ตอนที่ 36 โลกกลม
คุณหนูลั่วรึ
ลั่วเซิ่งสาวน้อยผู้ชาญฉลาดและเอาใจใส่ รู้ตัวว่าชายตรงหน้าจดจำนางในคืนนั้นไม่ได้ แต่รู้จักกับคุณหนูลั่ว
นางใช้หางตาเหลือบมองหงโต้วอย่างรวดเร็ว ใครจะไปรู้ว่าสาวใช้ที่มักจะพูดฉะฉานและดุดันจะแสดงสีหน้าเหม่อลอยในยามนี้ เห็นได้ชัดว่าพึ่งไม่ได้แล้ว
ชายหนุ่มทำให้ลั่วเซิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย ภายใต้การจ้องมองของดวงตาสีเข้มคู่นั้น นางไม่กล้าประมาท และเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งเฉย “ก็ดี”
ตามแบบฉบับของคุณหนูลั่วที่พบหนุ่มหล่อก็ฉุดคร่า คงใช้กับชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้ อย่างน้อยนางไม่ได้ยินการเรียกที่สนิทสนมในคำพูดประโยคนี้
คุณหนูลั่วเป็นถึงลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ สถานะสูงศักดิ์ นางใช้ท่าทีเช่นนี้รับมือกับชายหนุ่มตรงหน้าไม่น่าผิดพลาด
จุดแข็งที่สุดของลั่วเซิ่งคือใจนิ่ง พูดกันตามตรงคือโกหกหน้าตาย แต่แววตาที่เผยประกายแห่งความสงสัยหลังจากได้ยินคำตอบนี้ของอีกฝ่าย ทำให้หัวใจนางกระตุกหลายที
นางตอบไปเพียงสองคำ อะไรที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกัน
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
ใบหน้าของเขาซีดขาว คิ้วดกดำราวกับหมึก
“ดูเหมือนคุณหนูลั่วจะจำข้าไม่ได้นะ”
ลั่วเซิ่งเชิดคางขึ้นเล็กน้อยและเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ข้าเจอคนมากหน้าหลายตา ประเดี๋ยวก็ลืมหมดแล้ว ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
“เป็นเช่นนี้เองหรือ…” ชายหนุ่มจดจ้องลั่วเซิ่งและลุกยืนขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็ขอโทษที่มารบกวน”
ลั่วเซิ่งเฝ้ามองชายหนุ่มออกไปพร้อมกับบ่าว ร่างกายที่ตึงเครียดก็ผ่อนคลายลง
นางไม่กลัวว่าชายหนุ่มที่เพิ่งจากไปบาดหมางอะไรกับคุณหนูลั่ว แค่กลัวว่าเขาจะจำนางในค่ำคืนนั้นได้
อาจเป็นเพราะความกดดันที่มองไม่เห็นคลายลงทันทีเมื่อชายหนุ่มจากไป ในที่สุดคุณชายสามเซิ่งก็รู้สึกตัว “น้องหญิง พวกเจ้ารู้จักกันหรือ”
“ไม่รู้จัก”
คุณชายสามเซิ่งกะพริบตา
ไม่น่านะ ชายผู้นั้นหล่อเหล่าไม่แพ้ซูเย่า เข้ามาทักทายด้วยตัวเอง ไม่มีเหตุผลที่น้องหญิงหลานนอกจะจำเขาไม่ได้
ขณะนี้ หงโต้วราวกับตื่นจากฝัน ดึงชายเสื้อของลั่วเซิ่งพลางเอ่ยว่า “คุณหนู ท่านจำไม่ได้จริงๆ หรือเจ้าคะ เขาคือไคหยางอ๋องอย่างไรเจ้าคะ!”
ไคหยางอ๋องรึ
ลั่วเซิ่งสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย
นางเคยซักถามหงโต้วได้ความว่าสาเหตุที่ทำให้คุณหนูลั่วถูกส่งไปหลบยังจวนท่านตานั่นเพราะล่วงเกินไคหยางอ๋อง
ว่ากันว่าคุณหนูลั่วทำนิสัยเดิมๆ ละโมบในความงามของไคหยางอ๋องกลางตลาด ทำให้ไคหยางอ๋องโกรธมาก
ไคหยางอ๋องเป็นพระอนุชาของโอรสสวรรค์องค์ปัจจุบัน แม้อายุจะเพิ่งครบยี่สิบ แต่ได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้อย่างมาก ถึงขั้นที่องค์รัชทยาทที่อายุมากกว่าเขาหลายปียังต้องเรียกเสด็จอาอย่างนอบน้อม
คนอย่างเขาโกรธขึ้นมา แม่ทัพใหญ่ลั่วย่อมไม่อาจนิ่งเฉยได้จึงจำใจส่งบุตรสาวออกจากเมืองหลวงเพื่อเป็นการชดใช้ความผิด
ลั่วเซิ่งครุ่นคิดดูแล้ว ผู้มีอำนาจคับฟ้าอย่างเขาคงไม่กัดสาวน้อยไม่ปล่อยหรอก นางแอบเข้าเมืองหลวงอย่างเงียบๆ คงไม่มีปัญหาอะไร
จะโชคร้ายเกินไปเสียแล้ว กลับที่พบกันระหว่างทางโดยบังเอิญ
เมื่อถอนหายใจให้กับโชคชะตาของตัวเอง ลั่วเซิ่งก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้งและเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ในเมื่อเขาจากไปก็บ่งบอกแล้วว่าไม่ได้ติดใจอะไรกับความผิดของข้าก่อนหน้านี้ ฉะนั้น ดื่มน้ำชาแล้วเดินทางต่อกันเถอะ”
แค่ถูกหญิงสาวเย้าแหย่ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็อารมณ์เสียแล้ว ลงโทษก็ลงโทษแล้ว ยังจะเอาอะไรอีก
จะให้เด็กสาวแต่งงานกับเขาหรือบีบบังคับให้บวชชีงั้นหรือ
“คุณหนู ท่านมองโลกในแง่ดีเกินไป บ่าวรู้สึกว่าไคหยางอ๋องยังโกรธอยู่”
“หืม” ลั่วเซิงขมวดคิ้ว เริ่มรู้สึกว่าชายหนุ่มค่อนข้างใจแคบอยู่บ้าง
ภายนอกดูดี แต่จิตใจกลับคับแคบ
หงโต้วกดเสียงลงต่ำ “ตอนนั้น ท่านปลดเข็มขัดของไคหยางอ๋องออกกลางตลาด…”
“พรวด…” คุณชายสามเซิ่งน้ำชาพุ่งออกมาเต็มโต๊ะ
แม้แต่ซิ่วเย่ว์ที่ดื่มน้ำชาอย่างเงียบๆ ก็เกือบทำถ้วยน้ำชาในมือหล่น
นางจดจ้องลั่วเซิ่ง แววตาเผยความลังเล นางตัดสินใจติดตามคุณหนูผู้นี้เร็วเกินไปหรือไม่
“น้องหญิง ปลดเข็มขัดของไคหยางอ๋องต่อหน้าสาธารณชนจริงๆ หรือ” คุณชายสามเซิ่งที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วไม่ทันได้เช็ดน้ำชาที่กระเซ็นบนชุดของเขาก็เอ่ยถามด้วยสีหน้าตกตะลึง
ลั่วเซิงยังคงนิ่งเงียบ
ประมาทเกินไปแล้ว
นางไม่มีความทรงจำของคุณหนูลั่วอยู่เลย ต้องสืบหาข้อมูลอีกจำนวนมาก เคยได้ยินหงโต้วเล่าว่าที่ถูกแม่ทัพใหญ่ลั่วส่งมาหลบซ่อนตัวที่จวนท่านตาก็เพราะว่าละโมบในความงามขอไคหยางอ๋อง แต่ไม่ได้สอบถามรายละเอียดก็ถามเรื่องอื่นแทนแล้ว
ในความคิดของนาง ไม่จำเป็นต้องถามวิธีเกี้ยวพาราสีผู้ชายให้ละเอียด
ลั่วเซิ่งลุกยืนขึ้น “พี่ชาย นั่งรอสักครู่ ข้ามีเรื่องจะคุยกับหงโต้ว”
“เอ่อ” คุณชายสามเซิ่งดื่มน้ำชาเย็นๆ ด้วยความมึนงง
ลั่วเซิ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ริมถนนแล้วกดเสียงลงต่ำ “เมื่อก่อนข้า… ชอบปลดเข็มขัดผู้ชายงั้นหรือ”
นางคิดว่ากุลสตรีผู้สูงศักดิ์อย่างคุณหนูลั่วแม้จะเกี้ยวพาราสีผู้ชายเช่นไร ก็น่าจะรู้มารยาทพื้นฐานอยู่บ้าง
“ไม่เลยเจ้าค่ะ ท่านแค่เคยปลดเข็มขัดของไคหยางอ๋องเท่านั้น”
ลั่วเซิงนึกถึงใบหน้าของไคหยางอ๋องจึงขมวดคิ้วถามว่า “เพราะเขาหล่อเหลาที่สุดหรือ”
หงโต้วส่ายศีรษะอย่างต่อเนื่อง “ก็ไม่ใช่ จริงๆ แล้ว ตอนนั้นท่านพลั้งมือไปโดยไม่ตั้งใจ…”
ลั่วเซิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โชคดีที่ปัญหาที่คุณหนูลั่วทิ้งไว้ให้ที่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คาดคิดไว้
แต่ไม่นาน หัวใจที่ผ่อนคลายก็กลับมาตึงเครียดอีกครั้ง
ในเมื่อคุณหนูไม่ได้มีความชื่นชอบชอบปลดเข็มขัดหนุ่มหล่อทุกคน แต่ในฐานะที่เป็นชายหนุ่มคนเดียวที่โดนนางปลดเข็มขัด นางไม่มีเหตุผลใดที่จะจำไม่ได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบทเรียนที่ถูกส่งออกจากเมืองหลวงก็เพียงพอแล้วสำหรับสาวน้อยคนหนึ่งที่จะจดจำไปชั่วชีวิต
กล่าวอีกนัยหนึ่ง อีกฝ่ายคงรู้สึกสงสัยขึ้นมาแล้ว
ลั่วเซิ่งนึกถึงดวงตาสีดำที่พลันเบิกขึ้นในค่ำคืนนั้น หัวใจก็รู้สึกหม่นหมอง
เหตุใดไคหยางอ๋องถึงมาปรากฏตัวที่จวนอ๋องได้เล่า
ลั่วเซิงเดินกลับไปโรงน้ำชา แต่คุณชายสามเซิ่งชิงเอ่ยขึ้นก่อน “น้องหญิงมีเรื่องอะไรหรือ”
ลั่วเซิ่งคิ้วขมวด “พี่ชายดูตื่นเต้นไม่น้อยเลยนะ”
“ไม่ ไม่ตื่นเต้น จะตื่นเต้นได้อย่างไร ไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด…”
ลั่วเซิงทำเหมือนมองไม่เห็นขาที่สั่นเทาของคุณชายสามเซิ่งแล้วหันหลังเดินไปยังรถม้าม่านเขียวที่จอดอยู่ริมถนน “หากพี่ชายดื่มเสร็จแล้ว พวกเราก็รีบเดินทางกันต่อเถอะ”
ทั้งขบวนออกเดินทางกันอีกครั้ง จำนวนคนที่ผ่านไปผ่านมาค่อยๆ ลดน้อยลง สุดท้ายพวกเขาก็มองเห็นเพียงเนินเขาเขียวขจีและต้นไม้เขียวชอุ่ม
ลั่วเซิ่งยกม่านรถขึ้น มองวิวทิวทัศน์ตามถนนเงียบ ๆ
“น้องหญิง อยากแวะที่นี่สักหน่อยหรือไม่ กินอาหารแห้งก่อนแล้วค่อยออกเดินทางต่อเถิด”
การเดินทางไกลถือเป็นเรื่องยากลำบาก ไม่ว่าจะมีเงินหรือไม่ก็ตาม หากไปไม่ถึงศาลาพักม้าหรือเข้าเมืองก็ต้องนอนค้างแรมในถิ่นทุรกันดารแถวชานเมืองเป็นธรรมดา
ลั่วเซิ่งพยักหน้าเล็กน้อย เพิ่งจะลงจากรถม้าและทรงตัวได้ จู่ๆ เงาสีดำก็พุ่งเข้ามาหานาง
คุณชายสามเซิ่งชักดาบออกจากเอว รีบพุ่งเข้าไปและตะโกนว่า “มีคนร้าย!”
องครักษ์เจ็ดแปดคนถือดาบวิ่งกรูเข้าไป หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เห็นหมูป่าตัวหนึ่งนอนอย่างน่าสังเวชอยู่บนพื้น มีบาดแผลถูกแทงอย่างน้อยหลายสิบแห่งบนร่างกาย
คุณชายสามเซิ่งที่ถือดาบอยู่รู้สึกเขินอายเมื่อเห็นใบหน้านิ่งสงบของน้องสาว “ข้ายังคิดว่าเป็นคนร้ายนึกไม่ถึงว่าจะเป็นหมูป่า”
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ชายหนุ่มก็รู้สึกว่าที่ส่งเสียงตื่นตระหนกเมื่อครู่นี้เสียหน้าอยู่บ้างจึงรีบเอ่ยว่า “หมูป่าตัวใหญ่ขนาดนี้บ้าคลั่งขึ้นมาทีอันตรายกว่าคนร้ายหลายคนเสียอีก”
ลั่วเซิ่งพยักหน้า “พี่สามพูดถูก ถ้าอย่างนั้น…ทำขาหมูขอทานกินกันเถอะ”
คุณชายสามเซิ่ง ???