ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 34 พี่ชายฉลาดชะมัด

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 34 พี่ชายฉลาดชะมัด

รู้ว่าควรเอาเต้าหู้บดวางทิ้งไว้หนึ่งชั่วยามแล้วค่อยปั้นเป็นลูกเอาลงหม้อไปทอด รู้ว่านางชอบใส่น้ำส้มสายชูจำนวนมาก หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้แท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่

หากไม่ใช่เป็นเพราะท่านหญิงไม่อยู่แล้ว นางเกือบจะคิดแล้วว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้คือท่านหญิง

“เจ้าเป็นใครกันแน่”

เจ้าเป็นใคร

ลั่วเซิงรู้สึกว่าคำถามนี้ถามได้ดี

ห่างกันสิบสองปี เปลี่ยนร่างใหม่แล้ว นางยังบอกไม่ได้ว่าตนเองเป็นใคร

อย่างไรก็ตามก็ชัดเจนมาก นางประสบความสำเร็จในการใช้ลูกชิ้นเต้าหู้นี้ดึงดูดความสงสัยของซิ่วเย่ว์ไม่ต้องกังวลอีกว่าพอเผลอแล้วอีกฝ่ายจะหนีไป

ลั่วเซิงไม่ได้ตอบคำถามว่า “เจ้าเป็นใคร” แต่กลับย้อนถามว่า “เจ้าขายเต้าฮวยอยู่ที่ไหน”

“อยู่ตรงปากซอย” ซิ่วเย่ว์หลุดปากออกไป เกือบจะตบปากตัวเองแล้ว

นี่มันเรื่องอะไรกัน เหตุใดพอหญิงสาวตรงหน้าถามแล้วนางก็อดตอบกลับไม่ได้

“เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะมาหาเจ้า” ลั่วเซิงทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้วก้าวเท้าเดินออกไป

ซิ่วเย่ว์ตกตะลึง รีบตามไป “เจ้า เจ้าจะไปไหน”

ลั่วเซิงมองซิ่วเย่ว์ที่ตื่นตระหนกตกใจ อดหัวเราะไม่ได้ “ดึกมากแล้ว ข้าต้องกลับแล้ว สิ่งที่เจ้าสงสัย รอพรุ่งนี้ข้าจะบอก”

พอออกจากเรือนธรรมดาหลังนี้ ลั่วเซิงก็มุ่งตรงไปยังโรงเตี๊ยม

นางไม่สามารถพาซิ่วเย่ว์กลับไปโรงเตี๊ยมได้ แต่ต้องการเหตุผลที่เปิดเผยและซื่อสัตย์ เหตุผลนี้ต้องรอวันพรุ่งนี้

โชคดีที่มีลูกชิ้นเต้าหู้นี้ ซิ่วเย่ว์จะรอนางปรากฏตัวอีกครั้งอย่างแน่นอน

ก็เหมือนกับที่สาวใช้ทั้งสี่รู้จักนาง ท่านหญิงจะไม่รู้จักพวกนางได้อย่างไร

สำหรับพวกนางแล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับนางทั้งหมดล้วนเก็บไว้ในใจ ถึงแม้ว่าจะมีความกังวลใจไปตลอดชีวิต

กลับถึงห้องพัก หงโต้วยังคงนอนหลับสบาย

ลั่วเซิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ขึ้นเตียงอย่างนุ่มนวล

นอกหน้าต่างสงบเงียบไร้เสียง ภายในห้องมีเพียงเสียงหายใจสาวใช้ที่สม่ำเสมอและยาวนาน ความคิดของลั่วเซิงลอยไปถึงเรื่องชายชุดดำ

ชายหนุ่มที่ติดตามซิ่วเย่ว์เป็นใครกัน

ลองคิดถึงสันมือที่จะฟาดใส่ต้นคอของซิ่วเย่ว์แล้ว นางก็สรุปได้เพียงอย่างเดียวคือคนผู้นี้คือศัตรูหาใช่มิตรไม่

ไม่อาจอยู่ในเมืองหนานหยางนี้ได้นาน

หากน้องชายคนเล็กยังมีชีวิตอยู่ ซิ่วเย่ว์ตามหามานานหลายปีไม่มีข่าวคราว มิใช่ว่านางมาอยู่ไม่กี่วันแล้วจะหาเจอได้

การปรากฏตัวของชายชุดดำเป็นสัญญาณเตือน นางต้องพาซิ่วเย่ว์เข้าเมืองหลวงทันที ใช้สถานะของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่ตั้งหลักก่อนแล้วค่อยๆ ทำให้ถูกต้อง

ค่ำคืนนี้สำหรับลั่วเซิงแล้วช่างยากลำบาก ดังนั้นเช้าตรู่เสียงร้องตกใจของหงโต้วจึงดังขึ้น “คุณหนู ท่านนอนหลับไม่สบายหรือเจ้าคะ ดวงตาของท่านเหมือนถูกชกมาสองหมัดเลย”

ลั่วเซิงชะงักเล็กน้อย พลางสั่งว่า “เอาแป้งทาหน้ามาที”

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ลั่วเซิงก็พาหงโต้วเดินออกจากห้องแล้วพบกับคุณชายสามเซิ่งที่รออยู่ที่ใต้ระเบียง

พอเห็นลั่วเซิงออกมา คุณชายสามเซิ่งก็เผยรอยยิ้มทันที “น้องหญิงเช้านี้อยากกินอะไร จะกินในโรงเตี๊ยมนี้ หรือว่าออกไปกินข้างนอกดี”

‘ออกไปกิน’ สามคำนี้ถูกคุณชายสามเซิ่งจงใจเน้นน้ำเสียง ความคิดของคนชอบกินเปิดเผยออกมาจนหมด

ลั่วเซิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเสียงเบา

ง่วงก็คนเอาหมอนมาส่งให้ คุณชายสามเซิ่งชายหนุ่มที่ช่างเอาใจใส่ผู้อื่นเช่นนี้ใครบ้างจะไม่ชอบ

“ออกไปกินเถอะ ข้าอยากกินเต้าฮวย”

พอได้ยินลั่วเซิงจะออกไปกินข้างนอก คุณชายสามเซิ่งก็โล่งอก ไปถึงห้องโถงก็สอบถามคนงาน “น้องชาย แถวนี้เต้าฮวยที่ไหนอร่อยบ้าง”

“เต้าฮวยน่ะหรือ รสชาติอร่อยมีอยู่หลายร้าน ร้านแม่นางหวังหัวสะพานก็รสชาติหอมหวาน เต้าฮวยร้านยายจ้าวถนนตะวันตกเนื้อเนียนนุ่มที่สุด”

ลั่วเซิงพูดแทรกบ่าว “ข้าอยากกินรสเค็ม”

เค็มหรือ

คุณชายสามเซิ่งตกตะลึง “เต้าฮวยมีรสเค็มด้วยหรือ”

หงโต้วกลอกตาใส่คุณชายสามเซิ่ง แทบจะเขียนอักษรตัวใหญ่บนใบหน้าว่า ‘ไม่เคยเห็นโลก’ “คุณชายช่างมีอารมณ์ขันนัก เต้าฮวยก็ต้องกินรสเค็มสิเจ้าคะ”

“ใครบอกล่ะ เต้าฮวยเป็นของหวานชัดๆ” การต่อสู้กันระหว่างรสหวานกับรสเค็มของเต้าฮวย คุณชายสามเซิ่งจะไม่ยอมประนีประนอมกับสาวใช้เด็ดขาด

มองเห็นสองคนจะทะเลาะกันแล้ว คนงานก็เสี่ยงตายพูดแทรกขึ้นมา “เต้าฮวยแบบเค็มของเมืองหนานหยางของเรามีอยู่ร้านหนึ่ง อยู่ตรงปากซอยสือโถวถนนตะวันออก ลูกค้าหลายท่านหากไม่รู้จัก ถามใครก็ได้ว่าร้านยายแก่ขี้เหร่ขายเต้าฮวยอยู่ตรงไหน”

ลั่วเซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ยายแก่ขี้เหร่ที่ว่านี่หมายถึงซิ่วเย่ว์หรือ

“พี่ชาย ไปที่นั่นกันเถอะ ท่านก็ไม่เคยกินเต้าฮวยรสเค็ม วันนี้ลองชิมสักหน่อยว่ารสชาติเป็นอย่างไร”

คุณชายสามเซิ่งที่ก่อนหน้าทำท่าจะฟาดฟันกับหงโต้วเผยใบหน้ายิ้มแย้มออกมาทันที “ได้ เช่นนั้นวันนี้ก็ลองชิมเต้าฮวยเค็มว่ามีรสชาติเป็นอย่างไร”

หงโต้วที่อยู่ด้านข้างเบ้ปาก “น่าสงสารจริง กินเต้าฮวยปลอมมาตั้งหลายปี”

คนงานจ้องมองกลุ่มคนที่เดินจากไป เกือบจะอดใจเดินเข้าไปถามเหตุผลไม่ได้

เกินไปแล้ว เต้าฮวยหวานจะเป็นเต้าฮวยปลอมไปได้อย่างไร เต้าฮวยหวานเคยทำให้ใครโกรธเคืองหรือ

ปากซอยสือโถวถนนตะวันออกมีร้านอาหารเช้าตั้งอยู่ร้านหนึ่ง ในเวลานี้มีคนรุมล้อมจำนวนไม่น้อย

เป็นเมืองที่ทั่วทุกแห่งหนมีแต่เต้าฮวยหวาน มีเพียงร้านอาหารเช้าร้านนี้เท่านั้นที่เป็นเต้าฮวยเค็ม หลายปีมานี้มีลูกค้าขาประจำเป็นจำนวนมาก

“ท่านยายขี้เหร่ ต้นหอมใส่เยอะไปแล้วหรือเปล่า”

ซิ่วเย่ว์รู้สึกตัวก็เห็นเต้าฮวยที่ราดน้ำพะโล้โรยต้นหอมข้างบนจนเกือบล้นออกมานอกชามแล้ว ดูแล้วใส่เยอะกว่าปกติมาก

“ขอโทษที ขอโทษที” ซิ่วเย่ว์ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ช่างเถอะ กินต้นหอมเยอะหน่อยก็หอมดี” ลูกค้าประจำรับเต้าฮวยไป นั่งบนม้านั่งข้างๆ แล้วซดเสียงดัง

ซิ่วเย่ว์ถอนหายใจในใจ ดวงตากลับอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปข้างหน้า

เมื่อคืนหญิงสาวผู้นั้นบอกว่าวันนี้จะมาหานาง ตกลงจะมาเมื่อใดกัน

เดิมทีสามารถอยู่ห่างจากคนที่เปิดเผยความลับนางได้ ซิ่วเย่ว์ควรโชคดียิ่ง แต่ว่าเมื่อคืนลูกชิ้นเต้าหู้นั้นกลับทำให้นางหลับตาไม่ลงทั้งคืน ยิ่งคิดยิ่งไร้สาระสิ้นดี

ฝีมือการทำอาหารนั้น น้ำเสียงในคำพูดนั้น ดวงตาที่เมินเฉยและส่องสว่างคู่นั้น เห็นได้ชัดว่าคือท่านหญิง

แต่ท่านหญิงเสียไปแล้ว!

ซิ่วเย่ว์รู้สึกว่าตนเองถูกบีบจนจะเป็นบ้าแล้ว เริ่มใจลอยอีกครา

เสียงหัวเราะสดใสของเด็กหนุ่มดังขึ้น “ท่านยายขี้เหร่ เอาเต้าฮวยสามชาม”

ซิ่วเย่ว์ได้สติ ไม่เคยเห็นเด็กหนุ่มที่รูปงามเช่นนี้ ดวงตามองไปยังเด็กสาวที่ยืนอยู่ข้างกายเขา

เด็กสาวในอาภรณ์ชุดเรียบง่าย ใบหน้าสุขุมแตกต่างจากหญิงสาวชุดดำลึกลับเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง แต่นางกลับรู้จักดวงตาคู่นี้

ลั่วเซิงก็กำลังสังเกตซิ่วเย่ว์อยู่เช่นกัน

รอยแผลเป็นเราวกับกิ่งไม้คดเคี้ยวกระจายไปแทบครึ่งใบหน้า ทำให้มองไม่เห็นความงดงามของใบหน้าเดิม

ใบหน้าของลั่วเซิงสงบนิ่ง แต่ในใจกลับมีคลื่นลูกใหญ่ปะทุขึ้น

ซิ่วเย่ว์เสียโฉมหรือนี่!

“เอาเต้าฮวยมาสามชาม!” เมื่อเห็นซิ่วเย่ว์ไม่สะทกสะท้าน คุณชายสามเซิ่งก็เปล่งเสียงตะโกนอีกรอบ

ท่านยายผู้นี้หูหนวกหรือ

“มาแล้ว” ซิ่วเย่ว์รีบนำเต้าฮวยสามชามที่ปรุงเสร็จยกออกไปให้

เต้าฮวยเนื้อเด้งที่ราดด้วยน้ำพะโล้และด้านบนโรยน้ำมันพริกสีแดงกับต้นหอมสีเขียวสด ผสมกับกลิ่นหอมของน้ำส้มสายชูหอมๆ หอมฟุ้งเข้าไปในจมูก

คุณชายสามเซิ่งซดเต้าฮวยชามใหญ่ก็เห็นถึงก้นชามแล้ว

ในปากหงโต้วเต็มไปด้วยเต้าฮวยแต่ยังไม่ลืมเอ่ยถามว่า “คุณชาย เต้าฮวยรสเค็มอร่อยเป็นพิเศษใช่หรือไม่เจ้าคะ”

คุณชายสามเซิ่งชะงักไปชั่วขณะแล้วเอ่ยโต้เถียง “ข้ารู้สึกว่าไม่ใช่เต้าฮวยเค็มอร่อยเป็นพิเศษ แต่เป็นเต้าฮวยเค็มของท่านยายขี้เหร่ท่านนี้ต่างหากที่ทำได้อร่อยเป็นพิเศษ”

สองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน เหอะๆ เขานี่ช่างฉลาดเสียจริงเชียว

ลั่วเซิงวางชามลง ยิ้มแล้วพยักหน้า “ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”

คุณชายสามเซิ่งตาลุกวาว “ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าเต้าฮวยทุกร้านจะทำออกมาได้อร่อยเช่นนี้ นี่เป็นเพราะฝีมือล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับหวานหรือเค็มทั้งนั้น”

ช่วงเวลาสำคัญ น้องสาวยังคงสนับสนุนเขาเสมอ!

ลั่วเซิงพยักหน้าต่อ “พี่ชายพูดถูกแล้ว หากเช่นนั้น พวกเราพาท่านยายขี้เหร่ท่านนี้กลับไปด้วยเถอะ ต่อไปอยากกินเต้าฮวยเมื่อใดก็ให้นางทำให้ได้ทุกเมื่อ”

……………………………………………………………..

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท