ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 59 ฟื้นคืนสติ

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 59 ฟื้นคืนสติ

ผ่านไปไม่นาน ชายหนุ่มที่มีใบหน้าเหมือนกับสือเยี่ยนคนหนึ่งก็สอดตั๋วเงินเอาไว้ในอกเสื้อแล้วออกจากจวน ขี่ม้ามุ่งตรงไปยังจวนแม่ทัพลั่ว

จวนสกุลลั่วเวลานี้คึกคักนัก

หมอเทวดาเทวดาหลี่เข้าไปในห้องแม่ทัพลั่วแล้วไล่คนที่เหลือออกมารวมถึงลั่วเซิงด้วยซึ่งตอนนี้อยู่ในห้องสักพักหนึ่งแล้ว

อี๋เหนียงยืนเรียงเป็นแถวตรงระเบียง ส่วนบุตรบุญธรรมก็ยืนเรียงแถวกันอยู่ในลานกว้าง สีหน้าแต่ละคนประหม่ามาก

“ท่านหมอเทวดาเหตุใดยังไม่ออกมาอีก” สตรีมีอายุที่สวมชุดคลุมสีกานพลูยื่นศีรษะมองดูด้านใน แน่นอนว่าสิ่งที่มองเห็นมีเพียงดอกไม้แกะสลักบนไม้กระดานประตู

สตรีมีอายุที่บุคลิกสง่าผ่าเผยขมวดคิ้วเอ่ยขึ้น “อาการของนายท่านสาหัสเช่นนี้ ท่านหมอเทวดาคงจะไม่ออกมาเร็วหรอก น้องหกไม่ต้องใจร้อน”

อี๋เหนียงหกเล็งซ้ายเล็งขวา เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำขึ้น “พี่สาม ท่านว่าท่านหมอเทวดาจะเอาเข็มทิ่มนายท่านของพวกเราหรือไม่”

“อะไรนะ” อี๋เหนียงสามตกตะลึง

อี๋เหนียงหกบิดผ้าเช็ดหน้า สีหน้าเป็นกังวล “ท่านคิดสิ ท่านหมอเทวดาไม่อยากรักษานายท่านของพวกเราเลยแม้แต่น้อย กลับยอมแพ้ให้กับอำนาจของคุณหนูจึงออกมารักษาให้ ตอนนี้ไม่มีใครจับจ้องอยู่ หาก…”

“น้องหก อย่าพูดเพ้อเจ้อ!” อี๋เหนียงใหญ่ไม่รู้ว่ามายืนด้านหลังอี๋เหนียงหกเมื่อใด ได้ยินอี๋เหนียงหกยิ่งพูดยิ่งไม่เข้าท่าก็เอ่ยตำหนิด้วยสีหน้าเย็นชา

อี๋เหนียงหกสะบัดผ้าเช็ดหน้าเล็กน้อย “พี่ใหญ่ มิใช่ว่าข้ากังวลใจหรอกหรือไร”

“หากเจ้ากังวลใจ มิสู้ไปถามคุณหนูดูล่ะ”

อี๋เหนียงหกตกใจจนแม้แต่ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่แกว่งแล้ว กลายเป็นน้ำเต้าปากกุดทันที

ยืมความกล้าของนางสักหมื่นหนก็ไม่กล้าไปถามคุณหนูหรอก ขณะคุณหนูแปดขวบก็ลงโทษนางให้คุกเข่าบนลูกคิดมาแล้ว

หากเทียบความกังวลใจของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ลั่วเซิงสงบเงียบที่สุด นั่งใต้ต้นไม้ในลานกว้างดื่มน้ำชาอย่างเงียบๆ

“น้องหญิงอย่ากังวลไปเลย ท่านหมอเทวดาฝีมือเก่งกาจมาก ต้องรักษาท่านลุงเขยจนหายได้แน่นอน” คุณชายสามเซิ่งเกลี้ยกล่อมอยู่ข้างๆ

ลั่วเซิงพยักหน้าเล็กน้อย “ข้าไม่ได้กังวล”

นางทำอย่างสุดความสามารถแล้ว ที่เหลือก็เป็นเรื่องของโชคชะตาแล้ว ถึงอย่างไรหมอเทวดาหลี่ก็ไม่ใช่เทพเซียนจริงๆ หากท่านพญายมราชจะต้องรับตัวแม่ทัพลั่วไปให้ได้ เช่นนั้นก็จนปัญญาแล้ว

แน่นอนว่า หากหมอเทวดาหลี่ออกมาประกาศว่าแม่ทัพลั่วรักษาไม่หาย นางก็จะยืมโอกาสที่ไปส่งหมอเทวดาหลี่จากไปทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้แม่ทัพใหญ่ลั่วต้นโพธิ์ต้นนี้ล้มลงแล้วต้องเผชิญกับโชคชะตาที่ไม่คาดคิด

ลั่วเซิงกวาดสายตาผ่านทุกคนในลานกว้างอย่างไร้ร่องรอย แล้วหลับตาลง

จะบอกว่านางเลือดเย็นก็ได้ ไร้ความรู้สึกก็ช่าง หากช่วยแม่ทัพลั่วกลับมาไม่ได้ นางไม่มีเรี่ยวแรงแบกรับโชคชะตาของคนพวกนี้จริงๆ อย่างมากก็หาโอกาสช่วยเหลือลั่วเฉินคนไกลที่อยู่จินซาได้เล็กน้อย

คิดถึงเด็กหนุ่มที่ปากแข็งแต่ใจอ่อนผู้นั้น หัวใจของลั่วเซิงก็ปรากฏความอ่อนโยนที่หาได้ยากขึ้น

คุณชายสกุลลั่วทั้งหมดเฝ้าอยู่ที่จวนแม่ทัพลั่ว คนเฝ้าประตูได้ยินสืออี้แนะนำตนเองก็ตกตะลึงอยู่นานจึงค่อยเชิญเขาเข้ามาแล้วรีบไปรายงานด้านใน

“คนของจวนไคหยางอ๋องหรือ” หงโต้วทราบข่าวก็รู้สึกสงสัยจึงรีบออกไป

“ท่านอ๋องให้ข้านำมาให้ขอรับ” สืออี้ยื่นกล่องไม้ขนาดเล็กไปให้อย่างนอบน้อม

หงโต้วยื่นมือไปรับกล่องไม้ เปิดออกดู อดไม่ได้ที่จะเปล่งเสียงด้วยความประหลาดใจออกมา “คุณหนูมิได้บอกว่าหายกันแล้วหรือ”

สืออี้กลับไม่รู้ว่าหงโต้วหมายความว่าอย่างไร เพียงเอ่ยว่า “ท่านอ๋องให้เอามาให้ คุณหนูลั่วโปรดรับไว้ด้วย”

“รับไว้ก็รับไว้ คุณหนูของพวกข้าถึงแม้จะไม่ได้ขาดเงิน แต่ก็ไม่รังเกียจ” หงโต้วมุมปากโค้งขึ้น มองสืออี้ที่ยังคงทำหน้านิ่งจึงอดไม่ได้ที่จะกลอกตาใส่ “เป็นอะไร นายท่านของพวกเจ้ายังไม่เสียดายเลยแล้วเจ้าเสียดายอะไร”

สืออี้ตกตะลึง

สาวใช้ผู้นี้ทำตัวคุ้นเคยเหมือนรู้จักมานานเกินไปหรือไม่

สืออี้พูดน้อยกว่าปกติ ถึงแม้รู้สึกว่าสาวใช้ข้างกายคุณหนูลั่วค่อนข้างประหลาดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก คารวะเอ่ย “ขอลาก่อน”

หงโต้วยิ่งสงสัย พึมพำเอ่ย “ฮ่องเต้ไม่รีบขันทีรีบเสียจริงเชียว ที่เอามาให้ก็ไม่ใช่ของเจ้า เจ้าสะบัดหน้าทำไม”

สืออี้คิ้วกระตุกเล็กน้อย อยากจะบอกนังหนูน้อยมากว่า ‘ฮ่องเต้ไม่รีบขันทีรีบ’ ไม่ได้ใช้แบบนี้ สุดท้ายก็ยอมแพ้ ประสานมือคารวะแล้วหันหลังเดินจากไป

“เจ้าถังข้าวนี่แปลกจริง” หงโต้วพึมพำ

สืออี้หยุดฝีเท้าหันกลับมา สีหน้าไร้อารมณ์เอ่ย “ขอโทษด้วย ข้ากับพี่สาวไม่รู้จักกัน ที่พี่สาวพูดว่าถังข้าวน่าจะเป็นพี่สามของข้ามากกว่า”

พูดอย่างอื่นก็ไม่เป็นไร แต่ ‘ถังข้าว’ ชื่อเสียงนี้เขาไม่อาจรับแทนพี่ชายได้

ถูกนังหนูน้อยเรียกถังข้าว พี่สามนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ เป็นเพราะอาหารของจวนอ๋องไม่อร่อย หรือว่าเงินเดือนน้อยเกินไปจึงไปร้านอาหารไม่ได้กันแน่

กระทั่งสืออี้ออกไป หงโต้วถึงได้คืนสติกลับมา

“พี่สามหรือ” หงโต้วเบ้ปากเล็กน้อย

ผู้ชายไม่มีดีสักคน นี่เพิ่งจะผ่านมาไม่เท่าไรเองก็ไม่ยอมรับเสียแล้วว่าตนเลียชามใหญ่จนหมดเกลี้ยงจนส่องเป็นกระจกได้แล้ว

เมื่อกลับมาในลานกว้าง หงโต้วก็รีบเดินไปข้างกายลั่วเซิง เอ่ยเสียงเบา “คุณหนู ไคหยางอ๋องเอาเงินมาให้ท่านเจ้าค่ะ”

ลั่วเซิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

นี่เป็นเพราะตกใจที่นางขอป้ายหมายเลข หนี้ที่ยกเว้นให้จึงต้องคืนให้เลยหรือ

รอบคอบจริงเชียว

“เก็บไว้ให้ดี” ลั่วเซิงสั่งอย่างไม่ใส่ใจ

ผิงลี่มองมาทางลั่วเซิงครู่หนึ่ง เหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่

เขาแอบได้ยินคำว่า ‘ไคหยางอ๋อง’ สามคำนี้ ไม่รู้ว่าหูฝาดไปหรือไม่

เวลานี้เองประตูเรือนถูกผลักเปิด หมอเทวดาหลี่เดินออกมาแล้ว

เหล่าอี๋เหนียงที่อยู่ตรงระเบียงพุ่งตัวเข้าไปทันที แย่งกันเอ่ยถาม “ท่านหมอเทวดา นายท่านของพวกข้าเป็นอย่างไรบ้าง”

ถูกเหล่าสตรีห้อมล้อมไว้เช่นนี้ หมอเทวดาหลี่สีหน้าพลันมืดมนขึ้นมา

เสียงกระแอมดังขึ้น บรรดาอี๋เหนียงตกตะลึงไปในทันทีแล้วถอยกลับไปที่เดิม ความเร็วของกาเคลื่อนไหวนี้ช่างน่าทึ่งนัก

ลั่วเซิงเดินเข้ามา “ท่านหมอเทวดา ไม่ทราบว่าท่านพ่อข้าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

สรุปแล้ว ท่านหมอเทวดาหลี่อยู่ข้างในราวหนึ่งชั่วยามกว่า

“ภายในหนึ่งชั่วยามก็ฟื้นแล้ว” หมอเทวดาหลี่ตอบอย่างเฉยเมย

“จริงหรือ” เสียงจำนวนมากดังขึ้นพร้อมกัน

หมอเทวดาหลี่ขี้เกียจจะสนใจคนว่างเหล่านี้ ทำหน้านิ่งเดินออกประตูไป

ผิงลี่คารวะหมอเทวดาหลี่ “ท่านหมอเทวดาช้าก่อน”

“ให้ข้ารออะไรอีก”

“ท่านพ่อบุญธรรมบาดเจ็บสาหัสมาก ท่านหมอเทวดารอท่านพ่อบุญธรรมฟื้นก่อนแล้วค่อยกลับได้หรือไม่ขอรับ”

หมอเทวดาหลี่ขมวดคิ้ว “เจ้าไม่เชื่อคำพูดของข้าหรือ”

ผิงลี่รีบตอบ “ข้าไม่กล้าสงสัยท่านหมอเทวดา เพียงแต่ท่านพ่อบุญธรรมบาดเจ็บสาหัสมาก หลังจากฟื้นขึ้นมายังต้องการการดูแลอย่างระมัดระวัง”

หมอเทวดาหลี่รำคาญจึงพูดแทรกเขา “เรื่องที่เหลือหมอคนไหนก็ทำได้ทั้งนั้น”

กล่าวถึงตรงนี้ หมอเทวดาหลี่ก็เหลือบมองทุกคน สุดท้ายก็มาหยุดที่ลั่วเซิงและกล่าวเตือนว่า “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ต่อจากนี้คนของสกุลลั่วไม่ต้องไปเหยียบประตูเรือนข้าอีก”

บนใบหน้าลั่วเซิงไม่มีความไม่พอใจเลยสักนิด คารวะท่านหมอเทวดาหลี่อย่างนอบน้อม “ท่านหมอเทวดาเดินทางปลอดภัย”

หมอเทวดาหลี่อุทานอย่างไม่พอใจและเดินจากไป โดยไม่หันศีรษะกลับมา

“ตาแก่คนนี้นี่จริงๆ เลย”

“หงโต้ว อย่าเสียมารยาท” ลั่วเซิงเอ็ดหงโต้วแล้วก้าวเท้าเข้าไปในเรือน

ในชั่วพริบตา ภายในห้องก็เต็มไปด้วยผู้คน ทั้งกังวลและไม่สบายใจ รอแม่ทัพลั่วฟื้นคืนสติ

เวลาผ่านไปทีละนิด ชายวัยกลางคนที่นอนอยู่บนเตียงในที่สุดก็ลืมตาขึ้น

“ท่านฟื้นแล้ว” ลั่วเซิงเอ่ยขึ้นก่อน

หลังจากที่นางเอ่ยปาก ลั่วอิงสามพี่น้องก็เอ่ยขึ้นพร้อมกัน “ท่านพ่อ”

“ท่านพ่อบุญธรรม ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง” ผิงลี่และคนอื่นๆ เผยสีหน้าเป็นห่วงยิ่ง

อี๋เหนียงทุกคน “ฮือๆๆ นายท่ายในที่สุดท่านก็ฟื้นแล้ว”

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองไปมา เพราะหมดสติไปนานมากสมองจึงยังคงสับสน หลังจากนั้นก็มองเห็นหนุ่มรูปงามอย่างคุณชายสามเซิ่ง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท