การต่อสู้ของผู้หญิงที่ไร้ซึ่งคุณธรรม
ณ สนามต่อสู้ของโรงเรียนหญิงโอโตริ
ขนาดของสนามใหญ่กว่าโรงยิมในโรงเรียนมัธยมทั่วไปหลายเท่าตัวเลยทีเดียว มีที่นั่งสำหรับผู้ชมอยู่ถึง 3 ชั้น แถมยังปรับจำนวน แถมยังสามารถปรับพลังเวทย์ภายในอาคารได้ด้วย…และด้วยเงินสนับสนุนมากมายก็ทำให่ได้มีการขยายจนทำให้มีหุ่นฝึกซ้อมเลยด้วย (ออโต้บอท)
ในโลกนี้นั้น เทอร์มินัลจะถูกเชื่อมเข้ากับอุปกรณ์เวทย์
ถ้าติดตั้งมินิคอนโซลไว้สำหรับสื่อสาร (ในเฟรมที่แยกจากสล็อต) ก็จะสามารถเปิดหน้าต่างขึ้นมาต่อหน้า ซึ่งเอาไว้ใช้โทร ส่งอีเมล แชท หรือแม้กระทั่งท่องโลกอินเตอร์เน็ตเลยล่ะ
มินิคอลโซลนั้น สามารถซิงโครไนซ์เข้ากับสนามต่อสู้ได้ด้วย โดยสามารถปรับบนจอที่ปรากฎขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เป้าหมาย การปรากฎตัวของหุ่นซ้อม รวมถึงภูมิประเทศด้วย และสิ่งที่ทำงานได้มากยิ่งกว่าอุปกรณ์เวทย์แบบนี้ ก็จะเรียกกันว่า อุปกรณ์เวทย์คอนสตรัคเตอร์นั่นเอง
ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ มันก็เหมือนกับเครื่องคิดเลขที่เอาไว้ใช้คำนวณเวทย์โดยเฉพาะนั่นแหละ
แล้วเจ้าเครื่องคำนวณนี่ก็มีติดตั้งไว้ที่บ้านพักตระกูลซันโจไว้ที่ใช้สร้างบาเรียป้องกันเวทย์เหมือนกัน
เนื่องจากมันต้องใช้คอนโซลชนิดพิเศษและต้องเชื่อมต่อแบบสายไฟที่ค่อนข้างซับซ้อน มันจึงต่างจากแนวคิดของอุปกรณ์เวทย์แบบทั่วไป
โดยพื้นฐานแล้ว อุปกรณ์เวทย์คอนสตรัคเตอร์ส่วนใหญ่ก็จะเอาไว้ใช้ในการสร้างบาเรียป้องกันเวทย์ แต่ถ้าต้องการการคำนวณที่มากกว่านั้น ก็อาจจะต้องกำหนดขนาดกับราคาที่ต้องการไว้ให้แน่นอนด้วย
ถึงแม้จะอยู่ในอาคารก็ตามแต่ แต่มันก็สามารถสร้างทราย น้ำทะเล หรือแม้แต่จะเปลี่ยนแรงโน้มถ่วงก็ยังได้…ซึ่งนั่นก็จะแสดงความสุดยอดของอุปกรณ์เวทย์คอนสตรัคเตอร์ก็จะถูกติดตั้งและถ่ายทอดออกมาให้เห็น
สนามต่อสู้นี้มีอยู่ 6 ที่ ในโรงเรียนโอโตริ โดยมีอยู่ที่ 3 หอพักที่ละแห่ง แล้วก็มีอีกสามแห่งในบริเวณโรงเรียนอีก 3 แห่ง ถ้าได้รับอนุญาตจากครูผู้สอนและมีคะแนนที่พอเหมาะ ก็จะสามารถขอใช้สนามต่อสู้ได้อย่างอิสระเลยล่ะ
ถ้าเป็นนักเรียน ก็จะไม่ใช่ว่าจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า เพราะงั้น ถึงแม้จะมี 0 คะแนน แต่ก็ยังได้รับอนุญาตให้เข้าซ้อมได้เป็นบางครั้งอยู่
ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหละ ผมกับลาพิสเลยกำลังนั่งดูสึกิโอริกับเรย์ที่กำลังยืนแนวเดียวกันอยู่ตรงกลางสนามต่อสู้
ที่ด้านล่างของสายตาผม ผมเห็นเรย์สวมชุดเครื่องแบบ แล้วก็หมุนหอกสีเงินและหยุดไว้ข้างตัว
“เอาแบบพื้นฐานดีมั้ยคะ”
พอได้เห็นรูปร่างที่งดงามของเธอ เด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งก็เลยหน้าแดงและส่งเสียงเชียร์ไปให้
เด็กสาวจากตระกูลซันโจคนนั้นได้เข้ามาเรียนที่โรงเรียนหญิงโอโตริ…ผมได้ยินข่าวลือแบบนั้นเข้าหูมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ตอนเข้าโรงเรียนมาได้ไม่กี่วัน เรย์เลยมีแฟนคลับเยอะ เพราะรูปร่างหน้าตาของเธอ ว่ากันว่าถึงกับมีคนทำรูปเรย์มาแลกกันเลยทีเดียว
ซึ่งในทางกลับกัน ฮิอิโระคุงจากตระกูลซันโจนี่ก็ถูกสาว ๆ ในโรงเรียนดูถูกเหยียดหยามเลยทีเดียว มีกระทั่งคำวิจารณ์ดี ๆ อย่างการเป็นไอ้เวรที่ไปพัวพันกับคนอื่นด้วยนะ (เยี่ยมเลย ^^)
เอาล่ะ เรามาพูดถึงการที่สึกิโอริถูกท้าดวลกันดีกว่า
“ได้หมดเลยนั่นแหละ หรือจะเอาแบบที่เธอชนะได้ง่าย ๆ มั้ยล่ะ?”
เธอพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ พร้อมกับเหวี่ยงไลท์ไนท์ฮันท์…อุปกรณ์เวทย์ที่มีรูปร่างเป็นดาบยาวไปรอบ ๆ
เหล่าสาว ๆ จ้องไปที่สึกิโอริกันอย่างเร่าร้อน
ดวงตาของพวกเธอกระพริบซ้ำ ๆ แล้วก็มีความชื้นเล็กน้อย
ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก็เห็นได้เลยว่ามีความรู้สึกในเชิงโรแมนติกกับสึกิโอริ บางทีแล้ว ความเป็นเพลย์บอยโดยธรรมชาติของตัวเอกอาจจะทำให้สาว ๆ หลงไปอย่างไม่รู้ตัวเลยแน่ ๆ
“ฮิอิโระ แบบพื้นฐานนี่คืออะไรงั้นเหรอ?”
ที่นั่งที่อยู่รอบตัวของผมนั้นว่างเปล่า
ถึงแม้เธอจะสังเกตเห็นสถานการณ์แปลก ๆ นี่แล้ว เธอก็ยังมานั่งข้าง ๆ และคอยถามผมอยู่
“การท้าดวล…ถึงจะเรียกว่าเป็นการฝึกซ้อม แต่ถ้าปกติคนเราจะฆ่าแกงกันมันก็ต้องใช้เวทย์ฆ่ากันให้ตายไปข้างใช่มั้ยล่ะ? เพราะแบบนั้นมันจึงต้องมีการกำหนดเกณฑ์ในการแพ้ชนะไว้อย่างชัดเจนยังไงล่ะ”
“ก็แปลว่าเงื่อนไขที่ว่านั่นก็คือรูปแบบมาตรฐานอย่างหนึ่งสินะ?”
“ตามนั้นแหละ รูปแบบพื้นฐานที่ว่านั่นก็คือกฎที่ใช้กันทั่วไปในการฝึกซ้อม ถ้าใครสามารถทำลายบาเรียเวทย์ของฝ่ายตรงข้ามที่สร้างขึ้นมาจากอุปกรณ์เวทย์คอนสตรัคเตอร์ได้ก่อน 3 ครั้ง ก็จะเป็นฝ่ายชนะ”
“สรุปก็คือ ต้องโจมตีฝ่ายตรงข้ามด้วยเวทย์ทั้งหมด 3 ครั้งสินะ?”
“เยส ในการดวลนั้น นอกจากกฎที่ห้ามไว้ จะทำยังไงก็ได้เพื่อให้ชนะ และถ้าคู่ต่อสู้แพ้หรือยอมแพ้ การแข่งนั้นก็จะจบลง”
ลาพิสพยักหน้าและมองมาทางผมด้วยความสนใจ
“ก็พอเข้าใจเงื่อนไขแล้วล่ะ แต่ว่า…เราจะไม่หยุดสองคนนั้นไว้มันจะดีเหรอ?”
“……”
บอกตามตรง ผมเองก็ไม่รู้เลยว่าควรจะหยุดดีรึเปล่า
ถ้านี่เป็นเกมล่ะก็ ในค่ายฝึกปฐมนิเทศ พวกตัวเอกจะถูกจับคู่ให้ต่อสู้กัน
ซึ่่งนั่นก็เป็นจุดที่ทำพวกเขาให้ได้รับความสนใจสุด ๆ เลยทีเดียว
แต่คนที่ควรได้รับความสนใจมากที่สุดอย่างสึกิโอริ กลับมาอยู่กับผมและคุณหนูปากร้ายไปซะได้ ซึ่งนั่นถือเป็นสิ่งที่เกินคาดมากสำหรับผม และที่แย่กว่านั้นคือมันแย่มากซะจนแทบอยากจะอ้วกเลย
ถ้าผม OUT แล้ว เรย์หรือลาพิส IN หรือให้ผมกับคุณหนู OUT แล้วเอาลาพิสกับเรย์ IN แทน น่าจะดีกว่าการที่ไม่ได้มีนางเอกหลักอยู่เลย แต่การได้อยู่กับไอ้ผู้ชายที่อยู่ท่ามกลางยูริแบบนี้เนี่ย ไม่สิ้นหวังก็ไม่รู้จะเรียกอะไรแล้ว
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปละก็ ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างสึกิโอริกับเหล่านางเอกจะยิ่งเป็นไปได้ช้าลงแน่ ๆ
ที่จริงแล้ว การดวลครั้งนี้มันควรจะเป็น [อีเวนต์ท้าดวล] ระหว่างสึกิโอริกับลาพิสด้วยซ้ำ
ในจุดนั้น ลาพิสที่แพ้ให้กับสึกิโอริจะค่อย ๆ เริ่มจับตามองไปที่เธอ แม้ว่าช่วงแรกบรรยากาศจะไม่ได้ดีนัก แต่พอพัฒนาไปเรื่อย ๆ พวกเธอก็จะค่อย ๆ เริ่มชอบกันมากขึ้น แต่การที่เรย์เป็นคนมาขอท้าดวลแบบนี้นี้มันก็เป็นอะไรที่เกินคาดสำหรับผมเหมือนกัน
แต่ว่านี่ก็ถือเป็นโอกาสเหมือนกัน…อีเวนต์ระหว่างสึกิโอริกับนางเอกนี่แหละที่จะกลายไปเป็นเส้นทางยูริของทั้งสองในอนาคตยังไงล่ะ
เพราะแบบนั้นแหละ ผมถึงไม่คิดจะหยุดทั้งสองคนไว้ เพราะผมเชื่อว่านี่จะเป็นอนาคตอันสดใสยังไงล่ะ!!
“ถ้าฉันชนะล่ะก็”
เรย์ยิ้มและพูดพร้อมกับเหวี่ยงหอกไปรอบ ๆ
“ช่วยอย่าเข้ามาใกล้ท่านพี่อีกเป็นครั้งที่สองนะคะ แล้วก็จะขอเปลี่ยนกลุ่มที่ไปค่ายปฐมนิเทศด้วยค่ะ”
“อา…เธอคือน้องสาวของฮิอิโระคุงสินะ”
สึกิโอริยิ้มออกมาในระหว่างที่เล่นกับคอนโซล
“แต่ว่าเธอน่ะอ่อนแอนะ ถึงแม้เธอความสามารถพื้นฐานจะดูสูงก็เถอะ…แต่ก็คงได้ฝึกอยู่แค่ในที่ที่ดูเหมือนกับสนามเด็กเล่นล่ะสินะ? เคยมีประสบการณ์ในการสู้จริงรึเปล่าล่ะ? พอเห็นพี่ชายสุดที่รักกำลังจะถูกแย่งไป ก็เลยใจร้อนอยากได้คืนรึไง?”
เรย์ชี้ปลายหอกไปที่สึกิโอริ
“ไม่สบอารมณ์เลยค่ะ…ท่านพี่น่ะ ไม่ใช่คนที่คนอย่างคุณควรจะเข้าใกล้เลยค่ะ”
“ฮิอิโระคุง”
สึกิโอริโบกมือมาให้กับผมที่นั่งอยู่ที่นั่งผู้ชม
“คุณน้องสาวอาจจจะร้องไห้เอาได้นะ ไม่เป็นไรใช่มั้ย?”
“ไม่ได้ ถ้าทำให้เธอร้องไห้ล่ะก็ ฉันเองก็คงร้องไห้ด้วยแน่ ฉันจะร้องไห้ ร้องไห้ ร้องไห้แน่ ๆ เห็นปะ จะร้องไห้แล้วเนี่ย”
“ถ้าแบบนั้นก็แย่น่ะสิ”
สึกิโอริเสยผมสวย ๆ ของเธอ
“ก็ฉันอยากจะให้ฮิอิโระคุงยิ้มได้ตลอดเลยนี่นา”
ทำไมยัยนี่ถึงได้ขยันพูดคำพูดที่จะทำให้คนอื่นหลงด้วยฟะเนี่ย…?
พอผมหลงเข้าไปในภวังค์ ลาพิสที่อยู่ข้าง ๆ ก็จ้องมาด้วยสีหน้าแปลก ๆ
“ทำไมสึกิโอริ ซากุระถึงได้หลงนายขนาดนั้นเลยล่ะ…? มีคู่หมั้นอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ แบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ…?”
“ยัยนั่นก็คงยังไม่ได้คาดไว้ล่ะนะ ก็มีแผนที่จะบอกเกี่ยวกับเรื่องคู่หมั้นไว้อยู่หรอกนะ…แต่ทำแบบนั้นตอนหลังค่ายฝึกจบน่าจะดีกว่า…”
“เอ๊ะ…นะ…นี่นายยังไม่ได้บอกเรย์เหรอ…?”
“ยังเลยล่ะ ฉันกำลังพยายามหาจังหวะที่จะบอกพร้อมกับสโนว์อยู่น่ะนะ”
“……”
“……”
“……”
“…อะไร ไอ้ [เอ๊ะ] ตะกี้นี้มันหายความว่ายังไงน่ะ?”
ผมหันไปหาลาพิสที่กำลังเบือนหน้าหนีช้า ๆ
“เฮ้ย ทำไมเธอถึงทำหน้าตกใจแบบนั้นกันเล่า…แล้วจะหันไปทางอื่นทำไม…มองมาทางนี้นะ…ฉันจะไม่โกรธ…ฉันจะไม่โกรธ…บอกมาตรง ๆ เลยนะว่าเธอทำอะไรลงไป…”
“..สิ”
“อะไร?”
ลาพิสหันหน้าไปทางอื่นด้วยสีหน้าที่เหมือนจะขอโทษพร้อมพึมพำ
“ฉะ…ฉันบอกเรย์ไปแล้วน่ะสิ…เรื่องที่ฮิอิโระมีคู่หมั้นแล้วน่ะ…”
เข่าผมทรุดลงกับพื้น
เสียงครวญครางเริ่มออกมาจากลำคอของผม
“ละ…แล้วน้องสาวฉัน…ว่ายังไงบ้าง…?”
“ก็บอกว่า [งั้นเหรอคะ] แล้วก็ยิ้มออกมา…แต่ตากลับไม่ได้ดูยิ้มด้วยเลยซักนิด…”
อะเฮะ เฮ้ อะโฮะ โฮะโฮะ เอะเฮะเฮะเฮะ (ร่ำไห้)
“ขะ…ขอโทษนะฮิอิโระ…ก็เห็นเป็นครอบครัวเดียวกันกับฮิอิโระด้วย…ถ้าเป็นเรื่องหมั้นกัน ฉันก็คิดว่านายน่าจะบอกเป็นคนแรก ๆ อยู่แล้ว…ฉันเองที่คิดว่าเรย์น่าจะรู้อยู่แล้วก็เลยได้คุยอะไรกับเธอหลายอย่างเลยด้วย…ขอโทษด้วยจริง ๆ นะ…อย่าร้องไห้เลย…”
“ไม่ได้ร้องซะหน่อย(ร้องไห้)”
“กะ…ก็ร้องอยู่นี่…”
ถัดไปจากผมที่กำลังถูกลาพิสปลอบอยู่ ตรงกลางระหว่างการต่อสู้ สึกิโอริและเรย์ต่างจ้องมองซึ่งกันและกัน
“ท่านพี่น่ะ มีคู่หมั้นอยู่แล้วนะคะ”
อ้าก รู้แล้วจริง ๆ ด้วย!!
“รู้อยู่แล้วล่ะ”
แล้วทำไมสึกิโอริถึงได้รู้ล่ะ!?
ผมหันหลังกลับไปกระซิบกับลาพิสที่กำลังหลังงอแลหดตัวลง
“ลาพิส…นี่อย่าบอกนะว่าเธอ…?”
“กะ…ก็สึกิโอริซากุระพยายามจะเข้าหาฮิอิโระนี่นา…การที่จะมาเข้าหาคนที่มีคู่หมั้นอยู่แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องดี…เอ่อ…ฉันก็เลยจะสอนเธอให้รู้เรื่องนั้น…ตะ…แต่ยัยนั่นไม่ฟังฉันเลย…”
“…(ย้อนภาพในหัว)”
ผมยิ้มให้กับลาพิสที่กำลังขอโทษด้วยหน้าตาที่ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้
“ไม่เป็นไร ฉันจัดการกับวิกฤติของตัวเองได้ไม่ดีพอเองล่ะนะ ฉันเองก็ไม่เคยบอกเธอว่า [อย่าเอาไปบอกใครนะ] ด้วยนี่นา ไม่เป็นไรหรอกน่า…ยังพอจะทำอะไรได้อ–“
“ท่านพี่ไม่มีทางจะหมั้นโดยไม่ปรึกษากับฉันก่อนหรอกค่ะ คุณเป็นคนหลอกท่านพี่ให้พูดโกหกแบบนั้นใช่มั้ยล่ะคะ?”
“อา นั่นน่ะเป็นคำพูดของฉันต่างหากล่ะ เพราะฮิอิโระคุงจะถูกแย่งไป ก็เลยใช้ไหวพริบตื้น ๆ ทำแบบนี้ ไม่ใช่รึไง?”
อ่าาา~ ^ ^ ชิบหายแล้วครับพี่น้อง~~ ^^
จิตสังหารของทั้งสองเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
พวกเธอทั้งสองคนเล็งอุปกรณ์เวทย์เข้าหากัน
“เตรียมตัวเอาไว้เถอะค่ะ ฉันจะเอาชนะคุณแทนส่วนของท่านพี่เอง”
“ก็เอาสิ เดี๋ยวฉันจะช่วยแก้อาการบราค่อนนั่นให้เองแล้วกัน”
หุ่นฝึกซ้อมอัตโนมัติ เป็นผู้ตัดสิน ได้เริ่มสัญญาณการแข่งขัน–
“โทษที คงต้องไปหยุดไว้จริง ๆ แล้ว่ละ”
“เอ๊ะ!? เดี๋ยวสิ ฮิอิโระ!?”
ผมได้กระโดดเข้าไประหว่างการต่อสู้ของทั้งสองคน
[ติดตามเรื่องนี้ได้ที่เพจ Okuse-Translator]