ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 76 มีเหตุผล

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 76 มีเหตุผล

อาจเป็นเพราะลั่วเซิงสงบเกินไป อารมณ์โกรธของลั่วเย่ว์จึงได้รับการปลอบประโลมในทันที เสียงของนางผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัว “ข้ากำลังจะขอโทษตอนที่ทำผลไม้กระเด็นใส่คุณหนูใหญ่เฉินโดยไม่ตั้งใจ ใครจะคิดว่าคุณหนูใหญ่เฉินจะด่าก่อนที่ข้าจะกล่าวขอโทษด้วยซ้ำ”

“คุณหนูใหญ่เฉินด่าว่าอะไรหรือ” ลั่วเซิงเหลือบมองเฉินรั่วหนิง

เฉินรั่วหนิงที่ถูกตบหน้าเขียว “ลั่วเซิง เจ้ารังแกคนเกินไปหน่อยแล้ว!”

ลั่วเซิงมองกลับมา แสร้งทำเหมือนอีกฝ่ายไม่อยู่

“นางหาว่าข้าจงใจ” ลั่วเย่ว์กัดปากเบาๆ “ยังด่าว่าข้าทำตัวแย่เหมือนพี่สาม ไม่รู้จักเจียมตัวจะมางานเลี้ยงจวนอ๋อง…”

ลั่วเย่ว์พูดพลางมองหญิงสาวในชุดสีชมพูที่ยืนข้างกายเฉินรั่วหนิงแล้วพูดด้วยความโมโหว่า “ทั้งๆ ที่คุณหนูใหญ่เฉินก็พาคุณหนูรองเฉินมา แต่กลับทำให้ข้าและพี่สามอับอายเช่นนี้ ข้าโกรธมากจึงไม่ได้ขอโทษ คุณหนูใหญ่เฉินก็ตบหน้าข้าทันที…”

ลั่วเซิงกวาดตามองคุณหนูรองอย่างพินิจพิเคราะห์ รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นลูกอนุเหมือนลั่วเย่ว์

หากจะพูดจริงๆ สตรีสูงศักดิ์ที่มาในวันนี้ล้วนเป็นคุณหนูฐานะสูงส่งและเป็นที่โปรดปรานที่สุด บุตรสาวของอนุนั้นแทบจะไม่มีให้เห็น

เห็นได้ชัดว่าคำพูดของลั่วเย่ว์ทำให้คุณหนูรองเฉินรู้สึกอับอาย หญิงสาวที่มีใบหน้ารูปไข่ก้มศีรษะลงอย่างทำอะไรไม่ถูก

เฉินรั่วหนิงเพิ่งตั้งสติจากการถูกตบเมื่อครู่นี้ได้ ดวงตาที่มองลั่วเซิงกำลังลุกโชน “ลั่วเซิง เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าจะทำอะไรก็ได้”

ลั่วเซิงแสดงสีหน้าจริงจัง “คุณหนูใหญ่เฉินอย่าพูดเหลวไหล ข้าทำตามอำเภอใจเมื่อใดกัน”

“เมื่อใดหรือ” เฉินรั่วหนิงขึ้นเสียงสูง ชี้ที่แก้มด้านซ้ายของตน “เจ้าเป็นคนตบข้าเมื่อครู่นี้ไม่ใช่หรือไร”

ในบรรดาสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง เฉินรั่วหนิงมีชื่อเสียงในเรื่องอารมณ์หุนหันพลันแล่น ไม่เช่นนั้นนางคงไม่มีประวัติเรื่องการต่อสู้อันเป็นเกียรติกับคุณหนูลั่วนั่นแล้ว

บัดนี้คุณหนูใหญ่เฉินและคุณหนูใหญ่ลั่วกำลังประจันหน้ากัน เหล่าสตรีสูงศักดิ์ในเหตุการณ์ทั้งตื่นเต้นและดีใจไปพร้อมๆ กัน

มีละครให้ดูแล้ว!

ลั่วเซิงยิ้ม “สิ่งที่ข้าให้เจ้าเมื่อครู่ไม่ใช่การตบ แต่คือของขวัญตอบแทน”

ใบหน้านางสงบนิ่ง น้ำเสียงราบเรียบ ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยิ่งโมโหเกรี้ยวกราด

เฉินรั่วหนิงโมโหจนสั่นเทาไปทั้งตัว “นี่เจ้ากำลังเถียงข้างๆ คูๆ!”

“เถียงข้างๆ คูๆ?” จู่ๆ ใบหน้าลั่วเซิงก็เยือกเย็น นางหุบยิ้ม “หากคุณหนูใหญ่อยากคุยด้วยเหตุผล เช่นนั้นเราไปคุยกันต่อหน้าพระชายาและฮูหยินทุกท่านเถอะ ข้ากำลังอยากจะถามพระชายาพอดีว่าจวนผิงหนานอ๋องห้ามบุตรสาวอนุเข้ามาเป็นแขกในจวนหรือ”

“คุณหนูลั่ว!” เว่ยเหวินอดร้อนรนไม่ได้

สายตาของลั่วเซิงมองไปที่เว่ยเหวิน โค้งริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม “เกือบลืมไปแล้วว่าท่านหญิงก็อยู่ที่นี่ ด้วย เช่นนั้นเชิญท่านหญิงตัดสินเถิด”

จู่ๆ ก็ถูกผลักมาด่านหน้า นางรู้สึกหัวเสียมาก แต่กลับไม่สามารถแสดงออกมา

สตรีสูงศักดิ์ในเหตุการณ์แทบจะเป็นบุตรสาวของภรรยาเอกทั้งหมด หากให้พูดความในใจ มีเพียงไม่กี่คนที่เห็นบุตรสาวอนุในสายตา เว่ยเหวินในฐานะที่เป็นท่านหญิงก็ยิ่งเป็นเช่นนี้

แต่จวนอ๋องห้ามบุตรสาวอนุเข้าจวนเป็นแขกเป็นเรื่องที่ห้ามแพร่ออกไปเด็ดขาด

เซียวกุ้ยเฟยผู้เป็นที่โปรดปรานที่สุดของฮ่องเต้ในตอนนี้กำเนิดจากอนุเช่นกัน

เซียวกุ้ยเฟยนั้นเป็นคนโหดเหี้ยมมาก เพราะว่าตอนที่พระนางเป็นลูกอนุถูกภรรยาเอกทรมานมาไม่น้อย วันหนึ่งถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต พระนางก็หาเหตุผลสังหารภรรยาเอกจนตาย ลูกชายและลูกสาวของภรรยาเอกก็พบกับจุดจบที่น่าอนาถเช่นกัน

เซียวกุ้ยเฟยกำลังเป็นที่โปรดปรานอย่างมาก จวนผิงหนานอ๋องจะแพร่ข่าวลือที่ล่วงเกินคนเช่นนี้ได้อย่างไร

จู่ๆ เว่ยเหวินก็พบว่าคุณหนูลั่วใช้ปากได้เก่งกล้ายิ่งกว่าใช้หมัดเสียอีก

“จะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อได้รับเทียบเชิญย่อมล้วนเป็นแขกสำคัญของจวนอ๋อง” เว่ยเหวินฝืนยิ้มตอบ

ลั่วเซิงขมวดคิ้วใส่เฉินรั่วหนิง “คุณหนูใหญ่เฉินได้ยินแล้วใช่หรือไม่”

เฉินรั่วหนิงเม้มปากแน่น ไม่พูดอะไร

ท่านหญิงพูดขนาดนี้แล้ว นางจะพูดอะไรได้อีก

ที่นางแค้นเคืองลั่วเซิง เป็นเพราะนังคนเลวนี่กำเริบเสิบสานทำให้ทนไม่ไหวจริงๆ แต่สำหรับท่านหญิงน้อยของจวนอ๋องผิงหนานไม่จำเป็นต้องล่วงเกิน

ลั่วเซิงหน้าสงบนิ่ง “ในเมื่อจวนอ๋องเห็นทุกคนเท่าเทียมกัน เช่นนั้นข้าขอถามคำถามหนึ่ง คุณหนูใหญ่เฉินมีสิทธิ์อะไรมาดูแคลนน้องสี่ข้าเพราะภูมิหลังของนาง เพราะเจ้าเป็นบุตรสาวจวนอัครมหาเสนาบดีหรือเพราะเจ้าไม่มีเหตุผล”

“เจ้า…” เฉินรั่วหนิงถูกถามดังนั้นก็โกรธจนควันออกหู แต่กลับไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอย่างไร

ลั่วเซิงเกี่ยวผมที่ร่วงลงมาทัดหูด้วยท่าทีสง่างาม พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “คุณหนูใหญ่เฉินตบน้องสี่ข้า ข้าก็คืนเจ้าด้วยการตบคืน เรื่องนี้หายกัน น้องสี่ข้าทำผลไม้กระเด็นใส่เจ้าโดยไม่ตั้งใจแล้วไม่ได้ขอโทษ เจ้าพูดจาดูแคลนน้องสี่ข้าก็ไม่ได้ขอโทษ เรื่องนี้หายกัน เรามาเป็นแขกจวนอ๋องจะทำให้เจ้าภาพลำบากใจคงไม่ดี เรื่องนี้จบกันเพียงเท่านี้เถอะ คุณหนูใหญ่เฉินคิดว่าอย่างไร”

เฉินรั่วหนิงฟังจนสับสน

ฟังดูมีเหตุผล หากนางยืนหยัดไม่เห็นด้วยกลับเหมือนกับว่านางเองที่ทำตัวไร้เหตุผล

เว่ยเหวินเห็นเฉินรั่วหนิงไม่ได้พูดอะไรก็รีบเอ่ยขึ้นว่า “เป็นพี่น้องบ้านใกล้เรือนเคียงทั้งนั้น คุณหนูลั่วจับมือคืนดีกับคุณหนูใหญ่เฉินย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด วันนี้ข้าดูแลไม่ดีเอง จริงๆ แล้วข้าต้องขอโทษทั้งสองท่านมากกว่า”

ในเมื่อท่านหญิงน้อยพูดเช่นนี้แล้ว ความเดือดดาลที่อัดอั้นอยู่ในใจของเฉินรั่วหนิงก็ยิ่งระบายออกมาไม่ได้ นางยืนหน้านิ่งไม่พูดอะไร

เรื่องที่อยากให้เกิดกลับไม่เกิด เรื่องที่ไม่อยากให้เกิดกลับเกิดขึ้น เว่ยเหวินถอนหายใจเงียบๆ ยิ้มพูดว่า “หากพี่ๆ น้องๆ กินเสร็จแล้ว ไปเดินเล่นในสวนเถิด มีดอกโบตั๋นบานสะพรั่งอยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้พอดี”

เมื่อเห็นว่าไม่มีละครให้ดูแล้ว เหล่าสตรีสูงศักดิ์รู้สึกเสียดาย แต่ก็ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยนและใส่ใจอย่างเป็นมืออาชีพออกมา พวกนางพากันจับกลุ่มเดินออกจากศาลา

เฉินรั่วหนิงเดินอยู่ข้างหน้าด้วยหน้าตาบึ้งตึง ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกไม่ถูกต้อง

นางตบคนอื่นหนึ่งทีและถูกตบหนึ่งที แต่นางยังถูกผลไม้กระเด็นใส่อย่างไม่มีเหตุผล จะหายกันเช่นนี้ได้อย่างไร

ลั่วเซิงนังคนชั่วนั่นทำให้นางหลงกล!

แต่เรื่องมันจบไปแล้ว หากจะพุ่งตัวกลับไปทะเลาะกับนางอีก มีแต่จะทำให้นางเหมือนคนเจ้าคิดเจ้าแค้น

เฉินรั่วหนิงอัดอั้นจนใบหน้าเขียว นางหยุดลงกะทันหัน

คุณหนูรองเฉินหลุบตาเดินตามข้างหลัง นางชนแขนของอีกฝ่ายเข้าอย่างไม่ทันสังเกต

ความเดือดดาลที่เฉินรั่วหนิงอดกลั้นไว้ปะทุออกมา นางง้างมือตบคุณหนูรองเฉินฉาดใหญ่ ตะคอกใส่ว่า “ไม่มีตาหรือไร”

“พี่ใหญ่ ข้าไม่ทันเห็น…”

มีสตรีสูงศักดิ์เดินอยู่ไม่ไกล เฉินรั่วหนิงไม่อยากให้คนอื่นสังเกตเห็น นางถลึงตาใส่คุณหนูรองเฉินเชิงตำหนิก่อนจะก้าวเท้าเดินต่อไป

คุณหนูรองเฉินเองก็เดินตามไป

“ไสหัวไปซะ อย่าตามข้ามา!” เฉินรั่วหนิงผลักคุณหนูรองเฉินทีหนึ่งและเดินจ้ำอ้าวไปทางพุ่มดอกไม้ที่อยู่ฝั่งหนึ่ง

คุณหนูรองเฉินหยุดอยู่ที่เดิม หลุบตาลงและยิ้มขื่น

ลั่วเซิงยังอยู่ที่ศาลา

ลั่วเย่ว์กัดปากเบาๆ ก่อนจะย่อเข่าให้ลั่วเซิง “พี่สาม ขอบคุณพี่ที่ช่วยปกป้องข้า…”

ลั่วเซิงกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง “ไม่เป็นไร”

คำพูดที่กระชับเช่นนี้กลับทำให้ลั่วเย่ว์ไม่รู้จะแสดงความขอบคุณในใจออกมาอย่างไร

ครานี้ลั่วฉิงเอ่ยขึ้นว่า “น้องสี่ เสื้อเจ้าเปื้อนแล้ว”

ลั่วเย่ว์ก้มหน้าดู เพิ่งเห็นว่าแขนเสื้อเลอะน้ำแกงสีสดไม่น้อย เพราะว่าวันนี้นางใส่เสื้อสีอ่อนจึงเห็นรอยเปื้อนชัดเจน

นางนึกขึ้นได้ว่ารอยเปื้อนนี้เปื้อนตอนที่มือข้างหนึ่งทับโดนถ้วยจานบนโต๊ะโดยไม่ตั้งใจตอนที่ช่วยปกป้องพี่รอง

“พาคุณหนูสี่ลั่วไปเปลี่ยนเสื้อผ้า” เว่ยเหวินชี้และสั่งสาวใช้คนหนึ่ง

“รบกวนท่านหญิงแล้ว” ลั่วเย่ว์โค้งตัวเล็กน้อย

เว่ยเหวินเผยรอยยิ้มสุภาพอย่างประจวบเหมาะ “ไม่เป็นไร”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท