เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า – ตอนที่ 211 สร้างเจตจำนงกระบี่

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 211 สร้างเจตจำนงกระบี่

หลังจากขี่กระบี่กลับมา ก็เห็นเด็กสาวง่วงงุน ไม่รู้เรื่องอะไรกันที่กินแรงใจไปจนหมด สัปหงกเหมือนลูกเจี๊ยบจิกข้าวเปลือก ทั้งน่ารักและน่าขำ หนิงอี้อุ้มเด็กสาวกลับเตียงอย่างเบามือ คลุมด้วยผ้าห่มบาง ยังไม่วางใจเท่าไร จึงปูที่นอนลงบนพื้นอีก

นี่เป็นคืนที่หนิงอี้หลับสบายที่สุดในเมืองหลวง

สภาพจิตใจสบาย เงียบงัน

เจตจำนงกระบี่ในบ่อเทพสะบัดไปมาเหมือนหญ้า กลิ่นอายมรณะที่อยู่ในบ่อยังไม่มีความผิดปกติ

หลับลึกลงไป หนึ่งคืนไม่มีเรื่องราวใดๆ

ไก่ขัน ฟ้าสาง

หนิงอี้สะลึมสะลือตื่นขึ้น ยังไม่ทันลืมตาแต่พลันรู้สึกว่าในอ้อมกอดตนมีร่างบอบบางเพิ่มมา สองคนก็เคยนอนเตียงเดียวกันมาก่อน เมื่อก่อนอยู่ในอารามโพธิ์เทือกเขาประจิมก็ได้แต่นอนเบียดเตียงเดียวกัน แต่นอนเอาหลังชนกัน ตอนนั้นเด็กสาวอายุยังน้อยไม่เข้าใจอะไร แต่หนิงอี้จะจงใจหลีกเลี่ยง เก็บความคิดไว้

ตอนนี้หนิงอี้รู้สึกถึงความนุ่มนิ่มเบียดหน้าอกของตนผ่านผ้า เด็กสาวกอดตนไว้ไม่สนใจอะไร นอนหลับสบาย เสียงลมหายใจเบาๆ

เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น…

ถ้าจำไม่ผิด เขาวางเด็กสาวลงบนเตียง จากนั้นคลุมผ้าห่มบางให้นาง ส่วนตนปูที่นอนบนพื้น

เหตุใดตอนนี้ถึงเป็นแบบนี้ล่ะ

หนิงอี้หน้าแดงเล็กน้อย

เสียงลมหายใจเบาดังขึ้นเป็นจังหวะ

เด็กสาวยังหลับฝันดี ดูท่าคงจะง่วงมากจริงๆ แขนกับขาก่ายตัวหนิงอี้ เหมือนปลาหมึก

หนิงอี้ยกแขนเนียนนุ่มออกเงียบๆ ลุกขึ้นช้าๆ สวมชุดคลุมดำ เขาปิดประตูห้องเบาๆ เดินมาในลานบ้านและเริ่มฝึกวิชาหลอมกายของเขาสู่ซาน เมื่อตะวันขึ้น ไอม่วงมาจากแดนบูรพา นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการฝึกวิชาหลอมกาย

ที่ราบกระดูกดูดซับแสงเรืองรองในลานบ้าน หายใจเข้าออกพร้อมกับแสงดารา

หนิงอี้ส่องดูทะเลวิญญาณทะเลสาบจิตของตนภายใน พบว่าบ่อเทพนั้นของตนเงียบอย่างเหนือความคาดหมาย ตั้งแต่ลงจากหุบเขานิรันดร์ กลิ่นอายมรณะในบ่อเทพรวมตัวกันและมีแนวโน้มจะปิดตัวพุ่งขึ้น

หนิงอี้ก็เคยเดาว่ากลิ่นอายมรณะพวกนี้มาถึงบ่อเทพของตน ก็น่าจะเริ่มไปตามเส้นทางกัดกร่อนไปทั่วร่างทีละนิด ต้องรวมกันก่อนแล้วค่อยควบแน่นช้าๆ จากนั้นบ่อความเป็นเทพเป็นสีดำ ค่อยๆ ซึมเข้ากระดูก

ตอนนี้ กลิ่นอายมรณะพวกนี้เหมือนจะไม่ได้ ‘รุนแรง’ อย่างที่ตนคิดไว้

หนิงอี้รู้สึกซับซ้อนนิดๆ

เขาคลึงระหว่างคิ้ว หลังจากออกวิชาหมัดหนึ่งชุดก็ยืนนิ่ง คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ…หลังจากตนหลับไปเมื่อคืนวาน เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ประตูไม้เปิดออกดังแอ๊ด

เด็กสาวหน้าตาสะลึมสะลือหาววอด เสื้อผ้ายังเย็นอยู่ สายเล็กสองสายพาดบ่าเกี่ยวชุดกระโปรงสีขาวยาวถึงขาไว้ ดีที่สวมเสื้อคลุมหยาบไว้บนบ่า

หนิงอี้ออกไปซื้อชาที่เด็กสาวชอบที่สุดไว้แต่เช้าแล้ว

เขาไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเมื่อคืนวาน เด็กสาวก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนไม่รู้ หรือว่าไม่คิดจะเอ่ยถึงกันแน่

ถึงอย่างไรก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

หนิงอี้ถอนหายใจเงียบๆ ในใจ ให้เรื่องนี้ผ่านไปก็ดีแล้ว

เวลาหลังจากนี้ นอกเหนือจากเวลาว่างก็จะเป็นการฝึกฝนอันน่าเบื่อ

เด็กสาวเขียนหนังสือวาดภาพแกะสลักค่ายกล ยังขยันเหมือนเดิม แต่นางย้ายโต๊ะไม้ต้นแพร์ครามนั้นมาไว้ในลานบ้านอย่างไม่รำคาญใจ ดีที่จวนขุนนางรองท่องกระบี่กว้างพอ และยังมีแค่พวกหนิงอี้อยู่กันสองคน วางโต๊ะไม้ใหญ่ตัวเดียวได้สบาย

หนิงอี้นั่งฝึกบำเพ็ญในลานบ้าน

สองคนอาบแสงตะวันหายากหลังจากใบไม้ผลิมาในเมืองหลวง หลายวันมานี้มีแต่สายลมและดวงตะวันสวยงาม ฟ้าสดใส

เวลาช้าลงและอบอุ่น

…..

“เจตจำนงกระบี่เทพหิมะ…ราชันกระบี่เทพหิมะแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่มีชื่อเสียงเรื่องเจตจำนงกระบี่ อานุภาพของเจตจำนงกระบี่นี้ไม่แกร่ง แต่มีความพิเศษ รวมขึ้นจากน้ำในปัญจธาตุ”

“เจตจำนงกระบี่ประกายเพลิง มาจากราชันกระบี่ประกายเพลิงเขาเชียง ร้อนแรงดุเดือด มีความเป็นหยางรุนแรง เกิดเป็นไฟในปัญจธาตุที่ต่างจากเจตจำนงกระบี่เทพหิมะอย่างชัดเจน”

หนิงอี้นั่งในลานบ้าน จิตวิญญาณเข้าสู่ตันเถียน

หลังจากผู้บำเพ็ญจุดเพลิงดาราขอบเขตแรกก็จะเห็นสภาพในร่างกายตนเอง เมื่อพลังบำเพ็ญเขาสูงขึ้นทีละนิด ภาพในตันเถียนเขาก็เริ่มสร้างเป็น ‘บ่อน้ำ’ ตรงขอบบ่อพิงกระบี่โบราณทัณฑ์ล้ำเลิศของผู้สูงศักดิ์สวรรค์มหาเทพผู้ขจัดความทุกข์นั้น

บ่อเทพนี้ยังไม่เชื่อมต่อกับทะเลสาบจิต ทะเลสาบจิตของหนิงอี้อยู่ไม่ไกลจากบ่อเทพ ห่างกันเล็กน้อย ทางนั้นของสะพานเมฆหมอก ความเป็นเทพที่มาจากในตัวสวีชิงเยี่ยนไม่ขาดสายนั้นเหมือนกับหมอกชั้นหนึ่ง เกาะตัวบนผิวบ่อเทพช้าๆ รวมกันมากขึ้นเรื่อยๆ จากอากาศก็เปลี่ยนเป็นของเหลว จากนั้นหยดลงในบ่อทีละหยด

