ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 94 หมอหวังเข้าเมืองหลวง

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 94 หมอหวังเข้าเมืองหลวง

“สินเดิม?” เสียงของหงโต้วดังขึ้นอีกครั้ง “คุณหนูของเราจะมีสินเดิมไว้ทำไม”

คุณชายสามเซิ่งไม่เข้าใจความหมายของสาวใช้ จู่ๆ ก็มองลั่วเซิงด้วยสายตาเวทนา

เขาลืมไปอีกแล้วว่าน้องลั่วไร้มารดาแต่เล็ก ท่านลุงเป็นเพียงบุรุษคนหนึ่ง คงลืมไปแล้วว่าต้องเตรียมสินเดิมให้น้องสาวคนนี้

เมื่อคิดถึงลูกพี่ลูกน้องจยาอวี้ ท่านป้าก็เริ่มเก็บหอมรอมริบให้ตั้งแต่ที่นางเกิด

สำหรับผู้หญิงแล้ว มีแม่รักกับไม่มีแม่รักนี่ต่างกันจริงๆ น้องลั่วช่างน่าสงสาร…

คุณชายสามเซิ่งคิดไปไกล เห็นหงโต้วเบ้ปาก สีหน้าไม่แยแสนัก “คุณหนูของเราอยากเลี้ยงผู้ชายก็เลี้ยง อยากยิงนกด้วยไข่มุกก็ยิง หากเบื่อจริงๆ ยังไปหวีขนให้ต้าไป๋ได้ ชีวิตที่มีความสุขเช่นนี้จะคิดสั้นทำไม เหตุใดจึงต้องแต่งงานออกเรือนเล่า”

การออกเรือนนั้นอันตรายจะตายไป ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่จินซาคุณหนูคิดเลยเถิดกับบุรุษตระกูลซูนั่น ใครจะไปคิดว่าจะโชคร้าย เกือบต้องทิ้งชีวิตไปแล้ว

แต่งงาน? ชีวิตนี้คุณหนูไม่แต่งงานหรอก

คุณชายสามเซิ่งยืนอ้าปากค้างอ้ำอึ้ง เขารีบมองไปที่ลั่วเซิงด้วยสายตาขอความกระจ่าง

โค่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ดึงแขนเสื้อของหงโต้วอย่างแรง ตำหนิว่า “หงโต้วเจ้ารีบหุบปาก พูดความจริงให้ผู้อื่นฟังได้อย่างไร! ข้าบอกเจ้านะ เรื่องหลายๆ เรื่องน่ะทำได้ แต่พูดไม่ได้ นึกอยากพูดอะไรก็พูดไม่ได้หรอกนะ…”

คุณชายสามเซิ่งนวดขมับเบาๆ

ไม่ไหวแล้ว เขาขอพักก่อน

สัญญาร้านเครื่องประทินโฉมได้มาแล้ว ลั่วเซิงไม่มีอารมณ์เดินเล่นต่อ นางยิ้มให้คุณชายสามเซิ่งพูดว่า “ท่านพี่ เรากลับจวนกันเถอะ”

คุณชายสามเซิ่งพยักหน้าให้ส่งๆ “ดี กลับจวน”

เดินไปไม่กี่ก้าว คุณชายสามเซิ่งยังคงอดถามเสียงเบาไม่ได้ว่า “น้องลั่ว สิ่งที่หงโต้วพูดเมื่อครู่นี้คือความจริงหรือ”

ไม่แต่งงาน? เลี้ยงผู้ชายชั่วชีวิต?

ลั่วเซิงสีหน้าจริงจัง “ท่านพี่อย่าฟังหงโต้วพูดเหลวไหล”

คุณชายสามเซิ่งโล่งอก

น้องลั่วยังมีทางช่วย!

จากนั้นก็ได้ยินโค่วเอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลังพูดกับหงโต้วเสียงเบาว่า “เห็นหรือไม่ว่าข้าพูดถูก คุณหนูพูดเป็น”

คุณชายสามเซิ่ง “…”

ช่างเถิด ลางเนื้อชอบลางยา เขารับผิดชอบปากตนเองให้ได้กินของอร่อยๆ ก็พอ

เว่ยหานเองก็ทราบข่าวจากสือเยี่ยนว่าลั่วเซิงซื้อร้านเครื่องประทินโฉม

“คุณหนูลั่วจะเปิดหอสุรา?”

สือเยี่ยนกลืนน้ำลายโดยสัญชาติญาณ สายตาเป็นประกาย “ขอรับ ลูกพี่ลูกน้องของคุณหนูลั่วยังบอกว่าจะไปเป็นเสี่ยวเอ้อร์ด้วยขอรับ”

หลายวันมานี้เขารายงานเรื่องเกี่ยวกับคุณหนูลั่วมากมายให้เจ้านายฟัง ทุกครั้งเจ้านายจะฟังด้วยสีหน้านิ่งๆ ไม่พูดอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถาม

เห็นได้ว่าเจ้านายเองก็ลืมฝีมือการทำอาหารของคุณหนูลั่วไม่ลงเหมือนกับเขา

“อย่าหาว่าข้าพูดมากเลย คุณชายสามเซิ่งเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว เป็นเสี่ยวเอ้อร์ต้องได้กินอาหารในร้านโดยไม่คิดเงิน เขากินบะหมี่ผัดเครื่องสองถ้วยก็เท่ากับเงินเดือนประจำปีของข้าราชการระดับห้าแล้ว…”

สำหรับคนที่วันๆ ไม่ทำอะไรอย่างคุณชายสามเซิ่ง ไม่ไปเป็นเสี่ยวเอ้อร์ของหอสุราคุณหนูลั่วเพื่อขอข้าวกิน แล้วจะไปทำงานเพื่อเงินสองร้อยตำลึงต่อปีหรือ

เว่ยหานอดยิ้มไม่ได้ “หากเปิดหอสุราจริงๆ บะหมี่ผัดเครื่องหนึ่งถ้วยย่อมไม่ใช่เงินหนึ่งร้อยตำลึงแล้ว”

คิ้วของเขาเข้มดุจหมึก ดวงตาดำขลับ ราวกับดวงจันทร์ที่สดใสในฤดูหนาว รอยยิ้มของเขาทำให้เขาดูอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย

ภูมิต้านทานต่อรูปโฉมเช่นนี้สือเยี่ยนถือว่ามีมากเพียงพอ ถึงอย่างไรเขาก็เห็นจนชินแล้ว แต่อาหารของคุณหนูลั่ว เขากลับยังกินไม่พอ

องครักษ์น้อยหัวเราะซื่อๆ “นายท่าน เห็นแก่ข้าที่ตั้งใจทำงานช่วงนี้ เพิ่มเงินเดือนได้หรือไม่ขอรับ”

เขาจะเก็บเงินเพื่อไปกินอาหารที่หอสุราของคุณหนูลั่ว!

เว่ยหานหุบยิ้ม น้ำเสียงเย็นยะเยือกจนน่ากลัว “เรื่องจวนสกุลหลินตัดต้นไม้ยังไม่ได้ลงโทษเจ้า อยากรับโทษล่วงหน้าหรือ”

เจ้าบัดซบนี่ลักลอบเข้าไปจวนหลิน ถูกคุณชายใหญ่หลินจับได้ โชคดีที่คุณชายหลินจำเขาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงอับอายขายหน้าแย่

สือเยี่ยนไหล่ห่อ พูดช้าๆ ว่า “ข้าน้อยผิดไปแล้ว”

“คอยดูจวนสกุลลั่วต่อไป” เว่ยหานตอบราบเรียบ

เวลาหนึ่งเดือนกำลังจะผ่านไป คุณหนูลั่วเตรียมตัวเปิดหอสุรา ผู้ที่ให้ความสำคัญกับสัญญาและปล่อยวางไม่ได้เหมือนกับว่าจะมีเขาเพียงผู้เดียว

และวันนี้ หมอเทวดาหลี่ที่อยู่ในสภาพหงุดหงิดในที่สุดก็ได้เจอหมอหวังแล้ว

ผู้ที่จับตัวหมอหวังเข้าเมืองหลวงคือบ่าวรับใช้ของหมอเทวดาหลี่

บ่าวรับใช้คนนี้เดิมเป็นจอมยุทธ์อิสระที่เกือบตายเพราะถูกศัตรูไล่สังหาร หมอเทวดาหลี่เป็นคนช่วยเขากลับมาจากประตูนรก

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็อาศัยอยู่ที่นี่เป็นบ่าวรับใช้ เขาอยู่กับหมอเทวดาหลี่มาหลายปีแล้ว

“เขาเองรึ” หมอเทวดาหลี่มองหมอหวังผู้เหี่ยวเฉาราวกับแตงกวาเหี่ยวๆ ด้วยสีหน้ารังเกียจ

บ่าวรับใช้ประสานมือ “ชายคนนี้ขอรับที่ขายยาลดไข้และยาบำรุงปราณให้จวนสูงศักดิ์ ข้าน้อยช่วยเขาไว้จากฝูงชนที่กำลังรุมทุบตีเขา ตอนนั้นเขาถูกทุบตีจนเกือบตายแล้ว”

หมอเทวดาหลี่ยิ่งโมโหกว่าเดิม ด่าว่า “เจ้าโง่ มียาลดไข้และยาบำรุงปราณอยู่ในมือกลับตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ อายคนหรือไม่”

หมอหวังที่หนวดเคราเละเทะและใบหน้าซีดเซียวร้องไห้

เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องจะกลายเป็นเช่นนี้!

ในตอนแรกเขาทำเงินได้มากมายจากการรักษาสะใภ้สกุลซูด้วยยาเชียนจิน และยังถูกขนานนามว่าเป็นหมอเทวดา

เมื่อทำเงินได้มากขึ้นเรื่อยๆ ชื่อเสียงก็ยิ่งโด่งดัง ฮูหยินท่านหนึ่งของจวนจินหลิงป่วยมานาน รักษาอย่างไรก็ไม่หายจึงเชิญเขาไปรักษา หลังจากที่โรคนี้รักษาได้ด้วยยาของเขาแล้ว เขาก็ได้รับเงินจำนวนมหาศาล จวนจินหลิงยังขอให้เขาช่วยบำรุงร่างกายให้นาง

จู่ๆ เขาก็คิดถึงยาอีกชนิดหนึ่งที่ได้มาจากคุณหนูลั่ว

เขาเห็นกับตาตนเองว่าคุณชายลั่วที่อยู่ในจวนสกุลเซิ่งท่านนั้นสีหน้าค่อยๆ มีเลือดฝาดขึ้นมา

ผู้อื่นไม่รู้ แต่เขารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะยาอีกชนิดหนึ่ง!

แต่คุณหนูลั่วเคยเตือนเขา ห้ามไม่ให้เขาใช้ยาอีกชนิด ซึ่งเขาเองก็รับปากแล้ว

แต่ฮูหยินจวนจินหลิงท่านนี้ร่างกายแออ่อนแอมาก หากทานยาชนิดนั้นไปแล้วหายดี ถึงครานั้นเงินทองและชื่อเสียงคงไหลมาเทมา เขาอดหวั่นไหวไม่ได้

มิหนำซ้ำเขายังได้ลิ้มลองถึงความหอมหวานของชื่อเสียงและความร่ำรวยมาแล้ว ยิ่งรู้ถึงรสชาติเมื่อถึงวันนั้น

ในที่สุดความโลภก็เข้าครอบงำเขา เขายังผสมยาชนิดนั้นออกมา ขายให้ฮูหยินท่านนั้นและรับเงินก้อนใหญ่มา

ทว่าคิดไม่ถึงว่ายาชนิดนั้นไม่เป็นผลใดๆ ฮูหยินท่านนั้นหยุดกินยาที่ทานมาหลายปีเพราะยาตัวนี้ ทำให้นางอ่อนแอเกินกว่าจะลุกจากเตียงได้

นอกจากไม่ได้ผลแล้วยังทำให้ร่างกายย่ำแย่กว่าเดิม ตระกูลสูงศักดิ์จะยอมได้อย่างไร พวกเขาทุบทำลายร้านขายยาที่หมอหวังเปิดรักษาคนไข้ทิ้งทันที และขอคำอธิบายจากหมอหวัง

หมอหวังอธิบายอะไรไม่ได้ ขณะที่อ้ำๆ อึ้งๆ ก็ถูกทุบตี เมื่อหนีออกมาได้ยังถูกญาติของครอบครัวร่ำรวยไล่ตีตลอดทาง

ว่ากันว่าเรื่องดีๆ ไม่ค่อยเป็นข่าว เรื่องแย่ๆ กลับดังเป็นพันลี้ ข่าวจินซามีหมอเทวดาขายยาปลอมแพร่สะพัดอย่างรวดเร็ว หากหมอเทวดาหลี่ไม่ได้ส่งบ่าวรับใช้ไปช่วยหมอหวังไว้ เกรงว่าเขาคงถูกตีตายไปแล้ว

หมอหวังร้องไห้ต่อหน้าหมอเทวดาหลี่เหมือนกับเด็กน้อย เขาร้องไห้พลางสำนึกผิด “ข้าไม่ควรโลภมาก ข้ารู้แต่แรกว่าคุณหนูลั่วไม่ธรรมดา เหตุใดจึงโง่ไม่ฟังคำพูดของนางนะ…”

หมอเทวดาหลี่ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกไม่ชอบมาพากล “ช้าก่อน คุณหนูลั่วอะไรนะ”

หมอหวังยังคงร้องไห้

“พูด!” หมอเทวดาหลี่คำรามด้วยความโมโห คานในห้องเหมือนกับจะสั่นสะเทือน

เขาไม่ได้โมโหเช่นนี้มาหกเจ็ดสิบปีแล้ว เจ้าลูกเต่าสมัยนี้เก่งนัก!

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท