ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 57 หมอเทวดาออกรักษานอกสถานที่

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 57 หมอเทวดาออกรักษานอกสถานที่

เสียงฝีเท้าดังขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ทันใดนั้นชายชราก็เดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้น

ลั่วเซิงขนตาสั่นไหวเล็กน้อย

เทียบกับสิบกว่าปีที่แล้ว หมอเทวดาหลี่แทบจะไม่เปลี่ยนไปเลย ผมยังคงเป็นสีเงินยวงทั้งศีรษะ ไม่มีสีอื่นผสม ดวงตาคู่นั้นเทียบกับคนรุ่นเยาว์แล้วยังมีชีวิตชีวากว่ามาก

กาลเวลาเหมือนกับว่าลืมสนใจชายชราผู้นี้ และการไม่เปลี่ยนแปลงนี้ ทำให้ลั่วเซิงเกิดความรู้สึกสนิทสนมขึ้นมาโดยไม่ต้องเอ่ยคำใด

แต่สำหรับหมอเทวดาหลี่แล้วกลับรู้สึกแตกต่าง เขาชักสีหน้ามองแม่นางน้อยที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน น้ำเสียงดูเข้มงวด “ยาบำรุงปราณหรือ”

ลั่วเซิงยื่นกล่องเล็กใบหนึ่งให้

หมอเทวดาหลี่เปิดกล่องนั้นออก เห็นข้างในมียาเม็ดใส่ไว้ ดวงตาหรี่ลง แล้วนำมาจ่อที่ปลายจมูกลองดมทันที

หลังจากนั้น สีหน้าหมอเทวดาหลี่ก็ดูแย่ยิ่งกว่าเดิม

“เอายาเม็ดเหล่านี้มาจากที่ใด”

ลั่วเซิงหรี่ตาเล็กน้อย ดวงตาเผยความประหลาดใจ “ท่านไม่ใช่หมอเทวดา! ”

“หมายความว่าอย่างไร” หมอเทวดาหลี่ตะโกนถามด้วยสีหน้านิ่งเฉย

ลั่วเซิงดูเหมือนไม่ได้รู้สึกเลยสักนิดว่าอีกฝ่ายใกล้จะระเบิดความโกรธออกมาร่อมร่อจึงเอ่ยต่อ “ยาบำรุงปราณเป็นยาที่ท่านหมอเทวดามอบให้แก่ข้าเอง แต่ท่านไม่ใช่หมอเทวดา…”

หมอเทวดาหลี่ได้สติทันที

ความหมายของแม่นางน้อยผู้นี้คือมีคนปลอมเป็นเขา

หมอเทวดาหลี่ไม่ใช่คนประเภทที่ฝึกฝนขัดเกลาตนเองให้มีคุณธรรมอ ในทางกลับกัน นิสัยของชายชรานั้นเจ้าอารมณ์มาก เขากระแทกกล่องเล็กที่ใส่ยาบำรุงปราณไว้ลงบนโต๊ะอย่างแรง ตะคอกออกมาว่า “บอกข้ามาให้หมด ตกลงแล้วไอ้สารเลวที่ไหนเอายาบำรุงปราณให้กับเจ้า!”

ผู้คนที่รอดูเรื่องสนุกอยู่ในลานกว้างได้ยินเสียงตะคอกดังแว่วมาก็อดไม่ได้ที่จะมองตากันไปมา

นี่ท่านหมอโกรธหรือ

ข่าวลือเป็นเรื่องจริงสินะ แม่ทัพใหญ่ลั่วเคยล่วงเกินหมอเทวดาหลี่ หมอเทวดาหลี่ถึงได้ลั่นวาจาเช่นนั้นออกไป

ลั่วอิงกับพี่น้องที่รออยู่ในลานกว้างสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ลั่วเย่ว์กัดริมฝีปาก เอ่ยอย่างไม่สบายใจ “พี่หญิงใหญ่ พี่หญิงรอง ท่านหมอเทวดาอารมณ์เสียใส่น้องสามใช่หรือไม่”

ลั่วฉิงหน้านิ่งคิ้วขมวด “ดูเหมือนจะใช่นะ”

ลั่วอิงถอนใจเอ่ย “แต่ก็โทษน้องสามไม่ได้ เชิญท่านหมอเทวดาไม่ได้ก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่แรก น้องสี่ โดยเฉพาะเจ้า รอสักครู่ให้น้องสามออกมาก็อย่าตำหนินางล่ะ”

“ข้ารู้แล้ว แต่พวกพี่ไม่กังวลใจหรือ หากพี่สามไปตีท่านหมอจะทำอย่างไร”

ลั่วอิงกับลั่วฉิงสับสนทันที

เหตุใดน้องสี่ถึงเตือนพวกนาง!

เทียบกับพี่น้องทั้งสามที่ตอนนี้ตึงเครียดอย่างมาก ลั่วเซิงที่อยู่ตรงหน้าหมอเทวดาที่กำลังโกรธจัดดูสงบนิ่งนัก

“พูดอย่างนี้ คนที่ให้ยาบำรุงปราณแก่ข้าคือตัวปลอมหรือ”

หากตรงหน้าไม่ใช่เด็กน้อยผู้บอบบางและอ่อนแอล่ะก็ หมอเทวดาหลี่ก็คงชกไปสักหมัดแล้ว เขาเอ่ยอย่างโมโห “ตัวปลอมแน่นอน! ”

“อ้อ” ลั่วเซิงส่งเสียงตอบรับ เพื่อแสดงว่าทราบแล้ว

หมอเทวดาหลี่ลูบหน้าอก

แม่นางน้อยผู้นี้ทำให้เขาโกรธจนแทบบ้า ตอบรับคำเดียวมันหมายความว่าอย่างไร รู้ว่ามีคนปลอมตัวเป็นเขา แต่ไม่ประหลาดใจสักนิดเลยหรือ

ลั่วเซิงชี้ไปที่ยาบำรุงปราณ “แล้วยานี้เป็นของปลอมด้วยหรือไม่”

หมอเทวดาหลี่เงียบลงทันที

คนน่ะตัวปลอม แต่ยาน่ะของจริง!

แต่นี่คือสาเหตุที่ทำให้เขาสติหลุด

ยาบำรุงปราณเป็นยาเม็ดที่เขาศึกษาค้นคว้าเพื่อพระชายาเจิ้นหนานอ๋องโดยเฉพาะ ไม่เคยเผยแพร่ออกไป เหตุใดมีคนปรุงมันขึ้นมาได้

“ยาไม่ได้ปลอม” หมอเทวดาหลี่อดกลั้นความหงุดหงิดตอบ

ในฐานะหมอ เขาไม่อาจโกหกได้

ลั่วเซิงยิ้มเล็กน้อย “ถ้าเช่นนั้นก็ดีแล้วเจ้าค่ะ”

หมอเทวดาหลี่มองลั่วเซิงตาลุกแวว “แม่นางน้อย ตอนนี้เจ้าจะบอกได้หรือยังว่าเอายาบำรุงปราณมาจากที่ใด”

ลั่วเซิงเม้มริมฝีปาก ไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่ย้อนถามว่า “แล้วท่านสนใจของที่ข้านำมาวันนี้หรือไม่เจ้าคะ”

หมอเทวดาหลี่ บางครั้งเป็นผู้ไร้เหตุผล บางครั้งเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ลั่วเซิงมั่นใจว่าเขาจะไม่ให้คำตอบที่ขัดใจเขาแน่

นี่ก็คือความมั่นใจของนางที่ใช้สถานะของคุณหนูลั่วมาขอรับการรักษา

หมอเทวดาหลี่นิ่งเงียบชั่วขณะ พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าสนใจอย่างยิ่ง”

เขาสนใจคือใครเป็นคนปรุงยาบำรุงปราณออกมา แต่นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ลั่วเซิงมุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย

หมอเทวดาหลี่ไม่เปลี่ยนไปเลย หากเขาสนใจก็คือสนใจจริงๆ ไม่ใช่เพราะนางคือลูกสาวของแม่ทัพใหญ่ลั่วจึงจงใจปฏิเสธ

“เช่นนั้น…ท่านสามารถไปรักษาท่านพ่อข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”

หมอเทวดาหลี่กลั้นหายใจมองเด็กสาวที่เอ่ยถาม

เด็กสาวคนนี้อายุคงไม่เกินสิบห้าสิบหกปี หว่างคิ้วมีความสงบนิ่งที่หาได้ยากในคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน

นี่ทำให้เขาพลันนึกถึงเด็กสาวอีกคนหนึ่งขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

หมอเทวดาหลี่ถอนหายใจในใจ พยักหน้าโดยไม่รู้ตัว

เขาเป็นแค่หมอคนหนึ่งที่มีหลักการ

“ตอนนี้เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ว่าเจ้าได้ยาบำรุงปราณมาได้อย่างไร”

“ได้แน่นอน” ลั่วเซิงพยักหน้าอย่างพอใจ “เมื่อไม่นานมานี้ข้าอยู่ที่ทางตอนใต้แล้วไม่สบายจึงได้เชิญหมอมารักษา ยาบำรุงปราณนี้หมอท่านนั้นให้มา บอกว่าสามารถบำรุงร่างกายได้…”

“หมอคนนั้นชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร”

“คนท้องถิ่นต่างเรียกว่าหมอเทวดาหลี่ ไม่ทราบชื่อจริงเจ้าค่ะ”

หมอเทวดาหลี่สีหน้าเรียบนิ่งราวกับสายน้ำ “แม่นางน้อยพบหมอเทวดาหลี่ผู้นี้ที่ใด”

“เมืองหนานหยางเจ้าค่ะ” ลั่วเซิงตอบทีละพยางค์

ทันใดนั้นสีหน้าหมอเทวดาหลี่ก็เปลี่ยนไป โพล่งออกมาว่า “พูดจาเหลวไหล!”

ลั่วเซิงหรี่ตา แสดงสีหน้าคับข้องใจ “หมอเทวดาหลี่เหตุใดจึงพูดเช่นนี้ล่ะเจ้าคะ”

หมอเทวดาหลี่เมื่อคิดว่ามีคนใช้ชื่อของเขาไปก่อเรื่องก็รู้สึกโกรธมาก เอ่ยอย่างกรุ่นโกรธ “ข้าเป็นหมออยู่ในเมืองหลวง จะมีหมอหลี่อีกคนโผล่ออกมาได้อย่างไร

“หากเช่นนั้น…หมอหลี่ที่ข้าเจอก็เป็นตัวปลอมน่ะสิเจ้าคะ”

“ตัวปลอมแน่นอนอยู่แล้ว!” หมอเทวดาหลี่ตอบอย่างขุ่นเคือง ความสงสัยในใจเพิ่มขึ้น

มีหมอที่ปรุงยาบำรุงปราณออกมาอยู่ที่เมืองหนานหยางแล้วใช้ชื่อเขาก่อเรื่อง นี่มันเป็นเรื่องอะไรกันแน่

ลั่วเซิงแสดงสีหน้าโชคดี “โชคดีที่วันนี้ได้พบท่าน ไม่เช่นนั้นจนถึงวันนี้ข้ายังคิดว่าท่านคือหมอท่านนั้นที่ข้าเจอที่เมืองหนานหยาง”

เทียบกับหมอเทวดาหลี่ที่รังเกียจการโกหกแล้ว นางไม่เหมือนกัน

นางหน้าด้านมาก

หมอเทวดาหลี่มองลั่วเซิงแล้วไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี

ในใจเขารำคาญคนของจวนแม่ทัพลั่วอย่างมาก แต่เหตุใดพอฟังเด็กน้อยผู้นี้พูด ยังรู้สึกโชคดีที่วันนี้ได้เจอหน้านาง

มักรู้สึกว่าเด็กน้อยผู้นี้ได้ประโยชน์จึงทำตัวเชื่อฟัง แต่ก็หาหลักฐานไม่พบ

หมอเทวดาหลี่ครุ่นคิดอย่างตั้งใจ

ลั่วเซิงยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีคนมาพบท่านหมอต่อจากข้าแล้ว ในเมื่อท่านหมอสนใจของที่ข้านำมาด้วยในวันนี้ และอาการของบิดาข้าก็รอช้าไม่ได้ เชิญท่านกลับจวนไปพร้อมกับข้าเลยจะได้หรือไม่เจ้าคะ”

หมอเทวดาหลี่เงยหน้าขึ้นและพยักหน้าด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

กฎที่เขาตั้งไว้ แม้บีบจมูกก็ต้องยอมรับ

ลั่วเซิงโค้งคำนับหมอเทวดาหลี่ “ขอบคุณท่านมากเจ้าค่ะ”

หมอเทวดาหลี่สังเกตเด็กสาวที่ยากจะเก็บซ่อนความยินดี ทันใดนั้นก็ถามขึ้น “เจ้าแน่ใจหรือว่าข้าจะรักษาท่านพ่อเจ้าให้หายได้”

ลั่วเซิงยืดกายขึ้นแล้วตอบอย่างสงบนิ่ง “ข้าไม่อาจแน่ใจได้ว่าท่านจะรักษาบิดาข้าหายหรือไม่ แต่ข้าแน่ใจว่าหากบนโลกนี้มีหมอที่รักษาท่านพ่อของข้าให้หายได้ คนผู้นั้นแน่นอนว่าต้องเป็นท่านเจ้าค่ะ”

สีหน้าของหมอเทวดาหลี่ที่เงียบขรึมมาแต่แรก พอได้ยินคำพูดประโยคหลังของลั่วเซิงก็ดูผ่อนคลายลง เขาลูบเคราเอ่ยอย่างเย็นชา “เด็กโง่ ข้าต้องรักษาบิดาของเจ้าจนหายได้แน่นอนอยู่แล้ว!”

ลั่วเซิงมุมปากกระตุก หมดคำพูดไปชั่วขณะ

ชายชราอายุปูนนี้แล้ว ยังคงชอบเอาชนะเช่นนี้

“มัวทำอะไรอยู่เล่า” หมอเทวดาหลี่หยิบกล่องยาแล้วเดินออกนอกประตูไป

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท