็เป็นภัยต่อความสงบกับโลกที่ฉันอยู่นี่มากเกินพอแล้วล่ะ

 

“เอาล่ะ นี่เราคุยกันมามากพอแล้วสินะ? ฉันก็อยากเล่นสนุกให้มากกว่านี้จัง… อ้อจริงสิ! ทำไมพวกแกลองพยายามขัดขืนดูซักหน่อยล่ะ? แบบนั้นน่ะน่าสนใจกว่ากันเยอะเลย”

“…พ- พวกนายทุกคน ใช้เวทมนตร์! ใครที่ใช้เวทมนต์อะไรได้ก็ใช้เลย! เร็วเข้า!”

 

ด้วยคำพูดนั้นของคุโรดะ พวกนั้น 3 ใน 6 คนก็ยิงเวทมนตร์ใส่ฉันออกมาอย่างลนลานและหวาดหวั่น

เวทพวกนั้นหลายอันก็โจมตีโดนฉันนะ เล่นซะฝุ่นควันฟุ้งตลบไปทั่วบริเวณ ทำเอามองรอบๆ แทบไม่เห็นอะไรเลย

 

“ง- ไง ไงเล่า! สมน้ำหน้า! เป็นแค่ยัยเซนโจแท้ กล้ามาดูถูกพวกเรารึไง…”

“ไอ้พวกบ้า! โดนไปแค่นั้น ยัยนั่นไม่มีทางตายอยู่แล้วเว่ย! หนี! รีบหนีเลยเร็วเข้า!”

 

“ถูก~ต้อง~ คุโรดะคุง แต่โทษทีนะ ไม่มีทางให้พวกแกหนีหรอก~♪”

 

“เหวอออออ!?”

“อ- อ้อมมาดักหน้าได้ยังไง…!?”

“พูดอะไรของพวกแกเนี่ย ฉันก็แค่ถีบพื้นทีนึงแล้วอ้อมมาดักหน้าพวแกก็เท่านั้นเอง โอ๊ะ! แต่สงสัยฉันคงจะเร็วเกินไป พวกแกก็เลยมองตามไม่ทันสินะ!”

“ส- ส-… สัตว์ ประหลาด…”

“เลือกใช้คำมาเรียกเด็กผู้หญิงได้ห่วยแตกมาก เอาเถอะ ตาฉันแล้วสินะ… ฉัน~ จะ~ เลือก~ ฆ่า~ ใคร~ ก่อน~ ดี~ น้า~?”

 

จ้ำจี้เลือกเอานี่ละกัน

 

“เอาล่ะ ถ้างั้น เราก็มาเริ่มจาก… มิซึทานิคุงสินะ― อยากให้ฉันฆ่าแกด้วยวิธีไหนดีล่ะ?”

“อื้อ…!? ม- ไม่…ไม่เอา ไม่นะ! ช่วยด้วย…!”

“นี่ ฉันถามแกอยู่นะ… อยากให้ฉันฆ่าแกด้วยวิธีไหนดีล่ะ? อ้อ เพราะแกเพิ่งจะเป็นรายแรก แกอยากให้ฉันช่วยเลือกให้ก่อนซักหน่อยมั้ยล่ะ?”

“ย- หยุด… หยุดนะ หยุดทีเถอะ!! ขอล่ะ! ฉันขอร้อง! ช่วยฉันด้วย!”

“อ๊า― ปัดโธ่― หนวกหูเป็นบ้า… งั้น เอาแบบนี้ละกัน”

 

ในตอนนั้น ฉันก็หยิบเลื่อยออกมา 1 ปื้น

แต่ไม่ใช่เลื่อยธรรมดาๆ นะ เลื่อยนี่น่ะทำมาจากไม้เนื้อแข็งที่แสนจะทนทานเลยทีเดียวล่ะ

 

“น- นั่น นั่นมันอะไรน่ะ? แกจะทำอะไรฉัน…?”

“หืม? ก็จะตัดคอแกด้วยเจ้านี่ไง ถ้าฉันใช้ดาบหรือเลื่อยโลหะธรรมดาๆ มันจะคมไป จนจะทำเอาจบเร็วเกินน่ะสิ… นี่รู้มั้ย? เวลาที่โดนฟันน่ะ พวกอาวุธทื่อๆ เนี่ยจะทำให้เจ็บกว่ากันหลายเท่าตัวเลย อีกอย่าง แกจะได้สำราญกับความรู้สึกนี้ได้นานๆ ด้วยไง จริงมั้ยล่ะ?”

“น- นี่…!? ย- อย่านะ…! อย่าาาา!”

 

ทั้งฉี่ราด ทั้งทำหน้ายู่ยี่แบบนั้น สกปรกที่สุดเลยนะ แกเนี่ย

…โอ๊ะ จะหนีแล้วงั้นเหรอ

 

“คิดว่าฉันจะปล่อยให้แกหนีไปหรือไง―”

“เหวอ!?”

“โอ๋ ไม่ต้องร้องไห้ขนาดนั้นหรอกนะ มิซึทานิคุง แค่โดนฟันคอจากเลื่อยที่ทื่อขั้นสุดเลยเท่านั้นเองนี่? เน้อออ? …นี่ฉันฟันแกไปตั้งหลายแผล ตัดไปแม้แต่เสื้อผ้า …แต่นี่ แกก็ยังหัวเราะอยู่เลยนี่ เน้อ!?”

“ขอโทษ! ขอโทษด้วย! ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษ! ฉัน ขอ โท- อ๊าาาาาาาาาาาากกกกกกกกก!!!”

“อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! เอ้า กรีดร้องให้มันมากกว่านี้สิ!! ดูไม่จืดเลยนะแกเนี่ย!? ฉันถูกพวกแกทรมานมาเป็นปีๆ! พวกแกกลับแค่ต้องเจอกับมันแบบรวดเดียวเลยก็เท่านั้นเอง!? แถมถ้าแกตายไป แกก็ไม่ต้องทรมานด้วยไงเล่า แกนี่โชคดีจริงๆ เลยนะ! อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!!”

 

◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆◇◆

 

“ฟู่ว―ว… อาเระ?”

 

ใช้เวลาไปเยอะเลยแฮะเพื่อฆ่าคนแค่คนเดียว

รู้สึกสดชื่นมากเลย แต่ตอนนี้ ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันเลอะเลือดเปรอะไปหมดเลย สกปรกจังแฮะ

อีกอย่าง คนที่เหลือก็ดันหนีกันไปซะแล้ว

เอาเถอะ เรื่องแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก―

เริ่มจาก หนึ่งในความสามารถของสมบัติศักดิ์สิทธิ์อย่าง ‘เนตรสวรรค์ อารุส’ ตราบใดที่ไม่มีสิ่งกีดขวางสายตา ด้วยพลังของเนตรสวรรค์ก็ช่วยให้ฉันมองเห็นพวกมันได้ไกลสุดลูกหูลูกตาเลย… แต่พวกนั้นก็ไปกันได้ไกลอยู่นะเนี่ย

 

‘อา ฮัลโหลๆ ซากุระคุง เธอช่วยลดความรุนแรงของเวทคุ้มครองยับยั้งการเคลื่อนย้ายนี่ลงซักแป๊บนึงสิ’

‘ด- ได้ครับ… เข้าใจแล้วครับ…’

 

เอาล่ะ ถ้างั้น ก็เคลื่อนย้ายไปหาเจ้าพวกจานหลักที่กำลังวิ่งหนีอยู่กันโลด

 

“ให้รอนานมั้ย~! ถ้างั้น ใครจะเป็นรายต่อไปดี?”

“กรี๊ดดด!?”

“โกหกน่า!?”

“โธ่ น่าเบื่อจริงๆ เลยนะ… เอาล่ะๆ คือ ฉันเองก็ไม่ได้มีเวลาเยอะด้วยสิ พอได้มาเป็นตำแหน่งขุนพลจตุเทวอสุราแล้ว ก็มีงานต้องทำตามตำแหน่งเยอะเลยล่ะ เพราะแบบนั้นก็เลยต้องกลับบ้านช้าตลอดเลย แถมถ้าเกิดต้องไปเจอพวกลำดับสูงๆ ใน 12 อัครสาวก มันจะยิ่งน่ารำคาญกว่านี้อีกล่ะนะ… เพราะงั้น ฉันก็จะเล่นกับพวกแกซะก่อน แล้วเดี๋ยวค่อยไปหาคุโรดะคุงกับคุณเนโมโตะทีหลังแล้วกัน… ต่อให้จะเก็บพวกแก 3 คนไปพร้อมกัน ฉันก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากหรอก {ทริปเพล็กซ์ เอนเชนท์ • อิมมอร์ทัลแฟลร์ (เสริมกำลัง 3 เท่า เพลิงไร้วันดับมอด)}”

“กุอ๊าาาาาาาาาาาา!?!?”

“ร้อน! อ้า! ร้อออออออออออนนนน!!!”

“ช่วย ช่วยฉันด้วววววววววววยยยย!!”

“อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ไม่ต้องห่วง ฉันปรับพลังเอาไว้อย่างเหมาะสมเลย! {เพลิงไร้วันดับมอด} น่ะต่างจากไฟทั่วๆ ไปนะ มันเป็นไฟพิเศษที่ไม่ต้องใช้ออกซิเจนในการเผาไหม้เลย เพราะงั้นพวกแกจะไม่ขาดอากาศหายใจแน่นอน! ด้วยอุณหภูมิระดับนี้… เอาเถอะ ฉันคิดว่าไม่ถึง 5 นาที เดี๋ยวพวกแกก็ตายแล้ว!”

 

เอาล่ะ เทศกาลความสนุกสนานนี่ใกล้จะสิ้นสุดแล้วสินะ

ตรงหน้าของฉัน ชาย 2 หญิง 1 ที่ถูกตัดมือทิ้้งกำลังตัวสั่นเทาไปพร้อมกับน้ำตา

ถ้างั้น มาเริ่มจาก…… อ่าว นี่ยังอยู่ตรงนี้อีกเหรอเนี่ย?

 

“นี่~ นี่~ คุณเนโมโตะ”

“อื้ก… ย- หยุด นะ……”

“นี่ เธอรู้จัก ‘ไอเอิร์นเมเดน’ (สาวพรหมจรรย์เหล็ก) หรือเปล่า?”

“เอ๋…?”

 

สาวพรหมจรรย์เหล็ก

เครื่องประหารสุดโหดเหี้ยมที่มีรูปร่างเหมือนกับโลงศพที่มีเข็มปักอยู่ภายในอย่างแน่นหนา รูปร่างของโลงขนาดเท่าคนนั้นออกแบบมาให้เหมือนกับผู้หญิง และเมื่อปิดฝาโลง หนามภายในทั้งหมดก็จะทิ่มแทงเหยื่อในโลงนั้นได้ทั้งตัวพร้อมกันเลย

 

“ก็นะ… ฉันน่ะพยายามสร้างมันขึ้นมาเพื่อเธอโดยเฉพาะเลยนะ คิดว่าไงบ้าง? เธอชอบมันใช่มั้ยล่ะ?”

“อ-… อา อะ……”

“ดูเหมือนเธอจะชอบมันสินะ! ถ้างั้นก็ เชิญข้างในเลยจ้า เดี๋ยวฉันจะรอปิดประตูให้เธอ อย่าง~ ดี~ เลย~♡”

“ไม่- ไม่นะ! ยก- ยกโทษให้ฉันด้วยเถอะ! เรื่องในชาติก่อน ฉันต้องขอโทษจริงๆ นะ!!”

“แกทำอะไรให้ฉันไว้เยอะน่าดูเลยนี่? แกไถตังฉัน เอารูปที่ฉันถูกจับเปลือยไปแปะประกาศทั่วโรงเรียน มีเคยโดนแกจับหน้ากดลงโถส้วมด้วยนี่นา! อ้อ! มีครั้งนึงที่ฉันโดนน้ำร้อนราดใส่ตัวด้วย! …นี่แกคิดจริงๆ เหรอว่าเรื่องทั้งหมดนี้ แค่ขอโทษทีเดียว แล้วแกจะได้รับการยกโทษให้งั้นเรอะ? อย่าได้ใจให้มันมากนัก อีด**เอ๊ย!”

“ม- ไม่นะ อ๊าาาาาาาาาาาาาาาา!!!”

“อ้อ เกือบลืมไปเลย ด้วยสเตตัสการป้องกันที่สูงอย่างไร้ประโยชน์ของแกนั่นน่ะ ฉันว่าแกก็คงจะไม่ได้ตายทันทีหรอก? งั้นแกก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรอให้หนามทุกเล่มที่แทงใส่แกค่อยๆ ทำให้เลือดแกไหลออกมาทีละนิด ทีละนิด จนกว่าในที่สุด แกก็จะตายเพราะเลือดออกหมดตัวนั่นแหละ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องใช้เวลาแค่ไหน แต่ก็ขอให้โชคดี แล้วก็ไปตายซะ!”

“ไม่เอานะ ไม่อาาาาาาาาาาวววว!!!……”

 

หลังจากที่ปิดฝาโลงลงสนิท ก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรข้างในแล้ว เพราะฉันสร้างมันเอาไว้แบบนั้นให้เป็นแบบนี้นี่แหละ

 

“เอาล่ะ… ถ้างั้น ขอโทษน้าที่ฉันปล่อยให้รอนานเลย เพราะฉันอยากเก็บแกเอาไว้เป็นคนสุดท้ายไงล่ะ เพราะงั้นก็ รอก่อนนะ คุโรดะคุง~♪”

 

“อาาา… อ้าาาาาาาาาาาา… อุว้าาาาาาาาากกกกกก!!”

 

หนวกหูชะมัดเลยเจ้านี่

หรือจะดึงลิ้นมันออกมาทิ้งก่อนดีนะ? แต่ถ้าทำหยั่งงั้นก็ไม่ได้ฟังเสียงกรีดร้องแบบนี้น่ะสิ…

 

“เห้ย! ใครก็ได้มาช่วยฉันที! ฉันเป็นผู้กล้านะ! ใครก็ได้มาจัดการไอ้สัตว์ประหลาดนี่ที! ฆ่ามันเลย! อ๊าาาาากกกกก!!”

 

…จนป่านนี้แล้ว ยังคิดจะผลักภาระนี่ไปให้คนอื่นอีกเหรอเนี่ย?

 

“ช่าย―ความช่วยเหลือน่ะมันไม่มีหรอกน้า―อ๊ะ ดูท่าแกจะไม่ต้องใช้แขนหรือขาแล้วนี่นา? ถ้างั้น เดี๋ยวฉันช่วยหยิบอีก 3 ข้างที่เหลือออกมาให้แกดูก็แล้วกัน”

“เอ๊ะ? …อ๊าาาาากกก ไม่เอานะ ไม่เอา! หยุดทีเถอะ… อ้าาาาาาาาาาาาากกกกกกกก!”

 

โอ้ ตัวมันเล็กลงแล้วนี่ไง

กะทัดรัดลงเยอะเลย ถึงยังไง ยุคนี้ก็เป็นยุคคนไซส์เล็กแล้วนี่เนอะ

อ่าว ไม่ได้หมายถึงแบบนี้เหรอ? เออ ช่างมันเถอะ

 

“เอาล่ะ แกอยากจะได้ตายแบบไหนดีล่ะ? ฉันรับรองเลยว่าก่อนที่ฉันจะฆ่าแก แกจะได้ทุกข์ทรมานแบบสุดขั้วแน่นอน แต่อย่างน้อย ฉันจะให้แกได้เลือกวิธีตายของตัวเองก็แล้วกัน อยากโดนเผาตาย โดนถ่วงน้ำตาย ขาดอากาศตาย เลือดออกจนตาย… จะเลือกแบบไหนก็ได้ทั้งนั้นเลย อยากได้แบบไหนล่ะ?”

“ช- ช่วยฉันที……”

“ก็―บอก―ว่า― ไม่มีความช่วยเหลือที่ไหนมาหาแกหรอก หรือต่อให้มีใครมา มันก็เอาชนะฉันไม่ได้อยู่แล้ว นี่แกเรียกร้องขอความช่วยเหลือเสร็จรึยัง? …อ๋า~ ฉันคิดอะไรดีๆ ขึ้นมาได้พอดีเลย! ทุบจนกว่าจะตายไง แน่นอน ฉันออมแรงให้แกแน่ แค่ต่อยกับเตะก็พอ แค่นี้ก็ฆ่าแกได้แล้ว! ว่าไง? ไม่คิดว่าเป็นความคิดที่ดีงั้นเหรอ!?”

“อึก…อื้อ……”

“อ่า― แต่ไม่ดีกว่า การเตะต่อยคนที่ไม่มีแขนไม่มีขา แถมต่อต้านอะไรก็ไม่ได้ มันจะไปสนุกอะไรล่ะ… งั้น…จะทำไงดีน้า…”

 

“อ- เออ… คุณ ลีนครับ”

“น- นายตรงนั้นน่ะ! ฉันไม่รู้ว่านายเป็นใคร แต่ช่วย-…”

“อาเระ ซากุระคุง มีอะไรงั้นเหรอ?”

“เออ คือ… ท่านจอมมาร… สงสัยว่า… ยังไม่เสร็จอีกเหรอ… น่ะครับ… อาจจะมีอะไรเกิดขึ้น… หรือเปล่า แต่… ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง… สินะครับ…”

“เอ๋!? …อ่า แย่ละสิ ฉันใช้เวลามากไปแล้วสินะเนี่ย… ดันทำให้ท่านจอมมารเป็นห่วงซะแล้วสิ…เฮ้อ ช่วยไม่ได้ งั้นคงต้องฆ่าให้จบแบบเร็วๆ สินะ…”

 

ถึงยังงั้นก็เถอะ ฉันไม่อยากแค่ฆ่าๆ ไอ้เจ้านี่ให้มันจบๆ ไปน่ะสิ

อยากให้มันได้ทรมาน อยากให้มันได้ตายอย่างช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่า

จะทำยังไงดีนะ…

 

“คือ… คุณลีนครับ… ม- ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจนะครับ… คุณลีน ก- เกลียด เจ้า หมอนี่ สินะครับ …อยากทรมานให้มันค่อยๆ ตายสินะครับ?”

“หืม? …ก็ อย่างนั้นล่ะนะ”

“ถ- ถ้าแบบนั้นล่ะก็ …ผมมี ข้อเสนอครับ…”

“เอ๊ะ อะไรเหรอ อะไรเหรอ?”

“ผมใช้… เวทมิติเวลา… ที่เป็นขั้นที่สูงกว่า ของเวทพื้นที่ได้ครับ… ในบรรดา เวทมนตร์พวกนั้น มีเวทมนตร์ที่ทำให้เป้าหมาย ถูกบังคับให้… รับรู้เวลา ได้เร็วกว่าปกติ… อยู่ครับ…”

 

หืม

 

“ทำร้าย มนุษย์คนนี้ ไม่ให้ตายในทันที… เพิ่มความเร็วในการรับรู้ ทำให้รู้สึกเจ็บปวดไปไม่มีสิ้นสุด เป็นยังไงบ้างครับ? อิฮิฮิ…”

 

…โ―โอ้!

 

“สมแล้วล่ะซากุระคุง! เป็นสาย S ตามธรรมชาติแบบไม่รู้ตัวจริงๆ ด้วย! เป็นความคิดที่ดีจนฉันแทบไม่ทันสังเกตเลยว่าเธอพูดคล่องในตอนท้ายแล้วด้วยน่ะ! จะว่าไป ความเร็วที่เร่งได้นั่นน่ะ เร่งได้มากแค่ไหนเหรอ?”

“เออ… หนึ่งล้านเท่า ครับ”

“ประเด็นคือ ถ้าฉันสร้างแผลถึงตายใน 10 วินาที ก็จะถูกเร่งเป็น 10 ล้านวินาที… อ- เออ ก็คือ……”

“ต้องทรมานอยู่ประมาณ 115 วันครับ”

“ยอดไปเลยนี่… เป็นไงบ้าง? ได้ยินหรือยัง~? ฉันจะประยุกต์ความคิดล้ำๆ ของเขามาทำให้แกได้ทรมานต่อเนื่องไปเกือบ 4 เดือนเลยน้า~”

“ย- หยุดที… เถอะ… ช่วยหยุดทีเถอะ นะ…”

“แกทำอะไรเอาไว้กับฉันซะเยอะเลยนี่ จริงมั้ย? ฉันหมายถึง เรื่องอะไรก็ตามที่เจ้าพวกนั้นที่ฉันฆ่าไป ตลอดมาจนถึงตอนนี้ ทุกอย่างที่พวกมันทำกับฉัน ทั้งหมดมันก็มาจากคำสั่งของแกด้วยนี่? เพราะงั้น ถ้าแกไม่ได้ตายหลังจากทรมานให้มันมาาาากกกกกกกก~กว่าเจ้าพวกลิ่วล้อของแก มันก็ไม่คุ้มกับแกน่ะสิ ว่ามั้ย? …ถ้างั้น แกก็จงสำราญกับความเจ็บปวดทรมานเจียนตาย แต่กลับชิงตายหนีไม่ได้ไปซะเถอะ!”

“อ๊าาากกกก! ไม่นะ! ไม่เอ้า! ไม่เอาแบบนั้น! ช่วยด้วย! ช่วยฉันที! ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!! …อ๊าาาาาา!!!”

“อะฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! อ๊าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!! ยอดมาก! กรีดร้องมาได้ดีเลยนี่!!… งั้น ซากุระคุง ฝากด้วยนะ”

“ค- ครับ! … {เบรน แอคเซลาเรชั่น (เร่งการรับรู้เวลา)}!”

 

10 วินาทีผ่านไป เจ้าคุโรดะก็แทบจะเป็นง่อยไปแล้วเรียบร้อย

มันดูแก่ลงจนฉันตะลึงเลยว่า แค่ 10 วิ คนเราจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ

 

“ขะ…”

“ขะ?”

“ข-… ฆ่า… ที…”

 

ช่วยฆ่าฉันซักที อะไรประมาณนั้นสินะ?

ก็นะ เจ้านี่ก็ดูทรมานมาขนาดนี้แล้ว งั้นแค่นี้ก็ได้

ตอนนี้ อากาศดีจังเลยน้า

 

“…งั้นก็ ลาก่อน หวังว่าจะไม่มีโลกหลังความตายที่ต้องให้เรามาเจอหน้ากันอีกก็แล้วกัน”

“อ-……”

 

แล้ว ฉันก็ฆ่ามันด้วยการระเบิดกระโหลกของมันทิ้ง

 

“อา―วล่ะ! เรียบร้อยๆ! จะว่าไป ซากุระคุง เดี๋ยวช่วยรอฉันอีกแป๊บนึงนะ พอดีมีเรื่องที่ฉันต้องจัดการปิดท้ายซะก่อนน่ะ”

“เอ๋…? จัดการ ปิดท้าย…งั้นเหรอครับ?”

“อือ เอาล่ะ… คือแบบนี้ ฉันตั้งใจจะปล่อยนักผจญภัยกลับไปแบบเป็นๆ ซักคนนึง ตามแผนทันมั้ย?”

“อ่า… ครับ…”

 

นักผจญภัยผู้หญิงแค่คนเดียวที่ยังอุตส่าห์รอดชีวิตอยู่

จากสเตตัสที่ฉันมองเห็นจากเนตรสวรรค์ อารุส… ดูเหมือนยัยนี่จะชื่อ ‘จูเลีย’ สินะ เอาเถอะ จะอะไรฉันก็ไม่ได้สนอยู่แล้ว

 

“อืก… ฮือ… ย- อย่านะ…!”

“อือ ฉันหยุดแล้ว”

“เอ๊ะ……?”

“ถ้าเธอฟังฉัน ฉันจะยอมปล่อยแกไปก็ได้… พอดีฉันอยากจะฝากข้อความให้เแกเอาไปส่งต่อให้หน่อย แกจะได้มั้ย?”

 

TN: สนุกจริงๆ ครับตอนนี้ สะใจเสียนี่กะไร~!

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

การกวาดล้างมนุษยชาติของเจ้าหญิงแวมไพร์กับอดีตผู้กล้า

Status: Ongoing
เซนโจ โยนะ เด็กหญิงที่ถูกกลั่นแกล้งอย่างหนัก ได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแก๊สระเบิด หลังจากนั้น ด้วยความช่วยเหลือของเทพชั่วร้าย อิซึสึ เธอก็ได้มาเกิดใหม่เป็นลูกสาวของผู้นำเผ่าแวมไพร์ [ลีน บลัดลอร์ด] ชีวิตอันสงบสุขกำลังรอเธออยู่ รายล้อมไปด้วยครอบครัวและเพื่อนพ้องที่รักเธอ สิ่งที่เธอต้องการมาโดยตลอดจากชาติก่อน … แต่เวลาเหล่านั้นก็ต้องสิ้นสุดลง จากการกวาดล้างเผ่าพันธุ์แวมไพร์ด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์อย่างไร้เหตุผล “อา เข้าใจแล้ว ชีวิตของฉันต้องพังทลายเพราะว่ามีพวกมนุษย์อยู่งั้นสินะ” อีกด้าน มีเด็กสาวที่ถูกมองเป็นตัวน่ารำคาญในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เธอได้รับ [คุณสมบัติของผู้กล้า] พร้อมทั้งพรสวรรค์และศักยภาพอันล้นเหลือ แต่จิตใจของเธอกลับถูกทำลายลงด้วยน้ำมือของพวกมนุษย์ เพื่อล้างสมอง และเปลี่ยนเธอเป็นอาวุธมีชีวิต “จริงๆ แล้ว…ไม่อยากปกป้องพวกมนุษย์ซักหน่อย เราไม่ได้อยากเป็นผู้กล้า…” และพวกเธอผู้เกลียดชังต่อมนุษย์ ก็กลายมาเป็นภัยพิบัติต่อมนุษยชาติ นี่คือเรื่องราวของเด็กสาว 2 คนที่ชีวิตต้องถูกทำลายด้วยน้ำมือของมนุษย์ และสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตไป เหลือเพียงแค่ชีวิตของตัวเอง และพวกเธอจะใช้ทุกวิถีทางเพื่อล้างแค้นและกวาดล้างมนุษยชาติให้สิ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท