ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 80 อยู่ที่ข้า

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 80 อยู่ที่ข้า

เว่ยหานมาทีหลัง เขาอยู่ห่างจากผิงหนานอ๋องและคนอื่นๆ ระยะหนึ่ง ผู้ที่อยู่ใกล้เขาที่สุดคือรัชทายาท

แน่นอนว่าเขาไม่ได้ใสซื่อจนคิดว่าคุณหนูลั่วกำลังมององค์รัชทายาท

หญิงสาวมองดูเขาและยิ้มให้เขาผ่านฝูงชน ใบหน้าสงบนิ่งเช่นเคย

เว่ยหานเงียบ

ที่แท้การใช้เงินสามพันตำลึงซื้อกริชเล่มหนึ่งเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

เขาไม่ได้เป็นคนสละผลประโยชน์ของตนเองเพื่อผู้อื่น และไม่มีเจตนาจะข้องเกี่ยวกับสตรีคนหนึ่ง คุณหนูลั่วกลับแน่ใจว่าเขาจะยอมรับ?

นางไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน

เว่ยหานสบตากับหญิงสาวที่มีรอยยิ้มจางๆ ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ทำให้ไม่รู้ความคิดในใจของพวกเขา

ลั่วเซิงย่อมไม่เดิมพันกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคนๆ หนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้นเป็นเรื่องปกติที่ชายหญิงจะเลี่ยงความสงสัยเมื่อทั้งสองไม่มีมิตรภาพระหว่างกัน

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณหนูลั่วและไคหยางอ๋องที่อยู่ในความสัมพันธ์เกี้ยวพาและถูกเกี้ยวพาด้วยแล้ว…

เมื่อแน่ใจแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังมองนาง จู่ๆ ลั่วเซิงก็แหงนหน้ามองฟ้า จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย

นัยน์ตาเว่ยหานเป็นประกาย

หากเขาเข้าใจถูกต้อง คุณหนูลั่วกำลังบอกว่าเรื่องที่คุยกันที่โรงน้ำชาเทียนเซียงนางตกลงแล้ว

นี่คือการแลกเปลี่ยนหรือ เชิญหมอเทวดาแลกกับเขาออกมาช่วยนาง

จู่ๆ เว่ยหานก็คิดถึงการใช้เงินหนึ่งร้อยตำลึงแลกบะหมี่ผัดเครื่องขึ้นมา เขาจำเป็นต้องยอมรับว่าการแลกเปลี่ยนทุกครั้งไม่ว่าคุ้มค่าหรือไม่ คุณหนูลั่วไม่ได้มีนิสัยชอบเอาเปรียบ

การแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับความยินยอมเท่านั้น และการให้เขาออกมาช่วยคลายสถานการณ์ให้นางเพื่อแลกกับการเชิญหมอเทวดา เขาย่อมยินยอม

ส่วนต่อไปคนอื่นจะคิดว่าความสัมพันธ์ของเขาและคุณหนูลั่วเป็นอย่างไร นั่นก็เป็นเรื่องของคนอื่น

เขาไม่ใช่คนที่จะมาสนใจความคิดของผู้อื่นอยู่แล้ว

เว่ยหานพยักหน้าเบาๆ เช่นกัน

ลั่วเซิงยกมุมปาก รู้สึกโล่งอก

ไคหยางอ๋องยอมให้ความร่วมมือก็ดี นางจะได้ไม่ต้องใช้ไพ่ตาย

“คุณหนูลั่วให้กริชกับใครไปหรือ” เสนาบดีจ้าวรีบถาม

ทุกคนในยามนี้จ้องมองไปที่ลั่วเซิงด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ไม่มีใครไม่อยากรู้คำตอบ

มีเพียงจูหานซวงที่มองดูภาพที่เกิดขึ้น รู้สึกมีลางสังหรณ์ไม่ดี

ลั่วเซิงที่ตกลงกับเว่ยหานโดยไม่ต้องพูด นางยิ้มและเดินไปทางเขา

จูหานซวงม่านตาหดลง เผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมา

นาง นาง นาง นางเดินไปหาไคหยางอ๋องอีกแล้ว! หรือว่านางจะบอกว่านางมอบกริชให้ไคหยางอ๋องกันนะ

ความคิดนี้แวบขึ้นมา จูหานซวงปฏิเสธในใจอย่างบ้าคลั่ง

เป็นไปไม่ได้ ไคหยางอ๋องไม่มีทางรับกริชของลั่วเซิง นอกจากเขาจะเสียสติไปแล้ว!

ทว่าร่างสีเขียวอ่อนนั่นเดินผ่านฝูงชนภายใต้สายตาของจูหานซวงที่มองส่งนาง นางยืนนิ่งต่อหน้าไคหยางอ๋องในชุดสีแดง ไม่เดินต่อไปแล้ว

ร่างสองร่าง ร่างหนึ่งสีแดงและร่างหนึ่งสีเขียวกลายเป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ในทันที

จูหานซวงกำหมัดแน่น ดวงตาของนางอยากจะเปลี่ยนเป็นมีดหั่นหญิงสาวตรงหน้าที่ยืนอยู่ข้างหน้าคนที่นางหมายปองเป็นชิ้นๆ

ลั่วเซิงนังคนชั่วคนนี้ไร้ยางอายจริงๆ มิน่าวันนี้ถึงใส่ชุดสีเขียวที่ปกติไม่ค่อยใส่!

ในสมัยราชวงศ์ก่อน เป็นธรรมเนียมที่เจ้าบ่าวจะสวมชุดสีแดงเข้มและเจ้าสาวจะสวมชุดสีเขียวเมื่อแต่งงาน แม้ว่าตอนนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว แต่การที่พวกเขายืนอยู่ด้วยกันและแต่งตัวเช่นนี้ยังคงทำให้ผู้คนนึกถึงมันอยู่ดี

ความคิดเช่นนี้ของลั่วเซิงเอาเปรียบไคหยางอ๋องชัดๆ!

จูหานซวงโมโหจนมือสั่น หากไม่ใช่เพราะสถานที่และเวลาไม่เหมาะสม นางคงพุ่งเข้าไปฉีกปากที่ยิ้มแย้มตลอดเวลานั้นแล้ว

ฝูงชนเองก็ตกใจจนพูดไม่ออกเมื่อลั่วเซิงยืนข้างหน้าเว่ยหาน

ลั่วเซิงสีหน้าสงบ น้ำเสียงราบเรียบ “ท่านอ๋องยังจำกริชฝังอัญมณีของข้าเล่มนั้นได้หรือไม่เจ้าคะ”

ชั่วจังหวะหนึ่ง อันที่จริงเว่ยหานอยากจะหันหลังกลับและเดินจากไปจริงๆ

กริชเล่มเดียวจะหาเรื่องให้เขากี่ครั้งถึงจะพอ

ช่างเถอะ หลุมที่ตนเองขุดเองก็ได้แต่ยอมรับ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ผลประโยชน์ตามที่สัญญากันไว้ด้วย

ภายใต้สายตาของทุกคน เว่ยหานพยักหน้าอย่างสงบ “อยู่ที่ข้า”

เขามองไปที่เสนาบดีจ้าวแล้วพูดว่า “คุณหนูลั่วมอบกริชให้ข้าเมื่อหลายวันก่อน เสนาบดีจ้าวรอสักครู่ ข้าจะสั่งให้คนกลับจวนไปนำมา”

เสนาบดีจ้าว “…” เขาคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าจะสอบสวนเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ได้!

ทุกคนมองเว่ยหานอย่างงุนงง ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย ไคหยางอ๋องที่มางานเลี้ยงวันนี้คงไม่ใช่ตัวปลอมหรอกนะ

เมื่อมองไปที่ผิงหนานอ๋องและองค์รัชทายาทที่ยืนอยู่ไม่ไกลก็ต้องปฏิเสธการคาดเดานี้

หากไคหยางอ๋องถูกปลอมตัวมาจริงๆ คงเป็นไปไม่ได้ที่พี่ชายและหลานชายจะจำไม่ได้!

แต่หากต้องเชื่อว่าไคหยางอ๋องรับกริชของคุณหนูลั่วไว้ เหมือนกับว่ายากที่จะเชื่อยิ่งกว่า

แม่ทัพใหญ่ลั่วเป็นคนแรกที่ทนไม่ไหว “เซิงเอ๋อร์ เหตุใดกริชของเจ้าจึงอยู่ที่ไคหยางอ๋อง”

ทุกคนแทบอยากจะชูนิ้วโป้งให้แม่ทัพใหญ่ลั่ว

คนเป็นพ่อถามได้ง่ายกว่า พวกเขาจะกลั้นใจตายอยู่แล้ว

อยู่ที่ไคหยางอ๋องได้อย่างไรเล่า

แม้แต่เว่ยหานเองก็อดมองลั่วเซิงไม่ได้ รอคอยคำตอบของนาง

เขาอยากรู้จริงๆ ว่าคุณหนูลั่วจะอธิบายอย่างไร

“อ๋อ ก่อนหน้านี้ลูกปลดเข็มขัดของท่านอ๋องไปมิใช่หรือ หลังจากนั้นลูกจึงหาโอกาสมอบกริชให้เป็นการไถ่โทษ” ลั่วเซิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย แค่ปริปากก็หาเหตุผลได้อย่างง่ายดาย

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองไปที่เว่ยหานทันที น้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ “ท่านอ๋องก็รับไว้เลยหรือ”

ทุกคนมองไปที่เว่ยหานพร้อมกัน แสดงความหมายเดียวกันเงียบๆ ท่านก็รับไว้เลยหรือ

เว่ยหานมือกำหมัดและพูดเบาๆ ว่า “อืม ข้ารับคำขอโทษของคุณหนูลั่วไว้”

ไม่ใช่รับไว้ แต่เขาแพ้ให้มากกว่า…

สายตาที่เว่ยหานมองไปที่ลั่วเซิงซับซ้อนเล็กน้อย

สตรีหน้าด้านเช่นนี้เขาไม่เคยพานพบมาก่อนเลยจริงๆ

“เรื่องนี้แปลกๆ นะ…” ด้วยสัญชาติญาณของคนเป็นพ่อ แม่ทัพใหญ่ลั่วพึมพำ

ท่านเฉินที่ถูกเมินเฉยมานานเริ่มโมโห “ท่านเสนาบดีจ้าว เรื่องการตายของหลานสาวข้ายังจะสอบสวนหรือไม่!”

ทุกคนมองไคหยางอ๋องและบุตรสาวของแม่ทัพใหญ่ไปมาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่!

เสนาบดีจ้าวยิ้มแห้ง “ท่านเฉินอย่าได้ร้อนรน เราสอบสวนกันถึงตรงนี้แล้วอย่างไรเล่า หากพิสูจน์ได้ว่ากริชของคุณหนูลั่วอยู่ที่ไคหยางอ๋อง เช่นนั้นการตายของหลานสาวท่านก็คงไม่เกี่ยวข้องกับคุณหนูลั่ว”

เขาไม่ถนัดสืบสวน แต่เรื่องนี้เขาสามารถจัดระเบียบความคิดได้

จวนไอหยางอ๋องอยู่ไม่ไกลจากจวนผิงหนานอ๋อง สือเยี่ยนนำกริชมาให้อย่างรวดเร็ว

“นายท่าน” สือเยี่ยนนำกล่องที่มีกริชข้างในส่งให้เว่ยหาน รู้สึกได้ใจ

นายท่านลงโทษเขาล้างถังส้วมอยู่เลย เวลาสำคัญก็ต้องให้เขามาอยู่ดี

สืออี้กลับรู้เพียงว่าต้องขอกริชจากเขา แต่เขารู้หรือไม่ว่ากริชเล่มนี้มาได้อย่างไร

สือเยี่ยนยืดอกตั้งตัวตรง มองทุกคนที่ตกตะลึงเมื่อเห็นกริชถูกหยิบออกมาจากกล่อง ความรู้สึกเหนือกว่าเกิดขึ้นตามธรรมชาติ

“นี่คือกริชเล่มนั้นที่เซิงเอ๋อร์ชอบถือเล่น!” แม่ทัพใหญ่ลั่วมองกริชที่อยู่ในมือของเว่ยหานอย่างพินิจพิเคราะห์ เขาพยักหน้ายืนยัน

จู่ๆ ลั่วเซิงก็มองไปที่จูหานซวง เผยรอยยิ้มใส่ใจ “ตอนที่ข้ายังไม่จากเมืองหลวงไปมักจะติดต่อกับคุณหนูจูเป็นประจำ คุณหนูจูเคยเห็นกริชฝังอัญมณีของข้าหลายครา เช่นนั้นลองมาตรวจสอบดูดีหรือไม่”

แม่ทัพใหญ่บอกว่ากริชเป็นของบุตรสาวเป็นเรื่องยากที่จะโน้มน้าวทุกคนได้ มีใครเหมาะสมไปกว่าคนที่ไม่ลงรอยกับคุณหนูลั่วอย่างจูหานซวงพยักหน้าเล่า

ลั่วเซิงรอจูหานซวงช่วยเหลืออย่างตั้งใจแน่วแน่

ส่วนจูหานซวงทั้งๆ ที่ไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่กลับก้าวเดินออกไป

นางไม่สามารถปฏิเสธโอกาสที่จะได้ยืนต่อหน้าเขาอย่างเปิดเผยได้

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท