ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 254 ประดุจเทพต่อสู้

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 254 ประดุจเทพต่อสู้

แทบจะในเสี้ยวขณะที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเอ่ยปาก ร่างของสวี่ชิงก็เข้าประชิด ซัดหมัดหนึ่งมา

ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เซิ่งอวิ๋นจื่อสะบัดมือต้านทาน ร่างถอยไปข้างหลัง ประกายในดวงตาเจิดจ้ายิ่งขึ้น

“ให้ข้าดูหน่อยสิว่า ในตัวเจ้ามีปัญหาอะไรกันแน่!”

สวี่ชิงไม่พูดไม่จา จิตสังหารในดวงตาเข้มข้น ไล่ตามไปในทันที

ทั้งสองคนเข้าปะทะกันทันที เสียงสนั่นหวั่นไหวดังก้อง เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไม่รู้ว่าสำแดงวิชาอะไร ทั่วทั้งร่างแสงทองเปล่งประกายสาดทอไปทั่วทุกทิศ ก่อเป็นทะเลแสง สวี่ชิงจำต้องถอยหลบ

และในเสี้ยวพริบตาที่เขาหลบ อักขระที่หลอมรวมจากทะเลแสงตัวแล้วตัวเล่าเปล่งแสงออกมา ไล่โจมตีสวี่ชิง

อักขระพวกนี้มาพร้อมด้วยพลังทำลายล้างสังหาร ในเสี้ยวขณะที่เข้าใกล้ยิ่งแปรเปลี่ยนพลังผนึกออกมา เพียงพริบตา ท้องฟ้าก็มีรัศมีแสงเกิดขึ้น ผืนดินที่รกร้างสั่นสะเทือน

อาศัยขณะที่สวี่ชิงถูกอักขระทะเลแสงโจมตีและผนึก เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องในตาฉายแววตื่นเต้น เห็นได้ชัดว่าเขาเดาได้ ตอนนี้ขาดแค่หลักฐานพิสูจน์เท่านั้น

ดังนั้นมือขวาจึงประสานปางมือ ถอยไปสามก้าว ทุกก้าวล้วนประสานปางมือต่างกันออกไป

ก้าวที่หนึ่ง รอบๆ เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเกิดลมยะเยือกกรรโชก ไอเย็นแผ่มา

ก้าวที่สอง แสงสีเขียวเป็นกลุ่มๆ ปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้า รวมเป็นเค้าโครงกระบี่ที่ยังไม่สมบูรณ์ข้างหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

ก้าวที่สามเค้าโครงกระบี่ที่ยังไม่สมบูรณ์นี้ขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว จากขนาดเท่าฝ่ามือก็ขยายขึ้นอย่างบ้าคลั่ง หนึ่งจั้ง สิบจั้ง จนกระทั่งกลายเป็นกระบี่ยักษ์ขนาดร้อยจั้ง

กระบี่เล่มนี้เป็นสีเขียวทั้งเล่ม ประดุจภาพฝันมายา บนนั้นแผ่กลิ่นอายน่าหวาดกลัวออกมา มากพอจะเขย่าขวัญวิญญาณได้

ตอนนี้ก้าวที่สามสำเร็จ ในกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องยังคงมีพลังเวทมหาศาล ดวงตาของเขาฉายแววแปลกประหลาด มือขวายกขึ้นชี้สวี่ชิง เสียงที่เปล่งออกมาคล้ายผสานไปในลมเย็นเยือกทั้งแปดทิศนี้

“จรดฟ้าสะบั้นวิญญาณ!”

ไฟทั้งร่างสวี่ชิงปะทุก่อเป็นทะเลเพลิง ซัดโหมเป็นคลื่นยักษ์ ทำให้อักขระทะเลแสงแตกร้าวเป็นชั้นๆ ตอนนี้เห็นกระบี่ยักษ์สีเขียวเล่มนั้น รูม่านตาของเขาหดเล็ก

เสี้ยวขณะต่อมา กระบี่ยักษ์สีเขียวเล่มนั้นก็โจมตีสวี่ชิงอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ประชิดเข้าใกล้ในเสี้ยวพริบตา

สวี่ชิงหลบหลีก แต่กระบี่นี้ราวจับวิญญาณของเขาเอาไว้ ไม่อาจหลบพ้น

ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววเหี้ยมเกรียม ไม่หลบอีกต่อไป สองมือประสานปางมือกดไปข้างหน้า เปลวไฟในร่างลุกโชนเหมือนโลกใบหนึ่งกำลังถูกเผาไหม้ แสงไฟยิ่งลุกท่วมฟ้า

เพียงพริบตา กระบี่ยักษ์มาเยือน เมินซึ่งกายเนื้อของสวี่ชิง ในเสี้ยวขณะที่ปะทะกับเขาก็เหมือนทะลุเข้าไปในร่าง ขนาดเปลี่ยนจากใหญ่เป็นเล็ก

เพียงพริบตาก็พุ่งเข้าไปในร่างสวี่ชิงอย่างสมบูรณ์ แปรเปลี่ยนเป็นพลังสะบั้นวิญญาณ พุ่งตรงไปที่วิญญาณของเขาทันที

และในเสี้ยวพริบตาที่กระบี่สะบั้นวิญญาณพุ่งมา ร่มดำที่แปลงมาจากตะเกียงแห่งชีวิตในร่างสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้น ต้านทานเอาไว้ข้างหน้าทะเลความรู้สึกของเขา กางเป็นเกราะป้องกัน!

ประกายเย็นเยือกในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ เขาไม่อยากปกปิดอีกต่อไปแล้ว

สู้กับศัตรูร้ายกาจอย่างเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เขารู้ดีว่าตะเกียงแห่งชีวิตไม่อาจปกปิดได้ ในเมื่อความสามารถของพลังไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้เฉยๆ เจ้าเงายังควบคุมช่องเวทของอีกฝ่ายอย่างสุดกำลังแล้วอีกด้วย

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ปกปิดไปก็ไร้ประโยชน์ มิสู้เปิดเผยออกมา จากนั้นก็หาวิธีฆ่าเขาเสีย

ตอนนี้กระบี่สะบั้นวิญญาณโจมตีไปที่ร่มดำ จากเปลวเพลิงสีดำที่ปะทุรอบๆ ร่มดำ กระบี่สะบั้นวิญญาณสีเขียวเล่มนี้ไม่อาจต่อกรได้

แตกสลายลงในทันทีประดุจไข่กระแทกหิน กลายเป็นแสงสีเขียวมากมาย จากการที่ร่มดำกางออก ก็ถูกบีบบังคับออกไปจากร่างของสวี่ชิงทันที

มองไกลๆ จุดแสงสีเขียวมหาศาลในร่างสวี่ชิงพุ่งแผ่ออกมาข้างหน้า เหนือศีรษะของเขาในตอนนี้มีฉัตรคันหนึ่งปรากฏขึ้นด้วย!

ฉัตรสีดำแผ่กลิ่นอายแปลกประหลาด ยิ่งมีเปลวไฟสีดำแล่นตามชายโครงของฉัตรคล้ายว่าไหลวน ทำให้สวี่ชิงที่ยืนอยู่กลางอากาศในชุดสีม่วง ในตอนนี้ดึงดูดสายตาโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง!

และทำให้ผู้บำเพ็ญที่จับตามองศึกนี้อยู่รอบๆ ทุกคนต้องครั่นคร้าม

ไม่ใช่แค่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเห็น แต่คนทั้งหลายเห็นกันหมดทุกคน

“ตะเกียงแห่งชีวิต!!!”

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องดวงตาเบิกกว้าง จิตใจเกิดคลื่นซัดโหมกระหน่ำ ลมหายใจหอบถี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ร่างกายจิตใจล้วนถูกความยินดีลิงโลดเติมเต็ม

ก่อนหน้านี้เขามองออกว่าสวี่ชิงมีอะไรไม่ชอบมาพากล ทั้งๆ ที่มีกำลังรบระดับไฟชีวิตสามดวง ต่อให้รวมกับเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิก็ไม่มีทางสู้กับเขาได้จนถึงตอนนี้ ตอนนี้ในพริบตาที่ได้เห็นร่มดำ ข้อสงสัยของเขาก็ได้รับการพิสูจน์

เขายิ่งเข้าใจในทันทีว่าทำไมสวี่ชิงจึงกล้าสยบซือหม่าหลิง ทำไมสวี่ชิงจึงกล้าสู้กับตน

ทุกอย่างนี้มีคำตอบแล้ว

สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ ไม่มีความลนลานเลยแม้แต่น้อย แม้เปิดเผยตะเกียงแห่งชีวิตจะสำคัญมาก แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเขารู้สึกว่าหากตนชิงตะเกียงแห่งชีวิตของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมาได้ เช่นนั้นตัวเขาที่มีตะเกียงแห่งชีวิตสองดวง กำลังรบก็จะถึงระดับไฟชีวิตหกดวง

‘ฆ่าเซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อคนนี้ ความเสี่ยงที่ความลับแตกจะลดลงไปมาก แต่หากยังเล่าลือออกไป อย่างดีก็ไปจากสำนักเจ็ดเนตรโลหิต หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ซ่อนชื่อกลบแซ่!

‘แม้ทำเช่นนี้ผลประโยชน์ที่ท่าเรือเมืองหลักจะเสียหาย ไม่อาจได้มา แต่หากได้ตะเกียงแห่งชีวิตของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมา ทุกอย่างก็คุ้มค่าแล้ว!’ จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงฉายวาบ กำลังจะลงมือ

แต่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องกลับเงยหน้าหัวเราะ สองมือสะบัด ทัดใดนั้นปราณกระบี่แต่ละสายก็ก่อตัวที่หน้าเขา มีมากถึงร้อยกว่าสาย จากชายเสื้อของเขาที่สะบัด ปราณกระบี่พวกนี้ก็พุ่งไปยังแผ่นดินข้างล่างทันที

ท่ามกลางความหวาดกลัวของผู้บำเพ็ญนอกศาลเจ้าที่อยู่บนพื้นเหล่านั้น พวกเขาไม่อาจหลบหลีกได้เลย เพียงพริบตา ปราณกระบี่เหล่านี้ก็พุ่งทะลุร่างของพวกเขาไป

เสียงร้องสลดน่าเวทนาดังก้อง ปราณกระบี่พวกนี้ไม่ได้หายไปแต่กลับพุ่งไปในที่รกร้าง พุ่งออกไปทีละชั้น ทำการสังหารไม่หยุด!

ผู้บำเพ็ญทุกคนไม่ว่าใครที่เซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อคิดว่าเห็นตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิง ปราณกระบี่ของเขาล้วนพุ่งไปสังหาร เขาจะฆ่าปิดปาก!

การปรากฏขึ้นของตะเกียงแห่งชีวิตสำคัญมาก เรื่องนี้เขาไม่ยอมให้เผยแพร่ออกไปอย่างเด็ดขาด

เพราะตะเกียงแห่งชีวิตของสวี่ชิง เขามองว่าเป็นของของตัวเองไปแล้ว แค่คิดว่าหากตัวเองได้ตะเกียงแห่งชีวิตสองดวง กำลังรบถึงไฟชีวิตเจ็ดดวงในระดับที่ไม่อาจจินตนาการได้ ในใจเขาก็ตื่นเต้นฮึกเหิมรุนแรงแล้ว

โดยเฉพาะเขารู้ดีว่า ตะเกียงแห่งชีวิตสำหรับผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณวังสวรรค์มีความหมายยิ่งใหญ่นัก ตะเกียงแห่งชีวิตหนึ่งดวงสามารถทำให้ผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์เปิดวังสวรรค์ที่ซ่อนอยู่ในหมอกแห่งชะตาได้หนึ่งวังทันที!

ตะเกียงสองดวงก็เท่ากับวังสองวัง!

ดังนั้น แม้แต่ผู้คุ้มครองที่ถูกส่งออกไปข้างนอก เขาก็ไม่เรียกกลับมา

เขากังวลว่าทั้งสามคนนั้นจะอดทนไม่ไหว เกิดความคิดละโมบขึ้นมา ในเมื่อ ตะเกียงแห่งชีวิตดวงนั้นของเขาไม่เหมือนกับของสวี่ชิง!

เหตุที่เขากล้าเปิดเผยตะเกียงแห่งชีวิตเช่นนี้เพราะคนที่ชิงมันไปได้ อย่างน้อยๆ ในมณฑลรับเสด็จราชันก็มีน้อยนัก อีกทั้งเขาแค่มีสิทธิ์ใช้เท่านั้น ไม่ใช่ของเขาจริงๆ แต่ของสวี่ชิงดวงนั้น…ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่ามันไม่เหมือนกัน!

“นี่เป็นตะเกียงแห่งชีวิตที่เป็นของเขาโดยสมบูรณ์!! เขากล้าเปิดเผยได้อย่างไร!

“สำนักเจ็ดเนตรโลหิต อัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่ง ซ่อนเอาไว้ได้ลึกนัก!”

ในดวงตาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องฉายความละโมบรุนแรงเป็นครั้งแรก หัวเราะขึ้นมา

“คิดไม่ถึงว่าวาสนาของข้าจะมาอยู่ที่นี่เอง สวี่ชิง ตะเกียงแห่งชีวิตของข้าอยู่ที่เจ้านี่เอง!”

ระหว่างพูด ทั่วทั้งร่างของเซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อก็สาดประกายแสงทองเจิดจ้า เมี่ยเหมิงที่อยู่ข้างหลังก็ปรากฏขึ้นโดยสมบูรณ์ในแสงทองนั่น สำแดงร่างทั้งหมดออกมา

มันมีขนาดถึงร้อยจั้ง ร่างสีเขียวคราม หางสีแดงเพลิง ปากมหึมายาว ท้องโต ดูแล้วอัปลักษณ์เป็นอย่างยิ่ง แปลกประหลาดเป็นที่สุด

หลังจากที่ปรากฏตัวขึ้น เมี่ยเหมิงก็เงยหน้าคำราม มองสวี่ชิงอย่างดุร้าย สวี่ชิงหรี่ตา เปลวไฟดำข้างหลังปะทุท่วมฟ้า ในขณะที่แผ่กระจายไปทั่วทั้งสี่ทิศ วิหคทองก็ปรากฏออกมาข้างหลังของเขาเช่นกัน หางเพลิงสะบัดพลิ้ว สั่นสะเทือนทั่วสารทิศ

เสี้ยวพริบตาต่อมา สวี่ชิงดวงตาแฝงด้วยจิตสังหาร พุ่งออกไป

เซิ่งอวิ๋นจื่อจื่อสีหน้าแฝงด้วยความละโมบ พุ่งมาเช่นกัน

เพียงพริบตา สวี่ชิงกับเซิ่งอวิ๋นจื่อจือก็ปะทะเข้าหากันที่กลางท้องฟ้าอีกครั้ง และครั้งนี้ดุเดือดกว่าครั้งที่แล้ว

การลงมือของทั้งสองคนเป็นเพียงแค่การปะทะด้วยพลังความเร็วและการป้องกันเท่านั้น วิชาที่ใช้ไม่มาก เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิก็ไม่ได้ใช้เช่นกัน ต่างกำลังสำรวจจุดอ่อนของอีกฝ่าย

ตอนนี้ปะทะกันจนถึงมาจุดเดือด ทั้งสองฝ่ายไม่หยั่งเชิงกันอีกต่อไป ลงมือล้วนเป็นกระบวนท่าสังหาร

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องทางนั้นสำแดงเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเคล็ดวิชาเมี่ยเหมิงกลืนสวรรค์ สำแดงเมี่ยเหมิงนกดุร้ายออกมากลืนกินวิหคทองอย่างโหดเหี้ยม

สวี่ชิงสำแดงเคล็ดวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ วิหคทองคำรามฉายความเหี้ยมโหดออกมา ดูดซับเมี่ยเหมิงอย่างดุดัน

มองไกลๆ เมี่ยเหมิงฉายประกายแสงสีทอง วิหคทองแผ่ไฟสีดำ ตัวหนึ่งกลืน ตัวหนึ่งดูดซับ ตัวหนึ่งคว้า ตัวหนึ่งหลอม พลังมหาศาล ลมเมฆหอบม้วน

สวี่ชิงและเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็เช่นกัน ทั้งสองประมือกันกลางอากาศไม่หยุด ผลัดกันโจมตีไปมา ประเดี๋ยวสวี่ชิงก็ถูกซัดลงพื้น ผืนดินแหลกละเอียด เขาทะยานตัวขึ้นมาสู้อีกครั้ง

ประเดี๋ยวเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็ถูกซัดไปไกล กระแทกเข้ากับบ้านเรือนแต่ละแห่ง บ้านพังถล่ม ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น เขาทะยานตัวมาเช่นกัน

ดังนั้น จากการต่อสู้ของทั้งสองคน ท้องฟ้าบิดเบี้ยว พื้นดินแหลกละเอียด เห็นว่าไม่อาจทำอะไรอีกฝ่ายได้ พวกเขาเอาตะเกียงแห่งชีวิตออกมาพร้อมกัน ก่อเป็นเงาร่ม

ไฟดำร่มดำของสวี่ชิงมาพร้อมด้วยพลังอำนาจน่าหวาดกลัว ร่มเจ็ดสีของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องแผ่ลำแสงไหลวนก่อเป็นพลังลึกล้ำเกินหยั่ง ทำการสะกดซึ่งกันและกัน เกิดเสียงครืนครานสนั่นหวั่นไหว ไม่ด้อยไปกว่ากันเลย

จวบจนหลังจากนั้นครู่หนึ่ง จากความโหดเหี้ยมที่ฉายออกมาในดวงตาของทั้งคู่ เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิและพลังจากตะเกียงแห่งชีวิตต่างกระตุ้นขึ้นมาพร้อมกัน แล้วซัดไปที่ร่างของอีกฝ่ายเข้าอย่างจัง

เสี้ยวขณะต่อมา ทั้งสองต่างกระอักเลือด ต่างถอยหลังไปทั้งคู่โดยมีศาลเจ้าเป็นศูนย์กลาง ต่างถอยไปร้อยจั้ง ยืนอยู่กลางอากาศ ประหนึ่งว่าท้องฟ้าแบ่งเป็นสองส่วน!

ฝั่งหนึ่งคือเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ทั่วทั้งร่างสวมชุดคลุมยาวสีทอง แสงทองรอบๆ ก่อเป็นทะเลสะท้อนไปบนผืนดิน เหนือศีรษะมีฉัตรเจ็ดสี ลำแสงไหลวนแผ่ประกายเจิดจ้า เมี่ยเหมิงที่อยู่ข้างหลังดุดันเหี้ยมเกรียม เงยหน้าคำรามปานจะกลืนกินท้องฟ้า รวมกับหน้าตาไม่ธรรมดาของเขาก็ประดุจเจ้าเหนือหัวอายุเยาว์ ลงมาเยือนยังโลกมนุษย์

เกรียงไกรไร้เทียมทาน!

อีกฝั่งหนึ่งคือสวี่ชิง ทั้งร่างอยู่ในอาภรณ์ม่วง ทะเลเพลิงสีดำรอบๆ เผาไหม้ท้องฟ้า ฉัตรสีดำเหนือศีรษะแปลกประหลาดน่าขนลุก เปลวไฟไหลวน วิหคทองที่อยู่ข้างหลังสยายปีก ดวงตาฉายความอำมหิตราวคิดจะหลอมโลก ยิ่งมีหางเพลิงไหลวนไปทั่วร่างสวี่ชิง คลุมเป็นชุดจักรพรรดิให้กับเขา!

รวมกับรูปโฉมอันงามล้ำของสวี่ชิงก็ประดุจจักรพรรดิบรรพกาลอายุเยาว์ก้าวเดินเข้ามาในโลกมนุษย์

เลิศล้ำไร้ผู้ทัดเทียม!

เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจ้องสวี่ชิง ดวงตาฉายประกายแสงรุนแรง ในขณะที่ใจเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาก็จำต้องยอมรับว่าสวี่ชิงแข็งแกร่งมากจริงๆ บอกว่ามีคุณสมบัติของจักรพรรดิโบราณก็มากพอ

กระทั่งว่าหากอยู่ในโลกใบเล็กเหล่านั้นนอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ กำลังรบเช่นนี้ก็สามารถสู้กับผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดในโลกใบเล็กได้แล้ว

ระดับขั้นของโลกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์สูงมาก จากตำราโบราณที่เขาได้อ่าน นอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ก่อนที่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าจะมาเยือน มีโลกใบเล็กจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนจริงๆ

ผู้บำเพ็ญในโลกใบเล็กพวกนั้นอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานบริบูรณ์ก็มีกำลังรบไฟชีวิตเพียงดวงเดียวก็เท่านั้น

เทียบกับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์แล้ว ไม่สามารถนำมาเปรียบกันได้เลย ห่างชั้นกันเกินไป

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท