ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 116 เอามาอีกจาน

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 116 เอามาอีกจาน

บุรุษผู้นั้นเยาว์วัยนัก อาภรณ์แดงสดขับผิวพรรณของเขาดูดุจหยก ทำให้ความมืดในโถงใหญ่สว่างขึ้นมาหลายส่วน

ผู้ดูแลหญิงใจเต้นรัว

วันนี้มีลูกค้าอยากรู้อยากเห็นแต่มิได้กินดื่มเข้าออกร้านไม่น้อย หากแต่นี่เป็นลูกค้ารายแรกที่รูปงามยิ่งกว่าเสี่ยวเอ้อร์ในร้าน

สื่อเยี่ยนปราดเข้าไปแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “นายท่าน…”

เว่ยหานขมวดคิ้ว “เหตุใดเจ้าถึงอยู่ที่นี่”

สื่อเยี่ยนหดไหล่ลงตามสัญชาตญาณ ยิ้มเอ่ย “วันนี้หอสุราของคุณหนูลั่วเปิดกิจการ ข้าน้อยมาเพื่อช่วยงานขอรับ”

โดนนายท่านของตนถามเช่นนี้ เหตุใดถึงได้รู้สึกราวกับกำลังทำกิจของคนอื่นที่ไม่ใช่กิจของตนกัน

ไม่ เขาจะต้องยืนหยัดในความเชื่อ เป็นเสี่ยวเอ้อร์นั้นสำคัญกว่าการเลี้ยงห่าน!

“ในเมื่อมาเพื่อช่วยงาน เช่นนั้นก็ทำหน้าที่ของเจ้าเสีย” เว่ยหานเอ่ยเสียงเรียบ

สื่อเยี่ยนเปลี่ยนท่าทีรีบร้อนกล่าว “เชิญคุณชายทางนี้ วันนี้อยากกินอะไรหรือขอรับ”

เขาทำหน้าที่เลี้ยงห่านก็กระตือรือร้นยิ่ง ทุกวันส่งจดหมายกลับไปยังจวนอ๋องเพื่อรายงานนายท่านเกี่ยวกับเรื่องเล็กใหญ่ที่เกิดขึ้นในจวนลั่ว

เป็นดังคาด วันนี้คุณหนูลั่วเปิดกิจการหอสุรา นายท่านก็มาอุดหนุน

“ซานหั่ว เจ้ารู้จักลูกค้าท่านนี้หรือ” ผู้ดูแลสังเกตสีหน้าท่าทาง เมื่อคิดว่าผู้ที่เข้ามาอาจอยู่กินบะหมี่หยางชุนได้สักชามก็แสดงไมตรีจิตอย่างเร่าร้อน

“อา…” สื่อเยี่ยนยามนั้นไม่รู้ว่าจะแนะนำเช่นไร

ผู้ดูแลหญิงส่งยิ้มหวาน “ในเมื่อเป็นคนคุ้นเคยของซานหั่ว เช่นนั้นก็จะให้ลดราคาให้ท่านสักหน่อยแล้วกัน”

“ขอบใจมาก แต่มิต้องหรอก” เว่ยหานตอบกลับเสียงเรียบ

ผู้ดูแลหญิงอดมองไปทางสื่อเยี่ยนมิได้

สื่อเยี่ยนเอ่ยสนับสนุน “ไม่ต้องจริงๆ”

สายตาของผู้ดูแลหญิงพลันเปลี่ยนไปเมื่อหันมองสื่อเยี่ยน

ไม่คิดเลยว่าคนผู้นี้จะยังมีพรสวรรค์ในการเป็นพ่อค้าหน้าเลือดด้วย สามารถหลอกล่อสหายให้มายังร้านนี้ได้

“คุณชายอยากรับประทานอะไรหรือขอรับ” สื่อเยี่ยนเรียนรู้จากท่าทางของคุณชายสามเซิ่งพลางเอ่ยถาม

“มีอะไรบ้าง” เว่ยหานเอ่ยน้ำเสียงสบายๆ ขณะที่ดวงตาดุจหงส์เหลือบมองไปทางเด็กสาวที่นั่งท่าทางเกียจคร้านอยู่ไม่ไกล

“เอ่อ ก็มีหัวหมูย่าง หัวหมูย่างจานหนึ่งราคาสิบห้าตำลึง หากรับทั้งหัวก็จ่ายเพียงแค่หนึ่งร้อยตำลึงเท่านั้น”

ผู้ดูแลเงยหน้ามองฟ้า

ช่างเถอะ นางยังอยากแนะนำบะหมี่หยางชุนหนึ่งถ้วยในราคาห้าตำลึง ตอนนี้จบกัน ลูกค้าที่กว่าจะนั่งลงก็ไม่ง่ายทีนี้จะได้วิ่งหนีไปเพราะราคาของหัวหมูย่างแล้ว

เว่ยหานถือถ้วยน้ำชาด้วยใบหน้าสุขุม ความจริงในใจยามนี้จะกำลังต่อสู้ระหว่างหัวหมูย่างจานหนึ่งและหัวหมูย่างทั้งหัวอยู่

ทั้งหัวก็มิใช่ว่าจะกินไม่หมด แต่ดูเหมือนจะเยอะไปหน่อย

แต่หากหัวหมูอย่างเดียวก็คงจะน้อยไปกระมัง

เว่ยหานหาใช่ผู้ที่จะเก็บความคิดคนอื่นมาใส่ใจไม่ อีกอย่างคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในโถงนี้ก็เคยเห็นความอยากอาหารของเขามาแล้ว

“หัวหมูย่างหนึ่งหัว…”

“ขอรับ” สื่อเยี่ยนรับคำแล้วหันหน้ากลับไปตะโกนสุดเสียง “หัวหมูย่าวหนึ่งหัว…”

ผู้ดูแลตื่นตะลึง สงสัยว่าบุรุษผู้นี้จะเข้าใจผิดจึงเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “คุณชาย ท่านสั่งหัวหมูย่างทั้งหัวหรือ”

เว่ยหานครุ่นคิด กล่าวตอบ “หากไม่พอจะสั่งเพิ่ม”

ผู้ดูแล “…”

ไม่นานเสียงใสกังวานสายหนึ่งก็ดังขึ้นมา “หัวหมูย่างมาแล้ว…”

ก็เห็นว่าเป็นคุณชายสามเซิ่งที่มีผ้าซับเหงื่อพาดไว้บนไหล่พร้อมกับถือถาดใบหนึ่งเดินมา เมื่อมาถึงแล้วจึงวางถาดลงบนโต๊ะแล้วเปิดฝาทองแดงออก ฉับพลันกลิ่นหอมแปลกประหลาดก็ขจรขจายทั่วโถงใหญ่

บนแผ่นกระดานไม้ยาววางไว้ด้วยกระดาษซับมันชั้นหนึ่ง และเหนือกระดาษก็คือหัวหมูย่างราดด้วยน้ำสีแดงสดแวววาวชิ้นหนึ่ง

ถัดมาเป็นจานกระเบื้องสองใบ

จานกระเบื้องยาวถูกแบ่งออกเป็นหลายช่อง เรียงตามลำดับด้วยแตงเส้นสีเขียวสด ต้นหอมซอยละเอียด ตบท้ายด้วยน้ำราดหวานสีสวยงาม

ในจานกลมมีชุนปิ่งแผ่นแล็กที่บางราวกระดาษวางซ้อนกันอยู่

ครั้นผู้ดูแลเห็นว่าหัวหมูย่างถูกวางไว้บนโต๊ะแล้วก็ไม่กังวลอีก เอ่ยแนะนำอย่างกระตือรือร้น “หากคุณชายดื่มสุราก็ใช้มีดเล็กด้ามนี้หั่นรับประทานได้เลย หัวหมูหนึ่งคำสุราหนึ่งจิบ แม้แต่เทพเซียนก็ไม่ยอมแลก แต่หากคุณชายไม่ดื่ม เสี่ยวเอ้อร์ก็จะช่วยหั่นหัวหมูเป็นชิ้นบางๆ ให้ท่าน วางเนื้อไว้ในแผ่นชุนปิ่งแล้วใส่แตงเส้นและต้นหอมเข้าไปแล้วจึงราดด้วยน้ำราด ทำเช่นนี้เทพเซียนก็ไม่ยอมแลกเหมือนกันเจ้าค่ะ..”

คุณชายสามเซิ่งที่น้ำลายไหลแล้วเหลือบมองไปทางผู้ดูแล

เขาเริ่มสงสัยว่าผู้ดูแลอาจจะแอบกินมันไปแล้วลับหลังเขา!

“สุราหนึ่งกา” เว่ยหานหันมองไปทางแผ่นกระดานยาวที่วางอยู่บนโต๊ะ เมื่อคิดอีกคราว่าจานนี้ราคาเพียงหนึ่งร้อยตำลึงเงินก็รู้สึกว่านี่มิใช่ความจริง

ผู้ดูแลรีบร้อนกล่าว “สุราหนึ่งการาคาสามสิบตำลึงเงิน หากจะกินเพียงแค่ชามเล็ก สิบตำลึงก็เพียงพอแล้ว…”

กล่าวให้กระจ่างชัดดีกว่า ตอนคิดเงินจะได้ไม่มีปัญหา

เว่ยหานเข้าใจชัดเจนแล้ว

สุราหนึ่งกาจะได้สามชาม

“เช่นนั้นก็เอามาสองกาเถอะ” ผู้ดูแลพลันสับสนไปครู่หนึ่งจึงตัดสินใจว่าจะไม่เอ่ยอะไรอีก

แท้จริงแล้วคนผู้นี้ก็เป็นคนเช่นเดียวกับเจ้าของร้าน ไม่ขาดแคลนเงินทอง

จะว่าไปแล้ว ลูกค้าท่านนี้เป็นใครกัน

น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ดูแลแต่เพียงร้านเครื่องประทินโฉม นางจึงพบเจอบุรุษน้อยนัก

หงโต้วยกกาหยกมรกตออกมาสองกา แย้มยิ้มกว้าง “คุณชาย วันนี้หอสุราของเรายังมีบะหมี่หยางชุนด้วย ท่านลองกินหัวหมูย่างและดื่มสุราก่อน จากนั้นค่อยทานสักบะหมี่หยางชุนต่อสักชาม ราคาเพียงห้าตำลึงต่อชามเท่านั้น”

เว่ยหานหันมองไปทางลั่วเซิงโดยไม่รู้ตัว

ลั่วเซิงยิ้มจาง “คุณชายคิดว่าของดีแต่ราคาต่ำไปอย่างนั้นหรือ”

ผู้ดูแลเอามือก่ายหน้าผาก

แม้ลูกค้าท่านนี้จะมิได้ขาดเงินก็ไม่ควรเอ่ยวาจาเหลวไหลเช่นนี้นา

เว่ยหานผุดยิ้มจางตอบกลับ “เป็นเช่นนั้น ของดีราคาต่ำไปจริงๆ”

บะหมี่ผัดเครื่องชามราคาหนึ่งร้อยตำลึง ส่วนบะหมี่หยางชุนราคาห้าตำลึงต่อชาม

ความแตกต่างเช่นนี้ เขาย่อมจำได้

ผู้ดูแลเดินกลับมายังตู้คิดเงินเงียบๆ เริ่มมึนงง

นางอาจจะไม่เหมาะกับการเป็นผู้ดูแลของที่นี่จริงๆ…

เว่ยหานหยิบมีดด้ามเล็กที่วางไว้ข้างหัวหมูย่างขึ้นมา หั่นเนื้อหัวหมูย่างบางๆ แล้วส่งเข้าปาก คิ้วเลิกขึ้น ดวงตาเบิกกว้าง

กลิ่นหอมแต่ไม่เลี่ยน ห้ารสชาติกลมกล่อม

“อร่อยหรือไม่” คุณชายสามเซิ่งที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะ กลืนน้ำลายเอ่ยถาม

เว่ยหานพยักหน้าตอบกลับอย่างสำรวม จากนั้นจึงหั่นเนื้อหัวหมูกินต่อไป เพลิดเพลินไปกับกลิ่นหอมหวานรสชาติอร่อยนุ่มลิ้น

คุณชายสามเซิ่งที่มองอยู่แทบจะหลั่งน้ำตา

มันอร่อยแบบไหน ท่านก็พูดออกมาสักคำสิ

“เซิ่งซาน เจ้ายังไม่กลับไปดูในครัวอีก” ผู้ดูแลอดอดปฏิบัติหน้าที่ของนางในฐานะผู้ดูแลร้านมิได้

เสี่ยวเอ้อร์ในร้านจะมายืนมองลูกข้างแล้วน้ำลายแบบนี้ได้อย่างไรกัน!

ไหนเลยที่คุณชายสามเซิ่งจะใส่ใจกับคำพูดของผู้ดูแล ดวงตาเปี่ยมด้วยความอิจฉา กล่าว “ท่านเป็นลูกค้าคนแรกเลยที่ได้กินหัวหมูย่างที่น้องหญิงทำน่ะ”

มีดในมือของเว่ยหานที่ไม่หยุดนิ่งเลยชะงักไปครู่หนึ่ง เขาหันมองลั่วเซิง

เขาเป็นคนแรกที่ได้กินหัวหมูย่างที่คุณหนูลั่วทำอย่างนั้นหรือ

หญิงสาวที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากตู้คิดเงินด้วยท่าทางสบายผุดยิ้มจาง “ลูกค้าที่เข้ามาก่อนหน้านี้ต่างคิดว่ามันแพงเกินไป”

เว่ยหาน “…”

ใบหน้าปราศจากอารมณ์หลุบตาลง แล้วตั้งหน้าตั้งตากินหัวหมูย่างต่อไป

คุณชายสามเซิ่งและสื่อเยี่ยนยืนอยู่ข้างโต๊ะ เฝ้ามองตาปริบๆ

ด้านเสนาบดีจ้าวได้กลิ่นหอมลอยออกมาก็พาหลินเถิงเดินเข้าไปในร้าน หากแต่ท่าทีแรกของเขากลับเป็น หอสุราแห่งนี้ครบครับเสียจริง ลูกค้าหนึ่งคนกลับมีเสี่ยวเอ้อร์สองคนคอยปรนนิบัติ

จากนั้น เสนาบดีจ้าวก็คล้ายกับตระหนักได้ว่าผู้ที่กินหัวหมูอยู่ในตอนนี้เป็นใคร

“ท่างอ๋องหรือ” เสนาบดีจ้าวสีหน้าแปลกใจ ยกเท้าเดินเข้าไป

เอ๋ แม้กระทั่งไคหยางอ๋อง แม้ทัพใหญ่ลั่วก็ขอให้เขามาเป็นหน้าม้าด้วยหรือนี่

องครักษ์จิ่นหลินที่มาส่งข่าวแก่เขาได้แจ้งไว้แล้วว่าหอสุราแห่งนี้เป็นคุณหนูลั่วที่เปิดกิจการ

กล่าวให้กระจ่างก็คือ แม่ทัพใหญ่ลั่วเชิญให้เขามาอุดหนุนบุตรสาวสุดที่รักนั่นเอง

มิน่าเล่า หลินเถิงจึงไม่รู้เรื่อง

เสนาบดีจ้าวเดินเข้าไปสองก้าวก็พบว่าหลินเถิงมิได้ติดตามเขามาด้วยจึงผินหน้ากลับไปมองอย่างงุนงง

“หลินเถิง เจ้าไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนั้น เหตุใดถึงไม่เข้ามาทักทายท่านอ๋อง”

หากแต่สายตาของหลินเถิงกลับตกลงบนเด็กสาวใบหน้าเรียบเฉยในอาภรณ์ราบเรียบผู้นั้นที่อยู่ไม่ไกล ในใจตระหนกยิ่ง

แท้จริงแล้วคุณหนูลั่วมิได้พูดไปเรื่อยเปื่อย นางเปิดกิจการหอสุราจริง!

มิใช่เขาโยนตัวเองเข้ามาในกับดักหรือไร อีกเดี๋ยวคุณหนูลั่วเอ่ยปากขอให้เขาพาลูกพี่ลูกน้องมาด้วยจะทำอย่างไรเล่า

เว่ยหานมองตามสายตาของหลินเถิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เสนาบดีจ้าวก็มากินดื่มหรือ”

เสนาบดีจ้าวยิ้มตอบ “ยุ่งวุ่นวายจนตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ได้กลิ่นหอมลอยออกไปก็เลยเดินเข้ามา ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอท่านอ๋องที่นี่ ท่านอ๋องโปรดดื่มกับข้าน้อยสักจอก ข้าน้อยเลี้ยงเอง”

อย่างไรแม่ทัพใหญ่ลั่วก็ออกเงินให้แล้ว เช่นนั้นพึ่งบารมีของเขาหน่อยก็แล้วกัน

เว่ยหานเหลือบมองหลินเถิงเงียบๆ ผงกศีรษะรับคำ “ได้”

แม้เขาจะไม่ขาดเงินสำหรับค่าอาหารมื้อนี้ แต่หากมีคนเลี้ยงก็ดีเหมือนกัน

เสนาบดีจ้าวเรียกให้หลินเถิงนั่งลง

คุณชายสามเซิ่งและสื่อเยี่ยนยังคงกลืนน้ำลายอยู่ เห็นทีว่าจะช่วยงานการอะไรไม่ได้อีกแล้ว

ด้านหงโต้วและโค่วเอ๋อร์ก็ยืนแทะเมล็ดแตงอยู่ด้านหลังลั่วเซิงก็ใช้ประโยชน์ไม่ได้เช่นกัน

น่าสงสารก็แต่ผู้ดูแลที่ยังคงมึนงง แต่ก็ยังมิลืมปรนนิบัติมอบชามและตะเกียบให้แก่ผู้มาใหม่ทั้งสองท่าน

ท่านอ๋อง เสนาบดี?

สวรรค์ เจ้าของร้านคนใหม่เปิดหอสุราแบบใดกัน

เสนาบดีจ้าวมองปราดเดียวก็รู้แลวว่าหัวหมูย่างที่วางอยู่บนโต๊ะย่อมมีรสชาติไม่เลวจีบหยิบตะเกียบคีบมันขึ้นมา

“จานนี้ข้ากินไปแล้ว เสนาบดีจ้าวมิสู้สั่งเพิ่มอีกชุดจะดีกว่า”

เสนาบดีจ้าวคิดว่าตนอายุปูนนี้แล้วคงมิอาจกินหัวหมูย่างจำนวนนี้หมดได้ คิดแล้วก็แบ่งกินกับหลินเถิงแล้วกัน “เสี่ยวเอ้อร์ เอาแบบเดียวกับท่านอ๋องมาหนึ่งชุด”

หลังจากหัวหมูย่างถูกยกมาแล้วและกินไปสองคำ เสนาบดีจ้าวก็ชี้ไปที่หลินเถิงซึ่งกำลังกินอย่างเอร็ดอร่อย “เอามาให้เขาอีกชุด”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท