ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 12 ความจริง

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 12 ความจริง

เซิ่งจยาอวี้สะดุ้งกับคำถามนี้จึงอดมองเซิ่งจยาหลานไม่ได้และความสงสัยก็ผุดขึ้นในใจของนาง

ใช่แล้ว น้องหญิงรองพูดชัดเจนว่านางเวียนศีรษะและอยากกลับห้องไปพักผ่อน ด้วยเหตุนี้ นางยังปฏิเสธนัดที่จะไปเดินร้านเครื่องแป้งแล้วเหตุใดถึงมาปรากฏตัวที่ทะเลสาบกัน

ลั่วเซิงเอ่ยเสียงราบเรียบ “น้องหญิงใหญ่คิดว่ามีคนในจวนสามารถลากเซิ่งจยาหลานไปที่ทะเลสาบได้อย่างนั้นหรือ”

เซิ่งจยาอวี้นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

แสงแดดยามเช้านอกหน้าต่างสว่างเจิดจ้านักและเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดของจวน แล้วจะลากคนไปทะเลสาบโดยไม่มีใครสังเกตเห็นได้อย่างไร?

ยิ่งไปกว่านั้น คนผู้นั้นไม่ใช่สาวใช้ธรรมดาทั่วไป แต่เป็นคุณหนูรองของจวน

ความสงสัยของเซิ่งจยาอวี้ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น นางมองไปที่เซิ่งจยาหลานและตะโกนเรียก “น้องหญิงรอง”

เซิ่งจยาหลานที่เพิ่งถูกหงโต้วทุบตี ทรงผมยุ่งเหยิงและใบหน้าซีดขาวราวกับดอกไม้เล็กที่กระจัดกระจายเต็มพื้นหลังจากถูกลมพายุโหมกระหน่ำ ทั้งน่าสงสารและสะบักสะบอม

แม้จะดูสะบักสะบอม แต่นางยังคงคุกเข่าหลังตรงและเอ่ยเสียงเบาว่า “พอแยกทางกับพี่หญิงใหญ่ เดิมทีตั้งใจจะพักผ่อนสักครู่ กลับพบว่าตุ้มหูไข่มุกหล่นหาย ถึงรีบย้อนกลับไปหา จากนั้นได้พบกับพี่สาวนั่งอยู่ริมทะเลสาบ…”

เซิ่งจยาหลานยิ่งพูดยิ่งกดเสียงลงต่ำ

ผู้คนในห้องอดไม่ได้ที่จะมองหูทั้งสองข้างของนาง เห็นตุ้มหูไข่มุกรูปทรงน้ำเต้าเกี่ยวอยู่ที่หูข้างซ้าย แต่หูข้างขวากลับว่างเปล่า

เมื่อรู้สึกถึงทุกสายตาที่จ้องมองมา เซิ่งจยาหลานกัดริมฝีปากเบาๆ “ตุ้มหูคู่นี้อี๋เหนียงเก็บไว้ให้กับข้า ข้า ข้าไม่อยากทำมันหาย…”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเหลือบมองสะใภ้ใหญ่

ฮูหยินใหญ่ยกถ้วยน้ำชาด้วยสีหน้านิ่งเฉย

นางกับสามีเป็นคู่รักที่เคารพซึ่งกันและกัน หลังจากคลอดลูกชายคนโต เขาก็ได้เสียกับสาวใช้ ถึงมีเซิ่งจยาหลาน

แม้จะไม่เคยปฏิบัติต่อแม่แท้ๆ ของลูกอนุอย่างโหดร้ายทารุณ แต่ก็ไม่ได้มีความสุขเมื่อเห็นหน้านาง และทำเหมือนนางเป็นของตกแต่งชิ้นหนึ่งเท่านั้น

นึกไม่ถึงว่าอายุจะสั้น ลูกอนุอายุเพียงเก้าขวบก็ป่วยตาย

แต่ลูกอนุเชื่อฟังตั้งแต่เด็ก เติบโตมาพร้อมกับจยาอวี้ ก็ถือว่าเป็นสหายที่โตมาด้วยกัน

สำหรับเซิ่งจยาหลาน ฮูหยินใหญ่มีความรักและความเอ็นดูนางไม่น้อย แต่ดันเกี่ยวพันกับคุณหนูหลานนอกผู้ที่มักทำให้ปวดศีรษะอยู่เสมอจึงยากที่จะออกความเห็น

เซิ่งจยาอวี้ก็เข้าใจในทันที “ถึงว่าน้องหญิงรองถึงรีบกลับไปหา แล้วหาเจอหรือไม่”

เซิ่งจยาอวี้ปฏิบัติต่อเซิ่งจยาหลานในฐานะน้องสาวแท้ๆ มาโดยตลอด เมื่อนางพูดถึงตรงนี้ก็ลืมความสงสัยเหล่านั้นจนหมดและกลายเป็นกังวลแทน

เซิ่งจยาหลานเผยสีหน้าเศร้าโศกและส่ายศีรษะเล็กน้อย “ยังหาไม่เจอเลย”

ในเวลานี้ สาวใช้ไฉ่สยาที่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเข้ามารายงาน “ท่านฮูหยินผู้เฒ่า เมื่อครู่นี้ จูเอ๋อร์มอบตุ้มหูไว้ บอกว่าเก็บได้ข้างบันไดหินตรงประตูเจ้าค่ะ”

ไฉ่สยาถือตุ้มหูไข่มุกงดงามประณีตไว้ในมือ ทุกคนจ้องมองและเห็นว่าเหมือนตุ้มหูอีกข้างของเซิ่งจยาหลานทุกประการ

เซิ่งจยาหลานตาลุกแวว และเอ่ยอย่างมีความสุข “อันนี้เลย!”

“หาเจอแล้ว เยี่ยมากเลย” เซิ่งจยาอวี้ถอนใจโล่งอกแทนน้องสาว จู่ๆ ก็นึกบางอย่างออก หันมายิ้มเยาะลั่วเซิง “ลั่วเซิง เจ้าก็เห็นแล้ว น้องหญิงรองเดินกลับมาหาตุ้มหูต่างหาก นึกไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าทำร้าย!”

“ถุย!” หงโต้วกระโดดสูงสามฉื่อ นิ้วมือที่ราวกับต้นหอมแทบจะชี้ไปที่ปลายจมูกของเซิ่งจยาอวี้ “คุณหนูรองวิ่งมาริมทะเลสาบทำร้ายคุณหนูของพวกข้าชัดๆ ข้าเห็นกับตาตัวเอง สมองเจ้าโดนลาเตะมาหรือ ถึงแก้ตัวให้กับผู้ร้ายเช่นนี้”

ที่จวนเคยมีสาวใช้จองหองและหยาบคายขนาดนี้ที่ไหนกัน เซิ่งจยาอวี้โกรธจนหน้าเขียว “นายเป็นอย่างไร บ่าวก็เป็นอย่างนั้น ท่านย่า ท่านเชื่อสาวใช้ที่หยาบคายไร้มารยาทผู้นี้ด้วยหรือเจ้าคะ”

“ใครหยาบคายไร้มารยาท ใครหยาบคายไร้มารยาท” หงโต้วเอ่ยถามพร้อมกับทำมือเท้าสะเอวจนเกือบทำให้ลั่วเซิงหัวเราะออกมา

ลั่วเซิงคุกเข่าลงต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่ง “ท่านยาย ท่านไม่จำเป็นต้องคิดว่าควรเชื่อคำพูดของสาวใช้หรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าท่านจะเชื่อข้าหรือไม่”

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จ้องมองหว่างคิ้วที่สงบนิ่งของเด็กสาว ในใจรู้สึกแปลกๆ

ใช่แล้ว หงโต้วพูดว่าจยาหลานผลักลั่วเซิงลงทะเลสาบ ขณะที่ลั่วเซิงตั้งแต่ต้นจนจบไม่ได้แก้ตัวเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น นางต้องตัดสินใจว่าจะเชื่อหลานรองหรือหลานนอก ไม่เกี่ยวข้องกับสาวใช้

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งมองไปที่ลั่วเซิง แล้วหันมองเซิ่งจยาหลานและถอนหายใจในใจ เชื่อคนไหนดี ช่างน่าปวดหัวเสียจริงๆ

อันที่จริง นางเชื่อหลานรองที่น่ารักว่าง่ายมากกว่า แต่หากจัดการเช่นนี้ เกรงว่าหลานนอกคงไม่ยอมแน่ และเรื่องอาจถึงหูลูกเขยได้

ยังไม่ต้องพูดถึงสถานะของลูกเขย เพียงแค่เขาส่งลูกสาวมาจวนสกุลเซิ่ง ทำเช่นนี้คงไม่เหมาะสม

ช่างเถอะ ให้จยาหลานเสียสละเล็กน้อย ปลอบหลานนอกก่อนแล้วค่อยชดเชยให้หลานสาวแล้วกัน

ขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งจะตัดสินใจ นางได้ยินเสียงหอบของเด็กหนุ่มดังมาจากประตู “ท่านยาย ข้าเห็นทุกอย่าง”

จากนั้นเสียงของคุณชายสามเซิ่งก็ดังขึ้น “น้องชาย ไม่ยอมพักผ่อนในห้อง หนีมาที่นี่ทำไม”

มือข้างหนึ่งของลั่วเฉินจับประตูเพราะรีบออกมาจึงหอบไม่หยุด ใบหน้ายังแดงก่ำผิดปกติ

หลังจากได้ยินคำพูดของคุณชายสามเซิ่ง เขาก็จับประตูแน่นพร้อมเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งว่า “ข้ามีเรื่องที่จะพูดกับท่านยาย”

เดิมทีลั่วเฉินก็ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เมื่อครู่กระโดดลงไปช่วยคนก็แทบหมดเรี่ยวแรง บัดนี้ยิ่งดูอ่อนแอมาก

คุณชายสามเซิ่งค่อนข้างร้อนใจ “คำพูดอะไรที่รอหายก่อนค่อยพูดไม่ได้หรือ”

ลั่วเฉินส่ายศีรษะ “ต้องพูดตอนนี้ขอรับ”

“เฉินเอ๋อร์จะพูดอะไรกับยายหรือ” การปรากฏตัวของลั่วเฉิน ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งประหลาดใจยิ่ง

นางตกใจมากที่ได้ยินว่าหลานชายนอกกระโดลงน้ำไปช่วยหลานสาวนอก เมื่อหมอบอกว่าเขาอาจเป็นไข้หวัด นางยังกังวลไม่หาย

ลั่วเฉินเหลือบมองลั่วเซิงและเอ่ยทีละพยางค์ “ข้าเห็นกับตาว่าเซิ่งจยาหลานผลักพี่สาวของข้าลงทะเลสาบ”

ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ภายในห้องก็เงียบสงัดทันทีแล้วเซิ่งจยาอวี้ก็อุทานว่า “เป็นไปไม่ได้!”

ลั่วเฉินเหลือบมองเซิ่งจยาอวี้แล้วถามขึ้นมาว่า “พี่หญิงใหญ่ไม่เชื่อคำพูดของพี่สาวข้าแล้วยังไม่เชื่อคำพูดข้าด้วยอย่างนั้นหรือ”

เซิ่งจยาอวี้ถูกต้อนถาม

น้องชายหลานนอกเป็นคนมีเหตุมีผลมาโดยตลอด ไม่โกหกเด็ดขาด แต่น้องหญิงรองก็ไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน

เซิ่งจยาอวี้มองไปที่เซิ่งจยาหลาน กัดริมฝีปากถาม “น้องหญิงรอง ตกลงเรื่องเป็นอย่างไรกันแน่”

ใบหน้าของเซิ่งจยาหลานซีดเผือดราวกับหิมะ ร่างกายสั่นสะท้าน

ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งเอ่ยปาก “เฉินเอ๋อร์ เล่าให้ยายฟังอย่างละเอียด”

“ขอรับ” ลั่วเฉินไอเสียงเบาแล้วค่อยๆ เล่า “ตอนนั้น ข้ากำลังเดินอยู่ในสวน พอเดินถึงทะเลสาบก็พบพี่สาวนั่งอยู่ตรงนั้น เลยลังเลว่าจะเดินจากไปดีหรือไม่ นึกไม่ถึงว่าเซิ่งจยาหลานเดินผ่านไป…”

ทุกคนฟังออกว่าท่าทีที่ลั่วเฉินมีต่อเซิ่งจยาหลานเปลี่ยนไปมาก

เดิมทีลั่วเฉินเคยเรียกเซิ่งจยาหลานว่าพี่หญิงรอง แต่ตอนนี้กลับเรียกชื่อจริงของนาง

ทุกคนจำได้ว่าเมื่อครู่นี้ลั่วเซิงก็เรียกนางเช่นนั้นจึงมองมาที่นางโดยไม่รู้ตัว

ลั่วเซิงสีหน้ายังคงสงบนิ่ง แต่หัวใจกลับรู้สึกอบอุ่นเเพราะคำพูดของลั่วเฉิน

นางเชื่อว่าลั่วเฉินที่เห็นความจริงจะเป็นพยานให้กับนาง แต่นางนึกไม่ถึงว่าลั่วเฉินจะกระโดดลงไปช่วยนาง ยิ่งนึกไม่ถึงว่าลั่วเฉินจะรีบมาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นโดยไม่คำนึงถึงสุขภาพของตนเอง

แม้ลั่วเฉินจะใส่ใจพี่สาวที่แท้จริงของเขา แต่ยามนี้กลายเป็นคุณหนูลั่วแล้วก็ต้องยอมรับน้ำใจนี้

ทว่า…เมื่อจ้องเด็กหนุ่มรูปร่างผอมบาง ลั่วเซิงก็เผยรอยยิ้มที่หาได้ยากออกมา

เด็กคนนี้ฉลาดไม่เบา เจอกับหงโต้วถึงมาริมทะเลสาบ แต่กลับเลี่ยงไม่เอ่ยถึง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท