บทที่ 81 สวรรค์! ข้าจะใช้ค่าพลังวิญญาณมากมายขนาดนี้ให้หมดได้อย่างไร?
บทที่ 81 สวรรค์! ข้าจะใช้ค่าพลังวิญญาณมากมายขนาดนี้ให้หมดได้อย่างไร?
คนสองคนที่อยู่นอกประตูรอไม่นานนัก ก่อนที่ผู้อาวุโสใหญ่จะเปิดประตูจากด้านในออกมา
หลิงเยว่เดินเข้าหาอย่างกังวล
“โชคดีที่เขาฟื้นตัวในช่วงเวลาวิกฤต และได้รับการรักษาบาดแผลไปมากมายแล้ว อย่ากังวลไปเลย เขาจะตื่นขึ้นมาในอีกสองวัน”
ดีแล้ว ดีแล้ว…
หลิงเยว่รู้สึกโล่งใจจริง ๆ “ผู้อาวุโสใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าอยู่ที่ไหนหรือเจ้าคะ?”
“ถูกส่งไปเก็บร่าง… แค่ก ๆ นางไปรักษาผู้บาดเจ็บน่ะ”
ผู้อาวุโสใหญ่เปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว ในรอบสุดท้าย เหล่าลูกศิษย์ต่างพยายามเสี่ยงชีวิตเพื่อติดสิบอันดับแรกกันทั้งสิ้น จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่พวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส และด้วยแก่นปราณพฤกษาของหลงหว่านโหรวมีความสามารถในการรักษาที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่จะส่งนางและเหล่าหมอไปรักษาผู้คน
“ขอบคุณเจ้าค่ะผู้อาวุโสใหญ่!” หลิงเยว่หยิบชุดอาหารวิญญาณแบบพิเศษออกมาจำนวนมาก และยัดมันให้กับผู้อาวุโสใหญ่ทันที
ผู้อาวุโสใหญ่ที่ปากปฏิเสธ ทว่ามือกลับรับอาหารวิญญาณมาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าชราของเขายิ้มราวกับดอกไม้บาน
ไม่เหมือนกับโม่จวินเจ๋อที่มีใบหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนแปลง
หลิงเยว่รู้สึกเศร้าใจหลังจากส่งผู้อาวุโสใหญ่กลับไป ก่อนหน้านี้นางอดหลับอดนอนเพื่อทำอาหารวิญญาณในช่วงการประลองหลายวันที่ผ่านมา แต่หลังจากนำทั้งหมดนั่นไปขายและแจกจ่าย ทำให้ตอนนี้เด็กสาวไม่เหลือแม้แต่อมยิ้มสักอันเดียว
นางใช้โอกาสนี้นับหินวิญญาณที่เก็บเกี่ยวได้ โดยก้อนที่ใหญ่ที่สุดคือแหวนมิติที่ชิงยวนมอบให้มา เด็กสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีหินวิญญาณอยู่ข้างในกี่ก้อน และมันพอใช้ชำระหนี้ได้หรือไม่?
เมื่อเปิดแหวนมิติ หินวิญญาณก็หล่นกระจายปกคลุมเต็มพื้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปกคลุมเต็มพื้นห้องนั่งเล่นไปหมด
ดวงตาของหลิงเยว่เบิกกว้าง เมื่อนางมองเข้าไปในแหวนมิติอีกครั้ง ก็พลันมองเห็นขวดใส่โอสถมากมายที่หากให้นางกินเอง ไม่แน่ใจว่าจะหมดเสียด้วยซ้ำ
นี่มัน… ใจกว้างเกินไปแล้ว
ด้วยจำนวนทั้งหมดนี้ นางน่าจะไม่ต้องลำบากทำงานหนักอีกต่อไป เพียงกิน ๆ นอน ๆ หินวิญญาณทั้งหมดนี้ก็พอใช้ไปจนวันตายแล้ว!
หลิงเยว่ฝังตัวเองอยู่ในทะเลหินวิญญาณ พลางนอนกลิ้งกางแขนขาไปมาด้วยสีหน้าที่ดูเคลิบเคลิ้ม ซึ่งทำให้ริมฝีปากของโม่จวินเจ๋อที่เฝ้าดูอยู่กระตุก
“จริงสิ!” หลิงเยว่ลุกขึ้นนั่ง หยิบขวดโอสถออกมาแล้วมอบให้โม่จวินเจ๋อ “ท่านแบ่งหินวิญญาณไปด้วยเถิดเจ้าค่ะ”
จำนวนหินวิญญาณที่นางได้รับมามีเกินสามร้อยล้านก้อน ซึ่งอาจจะถึงหนึ่งพันล้านเป็นแน่ ดังนั้นการแบ่งบางส่วนให้กับโม่จวินเจ๋อย่อมไม่ใช่เรื่องเสียหายสำหรับหลิงเยว่
“ข้ามีของตัวเองอยู่แล้ว”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง โม่จวินเจ๋อรู้สึกมีความสุข เมื่อเห็นท่าทีของอีกฝ่ายว่าต้องการจะแบ่งหินวิญญาณให้เขาอย่างใจกว้างเช่นนั้น
“ใครจะปฏิเสธการมีหินวิญญาณและโอสถมากกว่าเดิมได้กัน? ถึงแม้ท่านจะไม่อยากได้ แต่ข้าก็ยังยืนยันจะให้เจ้าค่ะ!”
หลิงเยว่พ่นลมหายใจ ก่อนจะยื่นถุงเก็บของที่ว่างเปล่าให้โม่จวินเจ๋อโกยหินวิญญาณใส่ถุงเอาเอง
“เจ้าให้ถุงเก็บอาหารวิญญาณแก่ข้าจะดีกว่า” โม่จวินเจ๋อกระซิบ และปฏิเสธที่จะยอมรับถุงเก็บของที่ยื่นมาให้
ชายหนุ่มมั่นใจในทักษะการทำอาหารของนางมาก ซึ่งทำให้หลิงเยว่รู้สึกมีความสุข
“เมื่อถึงเวลาที่ท่านแข่งขันอีกรอบ ข้าจะทำอาหารใส่ถุงเก็บของให้ท่านเองเจ้าค่ะ!”
“อืม” ชายหนุ่มมีดวงตาสีลูกท้อ ยกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อย
“ท่านไม่ต้องการโอสถและหินวิญญาณเหล่านี้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”
โม่จวินเจ๋อส่ายหน้า
“ท่านนี่ช่าง…”
หลิงเยว่พูดเบา ๆ แต่นางก็เข้าใจได้ว่าด้วยตัวตนของอีกฝ่ายในฐานะลูกชายบุญธรรมของเจ้าสำนัก เขาจะขาดหินวิญญาณและโอสถได้อย่างไร
ถ้าเป็นเมื่อก่อนนางคงจะอิจฉามาก แต่ตอนนี้มันแตกต่างออกไปแล้ว!
นางมีอาจารย์ของตัวเองแล้ว และท่านอาจารย์ก็ใจกว้างนัก ทว่าหากนางแบ่งโอสถสักส่วนที่มีอยู่ในตอนนี้ไปให้คนภายนอก นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการนองเลือดแล้ว!
เนื่องจากหลิงเยว่ไม่สามารถแบ่งให้กับโม่จวินเจ๋อได้ และไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บหินวิญญาณจำนวนมากเอาไว้เช่นนี้ หลิงเยว่จึงเก็บมันทั้งหมด เพื่อแลกเป็นค่าพลังวิญญาณ
หินวิญญาณระดับต่ำหนึ่งพันล้านก้อนถูกแลกเปลี่ยนเป็นค่าพลังวิญญาณหนึ่งร้อยล้านแต้ม หลังจากชำระหนี้ทั้งหมดนางก็ยังมีเหลือมากกว่าหกสิบล้านแต้มแล้ว
สวรรค์! ข้าจะใช้แต้มพลังวิญญาณมากมายขนาดนี้ให้หมดได้อย่างไร?
“เจ้ามีความสุขขนาดนั้นเลยหรือ?”
โม่จวินเจ๋อรู้สึกงุนงง โอสถและอาวุธวิญญาณที่หลิงเยว่มีตอนนี้ต่างเป็นของดีทั้งนั้น นางไม่จำเป็นต้องใช้หินวิญญาณมากมายเพื่อให้ได้มาซึ่งของเหล่านั้นเลย ถึงแม้ว่าเด็กสาวจะต้องใช้พวกมันในการบำเพ็ญ แต่ก็คงไม่มีทางใช้พวกมันหมดในสิบปีเป็นแน่
“ท่านไม่เข้าใจหรอกเจ้าค่ะ”
ในฐานะคนที่เติบโตมาโดยไม่ขาดอะไร ชายคนนี้ย่อมไม่เข้าใจความสุขของการที่เป็นคนจนและจู่ ๆ ก็ร่ำรวยขึ้นมา หนำซ้ำยังสามารถชำระหนี้ได้หมดในทันทีเช่นนี้แน่
ความรู้สึกเป็นหนี้มันน่าอึดอัดนัก
หนี้เงินนั้นชำระง่าย แต่หนี้บุญคุณนั้นคืนได้ยาก!
หลิงเยว่เหลือบมองโม่จวินเจ๋อชายผู้ไม่ขาดสิ่งใดเลย
ไม่สิ ยังมีบางอย่างที่เขาขาดอยู่ โม่จวินเจ๋อขาดศิลาโบราณที่ใช้ในการพัฒนากระบี่เหมันต์เร้นลับระดับกึ่งเทวะให้กลายเป็นกระบี่ระดับเทวะที่สมบูรณ์ซึ่งมีมูลค่าพันล้านแต้ม!
หลิงเยว่ที่เพิ่งคิดว่าจะใช้ค่าพลังวิญญาณมากกว่าหกสิบล้านแต้มอย่างไรให้หมด ก็พลันถอนหายใจ
ดูคล้ายแต้มหกสิบล้านจะมาก อย่างน้อยก็มากกว่าค่าพลังวิญญาณสามหมื่นกว่าแต้มที่นางมีก่อนหน้านี้ แต่เมื่อระดับการบำเพ็ญสูงขึ้น มูลค่าของสิ่งต่าง ๆ ที่นางจำเป็นต้องแลกในระบบก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีเช่นกัน ซึ่งเมื่อคิดดี ๆ แต้มหกสิบล้านก็น่าจะใช้จ่ายได้ไม่นานนัก
ตัวอย่างเช่นหากนางซื้อวัสดุทั้งหมดเพื่อซ่อมแซมเจดีย์มารจองจำเบญจธาตุ แต้มหกสิบล้านของนางก็คงหมดพอดี
อารมณ์ของหลิงเยว่เหมือนกับท้องฟ้าที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตอนแรกอากาศแจ่มใส แต่พริบตาต่อมาฝนก็เริ่มตกเสียแล้ว
“คราวที่แล้วพวกเราย่างนกเลี้ยงฉลอง ครั้งนี้จะทำอะไรกินดีเล่าเจ้าคะ?”
การพัฒนาสูตรอาหารวิญญาณหายากยังคงอยู่ในความสนใจของนางเช่นเดิม
“ปลาย่างดีหรือไม่? ผู้นำยอดเขาต้วนเลี้ยงปลาหายากไว้หลายตัว มันคงจะอร่อยน่าดูเลย” โม่จวินเจ๋อยืนขึ้นและกำลังจะออกไปยืมพวกมัน…
“เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ” หลิงเยว่หยุดอย่างรวดเร็ว “คราวที่แล้วท่านและศิษย์พี่หญิงอวี้เอาสัตว์อสูรกลับมามากมาย แค่เลือกสักหนึ่งตัวก็เพียงพอสำหรับพวกเราแล้วเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มรู้สึกผิดหวัง ลวดลายบนตัวปลาหายากเหล่านั้นมีสีสันสวยงามตระการตาภายใต้แสงแดด มันดูน่าอร่อยจริง ๆ
แต่เมื่อหลิงเยว่พูดเช่นนี้ โม่จวินเจ๋อก็ต้องยอมเก็บความคิดเกี่ยวกับปลาหายากเหล่านั้นไว้ชั่วคราว
ตอนนี้มีหมูดำดินเหลือมากที่สุด เนื้อสัมผัสของมันนุ่มมาก ทั้งยังมีขนาดตัวที่ใหญ่ ส่วนหนัง… เมื่อย่างจนกรอบ จะทำให้ในปากเต็มไปด้วยไขมันและมีกลิ่นหอม…
เพียงจินตนาการถึงรสชาติก็ทำให้หลิงเยว่น้ำลายสอ เหล่าสหายที่ชอบกินเนื้อของนางจะต้องชอบมันมากอย่างแน่นอน
เอาละ มากินหมูย่างทั้งตัวกันเถิด!
ทันทีที่เอาหมูดำดินออกมา ตัวของมันก็กินพื้นที่หนึ่งในสามของห้องครัวทั้งหมดแล้ว
หมูดำดินนั้นแตกต่างจากหมูป่าและหมูบ้าน ตรงที่มีขนสีน้ำตาล งาสองคู่ของมันทั้งหนาและแหลมคม ดูดุร้ายน่ากลัว แม้ว่ามันจะตายแล้ว ทว่าปราณธาตุดินที่สถิตในร่างกายยังคงแข็งแกร่ง
พวกเขาทั้งสองทำงานร่วมกันเพื่อจัดการกับหมูดำดิน
“ข้าไม่รู้เลยว่าศิษย์พี่หญิงอวี้แข่งจบแล้วหรือยัง?”
เมื่อมองดูชายหนุ่มจอมซุ่มซ่าม หลิงเยว่ก็คิดถึงอวี้เจินคนที่ทำหน้าที่จัดการชำแหละวัตถุดิบอยู่เสมอ
โม่จวินเจ๋อรู้สึกเสียใจ เพราะหลิงเยว่กลับทำหน้าตาเหมือนว่าเขาไม่ดีเท่าผู้หญิงบ้าบิ่นอวี้เจินนั่น
“ศิษย์น้องหลิง ของขายหมดแล้ว! หนำซ้ำไม่ว่าเจ้าจะมีอีกเท่าใด มันก็คงไม่พอขาย!” เสียงของฉีซิวซีดังมาก่อนที่ตัวของเขาจะมาถึงเสียอีก
เมื่อเห็นประตูหอกลั่นโอสถเปิดอยู่ เขาก็เดินเข้ามาอย่างเซื่องซึม
เมื่อฉีซิวซีเห็นชายหนุ่มและเด็กสาวกำลังยุ่งอยู่กับการชำแหละหมูดำดินตัวใหญ่ เขาพลันชี้ไปที่โม่จวินเจ๋อ ดวงตาของเขาแทบจะถลนออกมา
“อาจารย์… อาจารย์อาโม่?”
“พอดีเลย เจ้ามาช่วยข้าหน่อยสิ”
โม่จวินเจ๋อไม่ต้องคิดเลย อวี้เจินยังไม่ปรากฏตัว ดังนั้นเขาก็ควรให้ผู้ฝึกกายาอีกคนมาทำหน้าที่นี้แทนใช่หรือไม่?
หากคนเดียวไม่ได้ผลเขาจะไปลากมาอีกสองคน!
“เอ่อ…” ฉีซิวซีลังเล แต่ก็ค่อย ๆ เข้าร่วมในการกำจัดขนของหมูดำดิน
หลิงเยว่เงยหน้าขึ้นชี้ไปยังใบหน้าที่น่าสมเพชของฉีซิวซีแล้วหัวเราะออกมาเสียงดัง หากสังเกตดี ๆ จะสามารถมองเห็นรอยหมัดที่อยู่บนใบหน้าของเขาได้
“หน้าท่านไปโดนอะไรมาน่ะ โดนกระทืบมาหรือเจ้าคะ?”
ฉีซิวซีเหลือบมองหลิงเยว่อย่างหงุดหงิด รู้อยู่แล้วยังจะถามด้วยเหตุใดอีก!
ไม่ใช่ว่ามันเกิดเพราะการช่วยนางขายของหรอกหรือ?
“เพื่อที่จะช่วยเจ้าขายของ ทั้งร่างกายและจิตใจของข้าต่างได้รับบาดเจ็บทั้งนั้น เจ้าจะชดเชยข้าอย่างไรศิษย์น้องหลิง?”
“หมูย่าง…” หลิงเยว่เกือบจะโพล่งออกมา “ข้าจะมอบของว่างให้ท่านสองชุด”
“เพียงของว่างสองชุดเท่านั้นหรือ!” ฉีซิวซีชี้ที่ใบหน้าของนางอย่างไม่อยากจะเชื่อ อีกฝ่ายพูดเช่นนี้ได้อย่างไร?
“ก็ได้เจ้าค่ะ เมื่อหมูดำดินย่างเสร็จแล้ว ท่านสามารถนำกลับบ้านได้หนึ่งจานเมื่อท่านกินอิ่มแล้วนะเจ้าคะ”
“ข้าต้องลองชิมดูก่อนว่าหมูย่างมีรสชาติดีหรือไม่ ไม่เช่นนั้น… เจ้าต้องให้ของว่างข้าเพิ่มอีกยี่สิบชุด!”
“ตกลงเจ้าค่ะ…”
หลิงเยว่ทำหน้ากวน ก่อนมองดูหมูทั้งตัวที่นางจะเอามาย่างหลังจากนี้ รอก่อนเถิด!