บ่อน้ำกระเพื่อม

หนิงอี้ส่องดูเจตจำนงกระบี่เต็มบ่อ มีทำนองปราณกระบี่ทั้งหมดสามร้อยสิบเก้าสาย ทำนองปราณกระบี่พวกนี้ ทุกสายจะหมายถึงทิศทางใหม่หมด เขาก่อนขึ้นหุบเขานิรันดร์ไม่เคยเห็นเลยว่าโลกของนักกระบี่กว้างใหญ่เพียงใด

เขาในตอนนี้มองเห็นแล้ว

เคียงกระบี่ที่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบจิตและกดกระบี่บินสำนักศึกษาสามเล่มเหมือนจะตื่นขึ้นมาแล้ว

“หนิงอี้…ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าได้อะไรจากหุบเขานิรันดร์บ้าง”

ดวงจิตหนึ่งลากผ่านไปช้าๆ

เสียงของเคียงกระบี่มีความตกใจเล็กน้อย “เจตจำนงกระบี่มากขนาดนี้เชียว นี่เจ้าเดินทั่วหุบเขานิรันดร์เลยรึ”

หนิงอี้เกาศีรษะก่อนพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่…ข้าเอาเจตจำนงกระบี่ในหุบเขานิรันดร์มาทั้งหมด”

“นี่เป็นเรื่องดี และก็ไม่ใช่เรื่องดี” เสียงเคียงกระบี่จริงจังขึ้นมา “โลภมากระวังจะเคี้ยวไม่หมด เจตจำนงกระบี่ในบ่อเทพพวกนั้น จะฝึกทุกเจตจำนงกระบี่ถึงขั้นสุดไม่ได้ แบบนั้นอาจจะไม่ได้อะไรเลย เสียเวลาเปล่า”

หนิงอี้พยักหน้า

เขาเข้าใจหลักการนี้

“กลิ่นอายมรณะที่ซ่อนใต้เจตจำนงกระบี่พวกนี้…เจ้าน่าจะเข้าใจถึงผลสุดท้าย” เคียงกระบี่เอ่ยราบเรียบ “ในเมื่อเจ้าเลือกแบบนี้ ก็ต้องรับผลของการตัดสินใจ”

หนิงอี้พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ผู้อาวุโส เมื่อสองพันปีก่อนมีคนเคยดูดซับกลิ่นอายมรณะมากขนาดนี้หรือไม่”

รูปปั้นหินดินเหนียวส่ายหน้าช้าๆ “นี่เป็นข้อห้าม ต่ำกว่าขอบเขตที่สิบแทบจะไม่มีใครเคยลอง ผู้บำเพ็ญพวกนั้นที่ข้ารู้จักปนเปื้อนกลิ่นอายมรณะจริง แล้วก็เจอกับหายนะครั้งใหญ่จริง”

เคียงกระบี่ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเย้ยเยาะตัวเอง “แต่ว่าการบำเพ็ญเดิมทีต้องทวนกระแส หายนะก็ดี เคราะห์ร้ายก็ดี สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจสำเร็จเป็นอมตะ ก็ยังต้องเป็นกองดินเหลือง ปนเปื้อนหายนะของกลิ่นอายมรณะ หรือจะรับมือยากกว่าบาดแผลมรรคจากขอบเขตนิพพานของข้ากัน”

รูปปั้นหินเพ่งสายตามอง ก่อนพูดพึมพำ “ดูจากตัวเจ้าแล้ว กลิ่นอายมรณะเหมือนจะไม่ได้กระจายออกไปมาก…เจ้ามีวิธีจัดการพวกมันรึ”

หนิงอี้แสยะปากยิ้ม “บางทีข้าอาจจะดวงแข็งมาแต่เกิดแล้ว”

“ผู้อาวุโส ข้าอยากรวมเจตจำนงกระบี่พวกนี้เข้าด้วยกัน ไม่ใช่รวมแบบนั้นที่ต้องกินหมดทุกสาย”

หนิงอี้ยืนข้างบ่อเทพ เขายกนิ้วมือขึ้นข้างหนึ่ง ‘หญ้าน้ำค้าง’ บนบ่อน้ำถูกดึงขึ้นจากผิวน้ำ รากเป็นสีแดง มีเปลวเพลิงลุกโชน นี่เป็นเจตจำนงกระบี่ของราชันกระบี่ประกายเพลิงเขาเชียง ฝังรากลงในบ่อเทพ หลังถูกหนิงอี้ดึงขึ้นมา ใบหญ้าก็สั่นไหว เจตนารมณ์ของเจ้าของนั้นยังคงเหลืออยู่

“หลังดูศิลาหิน ขอแค่ข้ากดเสี้ยวความคิดของเจตจำนงกระบี่นี้ไว้ ข้าก็จะใช้มันได้ ตระหนักรู้ได้ และก็ทิ้งได้” หนิงอี้มองรูปปั้นหินดินเหนียวนั้นพลางพูดขึ้น “ในนี้มีเจตจำนงกระบี่ทั้งหมดสามร้อยสิบเก้าสาย มีเยอะจริงๆ ข้าใช้แรงใจไปอย่างมากในการสัมผัสทุกเจตจำนงกระบี่ และข้าก็พบว่ายอดฝีมือนักกระบี่บางส่วนฝึกนำทองหลายอย่างพร้อมกัน”

เขายกฝ่ามือขึ้นเล็กน้อย ลากเจตจำนงกระบี่หลายสายออกมาเหมือนเส้นใยกลางฝ่ามือ น้ำบ่อเทพกระเพื่อม เจตจำนงกระบี่พวกนี้ลอยอยู่ตรงหน้าหนิงอี้นิ่งๆ เมื่อเด็กหนุ่มยื่นมือเข้าไปเบาๆ มันก็เริ่มวนเวียนรอบตัวหนิงอี้ กลายเป็นเงาแสงสว่างขมุกขมัว

“ยอดฝีมือวิถีกระบี่ไม่รู้จากยุคใดท่านหนึ่ง ชื่อเสียงบนศิลาหินหุบเขานิรันดร์เลือนรางแล้ว รู้แค่ว่าแซ่เซี่ยนามกูตู๋ เขาฝึกทำนองปราณกระบี่เก้าสาย”

หนิงอี้งอนิ้วดีด เจตจำนงกระบี่กลุ่มหนึ่งพุ่งออกจากม่านแสงเจตจำนงกระบี่ที่วนเวียนรอบตัวเขา ก่อนไปหยุดอยู่หน้ารูปปั้นหินเคียงกระบี่

เจตจำนงกระบี่กลุ่มนี้ยังมีเจตจำนงกระบี่อีกเก้าสายโอบล้อม

“เจตจำนงกระบี่สังหารเป็นหลัก ผนวกกับเจตจำนงกระบี่แห่งสายลม เจตจำนงกระบี่ตกต่ำและรุ่งเรือง…เจตจำนงกระบี่ทั้งหมดเก้าสายหลอมรวมเป็นเจตจำนงกระบี่ใหม่ที่สมบูรณ์แบบ” หนิงอี้พูดปลงเสียงเบา “น่าเหลือเชื่อ ยอดเยี่ยมที่สุด”

รูปปั้นหินเคียงกระบี่เพ่งมองหนิงอี้

“ยังมีอะไรอีก บอกความคิดเจ้ามาให้หมด”

เสียงเคียงกระบี่มีความชื่นชมและยกย่องนิดๆ

หนิงอี้พูดอย่างจริงจัง “ข้ากำลังเดาเส้นทางบำเพ็ญของนักกระบี่ว่าจะเป็นเส้นทางจากขาดหายไปสมบูรณ์และจากน้อยไปมากได้หรือไม่…ก็เหมือนการฝึกแสงดารา จุดเพลิงดาราก่อน จากนั้นค่อยๆ เติมเต็มแสงดาราในร่างกาย จุดไฟทวารมากมาย เริ่มส่องแสงดาราบนฟ้า สว่างไสว ก้าวสู่การบำเพ็ญของผู้เป็นอมตะ”

“นักกระบี่ตระหนักรู้เจตจำนงกระบี่ก่อน จากนั้นเริ่มเติมเต็ม ฝึกทำนองปราณกระบี่สมบูรณ์ก่อนจะเริ่มคลำหาโลกที่ใหญ่กว่า เมื่อเจตจำนงกระบี่มากมายรวมกันก็จะไปถึงขอบเขตนิพพาน” หนิงอี้มองเคียงกระบี่พลางถามอย่างเคร่งขรึม “ผู้อาวุโส…ใช่แบบนี้หรือไม่”

เงียบ

“หากข้าปรบมือได้ ที่นี่ก็จะเกิดเสียง”

เคียงกระบี่มองหนิงอี้และพูดอย่างจริงจัง “การตระหนักรู้ของเจ้าดีมาก นี่คือเส้นทางที่พวกเราเดิน…แต่ก็ต่างไปเล็กน้อย ฝึกแสงดารา ไม่ใช้ปราณกระบี่ได้ แต่ฝึกปราณกระบี่ ไม่มีแสงดาราไม่ได้ ปราณกระบี่เหมือนวิญญาณ แสงดาราเหมือนเปลือกนอก”

เคียงกระบี่พูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อย “ตอนนั้นข้าน่าจะไปหุบเขานิรันดร์สักครั้ง หากได้เห็นอะไรมากขนาดนี้ บางทีหลังจากนั้นอาจจะไม่เดินเส้นทางอ้อม”

เขาหันมามองหนิงอี้ก่อนจะพูดขึ้น “หนิงอี้…เจ้าเก่งมาก เก่งมากจริงๆ”

เคียงกระบี่เงียบไปชั่วอึดใจก่อนจะพูดเสียงดังบนทะเลสาบจิตอีกครั้ง “แล้วเจ้าคิดอย่างไร”

หนิงอี้กดฝ่ามือเบาๆ

เจตจำนงกระบี่ที่เพิ่งดึงออกมาตกลงบนถาดหยกเป็นเม็ดเล็กเม็ดใหญ่ ไหลลงบ่อเทพ

“ข้าอยากหาวิถีของข้าจากในเจตจำนงกระบี่ของผู้อาวุโสเหล่านี้”

บนบ่อเทพยังมีเจตจำนงกระบี่ลอยอยู่ห้าสาย

หนิงอี้เอ่ยเสียงเบา “เจตจำนงกระบี่ประกายเพลิงของราชันกระบี่ประกายเพลิงเขาเชียง เจตจำนงกระบี่เทพหิมะแห่งตำหนักทะเลสาบกระบี่ เจตจำนงกระบี่สังหารเร้นของธาตุทอง เจตจำนงกระบี่ธารใหญ่ของธาตุไม้ เจตจำนงกระบี่มังกรเหลืองของธาตุดิน…ข้าคิดมาตลอดว่าหากรวมพวกมันเข้าด้วยกันจะเป็นแบบใด”

“เจตจำนงกระบี่ปัญจธาตุ สอดคล้องกับห้าธาตุ”

เคียงกระบี่ขมวดคิ้ว “พวกมันไม่ใช่ทองไม้น้ำไฟดินบริสุทธิ์ หากเจ้าอยากจะสร้างปัญจธาตุ ก็ควรจะหลอมเจตจำนงกระบี่ที่เป็นแก่นแท้และละเอียดที่สุด”

หนิงอี้ยื่นสองมือมาประกบกันช้าๆ

ภายใต้การควบคุมด้วยจิต เจตจำนงกระบี่ห้าสายเบียดกันทีละนิด หลอมรวมเข้าด้วยกัน

แสงสว่างออกไปนอกบ่อเทพ

เสียงเด็กหนุ่มพูดพึมพำ

“ผู้อาวุโส ข้าเห็นว่า ‘วิถี’ นั้น…ไม่ใช่ปัญจธาตุ”

………………………..

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

Status: Ongoing

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน