ตอนที่ 108 แบกกลับจวน
“เหตุใดหยางฮูหยินไม่เอ่ยสิ่งใดเลยเล่า” ลั่วเซิงคล้ายกับตระหนักบางอย่างได้ “หรือเพราะข้าเอ่ยตรงประเด็น ท่านเลยไม่มีอะไรจะพูดรึ”
“เจ้า เจ้าจะพูดจารังแกคนเกินไปแล้ว…”
หยางซื่อกลอกตา ก่อนจะใช้วิธีที่พวกสตรีสูงศักดิ์ชอบใช้ เป็นลมหมดสติ!
“ฮูหยิน!” กลุ่มสาวใช้ร้องอุทานด้วยความตื่นตกใจแล้วรีบเข้าไปประคองหยางซื่อ ก่อนจะตวัดสายตามองลั่วเซิงด้วยความโกรธจัด
ลั่วเซิงส่ายหน้าพลางถอนหายใจ “กล่าวกันว่าการเป็นมารดานั้นจะทำให้เข้มแข็งขึ้น คิดไม่ถึงเลยว่า ข้าเพิ่งจะพูดออกไปเพียงไม่กี่ประโยค หยางฮูหยินก็โมโหจนเป็นลมล้มพับไปเสียแล้ว ไม่สนใจชีวิตความเป็นตายของลูกเลี้ยง คาดว่าสิ่งข้าเพิ่งจะเอ่ยไปนั้นคงมิผิด มารดาเลี้ยงก็คือมารดาเลี้ยง”
หยางซื่อหลับตาแน่น แนบร่างไว้กับสาวใช้ใหญ่ผู้หนึ่ง นางได้ยินวาจาเหล่านั้นกระจ่างชัด พลันรู้สึกจุกเสียดทรวงอก
นางแสร้งทำเป็นหมดสติเพราะต้องการให้ฝูงชนเห็นว่าคุณหนูลั่วโอหังอวดดีเพียงใด จนทำให้โหวฮูหยินท่านหนึ่งเป็นลมหมดสติ อย่างไรก็ตาม นางไม่คาดคิดเลยว่านางหญิงชั่วช้านี่จะปากคอเราะรายนัก ทุกถ้อยคำไม่พ้นจากเรื่องมารดาเลี้ยงเลยสักนิด แทงตรงเข้ามาถึงในใจของนาง
ยามนี้ขี่หลังเสือแล้วยากจะลง ไม่อาจลืมตาก่อนได้
เหตุใดท่านโหวถึงยังไม่กลับมาอีก ผู้ดูแลทำอะไรอยู่กัน!
ขณะที่ในใจหยางซื่อสุมไปด้วยความโกรธแค้นก็ได้ยินเสียงเยือกเย็นแฝงไว้ด้วยวาจาถากถางหลายส่วนดังขึ้นอีกครา “เดิมทีก็คิดจะมาส่งคุณชายใหญ่สวี่กลับจวน ในเมื่อไม่มีใครสนใจคุณชายใหญ่สวี่ เช่นนั้นคนดีเช่นข้าก็จะทำดีให้ถึงที่สุด พาเขากลับจวนแม่ทัพใหญ่เพื่อรับการรักษา หงโต้ว พวกเราไปกันเถอะ”
พาคนกลับไปที่จวนแม่ทัพใหญ่หรือ
หยางซื่อได้ยินเข้าไหนเลยจะแสร้งเป็นลมต่อได้ ลืมตาขึ้นในทันที ลนลานกล่าวว่า “คุณหนูลั่ว เจ้าปล่อยชีเอ๋อร์เดี๋ยวนี้!”
ลั่วเซิงกะพริบตาปริบๆ “เอ๋ หยางฮูหยินไม่เป็นอะไรแล้วหรือ”
หยางซื่อหยัดกายยืดตัวตรง พยายามแสดงท่าทางน่ายำเกรงชอบธรรมอย่างสุดความสามารถ “หากคุณหนูลั่วจะพาชีเอ๋อร์ไป ก็ข้ามศพข้าไปก่อน!”
ดวงตาของลั่วเซิงเบิกกว้างเล็กน้อย “หยางฮูหยินยอมตายเพื่อขัดขวางมิให้คุณชายใหญ่สวี่ได้รับการรักษาหรือ ความตั้งใจของท่านเลวร้ายเกินไปกระมัง”
หยางซื่อโมโหกัดฟันกรอดจนฟันแทบจะหัก
เหตุใดนางหญิงแพศยาผู้นี้ถึงได้มีวาจาเหลวไหลมากมายนัก
จะปล่อยให้นางจูงจมูกเช่นนี้ไม่ได้
หยางซื่อสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ก็สงบสติอารมณ์ได้หลายส่วน เอ่ยเสียงเย็นชา “คุณหนูลั่วโปรดอย่าได้สับสนถูกผิด ชีเอ๋อร์เป็นคุณชายใหญ่ของจวนฉางชุนโหว และเป็นบุตรชายของข้า หากจะรับการรักษาย่อมรักษาในจวนของเราได้ เหตุผลใดเล่าที่ต้องให้คุณหนูลั่วพาเขากลับจวนแม่ทัพใหญ่เพื่อรักษาด้วย”
เห็นหยางซื่อเป็นเช่นนี้ ใบหน้าของลั่วเซิงก็เย็นชา “เอาล่ะ หยางฮูหยินอย่าได้เอ่ยเหตุผลอะไรกับข้าเลย ทั้งมิต้องเอ่ยถึงความเป็นตายให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ เมื่อครู่ข้าพาเขามาส่งรอตั้งเนิ่นนานท่านก็ไม่ยอมออกมา พอเอ่ยถึงเหตุผลบ้างท่านก็เป็นลมใส่แล้วตอนนี้กลับมาบอกว่าคุณชายสวี่เป็นบุตรชายของท่านอีก หรือข้าอยากเสียหน้ารึ คนข้าจะพาตัวไป หากอยากรับเขากลับมาก็ให้ฉางชุนโหวไปที่จวนแม่ทัพใหญ่แล้วพาเขากลับมาด้วยตนเอง”
พูดจบ ลั่วเซิงก็ไม่แม้แต่จะมองหยางซื่อแม้แต่น้อย สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปทันที
ด้านสวี่ชีที่โดนหงโต้วแบกไว้ได้ยินประโยคนี้เข้าก็พลันรู้สึกกระวนกระวาย
จะทำแบบนี้ได้อย่างไรเล่า เขาไม่อยากถูกพาไปจวนแม่ทัพใหญ่นะ!
ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถแสร้งหมดสติเพื่อรักษาหน้าได้ต่อไปอีกแล้ว
ครั้นตระหนักได้ว่าเด็กน้อยที่อยู่บนไหล่เริ่มขยับไปมา หงโต้วก็ใช้หลังมือสับต้นคอของสวี่ชีด้วยใบหน้าปราศจากอารมณ์
สวี่ชีตัวสั่นเบาๆ แล้วหมดสติไปอย่างแท้จริง
หงโต้วเผยรอยยิ้มอย่างมีความสุข
นานแล้วที่ไม่ได้ทำสิ่งนี้ แต่ก็ยังแม่นยำเช่นเดิม
หากใครคิดร้ายต่อคุณหนู หึ เช่นนั้นก็ต้องข้ามศพหงโต้วไปก่อนแล้ว!
คนของจวนฉางชุนโหวถือตะบองไว้ในมือแล้วจ้องเขม็งไปทางพวกลั่วเซิง ขณะที่ลั่วเซิงเดินไปข้างหน้า พวกเขาก็เดินไปขวางไว้ด้านหน้าแล้ว พร้อมทั้งชักฝีเท้าถอยกลับไปก้าวหนึ่งเพื่อรอคำสั่งจากหยางซื่อ
การแสดงออกของหยางซื่อแข็งทื่อ แสร้งทำได้เพียงยังไม่ได้สติกลับมา
นางเข้าใจกระจ่างถึงความเผด็จการของคุณหนูลั่ว แม้จะล่วงเกินไคหยางอ๋องก็เพียงแค่ถูกแม่ทัพใหญ่ลั่วส่งตัวออกไปจากเมืองหลวงเพียงสองสามเดือนเท่านั้น แล้วฉางชุนโหวจะไปเทียบกับไคหยางอ๋องได้อย่างไรเล่า
หากต้องการให้บ่าวเอาชีวิตขวางอีกฝ่ายไว้จริงๆ คุณหนูลั่วจะลงมืออย่างแน่นอน
เพื่อที่จะขวางพวกเขาไว้ ต้องทำร้าย ต้องสัมผัสพวกเขา เช่นนั้นก็จะกลายเป็นจวนฉางชุนโหวล่วงเกินแม่ทัพใหญ่ลั่ว และไม่อาจบอกได้ว่าจะโดนชำระบัญชีวันใด
แต่หากพวกเขาไม่สามารถหยุดคนไว้ได้ จวนฉางชุนโหวก็จะเสียหน้ายิ่งกว่าเดิม
ในเมื่อซ้ายขวาล้วนไม่ถูกต้อง มิสู้ถอยยามนี้ถอยกลับก่อนสักก้าวหนึ่ง รอกระทั่งท่านโหวเจรจากับแม่ทัพใหญ่ลั่วแล้ว เช่นนั้นจะปลอดภัยกว่า
ไม่ว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วจะรักบุตรสาวมากเพียงใด ก็ไม่มีทางปล่อยให้บุตรสาวของตนฉุดคุณชายจากจวนโหวไปเป็นนายบำเรอแน่
ในฐานะนายหญิงของเรือนนางไร้คำชี้แนะใดไปในชั่วขณะ ชั่วพริบตาพวกลั่วเซิงก็แหวกฝูงชนที่ยืนออกันอยู่หน้าจวนฉางชุนโหวออกไปและเดินจากไปแล้ว
หยางซื่อคล้ายกับเพิ่งรู้สึกตัว เอ่ยเสียงสั่น “เร็วเข้า รีบตามไป ช่วยคุณชายใหญ่กลับมา!”
บ่าวทั้งหมดตอบรับแล้วเริ่มไล่ตาม หากแต่ด้วยฝูงชนที่รอรับชมความสำราญได้ขวางทางเบื้องหน้าไว้อย่างหนานแน่น ไหนเลยจะไล่ตามทันได้
ด้านแม่ทัพใหญ่ลั่วที่กำลังง่วนอยู่กับงานที่ศาลาว่าการก็ได้ยินเสียงจากด้านนอกดังขึ้น “ท่านพ่อ ข้าเข้าไปได้หรือไม่ขอรับ”
“เข้ามาได้” แม่ทัพใหญ่ลั่ววางม้วนตำราในมือลง มองไปทางบุตรชายบุญธรรมที่กำลังเดินเข้ามา “มีเรื่องใดรึ”
ผิงลี่ประสานหมัด “ท่านพ่อ เมื่อครู่ลูกบังเอิญเจอเข้ากับน้องหญิงสามระหว่างทางมาที่นี่ขอรับ”
น้ำเสียงของแม่ทัพใหญ่ลั่วราบเรียบ “น้องหญิงสามของเจ้าก่อเรื่องอีกแล้วหรือ”
เมื่อเอ่ยถึงเซิงเอ๋อร์ที่เก็บตัวสงบเสงี่ยมมาเป็นเวลานาน เขาเองก็ยังไม่ค่อยคุ้นชิน
ผิงลี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าว “ลูกเห็นหงโต้วแบกคุณชายใหญ่ของจวนฉางชุนโหวไว้บนบ่าขอรับ คงจะกำลังพาเขากลับมาที่จวนของเรา”
สีหน้าของแม่ทัพใหญ่ลั่วพลันเหยเกไปชั่วขณะ แทบจะหายใจไม่ออก
“เจ้าเด็กคนนี้ เหลวไหลจริงๆ!” แม่ทัพใหญ่ลั่วหยัดกายลุกพรวด เอามือค้ำยันไว้กับโต๊ะ
จะฉุดบุตรชายคนโตของจวนโหวไปเป็นนายบำเรอได้อย่างไรเล่า หากรู้เช่นนี้แต่แรก เปิดหอคณิกาชายยังไม่ทำให้เขาปวดใจเช่นนี้เลย
“ท่านพ่อ…” ผิงลี่เอ่ยเรียกอีกครา
“อะไรรึ”
“ยังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งที่คอยติดตามน้องหญิงสามขอรับ ดูเหมือนจะเป็นองครักษ์ส่วนตัวของไคหยางอ๋อง”
แม่ทัพใหญ่ลั่วนิ่งงันไปครู่ใหญ่ ก่อนจะกัดฟันกรอด “น้องหญิงสามของเจ้ายังฉุดองครักษ์ของไคหยางอ๋องมาด้วยรึ”
การแสดงออกของผิงลี่ค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย “ดูเหมือนจะมาด้วยความสมัครใจนะขอรับ”
แม่ทัพใหญ่ลั่วสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่แล้วสาวเท้าเดินออกไปด้านนอก
จากจวนฉางชุนโหวมายังจวนแม่ทัพใหญ่นั้นเดิมไม่ไกล ลั่วเซิงไม่หยุดฝีเท้า เดินต่อไปไม่นานก็มาถึงแล้ว
ลั่วเซิงหยุดยืนอยู่ข้างสิงโตหินเบื้องหน้าประตูจวนลั่ว นางหันกลับมาแล้วยิ้มให้กับฝูงชน “ทุกท่านได้โปรดแยกย้ายเถอะ ข้าต้องรีบเชิญท่านหมอให้เข้ามารักษาคุณชายใหญ่สวี่ เช่นนี้รอกระทั่งฉางชุนโหวมา จะได้พาบุตรชายกลับไปยังจวนด้วยความยินดีปรีดา”
ในฝูงชน มิรู้ว่าใครใจกล้าบ้าบิ่นนัก ถึงได้ตะโกนออกมา “คุณหนูลั่วมิได้พาคุณชายใหญ่สวี่กลับจวนมาเป็นนายบำเรอหรือ”
หงโต้วทนฟังไม่ได้อีกต่อไป ถ่มน้ำลาย “นายบำเรอ? เลิกคิดไปได้เลย คุณหนูของข้อเงื่อนไขสูงยิ่ง จะพาคุณชายใหญ่สวี่กลับเป็นนายบำเรอได้อย่างไร!”
นี่ นี่จะไม่เป็นการดูถูกคุณชายใหญ่สวี่หรือ
ฝูงชนต่างตกตะลึงในพริบตา
สาวใช้แบกสวี่ชีไว้ด้วยมือข้างเดียว อีกมือหนึ่งก็เท้าสะเอว เบะปาก “อยากจะเป็นนายบำเรออย่างไรก็ต้องรูปลักษณ์งดงามเช่นไคหยางอ๋อง มิเช่นนั้นคุณหนูของพวกเราก็ขาดทุนสิ จะบอกพวกเจ้าให้นะ คุณหนูของพวกเราพาคุณชายใหญ่สวี่กลับจวนมารักษาเพราะเป็นคนมีเมตตากรุณาอย่างแท้จริง ด้วยทนไม่ได้ที่ปล่อยให้แม่เลี้ยงของคุณชายประวิงเวลาในการรักษาอาการบาดเจ็บของเขา…”
“เอาล่ะ หงโต้ว ผู้บริสุทธิ์ย่อมไม่กลัวคำครหา ไม่ต้องอธิบายมากมายเช่นนั้นให้คนนอกเข้าใจหรอก” หลังจากรอคอยเงียบๆ ให้หงโต้วเอ่ยอยู่พักหนึ่ง ลั่วเซิงก็กล่าวเสียงเรียบ
“เจ้าค่ะ” หงโต้วรับคำเสียงกระจ่างชัดแล้วเดินตามลั่วเซิงเข้าไปในประตูจวนลั่ว ปล่อยให้ผู้คนที่ยังรับชมความสนุกสนานไม่พอพวกนั้นไว้ด้านนอก
เมื่อกลับมาถึงเสียนอวิ๋นย่วน ลั่วเซิงก็เหลือบมองสวี่ชี “ยังไม่ตื่นรึ”