ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 17 ยา

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 17 ยา

แม้เซิ่งจยาอวี้จะมองแววตาของหงโต้วไม่ออก แต่กลับขยะแขยงกับคำพูดของหงโต้วจึงเอ่ยอย่างหงุดหงิดว่า “ใครอยากเดินเที่ยวตลาดกับคุณหนูของพวกเจ้ากัน อย่ามาพูดจาไร้สาระนะ!”

หงโต้วกลอกตา “ยังไม่ยอมรับอีก หากไม่อยากจะเดินตามพวกข้าทำไมหรือเจ้าคะ”

คิดว่าคุณหนูพบชายหนุ่มรูปงามแล้วจะยอมสละให้อย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ

เซิ่งจยาอวี้โกรธจัดจนต้องเอ่ยความจริงออกมา “ข้ากังวลว่าลั่วเซิงจะก่อเรื่อง เลยตามมาดูต่างหาก”

ในที่สุด ลั่วเซิงก็เอ่ยปากเสียงเย็นชา “หากข้าก่อเรื่องขึ้นมาจริงๆ น้องหญิงจะห้ามปรามได้หรือ”

“ข้า…” เซิ่งจยาอวี้อยากตอบว่าได้ แต่ไม่อาจโกหกโดยไม่รู้สึกอะไรจึงจุกจนพูดไม่ออกไปพักใหญ่

“ไป” ลั่วเซิงโบกมือเรียกหงโต้วและเลิกสนใจเซิ่งจยาอวี้

เซิ่งจยาอวี้รีบตามไป “ลั่วเซิง ข้าได้ยินหมดแล้ว!”

ลั่วเซิงหยุดเดินอีกครั้งและเลิกคิ้วขึ้นเบาๆ

เซิ่งจยาอวี้คิดว่าจับจุดอ่อนของลั่วเซิงได้จึงยิ้มเยาะ “เจ้าแอบซื้อยาให้น้องชายแบบมั่วๆ คิดจะฆ่าน้องชายให้ตายใช่หรือไม่”

ลั่วเซิงคิ้วขมวด จ้องเซิ่งจยาอวี้เป็นเวลานานพลางถอนใจเสียงเบา

“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

ลั่วเซิงยิ้ม “ท่านพ่อเคยบอกว่าสกุลเซิ่งคือตระกูลนักปราชญ์มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ”

หงโต้วรู้สึกตื่นเต้นไปชั่วขณะ

ท่านแม่ทัพใหญ่เคยพูดประโยคนี้ โดยเฉพาะตอนส่งคุณหนูออกจากเมืองหลวง กำชับคุณหนูว่าขณะอาศัยอยู่ที่จวนสกุลเซิ่งซึ่งเป็นตระกูลนักปราชญ์ ห้ามเอาแต่ใจเป็นอันขาด

สวรรค์ คุณหนูเพิ่งจะนึกออกหรือเนี่ย!

สาวใช้รู้สึกตื่นเต้นมากจนกำชายเสื้อของลั่วเซิงไว้แน่น

ลั่วเซิงกระตุกมุมปากอย่างจนใจ

ใช้เท้าคิดก็รู้ว่าท่านพ่อของคุณหนูลั่วเคยพูดประโยคประมาณนี้ นังหนูน้อยนี่ตื่นเต้นอะไรกัน

หากนางมีความทรงจำของคุณหนูลั่ว นี่สิถึงน่ากลัวของจริง หากเป็นแบบนั้นตกลงนางคือลั่วเซิงหรือท่านหญิงชิงหยางกันแน่

“แล้วจะอย่างไร” เซิ่งจยาอวี้ไม่รู้ว่าเหตุใดลั่วเซิงถึงเอ่ยเรื่องนี้จึงรู้สึกสับสน

ลั่วเซิงโค้งริมฝีปากขึ้น “คำพูดและการกระทำของน้องสาวเหมือนไม่ใช่คุณหนูจากตระกูลนักปราชญ์เอาเสียเลย”

คำพูดนี้ไม่เหมือนเย้ยหยันและไร้ซึ่งอารมณ์ ดูสงบนิ่งและราบเรียบ แต่เซิ่งจยาอวี้ก็คล้ายกับถูกตบหน้าเสียงดัง ทำให้นางรู้สึกอับอายยิ่ง

เซิ่งจยาอวี้ใบหน้าแดงก่ำในทันใด

ลั่วเซิงพยักหน้าให้กับเซิ่งจยาอวี้เล็กน้อย เดินก้าวไปข้างหน้าหลายก้าวและหยุดเดิน

เด็กหนุ่มอายุสิบหกยืนอยู่ข้างหน้าจากระยะไม่ไกล ดูสูงส่งและสง่างามราวกับดอกอวี้หลานที่บานสะพรั่ง

พอเห็นลั่วเซิงหยุดเดิน ซูเย่าก็ยิ้มเล็กน้อย

ลั่วเซิงเดินผ่านไปอย่างเฉยเมย

ซูเย่าตะลึง ตอนนี้เองถึงมองไปยังเซิ่งจยาอวี้

เซิ่งจยาอวี้สงบสติอารมณ์และโค้งทักทายซูเย่า “พี่รองซู”

ซูเย่าน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณหนูใหญ่ทะเลาะกับคุณหนูลั่วหรือ”

เซิ่งจยาอวี้ตอบอย่างคลุมเครือ “ก็แค่เถียงกันน่ะเจ้าค่ะ ไม่ถึงขั้นทะเลาะกัน”

“เถียงเรื่องอะไรหรือ”

เซิ่งจยาอวี้ค่อนข้างประหลาดใจ

การโต้เถียงของหญิงสาว ไม่คิดว่าซูเย่าจะซักถาม

แต่เนื่องจากความไว้วางใจที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ เซิ่งจยาอวี้จึงอธิบายว่า “น้องชายหลานนอกติดโรคหวัดจากลมหนาวน่ะเจ้าค่ะ แต่ลั่วเซิ่งกลับวิ่งออกมาซื้อยามั่วๆ”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง แล้วอาการป่วยของคุณชายลั่วเป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดถึงเป็นหวัดจากลมหนาวได้”

“น้องชายต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนเจ้าค่ะ” เซิ่งจยาอวี้กัดริมฝีปากตอบ

ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า นางจะเล่าถึงสาเหตุการเป็นหวัดของน้องชายหลานนอกไม่ได้

เมื่อซูเย่าสังเกตเห็นว่าเซิ่งจยาอวี้ไม่อยากพูดจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ปกติแล้วคุณหนูรองจะออกมากับคุณหนูใหญ่ วันนี้เหตุใดถึงมาคนเดียวเล่า”

เมื่อเอ่ยถึงเซิ่งจยาหลาน ดวงตาของเซิ่งจยาอวี้ก็มืดมนลงและตอบเลี่ยง “น้องหญิงรองไม่สบายน่ะ เจ้าค่ะต้องพักรักษาตัวให้หายก่อน”

ซูเย่าเผยสีหน้าเห็นใจ “ทั้งคุณหนูรองและคุณชายลั่วล้วนล้มป่วย ช่างน่าเป็นห่วงเสียจริงๆ คุณหนูใหญ่ต้องทำใจให้สบายนะ พวกเขาต้องดีขึ้นแน่นอน”

“ขอบคุณคุณชายรองซูมากเจ้าค่ะ ขอให้เป็นจริงตามนั้น ข้าขอกลับจวนก่อน” เซิ่งจยาอวี้กล่าวขอบคุณอย่างเหม่อลอยและรีบขอตัวลา

นางต้องรีบกลับไปรายงานสิ่งที่ลั่วเซิงทำ เพื่อไม่ให้น้องชายหลานนอกได้รับอันตราย จะมีกะจิตกะใจพูดคุยกับซูเย่าที่ไหนเล่า

เมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของเซิ่งจยาอวี้หายไปจากสายตา ซูเย่าถึงจะเดินกลับไปยังจวนสกุลซู เด็กรับใช้หอบหนังสือรีบเดินตามติดเขา

เซิ่งจยาอวี้กลับถึงจวนสกุลเซิ่งและมุ่งตรงไปที่เรือนของฮูหยินใหญ่

ฮูหยินใหญ่ที่เพิ่งสะสางงานในจวนเสร็จกำลังจะพักผ่อน เมื่อได้ยินสาวใช้รายงานว่าคุณหนูใหญ่มาขอเข้าพบจึงรีบให้เข้ามา

“เหตุใดเหงื่อถึงออกเต็มตัวเช่นนี้” เมื่อเห็นเซิ่งจยาอวี้หอบไม่หยุด ฮูหยินใหญ่จึงเอ็ดเข้า

แม้จยาอวี้จะมีนิสัยร่าเริง แต่เมื่อก่อนยังดูเป็นกุลสตรีผู้สูงศักดิ์ ผิดกับตอนนี้ที่นับตั้งแต่คุณหนูหลานนอกมาก็เปลี่ยนเป็นใจร้อน

เซิ่งจยาอวี้ไม่สนแม้แต่จะดื่มน้ำดับกระหาย ก็รีบเอ่ยว่า “ท่านแม่ ลั่วเซิงก่อเรื่องอีกแล้ว!”

ฮูหยินใหญ่เคาะหน้าผากของเซิ่งจยาอวี้ “บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกชื่อจริงของพี่สาวเจ้า”

เซิ่งจยาอวี้เบ้ปากไม่พอใจ “ก็คนแบบนาง ข้าเรียกไม่ออก”

ฮูหยินใหญ่สีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด “จยาอวี้ เจ้าเห็นนางหยาบกระด้าง เจ้าก็ต้องหยาบกระด้างตอบอย่างนั้นหรือ”

หลังจากผ่านเหตุการณ์ของเซิ่งจยาหลาน ฮูหยินใหญ่รู้สึกว่าจะตามใจบุตรสาวไม่ได้แล้ว

เซิ่งจยาอวี้ถูกต้อนถาม

ฮูหยินใหญ่ลูบผมของบุตรสาวพลางสั่งสอนอย่างจริงใจ “อย่าทำให้ตนเองกลายเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุดเลย”

นางรังเกียจลั่วเซิง เกลียดที่นางชอบสร้างปัญหาให้กับจวนสกุลเซิ่ง เกลียดที่นางทำให้เพื่อนบ้านวิจารณ์และหัวเราะเยาะสกุลเซิ่งจึงอยากตอบโต้ด้วยท่าทางที่ดุร้าย แต่กลับลืมไปว่าท่าทางเช่นนี้ดูไม่น่ารักเอาเสียเลย

เซิ่งจยาอวี้แอบคิดได้ พอเอ่ยถึงลั่วเซิงก็ยอมเรียกพี่สาวแล้ว “ข้าตามพี่สาวออกไป กลับพบนางเข้าร้านยาจี้ซื่อถัง ท่านแม่ ท่านคงนึกไม่ออกว่านางซื้อยาไปทำไม”

ฮูหยินใหญ่ให้ความร่วมมือโดยเผยแววตาสงสัย

ดวงตาของเซิ่งจยาอวี้ปรากฏความโกรธแค้น “นึกไม่ถึงว่านางจะซื้อยามั่วๆ ให้น้องชาย!”

“อะไรนะ” ฮูหยินใหญ่ตกใจ “จยาอวี้ เจ้าตาฝาดหรือไม่”

“ลูกได้ยินกับหูของตัวเอง ไม่ผิดแน่ ตอนนี้นางอาจเอายาที่ซื้อมามั่วๆ ไปที่เรือนน้องชายแล้ว”

ทันทีที่ฮูหยินใหญ่นึกถึงผลลัพธ์อันร้ายแรงจึงรีบเรียกสาวใช้ประจำกายซวงเยี่ยให้ไปสืบต้นสายปลายเหตุดู

สองแม่ลูกรออยู่พักหนึ่ง ซวงเยี่ยก็กลับมารายงาน “ข้าถามฝูซงแล้ว คุณหนูไม่ได้ไปเจ้าค่ะ”

ฮูหยินใหญ่ถอนใจและฟังซวงเยี่ยเอ่ยต่อ “แต่หงโต้วเชิญหมอหวังที่ชี้แนะวิธีต้มยาให้กับฝูซงไปแล้ว”

เซิ่งจยาอวี้เอ่ยอย่างร้อนใจ “ท่านแม่ นางต้องให้หมอหวังมาช่วยต้มยาเป็นแน่แล้วค่อยเอายาที่ต้มเสร็จไปให้น้องชายกิน ท่านต้องห้ามนางก่อเรื่องนะ น้องชายสุขภาพแย่อยู่แล้ว ทนนางทรมานไม่ไหว”

ฮูหยินใหญ่อดไม่ได้ที่จะพยักหน้าเห็นด้วย

คนร่างกายแข็งแรงกินยามั่ว อาการยังหนักได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลั่วเฉิน

“ท่านแม่ ให้ข้าลองไปดูหรือไม่”

“ไปห้ามตอนนี้คงไม่เหมาะ พี่สาวของเจ้าอาจอ้างว่าต้มให้ตัวเอง”

“แล้วควรทำอย่างไรดี”

ฮูหยินใหญ่พึมพำและสั่งซวงเยี่ยว่า “เจ้าไปบอกฝูซง หากคุณหนูหลานนอกเอายาแปลกๆ มาให้ ให้รีบห้ามไว้ แอบไล่คนส่งยาไปและรีบมารายงาน”

ในยามค่ำคืน ลั่วเฉินไข้ไม่ลดลงเลย ทำให้ทั้งจวนสกุลเซิ่งนอนไม่หลับ

วันรุ่งขึ้น ฮูหยินผู้เฒ่าเซิ่งไปเฝ้าไข้ด้วยตัวเอง ถึงขึ้นเชิญหมอที่มีชื่อเสียงหลายท่านของเมืองจินซามารักษา

หลังหมอทุกท่านตรวจอาการล้วนรู้สึกสิ้นหวัง หากคืนนี้ผู้ป่วยไข้ยังไม่ลดจะเป็นอันตราย

เมื่อพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า ลั่วเซิงก็ก้าวเข้าประตูเรือนของลั่วเฉินมาพร้อมหงโต้ว

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท