เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า – ตอนที่ 197 หลังฝนหุบเขานิรันดร์ พินิจเหมันต์นางแอ่นคืนรัง

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 197 หลังฝนหุบเขานิรันดร์ พินิจเหมันต์นางแอ่นคืนรัง

เลือดสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้าหุบเขานิรันดร์

ตรงบ่าหนิงอี้ฉีกเป็นรอยยาว ลึกจนเห็นกระดูก

หลิ่วสืออีเก็บกระบี่นั้นแล้ว เลือดสีแดงลอยขึ้นพร้อมกับปราณกระบี่ ดวงตาแวววาวจ้องหนิงอี้

แสงเรืองรองสีขาวหิมะลอยขึ้นจากหัวไหล่หนิงอี้ ปกคลุมตรงบาดแผลเหมือนผีเสื้อรายล้อม เลือดหยุดลงอย่างรวดเร็วและตกสะเก็ด

“ความเป็นเทพรึ”

หลิ่วสืออีรู้จักแสงเรืองรองนั้น เขาหลุดเสียงออกมาด้วยความตกใจ

ความเป็นเทพในโลกนี้เป็นสิ่งที่มีน้อยยิ่ง ต่อให้จุดดาราชะตาก็ยากจะหาเจอความเป็นเทพจากในแสงดารา ทุกเส้นสายความเป็นเทพมีส่วนช่วยผู้บำเพ็ญอย่างยิ่งยวด

หนิงอี้เป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตที่เจ็ด แต่ในเลือดกลับมีความเป็นเทพปะปนหรือ

เด็กหนุ่มหน้าซีดที่โดนกระบี่ฟันไหล่ใช้สองมือประคองร่มกระดาษมัน ยืนอย่างมั่นคง

แสงเรืองรองปกคลุม ความเป็นเทพในเลือดพวกนี้พุ่งออกมาพร้อมกับโลหิต ระเหยอย่างรวดเร็ว คลุมศีรษะหนิงอี้

ตั้งแต่หนิงอี้เดินออกมาจากศิลาหินหุบเขานิรันดร์เขาก็มีสีหน้าเหนื่อยล้ามาตลอด ตอนนี้หลังโดนกระบี่ของหลิ่วสืออีก็คิ้วขมวดเจ็บปวดอยู่พริบตาหนึ่ง ก่อนจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ไล่ความซึมเซาออกไปทั้งหมด

ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าหลังจากตนทะลวงขอบเขตหลัง ความรู้สึกแปลกที่ยากจะรับรู้ได้นั้นภายในร่างกายมาจากที่ใดกันแน่

ในเลือดของตน แสงดาราที่เดิมทีไหลเวียนอยู่ ที่แท้ก็มีความเป็นเทพปนอยู่นี่เอง

ความเป็นเทพเข้าถึงไขกระดูก

มิน่าแสงดาราของตนถึงแกร่งกว่าแสงดาราของขอบเขตหลังปกติมาก

ยอดหุบเขานิรันดร์ หมอกหายไปทั้งหมด ฝนเริ่มหยุดลง

หนิงอี้ถือพินิจเหมันต์ เลือดตรงหัวไหล่ตกสะเก็ดแล้ว สะเก็ดหลุดร่วง ผิวหนังกลับมาเรียบเนียนดุจหยกขาวดังเดิม

ชุดคลุมดำถูกปราณกระบี่ของหลิ่วสืออีฟันขาดเป็นรูแตกหลายรู

กระบี่ของหลิ่วสืออีไม่มีเค้าโครงให้ตามหา ไม่มีกฎเกณฑ์ให้หา ทุกกระบี่คือกระบี่ใหม่หมด

“นี่คือจิตกระบี่ประจำตัวเจ้าหรือ…” รอบตัวหนิงอี้เป็นหมอกขาวหนาทึบระเหยขึ้นจากความเป็นเทพ หมอกพวกนี้ต่างจากหมอกของตัวหุบเขานิรันดร์ แต่เหมือนควันร้อนมากกว่า ใบหน้าเขาซ่อนอยู่ในความเลื่อนลอย มองเห็นสีหน้าไม่ชัด ปากพูดงึมงำ “กระบี่ที่เรียบง่ายที่สุด”

หลิ่วสืออีพลันได้ยินเสียงฟ้าผ่าข้างหู

เขาเอียงหน้า มีแสงสีเลือดสายหนึ่งเฉียดผ่าน ลากเป็นรอยเลือดเล็กและยาว

หลิ่วสืออีเคยอ่านตำราลับตำหนักทะเลสาบกระบี่ เข้าใจในนักกระบี่ต้าสุยคร่าวๆ วิถีกระบี่นี้คละปนกับสายฟ้า พุ่งเข้าไปอย่างฉับพลัน เสียงดังสนั่นแต่ยากจะหลบได้ เหมือนกับนักกระบี่นิพพานคนหนึ่งที่ก้าวออกมาจากบ่อสายฟ้าแดนอุดรเมื่อหลายปีก่อนของต้าสุย

หลิ่วสืออีหลบกระบี่นี้

ต้นไม้ยักษ์ข้างหลังเขาพลันระเบิดออก ลำต้นเหมือนถูกค้อนหนักฟาด แทบจะถอนรากลอยขึ้น

เด็กหนุ่มชุดขาวหรี่ตาลง

เขาเห็นกระบี่นั้นชัดเจนว่าคืออะไร

นั่นคือหญ้าน้ำค้างที่อาบปราณกระบี่

นักกระบี่มีศาสตร์วิชามากมาย ศาสตร์ที่ได้รับขนานนามว่าน่ากลัวที่สุดในนั้นคือ ‘คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร’ ท่านเผยหมินในตอนนั้นแบกกระบี่เป็นพันเป็นหมื่นเล่ม คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร ใช้กำลังตัวคนเดียวล้างบางเมืองได้สบาย และยังเคยสกัดคลื่นสัตว์ที่แดนอุดรหลายครั้ง ยอดฝีมือขอบเขตนิพพานหลายคนของใต้ฟ้าเผ่าปีศาจร่วมกันปิดล้อม แต่ก็ถูกท่านเผยหมินทุบตีบาดเจ็บสาหัส

หญ้าน้ำค้างอาบปราณกระบี่เมื่อครู่หลุดออกจากระยะสามฉื่อรอบตัวหนิงอี้ พุ่งออกมาลอยเคว้งเหมือนกระบี่บิน เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาคุมกระบี่ดรรชนีสังหาร!

นี่คือวิถีกระบี่ของหนิงอี้รึ

“น้ำค้างสังหารร้อยวัชพืช…” หลิ่วสืออีพูดพึมพำ เขาหันกลับมาจ้องหนิงอี้ที่อยู่กลางควันร้อนและหมอก “นี่คือวิถีกระบี่ประจำตัวที่เจ้าตระหนักรู้ในศิลาหินหุบเขานิรันดร์หรือ”

ใบหน้าหนิงอี้กลางหมอกขมวดคิ้วขึ้น

เขามีสีหน้าสับสนเล็กน้อย

ก่อนจะส่ายหน้า

“ไม่…”

เสียงพายุสายฟ้าดังขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่หญ้าน้ำค้าง แต่เป็นต้นไม้ยักษ์ที่เพิ่งถูกเศษหญ้าฟาดโค่นลง ซุงไม้ยักษ์นั่นพุ่งเข้ามาอย่างฉับพลัน ลากพื้นมาอย่างไร้เหตุผล กระแทกพื้นหลายครั้งเหมือนหินตกกระทบผิวน้ำก่อนจะเร่งความเร็วขึ้น มาถึงหลังหัวใจหลิ่วสืออีในทันทีทันใด

หลิ่วสืออีถือกระบี่ด้วยมือเดียว เขาหันมาฟันกระบี่ลง เศษไม้กระจายไปรอบๆ ปราณกระบี่ของนางแอ่นคืนรังผ่าซุงยักษ์ออก จากนั้นเศษไม้ที่จะกระจายออกไปพลันหยุดการกระจาย ก่อนจะหันปลายแหลมเหมือนกระบี่บินเล็ก เล็งรอบตัวหลิ่วสืออี ทันทีที่กระบี่บินนับไม่ถ้วนหยุดนิ่งก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น

เศษไม้เต็มฟ้าถูกฟันแตกอีกครั้ง

หลิ่วสืออีที่ใช้พลังของหนึ่งกระบี่กวาดล้างระยะสามฉื่อรอบตัวและได้พื้นที่ว่างเปล่าคืนมา มองเงาดำที่พุ่งกระโจนมาจากกลางหมอกนั้นอย่างฉับพลัน

หลิ่วสืออีฟันกระบี่ลง

ภูลำธารไหลย้อนกลับ

ตรงหน้าหนิงอี้พลันกางออกเป็นม่านดำ ร่มพินิจเหมันต์กางออก แรงต้านหนักหน่วงทำให้หลิ่วสืออีเปล่งเสียงคำรามด้วยความโกรธจากในลำคอ เขาไม่นึกเลยว่ากระบี่นี่จะมีวิธีการใช้แบบนี้ด้วย

จากนั้นพินิจเหมันต์หุบร่ม ก่อนจะแทงที่หัวไหล่ของหลิ่วสืออี หัวไหล่ของเด็กหนุ่มชุดขาวเอ่อเป็นสีแดงขึ้นมา

เหมือนกับกระบี่นั้นของหลิ่วสืออี!

หนิงอี้เผยท่วงท่าสง่างาม สีหน้าแววตาเขาไม่มีความสับสนและงุนงงอีก จากนั้นแทงกระบี่ที่สอง

หิมะพลิ้วไหวกลางฟ้าดิน

หลิ่วสืออีกันกระบี่นี้ไว้ได้

กระบี่ที่สาม

ฝนหยุดตะวันส่องแสง

กระบี่ที่สี่กระบี่ที่ห้ากระบี่ที่หก

ปราณกระบี่เต็มฟ้าแผ่กระจายออกจากปลายร่มของหนิงอี้ในชั่วอึดใจ คมกระบี่ขาวซีดของพินิจเหมันต์ยิงแสงสว่างรวดเร็วและดุดันออกไป ความอัดอั้นที่กลั้นอยู่ในอกหนิงอี้มานานนั้น เมื่อปราณกระบี่ดุจพายุฝนนั้นพุ่งออกไปแล้ว มันก็ได้ระบายออกมาทั้งหมด!

วิถีกระบี่ของเขาคืออะไร!

คือคุมกระบี่ดรรชนีสังหาร คือมุ่งสู่ความตายและถือกำเนิด คือหิมะพลิ้วไหว ตะวันส่องแสงหรือฝนตกหนัก

ดวงตาหนิงอี้สว่างขึ้นเรื่อยๆ เขามีคำตอบในใจแล้ว

ฝนบนยอดหุบเขานิรันดร์หยุดลงแล้ว ในการประชันปราณกระบี่นับครั้งไม่ถ้วน ร่างของหลิ่วสืออีถูกปราณกระบี่ของหนิงอี้กลืนกิน เด็กหนุ่มชุดขาวรับปราณกระบี่ทั้งหมดไว้

พายุน้ำค้างหมุนม้วน ร้อยวัชพืชบนผืนดินเหี่ยวเฉา ลอยไปตามลมขึ้น โอบล้อมสองคนไว้ข้างใน

ดินทรายลอยขึ้น

หนิงอี้ออกกระบี่สุดท้าย

บนยอดหุบเขานิรันดร์เงียบสงัด

…….

บนตัวหลิ่วสืออีมีแต่รอยเลือด รอยเลือดเล็กๆ เต็มไปหมด กระบี่นั้นตรงหัวไหล่ไม่ลึก หนิงอี้ยังไม่ชำนาญเท่าตน เพียงแค่เลียนแบบกระบี่นั้นอย่างฉุกละหุก แต่ก็แทงเลือดเนื้อของตนได้สำเร็จ ไม่เห็นกระดูก ดังนั้นแม้หลิ่วสืออีจะมีบาดแผลเต็มไปหมดแต่ก็ไม่ได้สาหัส

ความเจ็บปวดเล็กน้อยกระจายไปทั่วร่างกาย

หลิ่วสืออียกปลายคิ้วขึ้น

หนิงอี้ออกกระบี่ทั้งหมดแล้ว ทุกกระบี่ล้วนเป็นท่วงทำนองใหม่

จนถึงตอนสุดท้าย หลิ่วสืออีก็ยังอ่านจิตกระบี่ประจำตัวหนิงอี้ไม่ออก

หลิ่วสืออีถามอย่างจริงจัง “วิถีกระบี่ประจำตัวเจ้า…คืออะไร”

หมอกลอยวน เงียบงัน

“ไร้กฎเกณฑ์ ไร้กฎเกณฑ์แบบที่มองข้ามกฎเกณฑ์”

หนิงอี้ยิ้ม “ข้าไม่ชอบชื่อนี้เลย ฟังดูคุ้นๆ หู…แต่เจ้าต้องรู้แน่ ข้าเป็นคนไม่ชอบทำตามกฎมาตลอด เพราะงั้นเรียกแบบนี้ไปก่อนแล้วกัน”

ไร้กฎเกณฑ์

มีเสียงกังวานดังขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ

หลิ่วสืออีเงยหน้าขึ้น ถอนหายใจ

หลังฝนหุบเขานิรันดร์ ใบไม้ผลิมาเหมันต์จากไป นกย้ายถิ่นไปทางใต้

‘นางแอ่นคืนรัง’ ที่ใช้มานานเล่มนั้นในมือเด็กหนุ่มชุดขาวเกิดเสียงดังกึก เกิดรอยแตกร้าวขึ้น ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ

พินิจเหมันต์น้ำแข็งละลาย นกนางแอ่นคืนรัง

……………………..

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท