บทที่ 253 จุดอ่อนของไฟชีวิตสี่ดวง
พลังของไฟชีวิตหกดวงจะเป็นเช่นไร แม้สวี่ชิงจะไม่เคยประมือด้วยจริงๆ แต่เขาก็รู้อยู่เต็มอก กระทั่งจินตนาการออก
เพราะเขารู้ว่าระดับสร้างฐานนี้ ไฟชีวิตทุกดวงที่ปรากฏขึ้น พลังต่อสู้ล้วนยกระดับแบบพลิกฟ้าพลิกดิน
กระทั่งหลายครั้งเขารู้สึกว่า หลังจากสร้างฐานจุดไฟชีวิตหนึ่งดวง ทุกครั้งที่ไฟชีวิตเพิ่มมาหนึ่งดวง ก็คล้ายกับตอนที่รวมปราณทะลวงขั้นสู่สร้างฐาน เหมือนก้าวข้ามไปหนึ่งระดับใหญ่
สวี่ชิงไม่รู้ว่าด้านนอกท้องฟ้าของโลกใบนี้ยังมีโลกอื่นอยู่หรือไม่ ถ้าหากมี แล้วต่างเผ่าในโลกเหล่านั้นจะฝึกบำเพ็ญแบบที่พวกเขาทำอยู่นี้หรือไม่
จะใช่ระดับสร้างฐานที่ฝึกบำเพ็ญไฟชีวิตนี้ และทุกครั้งที่ไฟชีวิตเพิ่มขึ้นก็เปลี่ยนแปลงไปมหาศาลเช่นนี้หรือไม่
เพราะสวี่ชิงรู้สึกว่าช่องว่างระหว่างสร้างฐานกับสร้างฐานด้วยกันใหญ่เกินไป
อย่างเช่นไฟชีวิตสี่ดวงสะกดไฟชีวิตสามดวง เว้นเสียแต่ว่าอีกฝ่ายจะมีของวิเศษที่น่าตกตะลึง มิเช่นนั้นก็สามารถสังหารทิ้งได้ในพริบตา ยิ่งไปกว่านั้นนี่ไม่ใช่สิ่งที่จำนวนสามารถชดเชยได้ แตกต่างกับตอนอยู่ระดับรวมปราณอย่างสิ้นเชิง
และไฟชีวิตหกดวงที่สะกดไฟชีวิตห้าดวงได้ ก็เป็นเช่นเดียวกัน
สวี่ชิงเวลานี้สัมผัสได้แค่ว่าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเคลื่อนไหวแล้ว แต่ในดวงตากลับไม่สามารถมองร่างอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจนเลย
ต่อให้เขามีไฟชีวิตสามดวงลุกโชน พลังตะเกียงแห่งชีวิตก่อตัว มีวิหคทองเสริมความแข็งแกร่งให้กับกายเนื้อ ก็เห็นเพียงร่างคงค้างเลือนรางของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่ใช้ความเร็วน่าตกตะลึงพุ่งมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาทันทีเท่านั้น
พริบตาต่อมา คลื่นพลังน่ากลัวขีดสุดที่ทำลายล้างไปรอบทิศ ยิ่งใหญ่อลังการ มิอาจต้านทาน ระเบิดขึ้นตรงหน้าเขา
เสียงครืนครันกึกก้องไปทั่วท้องนภา สวี่ชิงสั่นเทิ้มทั่วสรรพางค์ ร่างม้วนกลับออกไปราวกับว่าวสายป่านขาด สีหน้าขาวซีด เลือดสดหลั่งรินที่มุมปาก แต่ไม่มีอาการบาดเจ็บอื่นอีก
นอกร่างกายเขามีแสงปกคลุมในจังหวะที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมาถึง ก่อตัวเป็นเกราะคุ้มกัน สกัดการโจมตีไฟชีวิตหกดวงที่น่าสะพรึงนี้!
