ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 40 ประจันหน้า

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 40 ประจันหน้า

นางเคยได้ยินหงโต้วเล่าว่าไคหยางอ๋องหนึ่งคนเทียบได้กับทัพนับพัน นางเคยได้ยินหงโต้วเล่าว่าไคหยางอ๋องได้รับความไว้วางใจจากฮ่องเต้เป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่องค์รัชทายาทต้องก้มศีรษะอย่างนอบน้อมเมื่อเห็นเขา นางเคยได้ยินหงโต้วเล่าว่าไคหยางอ๋องมีนิสัยเย็นชา ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่น

แต่นางไม่เคยได้ยินหงโต้วเล่าว่าไคหยางอ๋องหน้าหนาถึงเพียงนี้!

แต่เมื่อเทียบกันที่ความหน้าด้านแล้ว คุณหนูลั่วไม่เป็นสองรองใคร ท่านหญิงชิงหยางเองก็เช่นกัน

ลั่วเซิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง โค้งริมฝีปากยิ้ม “ได้ยินมาว่าท่านอ๋องมีวิทยายุทธ์สูงส่ง มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อเพียงไม่กี่คน คือเรื่องจริงหรือไม่”

เว่ยหานคิ้วขมวดและมึนงงอยู่ครู่หนึ่งว่าลั่วเซิงต้องการจะสื่ออะไร

องครักษ์ที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะตอบว่า “แน่นอนอยู่แล้ว”

ชื่อเสียงอันน่าเกรงขามของท่านอ๋องมีใครในต้าโจวที่ไม่รู้จักบ้าง

ลั่วเซิงยิ้มเล็กน้อย “แล้วเหตุใดท่านอ๋องถึงยอมให้สตรีที่เก่งแค่วางท่าปลดเข็มขัดออกเล่า หรือว่าท่านอ๋องจะแอบชอบข้า”

ทันทีที่คำพูดนี้เอ่ยออกมา สถานการณ์ก็ตกอยู่ในความเงียบงันประหลาด ทุกคนจ้องมองปฏิกิริยาของเว่ยหานโดยไม่ละสายตา

ครั้งนี้ เว่ยหานนิ่งเงียบไปนาน ในใจรู้สึกรำคาญไม่น้อย

เดิมทีเขาไม่ควรคิดเล็กคิดน้อยกับสตรี แต่สตรีที่ปากจัดและหน้าหนาอย่างคุณหนูลั่วนั้นหายากนัก

ลั่วเซิงเห็นความโกรธเคืองในดวงตาของเว่ยหาน น้ำเสียงก็ยิ่งเย็นชา “หรือข้าพูดแทงใจดำ ท่านอ๋องจึงพาลโกรธขึ้นมา”

เว่ยหานยิ้มแล้ว

ชายชุดแดงใบหน้าคร่ำเครียด สีหน้าขาวซีด รอยยิ้มนี้กลับดูเย็นชาและชวนให้ตกตะลึงในความงาม

คำว่าตกตะลึงในความงามนี้เดิมไม่ควรใช้กับผู้ชาย แต่สามารถนำมาใช้อธิบายรอยยิ้มนี้ของเว่ยหาน ทุกคนล้วนเห็นพ้องต้องกัน

“คุณหนูลั่วจงรู้ไว้เถิด หากข้าชื่นชอบใครขึ้นมา จะไม่มีทางพาลโกรธแน่นอน”

นี่คือการปฏิเสธชัดๆ หากเป็นสตรีอื่นคงอับอายจนวิ่งหนีไปแล้ว แต่ลั่วเซิงกลับทำสีหน้าเฉยเมยและโค้งริมฝีปากขึ้น “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ไม่เข้าใจแล้ว ในเมื่อท่านอ๋องไม่สนใจในตัวข้าแล้วเหตุใดถึงชอบมาปรากฎตัวตรงหน้าข้า ต้องรู้ว่าสตรีนั้นชอบคิดไปเอง หากท่านอ๋องไม่ชอบข้าก็อย่ามาทำให้ข้าเข้าใจผิดดีกว่า โปรดให้เกียรติกันด้วย!”

ลั่วเซิงเน้นเสียงท่อนสุดท้าย

การที่ไคหยางอ๋องปรากฏตัวที่จวนรกร้างไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่นอน นางต้องตามสืบให้ได้ แต่ไม่ใช่ตอนนี้

ภารกิจสำคัญในตอนนี้คือกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย

“ปล่อยให้คุณหนูลั่วเข้าใจผิดเช่นนี้ เป็นความผิดของข้าเอง” เว่ยหานเอ่ยเสียงราบเรียบ เพียงแต่มองลั่วเซิงด้วยแววตาที่ลุ่มลึกขึ้น “อันที่จริงแล้ว ข้าถูกใจกริชของคุณหนูลั่ว ไม่ทราบว่าจะยอมสละของรักแล้วยกให้ข้าได้หรือไม่”

คำว่า ‘กริช’ ทำให้หัวใจของลั่วเซิงเต้นรัว

นางไม่เชื่อคำโกหกของชายหนุ่ม

ไคหยางอ๋องผู้สูงศักดิ์จะสนใจกริชสีสันฉูดฉาดเล่มนี้อย่างนั้นหรือ

เขากำลังลองเชิงนาง!

ลั่วเซิงรู้สึกเย็นวาบในใจเมื่อมองชายชุดสีแดงตรงหน้า

ค่ำคืนนั้น นางเอาหินฟาดศีรษะของไคหยางอ๋อง คิดว่าจะทำให้เขาสลบ แต่จู่ๆ เขากลับลืมตาขึ้น

นางสาดผงพริกไทยแทบจะในทันที แต่ชายหนุ่มไม่เพียงสงสัยในตัวนางที่ใช้ผ้าคลุมปิดบังใบหน้า แต่ยังจำกริชที่นางถืออยู่ในมือได้ด้วย

บางทีเขาอาจจดจำนางได้ตั้งแต่เจอกันที่ร้านน้ำชาโดยบังเอิญแล้ว และเมื่อครู่นี้ฉากที่นางถือกริชจี้โจรก็อยู่ในสายตาของเขา ทำให้เขาจำกริชในมือนางได้

บุรุษผู้นี้คือมนุษย์จริงๆ หรือเนี่ย

ความหวาดกลัวของลั่วเซิงที่มีต่อเว่ยหานรุนแรงขึ้นจึงตัดสินใจอยู่ห่างจากชายผู้นี้ก่อนดีกว่า

ลั่วเซิงเอื้อมมือเข้าไปหยิบกริชที่เพิ่งสร้างความดีความชอบมาเมื่อครู่ และส่งให้กับเว่ยหานอย่างใจกว้าง “แค่กริช ไม่ใช่ของรักอะไร หากท่านอ๋องชอบก็เอาไปได้เลย แต่ไม่ทราบว่าท่านอ๋องจะเอาอะไรมาแลกหรือ”

การกระทำของลั่วเซิง เห็นได้ชัดว่าทำให้เว่ยหานประหลาดใจนัก สีหน้าที่นิ่งสงบเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ลั่วเซิงเห็นดังนั้นจึงยิ้มเย็นในใจ คิดว่านางจะกินปูนร้อนท้องไม่ยอมสละกริชให้งั้นหรือ

นางมอบกริชให้อีกฝ่ายตามที่เขาต้องการและรอดูว่าอีกฝ่ายจะมีเหตุผลอะไรได้อีก

เมื่อรู้แล้วว่าเว่ยหานน่าจะจำตนได้ ลั่วเซิงจึงสุขุมยิ่งกว่าเดิม

ค่ำคืนนั้นนางไม่ได้เปิดเผยตัวตน บนกริชเองก็ไม่ได้สลักชื่อเอาไว้ หากนางปฏิเสธเสียงแข็งอีกฝ่ายจะทำอะไรได้

ไคหยางอ๋องมีอำนาจคับฟ้าคือเรื่องจริง แต่บิดาของคุณหนูลั่วก็มีอำนาจไม่แพ้กัน ไคหยางอ๋องคงไม่จับนางไปทรมานอย่างไร้ความปรานีหรอก

ขณะนี้ เป็นโชคดีของลั่วเซิงที่กลับมาเกิดใหม่ในฐานะลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ลั่ว นางจึงไม่ได้เป็นผู้ถูกกระทำฝ่ายเดียว

เว่ยหานจ้องกริชที่ประดับด้วยอัญมณีเป็นเวลานาน ในขณะที่เด็กสาวเผยรอยยิ้มเยาะหยันน้อยๆ เขาก็เอื้อมมือไปรับเอาไว้

ขณะนี้เองเขาก็ตระหนักได้ว่าเด็กสาวตรงหน้านั้นไม่ธรรมดาเลย อย่างน้อยก็จัดการได้ยากกว่าตอนที่ปลดเข็มขัดเขากลางตลาดของเมืองหลวงมากนัก

ตอนนั้น เขาคิดเพียงว่าไม่ควรให้ค่าและไม่คุ้มที่จะไปคิดเล็กคิดน้อยกับหญิงไร้ยางอายและกำเริบเสิบสาน

แม่ทัพลั่วส่งตัวบุตรสาวออกจากเมืองหลวงเพื่อเป็นการไถ่โทษ ในใจเขากลับสงบนิ่ง

แต่หญิงสาวตรงหน้าให้ความรู้สึกที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

นางดูเย็นชา สุขุม ฉลาดหลักแหลม

ในค่ำคืนนั้นชั่วขณะที่ได้สบมอง ดวงตาที่สดใสดุจดวงดาวส่องประกายคู่นั้นประทับภาพจำลงในใจของเขาอย่างลึกล้ำ แม้จะไม่เห็นใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้น เขาก็จดจำดวงตาคู่นั้นได้แม่นและแน่ใจว่าหญิงสาวตรงหน้าคือก็เจ้าของมัน

เขามั่นใจว่าไม่ได้จำผิด แต่เดิมเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ตอนนี้กลับขี่หลังเสือแล้วลงยากเสียอย่างนั้น

กริชสมควรตายเล่มนี้ประดับไปด้วยอัญมณี เห็นได้ชัดมีมูลค่ามาก แต่เขาไม่ได้พกเงินติดตัวมากขนาดนั้น!

เหตุการณ์ดำเนินมาถึงจุดที่ต้องเสียเงินซื้อกริชได้อย่างไร

เว่ยหานครุ่นคิดอย่างหนัก

ดูเหมือนเขาจะพูดออกมาเอง…

ลั่วเซิงไม่ปล่อยให้เว่ยหานมีเวลาคิด นางเอ่ยเสียงเรียบ “เป็นบุญของกริชเล่มนี้แล้วที่สามารถถูกตาต้องใจท่านอ๋องได้ ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอไม่มาก ท่านอ๋องให้ข้าสามพันตำลึงก็พอแล้ว”

“อะแฮ่มๆ ๆ..” องครักษ์ที่ข้างกายเว่ยหานส่งเสียงกระแอมหนักๆ พลางมองนายท่านด้วยสายตากังวล

นายท่านมีเงินไม่ถึงสามร้อยตำลึงด้วยซ้ำ!

เมื่อคิดดูแล้ว จะให้นายท่านของตนเอ่ยปากขอลดราคาคงต้องขายหน้าเป็นแน่ องครักษ์จึงกระแอมกำลังเตรียมยื่นมือเข้าช่วยก็เห็นสาวใช้ข้างกายคุณหนูลั่วเบ้ปากเอ่ย “สามพันตำลึงหรือ คุณหนูนี่แทบจะเหมือนแจกเลยนะเจ้าคะ!”

องครักษ์ตัวน้อยรีบหุบปากในทันที

เอาเถอะ คนเขาแทบจะเหมือนแจกอยู่แล้ว เขาจะพูดอะไรได้อีก เขาเองก็มีศักดิ์ศรีเหมือนกันนะ

“อย่าพูดมาก” ลั่วเซิงเหลือบมองหงโต้วแล้วส่งยิ้มให้กับเว่ยหาน “ท่านอ๋องอย่าเกรงใจไปเลย ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าเป็นบุญของกริชเล่มนี้ที่ทำให้ท่านอ๋องต้องตาได้ เงินเท่าใดก็ไม่สำคัญหรอก”

เว่ยหานมองสบดวงตาที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดก็ถอนหายใจเสียงเบา “คุณหนูลั่วพูดถูก เงินสำหรับเจ้ากับข้าคือของนอกกาย ให้ใช้เงินแลกซื้อกริชเล่มนี้คงไม่ได้แน่ เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าจะช่วยคุณหนูทำงานหนึ่งอย่างภายในขอบเขตอำนาจของข้า คุณหนูว่าการซื้อขายนี้เป็นอย่างไรบ้าง”

ลั่วเซิงจ้องเว่ยหานนิ่งนาน รอยยิ้มลุ่มลึกขึ้นกว่าเดิม “ท่านอ๋องมีอำนาจเหลือล้น สามารถใช้กริชเล่มหนึ่งแลกกับการให้ท่านอ๋องช่วยจัดการเรื่องราวให้ย่อมเป็นข้าที่ได้กำไรอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นต้องขอขอบคุณท่านอ๋องล่วงหน้า ในภายภาคหน้าหากมีเรื่องจำเป็นจริงๆ คงต้องรบกวนท่านอ๋องช่วยเหลือแล้ว”

ไม่นึกเลยว่าว่าไคหยางอ๋องผู้มีชื่อเสียงโด่งดังที่แท้จะขาดแคลนเงิน

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท