“อลัน เป็นไรไหม?”
“อะ ท่านพี่….”
เวลากลางดึก ณ คฤหาสน์ของท่านเอิร์ล
เอเลน่าสวมชุดสายเดี่ยวนุ่งน้อยห่มน้อยเอ่ยถามน้องชายด้วยความกังวล
“นี่ก็ดึกขนาดนี้แล้วนะ นอนได้แล้ว วันนี้ก็ไปอ่านหนังสือในห้องสมุดมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับท่านพี่ แต่ผมยังพักไม่ได้หรอก เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว… ”
อลันจดโน้ตจากหนังสือการบริหารธุรกิจที่เขายืมมาจากห้องสมุด
เขาจดและไฮไลท์ข้อความสำคัญๆไว้เพื่อให้ง่ายต่อการอ่านซํ้า
“เดี๋ยวก็เป็นหวัดเอาหรอก ร่างกายคือต้นทุนนะ พักสักหน่อยเถอะ”
“ผมไม่เป็นไรครับ แล้วอีกอย่างร่างกายผมก็แข็งแรงอยู่แล้ว ไม่เหมือนท่านพี่”
“โธ่….พูดแบบนั้นอีกแล้ว…”
เอเลน่าทำหน้าบึ้งใส่น้องชายและก็เริ่มเดินไปนั่งที่โซฟาใกล้ๆและเหยียดขาเรียวยาวของเธอ
“เฮ้ออ ท่านพ่อก็พอท่านพ่อเลย จริงๆเลยให้ตายสิพูดออกมาได้ไงว่า ‘หลังจากนี้จะฝากร้านใหม่ให้อลันดูแล’ เพราะช่วงนั้นพี่ยุ่งอยู่สุดท้ายก็จบลงด้วยการ พูดเองเออเองไปซะได้”
“ผมคิดว่ามันช่วยไม่ได้หรอก เพราะผมเองก็เกิดมาในครอบครัวนี้ไปแล้ว”
“อืมมม…..”
เอเลน่าไม่สามารถโต้แย้งคำพูดของน้องชายได้เลย เปล่งเสียงในลำคอด้วยความไม่พอใจ ราวกับจำนนต่อเหตุผลที่ไม่อาจโต้แย้งนี้
เอเลน่าวางข้อศอกลงบนต้นขาและนั่งเท้าคางขณะจ้องมองอลันด้วยสายตาจริงจัง
“ผมก็เรียนเรื่องแนวๆนี้มามากแล้วล่ะน่ะ แต่ก็ยังไม่พออยู่ดี คอนเซปหลักๆคือการวางแผนการขาย การจัดซื้อวัตถุดิบ การจัดการบุคลากร การวางแผนการพัฒนาบุคลากร และกลยุทธ์การขาย….”
“ม -มีหลายเรื่องจังเลยเนอะ…”
เมื่อกระแสสนทนาหยุดลง ทั้งสองพี่น้องก็ได้ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ขอโทษนะอลัน ถ้าพี่เป็นลูกชายคนโต คงจะช่วยอะไรนายได้มากกว่านี้แท้ๆ…”
“ขอรับนํ้าใจไว้แค่คำพูดก็พอแล้วครับ แต่ท่านพี่ก็ยังมีงานของตัวเองที่ต้องทำนี่นา”
“งานของพี่มันก็แค่หาคู่แต่งงานนี่ ไม่ลำบากเท่าอลันหรอก”
“แต่ว่าหลังจากแต่งงานไปแล้วก็อาจจะมีปัญหาต่างๆที่แก้ไม่ตกก็ได้ไม่ใช่เหรอ?”
“เหรอ? แต่ว่าชีวิตหลังแต่งงานที่พี่เลือกเองมันจะต้องสมบูรณ์แบบอยู่แล้วไม่ใช่รึไง?”
“อะฮะ ฮะ….”
อลันหัวเราะแห้งๆให้กับรอยยิ้มที่ดูมั่นอกมั่นใจของพี่สาว
“อืมมม ถึงจะเป็นงั้นก็เถอะ—”
เอเลน่ายืดเส้นยืดสายบนโซฟาหลังจากนั้นก็ยืนขึ้นและเดินเข้ามาดูเนื้อหาที่อลันกำลังคัดลอกอยู่และคิ้วของเธอก็ขมวดเป็นปมใบหน้าอึมครึมเล็กน้อย
“อย่างที่คิด การใช้งบก้อนนี้กับการเปิดร้านใหม่มันเสี่ยงมากเลยนะ ไม่รู้ว่าท่านพ่อบอกกับนายว่ายังไง แต่นายก็น่าจะหาตัวช่วยสักหน่อยนะ? เพราะนายเองก็ใช่ว่าจะรู้ทุกเรื่องนี่นา”
“ตัวช่วย?”
“อื้ม อย่างเช่น ลองพึ่งพาใครสักคนดูสิ เหมือนที่อลันปรึกษาพี่เมื่อเช้านี้ไง”
ถ้าทำแบบนั้น ภาระของอลันก็น่าจะลงลดมาบ้าง นั่นคือสิ่งที่เธอคิด
“ถึงจะบอกให้พึ่งพาคนอื่นก็เถอะ แต่ผมสงสัยว่าจะมีตระกูลไหนเต็มใจให้คำแนะนำได้บ้างน่ะสิ ครอบครัวเราก็มีฐานะเป็นถึงเอิร์ลคงจะไม่มีใครกล้าให้คำปรึกษาอย่างจริงจังหรอก…”
“อะ แล้วถ้าอย่างคุณหนูลูน่าจากตระกูลบารอนล่ะ”
ใช่เลยนั่นแหละ! เอเลน่าพูดพร้อมกับประสานมือเข้าด้วยกัน
“เธอมีความรู้ที่หลากหลายอาจจะเทียบเท่าหรือมากกว่าพวกผู้ใหญ่ระดับสูงๆเลยด้วยซํ้า แล้วพี่ก็เคยพบกับเธอเป็นการส่วนตัวแล้วด้วย บางทีอาจจะขอความร่วมมือจากเธอได้นะ”
“ถ้าเรื่องนั้นผมก็เคยเจอคุณลูน่าแล้วเหมือนกัน แต่ก็ยุ่งจนไม่มีเวลาได้ทักทายเลยด้วยซํ้า”
“อาราร๊า น่าเสียดายนะ แต่ก็เป็นเรื่องดีที่นายเคยพบเธอบ้างแล้ว คงจะรู้จักนายไม่มากก็น้อยแล้วล่ะนะ”
จากนั้นเอเลน่าก็พูดอย่างยิ้มๆ
“อลันก็แปลกใจเหมือนกันใช่มั้ย? บรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเธอน่ะ”
“บรรยากาศเฉพาะตัว? ไม่หรอก ผมไม่ได้รู้ถึงขนาดนั้น”
“เอ๊ะ? เธอค่อนข้างเป็นคนเงียบๆไม่ใช่เหรอ? น่าจะยากพอดูที่จะติดต่อกับเธอเป็นการส่วนตัวได้”
“มันก็จริงที่เธอดูเป็นคนเงียบๆ แต่คุณลูน่าที่ผมเคยเห็นเธอโดนคุณบรรณารักษ์แกล้งแล้วเธอก็เอาคืนโดยการแทงเข่าใส่ขาเธอด้วย อิจเมจค่อนข้างต่างจากที่พี่ว่านะ”
ความเห็นต่างกัน แต่ก็ไม่ได้ผิดแปลกไปจากองค์ประกอบโดยรวมมากนัก
“ระ เหรอ? พี่ว่านั่นไม่น่าใช่เธอเลยนะ”
“จะใช่แน่เหรอ….?”
ลูน่ามักจะอ่านหนังสือนิ่งเป็นรูปปั้นเสมอ
‘ไม่ใช่คุณหนูลูน่าแน่ๆ’ เอเลน่ารู้สึกว่าไม่น่าจะใช่เธอจริงๆ
“ไม่เป็นไรนะอลัน ถึงคุณหนูลูน่าจะปฏิเสธนายก็ตาม แต่พี่ก็ยังพอมีวิธีดีๆอยู่”
“วิธีดีๆที่ว่านี่คือ?”
“ก็ไปโฆษณาว่า ‘ใครก็ตามที่ช่วยน้องชายของฉันได้จะให้สิทธิได้เป็นคู่ครองของน้องชายสุดหล่อเท่ของพี่คนนี้ไปเลย’ ยังไงล่ะ ”
“เดี๋ยวเถอะ ท่านพี่!! ”
“ฟุฟุ~ ล้อเล่นน่า ล้อเล่น คงจะมีคนแห่มาเลยก็จริงแต่ก็รับประกันไม่ได้ว่าหนึ่งในนั้นจะมีพวกที่มีเจตนาแอบแฝงอยู่ด้วยรึเปล่านี่นะ”
“ถ -ถ้าเข้าใจแบบนั้นดี ยังไงก็เถอะจะหาทุกคนแบบไม่เลือกหน้าไม่ได้นะท่านพี่ พูดแบบนี้อาจจะดูไม่ดีเท่าไหร่ แต่ว่ามันยังมีคนอย่างท่านเบเรต์อยู่ด้วย…”
อลันลดเสียงลงและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เบเรต์สิน้า…”
“อื้อ ผมได้ยินข่าวลือแย่ๆเกี่ยวกับเขามาเยอะเลย ท่านพี่ก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“ก็จริงที่พี่ก็ได้ยินข่าวลือแบบนั้นมาเหมือนกันแต่ว่า…เป็นคนที่ใช้ได้อยู่นะ เขาน่ะ เป็นคนใจดีอย่างน่าประหลาดเลยล่ะ”
เมื่อได้ยินพี่สาวพูดด้วยนํ้าเสียงที่ดูเป็นมิตรถึง ‘ท่านผู้นั้น’ แบบนี้ อลันก็ขมวดคิ้วมุ่น
“แน่นอนว่าพี่ไม่ได้บอกว่าต้องเชื่อสิ่งที่พี่พูดหรอกนะ แต่พี่มั่นจะว่าถ้าอลันได้เจอกับเขาจะเข้าใจเองแหละ”
“ท่านพี่ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่มั้ย…”
“ใช่สิ จะว่าไงดีล่ะ เบเรต์ค่อนข้างจะเป็นคนที่น่าสงสารนะ พี่เดาว่าน่าจะต้องมีขุนนางบางกลุ่มที่ต้องการลดทอนอำนาจมาร์ควิสของเขาแน่ๆเลยกุข่าวลือแย่ๆที่ดูเกินจริงมากมายขนาดนั้น ”
“ก็จริง ที่ท่านพี่พูดมาก็มีความเป็นไปได้ แต่ว่า…”
“แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องจำไว้ให้ขึ้นใจเลยคือ ถ้าเขายังไม่ได้ทำอะไรเลวร้ายกับนาย นายก็ไม่ควรปักใจเชื่อข่าวลือเหล่านั้นนะ การอุปทานหมู่ไปแบบนั้นตัวคนที่โดนมันก็น่าสงสารออก”
“…น นั่นสินะ ขอโทษครับ ถูกอย่างที่ท่านพี่พูดเลย… ”
“ฟุฟุ~ ถ้าเข้าใจได้ก็ดีแล้วล่ะ”
สำหรับเอเลน่าซึ่งตอนนี้ความสัมพันธ์ค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดีกับเบเรต์ ต้องการให้น้องชายได้เข้าใจถึงตัวตนจริงๆของเบเรต์ด้วยอีกคน
เป็นเรื่องปกติที่จะช่วยสนับสนุนให้กับคนอย่างเบเรต์ในตอนนี้
“เอาล่ะๆ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว เดี๋ยวพี่ไปชงชามาให้นะ”
“ทำไมท่านพี่ไม่วานคนรับใช้ล่ะ?”
“นี่มันก็ดึกแล้ว หรือว่าไม่อยากดื่มชาที่พี่ชงให้งั้นเหรอจ๊ะ?”
“ม ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ขอบคุณนะท่านพี่”
“จ้า ถ้างั้นรอพี่เดี๋ยวนะ”
หลังจากแลกเปลี่ยนคำพูดกันเช่นนั้น เอเลน่าก็เดินออกจากห้องไปที่ห้องครัว
จะมีใครที่สามารถช่วยน้องชายของฉันได้บ้างนะ