“ที่แท้ก็พึ่งเกราะคุ้มกันปราณก่อนกำเนิดนี่เอง แต่พลังคุ้มกันก็ริบหรี่แล้ว จะทนได้อีกสักกี่น้ำ” เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ มองสวี่ชิงที่ดีดกลับไปด้านหลัง ชักมือที่ตบลงไปเมื่อครู่กลับมา
ร่างกายสวี่ชิงถอยจนเกิดรอยลากยาวบนพื้น ห่างออกไปหลายสิบจั้งถึงได้หยุด ขณะที่เงยหน้าขึ้นมองเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง สายตาเขาก็เย็นเยียบ
เวลานี้สวี่ชิงสัมผัสความแข็งแกร่งของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องได้ด้วยตนเองแล้ว ตนเองรู้สึกว่าอีกฝ่ายแทบจะไม่แตกต่างกับตอนที่หัวหน้าเผ่าเผ่าดาราสมุทรยังไม่เผยร่างของไป๋ลี่ที่สำแดงเพียงพลังบำเพ็ญแก่นลมปราณออกมา
ความเร็วระดับเดียวกัน ระเบิดเช่นเดียวกัน
ดังนั้นองค์ชายองค์หญิงของยอดเขาลำดับหนึ่งจึงไม่สามารถต้านทานไหว ซัดแค่ครั้งเดียวก็พ่ายแพ้
เห็นได้ชัดว่าถ้าไม่ได้อยู่ในเจ็ดเนตรโลหิตแต่อยู่โลกภายนอก การโจมตีหนึ่งครั้งจะไม่ใช่เพียงพ่ายแพ้ แต่เป็นการสังหาร
ดังนั้นสวี่ชิงจึงเข้าใจดี ต่อให้ตนเองมีพลังต่อสู้ไฟชีวิตห้าดวง แต่หากไม่มีการคุ้มกันของแผ่นหยกที่ผู้อาวุโสหกมอบให้ตอนที่อยู่ต่อหน้าไฟชีวิตหกดวง ตนเองคงจะตายไปแล้วพริบตาเมื่อครู่นี้ ผลึกวารีสีม่วงก็คงฟื้นฟูไม่ทัน
และความน่ากลัวของไฟชีวิตหกดวงก็ไม่ใช่เท่านี้ แมลงสีดำที่สวี่ชิงปล่อยออกมายังคงซ่อนตัวอยู่นอกร่างกายของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ยังทะลวงเกราะไร้รูปร่างที่แปลงมาจากพลังตะเกียงแห่งชีวิตของเขาไม่ได้เลย
“เช่นนี้ไฟชีวิตหกดวง…ก็เท่ากับพลังแก่นลมปราณ เทียบเท่ากับหนึ่งวังสวรรค์แล้วหรือ” สวี่ชิงคิดถึงตอนที่ตนเองเห็นข้อมูลเกี่ยวกับซือหม่าหรูสำนักล่าสิ่งประหลาดบันทึกเรื่องวังสวรรค์เอาไว้
เขาในตอนนี้ ความเข้าใจระดับแก่นลมปราณยังไม่สมบูรณ์ เขารู้ว่าสิ่งที่แก่นลมปราณฝึกบำเพ็ญคือวังสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่วังเดียวด้วย
อย่างเช่นซือหม่าหรูก็กำลังปิดด่านเพื่อสำเร็จวังสวรรค์ที่สองอยู่
“ระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ หนึ่งวังไฟชีวิตหกดวงหรือ” สวี่ชิงครุ่นคิด
ตอนนี้ถ้ามีคนนอกเห็นฉากนี้เข้า ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเห็นสวี่ชิงที่ครุ่นคิดเช่นนี้ คงรู้สึกประหลาดใจแน่นอน
เพราะเวลานี้สวี่ชิงไม่ได้อนาทรร้อนใจเลย กระทั่งยังมีเวลาไปขบคิดเรื่องพลังแก่นลมปราณวังสวรรค์อีกด้วย
“น่าสนใจ นี่กำลังขบคิดอยู่หรือ เช่นนั้นก็มาดูกันว่าสิ่งที่เจ้าพึ่งอยู่นี้ จะทานทนได้อีกสักเท่าไร”
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยังคงน่าตกตะลึงไร้เทียมทาน เดินตรงมาด้วยสีหน้าปกติ เห็นเพียงความเร็วขีดสุดที่ทิ้งภาพคงค้างไว้ เข้าประชิดสวี่ชิง ฟาดฝ่ามือออกมาอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ สวี่ชิงเริ่มตอบโต้แล้ว
พริบตาที่ฝ่ามือของอีกฝ่ายตบลงมา ช่องเวทเก้าสิบสองช่องในร่างกายสวี่ชิงก็ลุกโหมขึ้นอีกครั้ง ก่อตัวเป็นแสงไฟเจิดจ้าแยงตา สองมือประกบปาง กดไปเบื้องหน้าฉับพลัน
เมื่อกดลงไป สวี่ชิงปลดปล่อยช่องเวทของเขามีวิญญาณไม่สมประกอบดวงหนึ่งออกมา กลายเป็นอาวุธพุ่งตรงไปยังเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง
เสียงก้องครืนครันขึ้นทันที ความเร็วของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมากเกินไป ปรากฏตัวข้างกายสวี่ชิงทันควัน ยกมือขวาขึ้นโบกเบาๆ สวี่ชิงสะท้านไปทั้งร่าง แผ่นหยกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ร่างของเขาลอยม้วนกลับไปอีกครั้ง
แต่เหมือนวิญญาณไม่สมประกอบก่อนหน้าที่เขาปล่อยออกไปมีสัญชาตญาณอยู่ หลังจากปรากฏออกมาก็ตรงไปยังเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง แผ่ความละโมบและบ้าคลั่งขึ้นไปอีก
“อ่อนแอเหลือเกิน” เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องส่ายศีรษะ ยกมือขวาขึ้นโบก คิดจะลบวิญญาณไม่สมประกอบนั้นทิ้งไป
แต่พริบตาที่มือขวาเขาสัมผัสกับวิญญาณไม่สมประกอบดวงนี้ ความละโมบในดวงวิญญาณก็ยิ่งถาโถม ไม่สนใจการลงมือของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ทะลวงเข้าไปในมือขวาเขาอย่างแรง
วิญญาณไม่สมประกอบดวงนี้คือวิญญาณเผ่าพรางมารยาที่หลังจากสวี่ชิงจับมาทรมานจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ตาย
เผ่านี้ลึกลับมาก มีวิชาครองร่างแต่กำเนิด ต่อให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมีการป้องกันของตะเกียงแห่งชีวิต แต่ก็ป้องกันเพียงร่างกาย ไม่ใช่จิตวิญญาณ
ดังนั้นวิญญาณเผ่าพรางมารยาดวงนี้ จึงทะลวงเข้าไปในร่างกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องโดยไม่สนการป้องกัน ทะลวงเข้าไปยังดวงวิญญาณเขาอย่างบ้าคลั่ง คิดจะกลืนกิน
“น่าสนใจ” สีหน้าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไม่เปลี่ยน แต่นกประหลาดเมี่ยเหมิงตัวเขียวหางแดงด้านหลังเขา เวลานี้กลับมีแววตาหยามหมิ่น แผดเสียงสยายปีก จิกลงไปบนตัวเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องอย่างแรง!
ร่างของมันเป็นภาพมายา การจิกครั้งนี้ทะลุร่างกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไป จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องแหลม วิญญาณไม่สมประกอบเผ่าพรางมารยาที่ถูกสวี่ชิงทรมานมานานจนอ่อนแออย่างมากไม่เหมือนแต่ก่อนจึงถูกเมี่ยเหมิงกัดแล้วกลืนลงไปในทีเดียว
และมองเห็นว่าในร่างกายของนกประหลาดเมี่ยเหมิงเหมือนมีหลุมดำหลุมหนึ่ง หลังจากที่กลืนวิญญาณไม่สมประกอบของเผ่าพรางมารยาลงไป ก็ถูกสะกดไว้ในหลุมดำนั้น จนมันไม่สามารถหลบหนีได้ กรีดร้องเสียงแหลม
ตั้งแต่ต้นจนจบ เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องสีหน้าไร้คลื่นอารมณ์แต่อย่างใด ราวกับว่าดวงวิญญาณไม่สมประกอบนี้สำหรับเขาไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง ตอนนี้หันหน้ากลับมามองสวี่ชิงที่เลือดสดไหลอยู่ตรงมุมปาก จากนั้นก็ายหน้า
“ยังมีลูกไม้อะไรอีก ถ้าไม่มีตอนที่เกราะคุ้มกันเจ้าแตกสลาย ก็คือเวลาดับสูญของเจ้าแล้ว”
“เจ้านี่พร่ำไม่หยุดจริง” สวี่ชิงเลียเลือดที่มุมปาก ดวงตาเย็นชา เอ่ยราบเรียบ
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องได้ยินก็ไม่พูดอะไร ยกขาขวาขึ้น กำลังจะเหยียบ
ตอนนี้เอง จู่ๆ ร่างกายเขาก็สั่นเทิ้ม หน้าเปลี่ยนสีเป็นครั้งแรก ก้มมองทันที และเห็นว่าช่องเวทสุดท้ายจากหนึ่งร้อยยี่สิบช่องในร่างกายตนเองมีเงามืดผืนหนึ่งปรากฏขึ้นมาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร!
เงามืดนี้ราวกับมีชีวิต เวลานี้แผ่มาในช่องเวทรวดเร็วอย่างบ้าคลั่ง แทบจะพริบตาที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง มันก็คลุมช่องเวทสุดท้ายช่องที่หนึ่งร้อยยี่สิบไปเรียบร้อยแล้ว
ไม่ปล่อยให้ลอดออกมาแม้แต่น้อย ปิดกั้นไว้ทั้งหมด!!
ไฟชีวิตสี่ดวงในร่างกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็หม่นแสงลงทันทีจากการที่ถูกปิดกั้นช่องเวท กระทั่งแสงทั่วร่างของเขาก็ยังหม่นแสงลงด้วย
และการหม่นแสงลงนี้ยังไม่จบ ในชั่วสามอึดใจ ไฟชีวิตดวงที่สี่ในร่างเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็ดับลงฉับพลัน!!
หนึ่งร้อยยี่สิบช่องเวท ทุกๆ สามสิบช่องสามารถทานรับการเผาไหม้ไฟชีวิตได้หนึ่งดวง นี่เป็นกฎเกณฑ์ระดับสร้างฐานที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ช่องเวทหนึ่งร้อยสิบเก้าช่องก็ไม่อาจทานรับไฟชีวิตสี่ดวงไหว ไม่มีข้อยกเว้น!
สิ่งนี้ก็คือสาเหตุที่สวี่ชิงกล้าชิงลงมือ ยิ่งไปกว่านั้นอยู่ต่อหน้าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องพลังไฟชีวิตหกดวง เขาจึงยังมีเวลาขบคิดเรื่องพลังแก่นลมปราณวังสวรรค์ก่อนหน้านี้นั่นเอง
สิ่งนี้คือจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดที่เขาสังเกตเห็นจากการศึกษตัวอัจฉริยะฟ้าประทานทั้งสี่คนของพันธมิตรเจ็ดสำนักเหล่านั้น!
ขอแค่ดับไปหนึ่งช่องเวท พลังต่อสู้ของอีกฝ่ายก็จะลดหลั่นลงมาหนึ่งดวงไฟชีวิต
และเจ้าเงาก็สามารถดับไฟชีวิตได้ ต่อให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ด้วยพลังของเจ้าเงาที่ทุ่มพลังสุดกำลังสะกดหนึ่งช่องเวท ถือว่าทำเรื่องนี้ได้!
นี่คือวิธีการของสวี่ชิง!
ตอนนี้จากการที่เจ้าเงาเกาะติดอยู่กับช่องเวทอย่างบ้าคลั่งเหมือนยาทาแผล ปิดกั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย ไฟชีวิตในร่างกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็เปลี่ยนจากสี่ดวงกลายเป็นสามดวง
สิ่งนี้ทำให้เขาหน้าเคร่งขรึม แต่ไม่ว่าเมี่ยเหมิงจะลงมือหรือว่าเขาจะจุดเผาตะเกียงแห่งชีวิตอย่างไร ก็พบว่าเงาดำนั้นแปลกประหลาดเสียเหลือเกิน ไม่สามารถขับไล่ออกไปได้
และเขารู้ว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นได้อย่างไร
อีกฝ่ายซ่อนอยู่ในดวงวิญญาณไม่สมประกอบก่อนหน้านี้ แทรกแซงเข้ามาในร่างกายตนเอง วิญญาณไม่สมประกอบนั่นเป็นเพียงสิ่งบังหน้า ดึงดูดความสนใจของตนเอง และเมี่ยเหมิงเองก็ลบเพียงวิญญาณไม่สมประกอบเท่านั้น ไม่ได้สังเกตเจ้าเงา
จึงเปิดโอกาสให้กับอีกฝ่าย
“ลูกไม้แบบนี้…” เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมองสวี่ชิง ในดวงตาเผยประกายจิตสังหาร
“แล้วมันอย่างไรกัน”
“คนอ่อนแออย่างไรก็คือคนอ่อนแอ ต่อให้ข้าจะไฟชีวิตน้อยลงไปดวงหนึ่ง แต่ด้วยพลังไฟชีวิตห้าดวงข้าก็ยังคงสะกดเจ้าได้!” ระหว่างที่พูด พลังต่อสู้ไฟชีวิตห้าดวงของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องปะทุขึ้น ครืนครันตรงไปหาสวี่ชิง
แต่ครั้งนี้ สวี่ชิงก็ปลดปล่อยจิตสังหารในดวงตาออกมาจนหมด
เพราะเขามองเงาทั้งหมดของอีกฝ่ายออกแล้ว ความเร็วของอีกฝ่ายปัจจุบันเทียบเท่ากับของตนเอง ดังนั้นพริบตานี้สวี่ชิงจึงเคลื่อนไหว
เขารวดเร็วประดุจลำแสง เพียงพริบตาก็สัมผัสกับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องกลางอากาศ
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องม่านตาหดลง ความเร็วของสวี่ชิงทำให้เขารู้สึกตกตะลึงมาก
เวลานี้มือขวาชูขึ้นแล้วกดลง สวี่ชิงสีหน้าเรียบสงบ ซัดออกมาหนึ่งหมัดด้วยสายตาเย็นชา จังหวะที่ร่างทั้งสองตัดสลับกัน เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องแค่นเสียง สะบัดชายเสื้อขณะทำปางมือ พลังมหาศาลแผ่ออกมาทันควัน นิ้วมือเขาพุ่งแทงดวงตาของสวี่ชิง
มือซ้ายสวี่ชิงประกบปางภาพมายากริช ปาดไปยังคอของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง
เสียงตูมดังขึ้น ทั้งสองคนทัดทานกันอีกครั้ง
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยกเท้าขวาขึ้นพลันกวาดไปทางสวี่ชิง สวี่ชิงงอเข่าเบี่ยงหลบ เสยไปที่หน้าอกเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ขณะเดียวกันสองมือก็พัดโบก เพลิงพิฆาตระเบิดกระจายไปทั้งสี่ทิศ
ในดวงตาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเผยประกาย กุมสองมือไว้ ฟาดหนักๆ ลงไป
เสียงสนั่นดังขึ้นอีกครั้งราวลั่นระฆัง!
เสียงครืนครันระเบิดขึ้นไม่ขาดสาย กระจายไปทั่วทิศ เสียงสะท้านผืนป่าจนเมฆลมเปลี่ยนสี ลั่นฟ้าสะเทือนดิน
ในสายตาคนภายนอกไม่อาจเห็นร่างของสวี่ชิงกับเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องได้ชัด ได้ยินเพียงเสียงครืนครันรวมถึงคลื่นพลังที่น่ากลัวระเบิดไปทั่วทิศอย่างต่อเนื่องเท่านั้น และสิ่งปลูกสร้างนับไม่ถ้วนบนสถานที่นี้ก็พังถล่มราบ ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นปัดกวาดจนราพณาสูร
ดุเดือดรุนแรง
จนพริบตาต่อมา ร่างเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องปรากฏกลางอากาศ ถอยหลังไปสิบกว่าจั้ง ในดวงตาเขาเผยความประหลาดใจ จ้องสวี่ชิงเขม็ง จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นว่า
“บนตัวเจ้า มันไม่ปกติ!”