ตอนที่ 68 ต้าไป๋
ลั่วเซิงมองหงโต้วด้วยสายตาตำหนิ
ก่อนหน้านี้นางเคยถามหงโต้วเกี่ยวกับบุคคลสำคัญของจวนสกุลลั่วและญาติสนิทมิตรสหายของคุณหนูลั่ว
อย่างเช่นองค์หญิงฉางเล่อ
โอรสและธิดาของจักรพรรดิหย่งอันชะตาสั้น องค์หญิงใหญ่จากไปในวัยปักปิ่น องค์หญิงรองจากไปเมื่อหมั้นหมาย องค์หญิงสามทรงร่วงลงมาจากม้าและสิ้นไปก่อนพิธีเสกสมรสเพียงไม่กี่วัน องค์หญิงสี่เสกสมรสอย่างอกสั่นขวัญแขวน ยังไม่ทันพักหายใจก็จากไปเพราะพิษหนาว องค์หญิงห้าฝ่าฟันอุปสรรคการเสกสมรสได้อย่างกล้าหาญ กลับจากไปเพราะให้กำเนิดบุตรยาก…
จากนั้นมาถึงองค์หญิงหก ซึ่งก็คือองค์หญิงฉางเล่อ
ให้ตายอย่างไรองค์หญิงฉางเล่อก็ไม่ยอมหาราชบุตรเขย เพื่อแสดงตัวว่าจะไม่สมรสจึงเริ่มเลี้ยงนายบำเรอ
ตั้งแต่ที่จักรพรรดิหย่งอันขึ้นครองราชย์ โอรสของเขาก็สิ้นพระชนม์ไปทีละคน บัดนี้ธิดาก็สิ้นพระชนม์ไปเกือบหมด เหลือเพียงองค์หญิงฉางเล่อต้นกล้าเพียงต้นเดียว เขาจะทำอย่างไรได้อีก ได้แต่เอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยตามใจธิดาของตนเอง
น่าเสียดายที่สตรีในต้าโจวไม่มีธรรมเนียมเลี้ยงนายบำเรอ องค์หญิงฉางเล่อเหงาและโดดเดี่ยว ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเรื่องปกติที่นางจะคบกับคุณหนูลั่ว
ชายหนุ่มงดงามตรงหน้าที่มีชื่อว่าหมิงจู๋คนนี้คือคนที่องค์หญิงฉางเล่อส่งมาให้คุณหนูลั่ว
แทนที่จะสนุกคนเดียว สู้สนุกหลายคนดีกว่า เลี้ยงผู้ชายจะลืมคิดถึงเพื่อนได้อย่างไร
ส่วนชายหนุ่มที่กำลังจะร้องไห้ถูกส่งมาให้บุตรสาวอันเป็นที่รักของแม่ทัพใหญ่ลั่ว โดยพ่อค้าเชื้อพระวงศ์ที่ต้องการเอาใจแม่ทัพใหญ่ลั่ว ชื่อของชายหนุ่มคนนี้โค่วเอ๋อร์เป็นคนตั้งให้ ชื่อฟู่เสวี่ย
ว่ากันว่าตอนที่ชายหนุ่มถูกนำตัวไปหาคุณหนูลั่ว คุณหนูลั่วกำลังทานหมู่แผ่น ตอนที่กำลังจะตั้งชื่อให้ชายหนุ่มสายตานางชำเลืองไปมองหมู่แผ่นพอดี
โค่วเอ๋อร์เห็นชายหนุ่มปากแดงฟันขาวใจก็อ่อน พูดแทรกขึ้นว่า “ชื่อฟู่เสวี่ยดีหรือไม่เจ้าคะ หิมะปกคลุม[1]เขาชางซาน อัมพรทักษิณสว่างไสว[2] คล้องกับชื่อของคุณชายหมิงพอดี”
คุณหนูลั่วสนใจเพียงหน้าตาดีหรือไม่ ส่วนเรื่องชื่อนั้น จะชื่อโร่วฝู่[3]หรือฟู่เสวี่ยก็ไม่เป็นไร ฟู่เสวี่ยก็ฟู่เสวี่ย
แต่ต้าไป๋นี่คือใครกันอีก ไม่เคยได้ยินหงโต้วเอ่ยถึงเลย
หงโต้วรู้ว่าคุณหนูของตนจำอะไรไม่ได้เลยจึงรีบช่วยสะกิดว่า “คุณหนูท่านลืมแล้วหรือ ต้าไป๋คือห่านสีขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่งอย่างไรเล่าเจ้าคะ ทุกวันนี้ฟู่เสวี่ยเป็นคนดูแลต้าไป๋”
ลั่วเซิงเงียบครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “พาต้าไป๋มา”
ห่านขาวที่มีคนดูแลโดยเฉพาะ นางอยากเห็นจริงๆ ว่าเป็นห่านแบบไหน
หงโต้วเห็นฟู่เสวี่ยนิ่งไม่ขยับก็ถลึงตามองเขาทีหนึ่ง “ไม่ได้ยินคุณหนูสั่งหรือไง ไม่รีบไปพาต้าไป๋มาอีก!”
ฟู่เสวี่ยรีบโค้งคำนับให้ลั่วเซิงก่อนจะวิ่งแจ้นออกไปทันที
ลั่วเซิงนั่งมือเท้าคาง รอเงียบๆ
หมิงจู๋มองหญิงสาวสีหน้าเรียบเฉยเงียบๆ รู้สึกว่านางต่างจากเมื่อก่อน
เมื่อก่อนเขากล้าหยอกเย้าคุณหนู คุณหนูเองก็ชอบเขาที่ไม่สำรวมเช่นนี้ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกกดดันอย่างไม่สามารถอธิบายได้
ตั้งแต่ที่คุณหนูกลับมาจากจินซาก็เปลี่ยนไป หรือว่านางอยากจะไล่เขากลับไปจริงๆ นะ
ลั่วเซิงรอไม่นานก็เห็นฟู่เสวี่ยนำห่านสีขาวตัวใหญ่เดินเข้ามา
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าเป็นห่านสีขาวตัวใหญ่ แค่มองไปก็เห็นตัวที่มีขนาดใหญ่เท่าครึ่งคน เวลาเดินยังเต็มไปด้วยความสง่างาม
หากห่านตัวนี้ถูกฆ่า คงเลี้ยงโต๊ะจีนทั้งงานได้… ลั่วเซิงเท้าคาง ความคิดแวบขึ้นในหัว
“ต้าไป๋ คารวะคุณหนูสิ” ฟู่เสวี่ยตบคอเรียวยาวของห่านขาวตัวใหญ่ที่จ้องลั่วเซิงเขม็ง
ลั่วเซิงเลิกคิ้วเล็กน้อย
เห็นทีคงไม่ได้เลี้ยงไว้กิน
เพิ่งคิดถึงตรงนี้ ห่านขาวตัวใหญ่ก็บินถลาเข้ามา มันจิกกัดลั่วเซิงไม่หยุด
ลั่วเซิงมีฝีมือไม่เลว การเผชิญกับห่านขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่งที่จู่ๆ โจมตีเข้ามาไม่ถึงกับทำนางมอมแมมไปด้วยฝุ่น แต่นางกลับต้องตกใจเมื่อพบว่าพลังการต่อสู้ของห่านขาวตัวใหญ่ตัวนี้เทียบเท่ากับชายวัยกลางคนธรรมดาคนหนึ่งได้เลย
ห่านตัวนี้ดูดุมาก มันมีทีท่าจะสู้กับนางให้ตายกันไปข้าง
คุณหนูลั่วนอกจากจะเลี้ยงของเล่นแก้เบื่อแล้ว ยังเลี้ยงอันธพาลด้วยหรือ
ขณะที่ลั่วเซิงหลบการโจมตีของมันก็ครุ่นคิดด้วยความสงสัย
หงโต้วโถมเข้ามาจับห่านขาวตัวใหญ่ไว้แน่น เห็นห่านขาวตัวใหญ่ยังคงสู้ต่อไปก็ยกมือขึ้นตบมันทีหนึ่ง ตีพลางด่าว่า “เจ้าสัตว์เนรคุณ คุณหนูเพิ่งออกไปไม่นานเจ้าก็จำไม่ได้แล้วหรือ ลืมชีวิตเมื่อก่อนที่เจ้าเอาแต่เดินตามคุณหนูต้อยๆ แล้วหรือ”
โค่วเอ๋อร์ยื่นมือไปแตะโหนกสีแดงแถวหน้าผากของห่านขาวตัวใหญ่เบาๆ ดุว่า “ต้าไป๋ เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้นะ คุณหนูใช้เงินหนึ่งพันตำลึงซื้อเจ้ากลับมาเพื่อให้เจ้ากัดเจ้านายหรือ เมื่อก่อนเจ้ายังรู้ว่าต้องคาบหินสวยๆ มาเอาใจคุณหนูเลย ทำไมตอนนี้ยิ่งอยู่ยิ่งถดถอยลงเล่า ใช้เงินหนึ่งพันตำลึงซื้อเจ้า เจ้าก็ต้องอยู่ให้คุ้มค่าเงิน แม้แต่ความตระหนักรู้เล็กน้อยนี้ก็ไม่มีไม่ได้นะ…”
ลั่วเซิงได้ยินดังนั้นก็งงงัน
หนึ่งพันตำลึง?
ห่านสีขาวตัวนี้?
นางอดมองห่านขาวตัวใหญ่ที่หงโต้วจับกดไว้อย่างพินิจพิเคราะห์ไม่ได้
ห่านขาวตัวใหญ่หน้าตาดุร้าย สีหน้าที่มันจ้องมองเหมือนกับรู้สึกหวาดระแวงและไม่รู้จัก
จู่ๆ ลั่วเซิงใจกระตุก
ว่ากันว่าสัตว์ปีกอ่อนไหวที่สุด คงไม่ใช่เพราะเจ้าห่านตัวนี้รับรู้ได้โดยสัญชาติญาณว่านี่ไม่ใช่เจ้านายมันหรอกนะ
หากจะฆ่าห่านที่แสนรู้เช่นนี้กิน คงเสียของแย่
ลั่วเซิงนั่งยอง วางมือไว้บนคอยาวของห่านขาวตัวใหญ่
ห่านขาวตัวใหญ่ตกใจหยุดต่อสู้ มันมองคนที่เต็มไปด้วยอันตรายตรงหน้านิ่งๆ
“ต่อไปหากบังอาจเช่นนี้อีก ข้าจะฆ่าเจ้ากินเนื้อซะ” ลั่วเซิงจิ้มหน้าผากของเจ้าห่าน น้ำเสียงเย็นชาและอันตราย
ห่านสีขาวตัวใหญ่นอนนิ่งกับพื้น ไม่ขยับตัว
สายตาของลั่วเซิงมองกลับไปที่ฟู่เสวี่ยอีกครั้ง
ฟู่เสวี่ยคุกเข่าลงดังตุบ “คุณหนู ท่านให้ข้าอยู่ต่อเถอะ ข้าไม่มีที่ไป… ขอร้องท่านล่ะ”
หมิงจู๋คุกเข่าตามเงียบๆ สีหน้าซีดเผือด
ลั่วเซิงถอนหายใจ “เอาเถิด ต่อไปพวกเจ้าทั้งสองช่วยกันดูแลต้าไป๋ หากไม่มีคำสั่งจากข้าห้ามมาหาข้า และห้ามเดินเล่นในจวนตามอำเภอใจ”
“ขอรับ” ฟู่เสวี่ยเช็ดตา เผยสีหน้ายินดี
หมิงจู๋ก้มศีรษะหลุบตาลง ขานตอบเบาๆ
เมื่อให้ทั้งสองกลับไปแล้วจึงกลับมาเงียบดังเดิม ลั่วเซิงยกถ้วยชาขึ้นจิบชาเงียบๆ
หงโต้วปลอบ “คุณหนูอย่ากังวลไปเลย ครั้งหน้าหากได้เจอชายรูปงามบนถนนเราค่อยฉุดกลับมาสักคนสองคน”
ได้ใหม่ลืมเก่าน่ะ นางรู้
โค่วเอ๋อร์ถลึงตาใส่หงโต้ว “คุณหนูอย่าฟังหงโต้วพูดเหลวไหล จะฉุดคนมาจากถนนใหญ่สุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้หรอกนะเจ้าคะ จะเสี่ยงเกินไป หาคนที่รู้ที่มาที่ไปเช่นคุณชายหมิงและฟู่เสวี่ยดีกว่า…”
ลั่วเซิงวางถ้วยชาลงบนโต๊ะหิน เกิดเสียงดังขึ้นเบาๆ
สาวใช้ทั้งสองหยุดเถียงกันทันที รอเจ้านายเอ่ยปาก
“โค่วเอ๋อร์”
“เจ้าคะ”
“ก่อนจะไปงานเลี้ยงจวนผิงหนานอ๋อง ช่วยข้าสืบคนสองคน”
โค่วเอ๋อร์มีปากที่อยู่เงียบๆ ไม่ได้ แต่เรื่องการสืบข่าวนั้นไว้ใจนางได้
ลั่วเซิงมีพี่สาวสองคน พี่คนโตคือท่านหญิงหวาหยาง พี่คนรองคือท่านหญิงอู่หยาง
พี่ใหญ่และพี่รองเป็นพี่น้องฝาแฝด ทั้งคู่ออกเรือนในเมืองหลวงในปีเดียวกัน คนหนึ่งสมรสกับซื่อจื่อของฉางชุนโหว อีกคนออกเรือนไปยังจวนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจียน
ครานั้นน้องชายคนเล็กยังไม่เกิด ท่านพ่อมีบุตรสาวเพียงสามคน การส่งบุตรสาวทั้งสองออกเรือนที่เมืองหลวงแท้จริงแล้วเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อจักรพรรดิหย่งอัน
ทว่าน่าเสียดายที่พี่สาวทั้งสองออกเรือนแต่งงานเพียงไม่กี่ปี จวนเจิ้นหนานอ๋องก็ถูกกวาดล้าง
ถึงแม้การลงโทษจะไม่ได้ส่งผลต่อสตรีที่ออกเรือนไปแล้ว แต่ลั่วเซิงไม่ค่อยแน่ใจนักว่าพี่สาวทั้งสองจะมีความเป็นอยู่ที่ดี
หลังจากได้รับคำสั่งจากลั่วเซิงแล้ว โค่วเอ๋อร์ก็กลับมาพร้อมข่าวของท่านหญิงหวาหยางและท่านหญิงอู่หยางอย่างรวดเร็ว
[1] แปลตรงกับคำว่า ฟู่เสวี่ย ในภาษาจีน
[2] แปลตรงกับคำว่า หมิงจู๋ ในภาษาจีน
[3] แปลว่า หมู่แผ่น