บทที่ 857 หลี่จิ่วเต้า ‘หากเป็นข้า ข้าจะกำจัดเจ้าอย่างสมบูรณ์!’
ท่องยุทธภพตวัดกระบี่กำจัดเหล่าตัวร้าย วันนี้หลี่จิ่วเต้าทำได้แล้ว!
ทว่าเขากลัวและไม่นึกดีใจแม้แต่น้อย มันตรงกันข้าม เพราะเขารู้สึกหนักอึ้งในใจนิดหน่อย
เขายอมไม่พบเจอปีศาจร้ายยังดีกว่าให้สัตว์ประหลาดสีเลือดเช่นนี้ปรากฏ
สัตว์ประหลาดสีเลือดเหล่านี้ดุดันโหดเหี้ยมกันทั้งหมด ทันทีที่อ้าปากก็สามารถกลืนกินสิ่งมีชีวิตไปได้จำนวนมาก ไม่มีแม้แต่กระดูกคายออกมา เขาเห็นแล้วรู้สึกแย่เป็นหนักหนา
“ฆ่า!”
จิตสังหารของชายหนุ่มพลุ่งพล่าน ขี่อยู่บนหลังกิเลนไฟ กระบี่ฉุนจวินเคลื่อนไหวตามกระแสจิตของตนเอง
แสงกระบี่เจิดจ้า วิถีกระบี่มหาศาลพวยพุ่ง สัตว์ประหลาดสีเลือดตนใดที่เขาหมายหัวล้วนหนีไม่พ้น ต้องถูกกระบี่ฉุนจวินสังหารทั้งสิ้น
จากนั้นหลี่จิ่วเต้าขี่กิเลนไฟขึ้นมาอยู่บนท้องฟ้าระดับสูงพลางก้มมองลงไป ดูว่ายังเหลือปีศาจสีเลือดอยู่อีกหรือไม่
“ยังมีอีก!”
เขาเจออีกจำนวนหนึ่ง จึงควบกิเลนไฟรุดหน้าไปที่นั่นอย่างรวดเร็ว ไม่ยอมปล่อยสัตว์ประหลาดสีเลือดแม้แต่ตัวเดียว
…
ตู้ม!
ขณะเดียวกัน ใครบางคนกำลังต่อสู้ดุเดือดอยู่กับสัตว์ประหลาดสีเลือด ปะทะกันจนห้วงมิติบิดเบี้ยว ปริภูมิเวลาขาดสะบั้น
เขานั้นดุดันอย่างยิ่ง พลังกล้าแกร่ง สัตว์ประหลาดสีเลือดผู้ไร้เทียมทานยังต้องปราชัยให้กับเขา ผ่านไปไม่นาน เขาก็สังหารสัตว์ประหลาดสีเลือดตัวนี้ลงได้อย่างสิ้นเชิง!
“สิ่งเหล่านี้คือ…”
เขามีสีหน้าเคร่งเครียด หัวใจหนักอึ้ง สัตว์ประหลาดสีเลือดเหล่านี้ชวนให้เขานึกถึงเรื่องราวบางอย่าง
“หรือจะเป็นศพโลหิตร่างนั้น!”
เขาเงยหน้าฉับพลัน สายตาทอประกายหวาดผวา หากสิ่งที่เขาคิดเป็นจริง เช่นนั้นใต้หล้านี้ต้องเกิดหายนะครั้งใหญ่แน่!
ก่อนกาลเวลาอันยาวนานเริ่มขึ้น โลกหลังฉากเคยเกิดการจลาจลใหญ่อยู่ครั้งหนึ่ง ศพโลหิตร่างหนึ่งปรากฏตัวออกมาฉับพลัน สยดสยองเป็นพิเศษ บรรดายอดฝีมือหลังฉากล้วนมิใช่คู่มือของศพโลหิต
ครานั้น มีสัตว์ประหลาดสีเลือดปรากฏตัวเช่นกัน ก่อเกิดขึ้นจากปราณศพในศพโลหิต พลังของยอดฝีมือผู้ถูกกลืนกินจะถูกส่งไปยังศพโลหิต
ไม่มีผู้ใดรู้ภูมิหลังและที่มาที่ไปของศพโลหิตร่างนี้ ครานั้น สิ่งมีชีวิตในโลกหลังฉากปวดหัวแทบแย่
ประมุขแห่งสรวงสวรรค์นำกองทัพสวรรค์เข้าบดขยี้ศพโลหิต สุดท้าย กองทัพสวรรค์ถูกศพโลหิตกลืนกินตายไปกว่าครึ่ง
พระอมิตาภะพุทธเจ้านำทัพเหล่าพระอรหันต์ต่าง ๆ แห่งพุทธศาสนากางค่ายกลพุทธะสะท้านโลกันตร์ เชื่อมต่อกับพลังพุทธภูมิอันมากมายนับไม่ถ้วน บริกรรมบทสวดทุกคืนวันหมายจะกำราบศพโลหิต ทว่าก็ไม่สำเร็จ
ค่ายกลพุทธะสะท้านโลกันตร์แหลกลาญ กระทั่งพระอมิตาภะพุทธเจ้ายังเลือดไหลไม่หยุด พระอรหันต์ต่าง ๆ มรณภาพ
บรรพจารย์เต๋าผู้ทรงพลังออกโรงกันถ้วนหน้าพร้อมกับศาสตราเต๋าไร้เทียมทานนับคณา แต่ยังไม่ไหว ศาสตราเต๋านั้นมิอาจแผ้วพานศพโลหิตได้เลย
ช่างเป็นศพแสนน่าสะพรึงจริง ๆ สิ่งมีชีวิตหลังฉากมากมายรู้สึกสิ้นหวัง มองไม่เห็นโอกาสชนะเลย
“ข้าเองก็ออกโรงเช่นกัน กระบี่มรกตเกือบแหลกเหลวเพราะการนี้!”
คนผู้นั้นเอ่ย เขาก็คือตาเฒ่าขี้เมานั่นเอง
เขามิได้ไปจากอาณาจักรนี้ หากแต่มาพบกับสัตว์ประหลาดสีเลือด เริ่มแรกเขาก็รู้สึกคุ้นเคยกับสัตว์ประหลาดสีเลือดชนิดนี้ บัดนี้เขาแน่ใจได้แล้วจริง ๆ
“ต่อมาจู่ ๆ ศพโลหิตร่างนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่ในโลกหน้าฉาก!”
เขาหลับตา คลี่แผ่ญาณสัมผัส ในเมื่อมีสัตว์ประหลาดสีแดงอยู่ที่นี่ เช่นนั้นศพโลหิตก็ต้องอยู่ในอาณาจักรนี้แน่นอน
“ที่นั่น…เองหรือ!”
เขาลืมตา จับพลังปราณของศพโลหิตได้จริง ๆ มันอยู่ในยอดเขาซึ่งกระบี่ฉุนจวินปรากฏ!
‘ศพโลหิตมิได้หายไปกะทันหัน หากแต่ถูกกระบี่ฉุนจวินสะกดไว้ในโลกหน้าฉาก!’
เขาครุ่นคิด มีเพียงอาวุธในตำนานอย่างกระบี่ฉุนจวินเท่านั้นที่ต่อกรกับศพโลหิตได้
‘กระบี่ฉุนจวินปรากฏ น่ากลัวว่าคงเพราะไม่อาจกำราบศพโลหิตไว้ได้อีกแล้ว ถึงต้องโผล่ออกมาเพราะความจำยอม!’
เขาคิดต่อ
ก่อนนี้เขาก็คิดแล้วว่ากระบี่ฉุนจวินคงมิได้ปรากฏออกมาโดยไร้สาเหตุ บัดนี้ดูเหมือนเขาได้รู้ความจริงแล้ว
“ที่กระบี่ฉุนจวินมีปัญหาก็คงเกี่ยวข้องกับศพโลหิตเช่นกัน!”
เขาถอนหายใจ รู้สึกถึงความลำเค็ญ
ข้างนอกนั่นมีพลังมืดมิดหมายหัวที่นี่อยู่ ข้างในยังมีศพโลหิตปรากฏ!
ภัยแฝงจากทั้งในและนอก ไม่ว่าภัยใดล้วนต่อกรด้วยยาก หากแยกกันบุกมายังดี แต่นี่กลับโผล่มาพร้อมกัน ช่างน่าสิ้นหวังยิ่งนัก มองไม่เห็นแสงสว่างเลย!
“นั่นคือ…หลี่จิ่วเต้า!”
เขาแหงนสายตามองก็พบว่าใครบางคนกำลังห้ำหั่นกับสัตว์ประหลาดสีเลือด หลี่จิ่วเต้านั่นเอง!
เจตจำนงกระบี่สูงส่งไหลเวียนอยู่บนกระบี่ฉุนจวิน ฟาดฟันปลิดชีพสัตว์ประหลาดสีเลือดไปหลายตน
ตู้ม!
เวลานั้นเอง เสียงระเบิดอันน่าพรั่นพรึงดังขึ้นในปฐพีนี้ ฟ้าดินสั่นสะท้านไปทั้งผืน สุริยันจันทราเอนไหวไม่มั่นคง แสงโลหิตพวยพุ่งกระจาย ราวกับปฐพีนี้กำลังหลั่งเลือด
“ศพโลหิตออกมาแล้ว!”
ตาเฒ่าขี้เมามีสีหน้าคร่ำเครียด มิได้ดื่มสุราอีกต่อไป
ศพโลหิตเหินออกจากยอดเขา เขาจำได้ในทันทีว่าเป็นศพที่เคยฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตไปมากมายในโลกหลังฉาก!
“ศพโลหิตเกิดใหม่ ดวงจิตฟื้นคืน นี่มัน…ลำบากยิ่งกว่าเดิมเสียอีก!”
เขาได้ยินเสียงหัวใจของศพโลหิต และได้ยินเสียงลมหายใจจากจมูกของมัน หัวใจพลันหล่นไปอยู่ที่ก้นเหว
ครานั้น ทันทีที่ศพโลหิตปรากฏออกมาในโลกหลังฉากยังพอจัดการได้ง่าย เป็นเพียงศพร่างหนึ่งเท่านั้น ฝีมือของพวกเขายังพอส่งผลต่อศพโลหิต
ทว่าต่อมาศพโลหิตเริ่มมีดวงจิต พลังรบยกระดับขึ้นหลายเท่าตัว ฝีมือของพวกเขายากจะส่งผลอันใด
เดิมเขาคิดว่าศพโลหิตเพิ่งทลายผนึกออกมา คงมิได้กล้าแกร่งเท่าใด แต่บัดนี้ดูแล้ว เขาคิดผิดไปอย่างเห็นได้ชัด ศพโลหิตมีสติสัมปชัญญะทันทีที่ทลายผนึกออกมา!
“หลี่จิ่วเต้า…เขาไหวหรือ”
เขาจ้องมองร่างของหลี่จิ่วเต้า หลังศพโลหิตโผล่ออกมาก็ทอดสายตาไปที่หลี่จิ่วเต้าทันที ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หลังจากนี้ระหว่างชายหนุ่มกับศพโลหิตต้องมีศึกกันแน่นอน
อีกอย่างต่อให้ศพโลหิตไม่มาหาหลี่จิ่วเต้า หลี่จิ่วเต้าก็ต้องไปหาศพโลหิต
หลี่จิ่วเต้าสังหารสัตว์ประหลาดสีเลือดไปจำนวนมาก ไฉนเลยจะปล่อยแหล่งกำเนิดอย่างศพโลหิต คิดแล้วคงเป็นไปมิได้
“ข้าคงไม่ไหว!”
เขาเอ่ยเสียงเบา นึกอยากเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย ทว่าเขาเป็นเพียงร่างแยก หากมีกระบี่มรกตอยู่ด้วยยังพอจะเข้าปะทะได้บ้าง
เขาในยามนี้ไม่ไหวเลย
กระบี่มรกตถูกเขาส่งกลับไปแล้ว ร่างต้นผู้ต่อสู้ในสมรภูมิมืดมิดต้องการกระบี่มรกตมากกว่า
ครืน!
ผืนฟ้าขาดสะบั้น อสนีบาตสีเลือดผ่าลงมาหาหลี่จิ่วเต้า ศพโลหิตลงมือแล้ว!
มันห่างไกลเป็นหมื่นลี้ กระนั้นยังเล็งเป้าไปที่หลี่จิ่วเต้าได้
คนที่บังอาจขัดขวางมันผู้นี้ไม่มีทางรอดไปได้
เสียงดังเคร้ง กระบี่ฉุนจวินทะยานขึ้นไปปะทะกับอสนีบาตสีเลือดกลางอากาศจนกลายเป็นระเบิดครั้งใหญ่ เสียงกึกก้องดังกังวานอยู่ในฟ้าดินไม่หยุด
ศพโลหิตย่างเท้าออกไป ทะลุข้ามมาเป็นหมื่นลี้ในอึดใจเดียวจนมาอยู่ที่เดียวกับหลี่จิ่วเต้า
นี่คือร่างมนุษย์ร่างหนึ่ง เนื้อตัวเน่าเปื่อยจนดูมิได้ มองไม่เห็นรูปโฉม ที่พิลึกคือท่ามกลางเนื้อเปื่อยบางจุดมีเนื้อสดใหม่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาถูกห่อหุ้มไว้
“มันแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว นี่จะกลายร่างจากศพเป็นมนุษย์แล้วหรือ?!”
ห่างออกไปไกล ๆ ตาเฒ่าขี้เมามองเห็นเลือดเนื้อสดใหม่ที่ห่อหุ้มอยู่ในเนื้อเปื่อยของศพโลหิต หน้าตาทอประกายหนักอึ้ง
ศพก็คือศพ ต่อให้บรรลุวิถีด้วยศพจนมีดวงจิตก็ยังเป็นศพ ไม่มีทางเป็นเฉกเช่นผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่
ทว่าศพโลหิตร่างนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังฝืนสวรรค์ ทลายขีดจำกัดระหว่างหยินและหยาง บิดเบือนความเป็นความตาย ได้รับชีวิตท่ามกลางความตาย!
หากสำเร็จได้จริง ๆ ศพโลหิตย่อมต้องน่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่านี้แน่!
“เจ้าเองหรือ…แหล่งกำเนิด!”
หลี่จิ่วเต้ากระโจนลงจากกิเลนไฟ ยื่นมือข้างหนึ่งออกมา กระบี่ฉุนจวินพลันลอยเข้ามาที่มือเขา
หลังศพโลหิตมาถึงที่นี่ สัตว์ประหลาดสีเลือดเหล่านั้นพลันกลายเป็นหมอกโลหิต ลอยกลับไปบนตัวศพโลหิต ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ศพโลหิตคือแหล่งกำเนิด หมอกโลหิตเหล่านี้ล้วนมาจากตัวศพโลหิต
ใบหน้าของศพโลหิตเต็มไปด้วยก้อนเนื้อเน่าเปื่อย มันมิได้เอ่ยวาจา ปรายตามองหลี่จิ่วเต้าแวบหนึ่ง
เสียงดังตู้ม มันฟาดฝ่ามือเข้าไป ฟ้าดินพลันกลายเป็นสีแดงฉาน ประกายโลหิตมากมายถาโถมเข้าใส่หลี่จิ่วเต้าตามหลังฝ่ามือนั้น!
ตาเฒ่าขี้เมาเห็นแล้วพลันใจระทึก หากฝ่ามือนี้ฟาดมาใส่เขา เขาย่อมไม่มีทางต้านทานอยู่ ต้องถูกฆ่าในพริบตา!
ต่อให้เป็นร่างต้นของเขาอยากระงับก็มิได้ง่ายนัก
‘มีกระบี่ฉุนจวินในมือ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้คงมิได้อ่อนแอมากกระมัง’
เขาคิดในใจ
“พูดยาก ถึงอย่างไรแม้แต่กระบี่ฉุนจวินยังสะกดศพโลหิตไม่อยู่ ถูกศพโลหิตไล่ต้อนออกไป!”
เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง มิได้มีความหวังนัก น่ากลัวว่าหลี่จิ่วเต้าผู้นี้มิใช่คู่มือของศพโลหิต
ฝ่ามือของศพโลหิตฟาดเข้ามา กลิ่นเหม็นคาวเตะจมูก หลี่จิ่วเต้าตวัดกระบี่ทอประกายขาววาวระยิบระยับ ฟันฝ่ามือข้างนั้นของศพโลหิตขาดในบัดดล!
“ฮึ่ม!”
ศพโลหิตแค่นเสียง ดูเหมือนโมโหขึ้นมานิดหน่อย มันกระทืบเท้าหนึ่งข้าง ภาพการณ์ในฟ้าดินสับเปลี่ยนไปในพริบตา!
ประกายโลหิตทะลวงนภา ที่นี่กลายเป็นสมรภูมิสีเลือด ศพน่าสะพรึงมากมายทลายดินขึ้นมา บุกไปหาหลี่จิ่วเต้า
ศพเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตายลงที่นี่และถูกศพโลหิตลากออกมา หมอกโลหิตมากมายจรดลงบนศพเหล่านั้น เพิ่มพลังให้พวกมันเป็นทวีคูณ!
“เมื่อสิ้นสุดย่อมหวนคืนสู่เถ้าธุลี พวกท่านไม่ควรถูกรบกวน!”
หลี่จิ่วเต้ายกมือเรียกก้านหลิวชะล้างออกมา ม่านแสงจรัสปรากฏ ก่อนจะแตกออกเป็นประกายเล็ก ๆ โปรยปรายลงมา
พลังชะล้างปรากฏ ม่านโลหิตบนตัวศพเหล่านี้ถูกขจัดออกไปจนสิ้น ศพแล้วศพเล่าสงบลง จมลงไปใต้ดินอีกครั้ง
ศพโลหิตอ้าปากกว้าง พ่นก้อนแสงสีเลือดออกมาก้อนแล้วก้อนเล่า จากนั้นแสงสีเลือดกลายเป็นใบหน้าผีมากมาย บุกไปหาหลี่จิ่วเต้า
ใบหน้าเหล่านี้ล้วนเป็นวิญญาณพยาบาทผู้ถูกมันเข่นฆ่า ยามนี้มันปลดปล่อยออกไปจนหมด!
“หลู่เหิง!”
ตาเฒ่าขี้เมาใจกระตุกวูบ หน้าตาโศกศัลย์หลังได้เห็นวิญญาณพยาบาทอันคุ้นเคยตนหนึ่ง
นั่นคือสหายคนสนิทของเขา เคยร่วมต่อสู้กับศพโลหิตเคียงบ่าเคียงไหล่เขา สุดท้ายถูกศพโลหิตกลืนกินเข้าไป!
ใบหน้าอันคุ้นเคยมิได้มีเพียงตนเดียว ยอดฝีมือหลังฉากที่เคยถูกศพโลหิตกลืนกินไปมีอยู่ไม่น้อย
เขายังได้พบกับขุนพลสวรรค์จากสรวงสวรรค์ พระอรหันต์ต่าง ๆ จากพุทธศาสนา ผู้ทรงพลังจากศาสนาเต๋า และมารร้ายสะท้านโลกา!
“ตายไปแล้วยังมิอาจเป็นสุข เฮ้อ…”
หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ “ข้าจะช่วยคืนความสงบให้พวกท่านเอง!”
เขาสะบัดก้านหลิวชะล้างในมืออีกครั้ง ประกายระยิบระยับโปรยปรายลงมาทั่วนภาเพื่อช่วยให้วิญญาณพยาบาทเหล่านี้หลุดพ้น คืนความเป็นสุขให้วิญญาณพยาบาทเหล่านี้
เห็นได้ชัดว่ามีวิญญาณพยาบาทไม่น้อยที่ไม่ธรรมดา หลังพลังชะล้างจรดลงไปก็มิอาจหลุดพ้นในฉับพลัน ยังมีพลังต่อต้านอยู่
ทว่าต่อมาก็ค่อย ๆ ถูกชำระในที่สุด จนสลายไปอย่างสิ้นเชิง
และศพโลหิตนั่นก็คาดไม่ถึง ดวงตาสองข้างลึกล้ำขึ้นมาเหลือแสน ประกายสีเลือดพิศวงวาวโรจน์อยู่ในส่วนลึก
“ครานั้น เจ้าเป็นผู้สะกดข้าหรือ”
มันส่งเสียง จิตสังหารมหาศาลปะทุออกจากตัว นี่มัน…ได้เจอตัวการแล้วหรือนี่!
ครานั้นมันถูกกระบี่ฉุนจวินกำราบ ทว่ามิใช่เพียงพลังจากกระบี่ฉุนจวินเท่านั้นที่ปราบมันลงได้ สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งตวัดกระบี่ฉุนจวินเข้ามาสะกดมันไว้
สิ่งมีชีวิตตนนั้นมีม่านหมอกรายล้อม กระทั่งมันเองยังมองไม่ออก ทรงพลังกล้าแกร่งยิ่งนัก
“เป็นไปได้อย่างไร”
หลี่จิ่วเต้าส่ายหัว “หากเป็นข้า ข้าไฉนเลยจะเลือกสะกดเจ้า ข้าจะกำจัดเจ้าอย่างสมบูรณ์ ไม่มีทางเก็บเจ้าไว้เป็นแน่”
“เจ้าช่างปากกล้ายิ่งนัก…”
ศพโลหิตหัวเราะเสียงเย็น