ตอนที่ 82 ขอร้อง
เห็นแววตาขอร้องของเหมียวซู่ซู่ ซินโย่วก็อยากบอกนางมากว่า คุณหนูโค่วที่สูญเสียทั้งบิดามารดาความจริงน่าสงสารมาก และนางที่ไม่มีมารดาที่รักอย่างที่สุดก็น่าสงสารเช่นกัน
นางไม่ใช่เด็กสาวที่ไร้กังวลเที่ยวเล่นไปทั่วอีกแล้ว นางคือ ‘คุณหนูนอก’ จวนรองเจ้ากรม เจ้าของร้านหนังสือชิงซง มีเพียงชื่อซินโย่วที่ไม่อาจดำรงอยู่
“ท่านน้าเชิญท่านหมอมาแล้วหรือยัง เมืองหลวงน่าจะมีหมอมีชื่อเสียงไม่น้อย…”
เหมียวซู่ซู่ยิ้มเฝื่อน “สุขภาพข้า ข้ารู้ดี การแท้งบุตรเป็นเพียงตัวเร่งปฏิกิริยาเท่านั้น คุณหนูโค่วรับปากข้าได้หรือไม่”
ตั้งแต่เดินทางรอนแรมมาตอนต้นปี และค่ำคืนที่รู้ว่าได้ทำร้ายฮองเฮาซินมานางก็นอนไม่หลับ ความหวาดกลัวไร้หนทางที่ได้พลั้งมือสังหารสามี หวาดกลัวว่าผู้อื่นจะรู้สาเหตุการตายของสามี แต่งงานมาสิบกว่าปีจึงพบว่ามองคนผิด อารมณ์ต่างๆ นานาประดังประเดเข้ามาจนนางแบกรับไม่ไหว จนกระทั่งถูกผลักล้มลงจนแท้งบุตร
กายและใจบอบช้ำหนัก ดังน้ำมันตะเกียงเหือดแห้ง ทว่าต่อใหเนางจะทำใจไมได้อย่างไร ไม่อาจปล่อยวางจากบุตรสาวได้อย่างไร ก็ได้แต่ทำใจยอมรับชะตากรรม
นางรู้ว่าพี่สาวสามีนางจะดีต่อบุตรสาวนางเพราะสามีนาง แต่หากเกิดวันหนึ่งเกิดบุตรสาวไม่อาจเก็บความลับเอาไว้ได้ หรือเกิดเหตุไม่คาดคิดอันใด พี่สาวสามีเกิดรู้ว่านางเป็นคนสังหารโจวทง เกรงว่าพี่สาวสามีนางที่รักน้องชายดังชีวิตก็คงนำความโกรธแค้นทั้งหมดระบายใส่เยวี่ยเอ๋อร์
คุณหนูโค่วไม่ใช่คนธรรมดา นางต้องพยายามขอให้อีกฝ่ายรับปากปกป้องบุตรสาวนางให้ได้
ซินโย่วลังเลครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ข้าจะพยายามดูแลน้องโจวอย่างเต็มความสามารถของข้าเจ้าค่ะ”
เหมียวซู่ซู่ถอนหายใจดิ้นรนจะลุกคำนับขอบคุณ
“ท่านน้าอย่าได้ขยับ พักผ่อนให้ดีๆ”
ทั้งสองคนคุยเรื่องที่ควรคุยแล้ว ซินโย่วก็ขอตัวกลับ เหมียวซู่ซู่ส่งเสียงเรียกโจวหนิงเยวี่ย
“เยวี่ยเอ๋อร์ ไปส่งคุณหนูโค่วแทนแม่หน่อย”
โจวหนิงเยวี่ยพาซินโย่วไปส่งที่ประตู
“น้องโจวไม่ต้องส่งแล้ว กลับไปดูแลท่านน้าให้ดี”
“พี่โค่ว…” โจวหนิงเยวี่ยเรียกนาง
ซินโย่วมองนาง
ริมฝีปากโจวหนิงเยวี่ยสั่นเทา ในที่สุดก็เอ่ยเพียงว่า “ค่อยๆ เดินนะ”
ตอนหันหลังเดินกลับเข้าบ้านเงียบเหงาจนวังเวง โจวหนิงเยวี่ยก็ปาดน้ำตา
นางอยากถามว่าพี่โค่วคุยอันใดกับท่านแม่ แต่ในเมื่อท่านแม่อยากไม่ให้นางรู้ นางก็จะไม่ถาม ขอเพียงท่านแม่รีบหายดี นางเชื่อฟังท่านแม่ทุกอย่าง
ฤดูใบไม้ร่วงอากาศแจ่มใส ผู้คนบนท้องถนนไปมาขวักไขว่ ต่างจากความเงียบเหงาวังเวงในตระกูลโจว อย่างสิ้นเชิง
ซินโย่วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีครามเมฆสีขาว ก้าวไปยังร้านหนังสือชิงซง
ชายหญิง คนแก่และเด็ก พ่อค้า คนเดินทาง ผู้คนเดินเฉียดไหล่กันไปนับไม่ถ้วนซินโย่วพลันรู้สึกถึงความผิดปกติ
เหมือนมีคนสะกดรอยตามนาง
นางเลี้ยวหัวมุมแล้วก็แนบกำแพงหลบ ไม่นานก็เห็นเฮ่อชิงเซียวเดินผ่านมา
เฮ่อชิงเซียวไม่ได้รู้สึกตกใจกับการถูกพบ ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าซินโย่ว
“ใต้เท้าเฮ่อสะกดรอยตามข้า?”
เฮ่อชิงเซียวมองสาวน้อยตรงหน้าเอ่ยถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบ จึงตอบอย่างเปิดเผยว่า “นับว่าใช่กระมัง”
ให้ลูกน้องไปสืบเรื่องโจวทงและภรรยา ยิ่งสืบก็ยิ่งน่าสนใจไม่น้อย
ประวัติชีวิตโจวทงธรรมดาอย่างมาก กำพร้าบิดามารดาแต่เด็ก พี่สาวดูแลมาจนโต ก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งอยู่ในเมืองหลวง ต่อมาโยกย้ายไปหว่านหยาง จนกระทั่งต้นปีจึงได้กลับมาเมืองหลวง
นางเหมียวซื่อภรรยาโจวทงถึงกับเป็นอดีตนางกำนัลในวังราชวงศ์ก่อน
องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินคนหนึ่ง นางกำนัลในวังราชวงศ์ก่อนคนหนึ่ง สามีภรรยาคู่นี้ดำรงชีวิตมั่นคงมาสิบกว่าปี มีเหตุอันใดที่ทำให้คุณหนูโค่วเข้าไปตีสนิท คงมีเพียงแค่หว่านหยาง
แท้จริงเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่หว่านหยางกันแน่
คุณหนูโค่วลอบสังหารเขา ยังเข้าตีสนิทครอบครัวโจวทง เป็นเพราะบิดานางจริงหรือ
แต่ตอนบิดานางเกิดเรื่อง นางเพิ่งจะอายุสิบสอง ย่อมมิใช่เรื่องง่ายที่จะจดจำการตายของบิดาได้ ยังรู้ตัวศัตรูด้วยหรือ
แต่การมาหาว่าเขาเป็น ‘ศัตรู’ ถือว่าหาผิดตัวแล้ว
เฮ่อชิงเซียวคิดวิเคราะห์อย่างไรก็รู้สึกว่าด้วยประวัติโค่วชิงชิง การกระทำเช่นตอนนี้ไม่ถูกต้องตามหลักเหตุผล แต่นี่กลับเป็นเรื่องจริง
การได้พบหน้ากันในวันนี้ เพราะเขาไปร้านหนังสือคิดคุยกับคุณหนูโค่วสักหน่อย จากนั้นก็เห็นนางไปตระกูลโจวอีก
“อีกไม่นานก็ถึงร้านหนังสือแล้ว ใต้เท้าเฮ่อจะดื่มน้ำชาสักแก้วหรือไม่เจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียวเลิกคิ้วแปลกใจ เดิมคิดว่าคำตอบเขาน่าจะทำให้นางโมโห คิดไม่ถึงว่านางจะเชิญเขาดื่มน้ำชา
คงมิใช่ว่าจะวางยาพิษในน้ำชากระมัง
มองดูสีหน้านิ่งสงบของสาวน้อยแล้ว เฮ่อชิงเซียวคิดแล้วก็ตอบว่า “ได้”
ทั้งสองคนไม่คุยอันใดกันอีก เดินเคียงกันไปทางร้านหนังสือชิงซง
หลังจาก ‘วาดหนัง’ ออกวางขาย ร้านหนังสือชิงซงก็ไม่เงียบเหงาอีกต่อไป ตอนนี้กลางวันมักมีลูกค้าเข้าออก ซินโย่วพาเฮ่อชิงเซียวไปเข้าทางประตูมุมตรงไปทางเรือนตะวันออก
เฮ่อชิงเซียวลังเลเล็กน้อย แต่พอมองเห็นสีหน้านิ่งสงบของซินโย่ว ก็ได้แต่เดินตามเข้าไปเงียบๆ
ในลานมีโต๊ะหินและม้านั่งหิน สถานที่สว่างเปิดเผยอย่างมาก
ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกัน เสี่ยวเหลียนยกน้ำชาเข้ามาก่อนจะถอยออกไปยืนไกลออกไป
“ใต้เท้าเฮ่อ เชิญดื่มน้ำชา”
การได้พบกับเฮ่อชิงเซียวอีกครั้ง ซินโย่วพลันบอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกเช่นไร หากจะให้เอ่ย ก็คงมีแต่ความรู้สึกผิดอยากขอโทษเสียมากกว่า
มองจากความลับที่เหมียวซู่ซู่บอกเล่าแล้ว เฮ่อชิงเซียวไม่รู้เรื่องราวกับการกระทำของโจวทง นางเกือบทำร้ายคนบริสุทธิ์แล้ว
และเพราะอยู่ในอารมณ์เช่นนี้ ตอนพบว่าเฮ่อชิงเซียวสะกดรอยตามนาง นางจึงไม่ได้รู้สึกโมโห
เพราะนางไปหาเรื่องผู้อื่นก่อน จะมีสิทธิ์อันใดโทษผู้อื่นจับตานาง
มองดูสาวน้อยยิ้มส่งน้ำชามาให้ เฮ่อชิงเซียวก็นิ่งเงียบลง
แม้คิดต้องการชีวิตเขา ก็ไม่ถึงกับต้องลงมือเปิดเผยเช่นนี้กระมัง
พอคิดเช่นนี้แล้ว เฮ่อชิงเซียวก็กล่าวขอบคุณ รับน้ำชามาหลุบตาลงดื่มไปคำหนึ่ง
คำขอโทษติดอยู่ที่ริมฝีปากซินโย่วก่อนจะกลืนลงไปอีกครา
“ใต้เท้าเฮ่อ เหตุใดสะกดรอยตามข้าเจ้าคะ”
มือเฮ่อชิงเซียวที่กุมแก้วชาไว้ชะงักเล็กน้อย ก่อนจะวางลง
“คุณหนูโค่วสงสัยว่าการตายของบิดาท่านมิใช่อุบัติเหตุหรือ”
วันนี้มาหาคุณหนูโค่ว เขาก็คิดจะเปิดประเด็นคุยกันตรงไปตรงมา เขาไม่อยากเห็นคนเช่นคุณหนูโค่ว มือเปื้อนโลหิตจนไม่อาจหวนกลับคืนสู่เส้นทางเดิมได้
ยามนี้ซินโย่วตกใจแท้จริง
บิดาโค่วชิงชิงไม่ได้ตายด้วยอุบัติเหตุหรือ
นางยังจำที่เสี่ยวเหลียนบอกได้ บิดาโค่วชิงถูกแต่งตั้งไปดำรงตำแหน่งแล้วก็พลัดตกแม่น้ำตาย แม้แต่ศพก็หาไม่พบ
แต่เดี๋ยวนะ เหตุใดเฮ่อชิงเซียวมองว่าที่นางลอบสังหารเขาเกี่ยวพันกับการตายของบิดาโค่วชิงชิง
“ใต้เท้าเฮ่อ เหตุใดถามเช่นนี้เจ้าคะ”
การหลบเลี่ยงตอบของซินโย่วเป็นไปตามที่เฮ่อชิงเซียวคาดไว้
เขาตัดสินใจเอ่ยตรงไปตรงมา “ข้าส่งคนลงใต้ไปสืบเรื่องการตายของบิดาคุณหนูโค่วแล้ว คุณหนูโค่วโปรดอดทนรอผลสักหน่อย”
ซินโย่วเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ถามขึ้นทันที “ใต้เท้าเฮ่อส่งคนลงใต้?”
ใต้ไหน? หว่านหยางหรือ
“อืม ส่งคนไปหว่านหยาง”
ซินโย่ว “…” ใต้เท้าเฮ่อช่างไม่ทำให้นาง ‘ผิดหวัง’ จริง
“จัดการเรื่องพวกนี้เป็นงานที่กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเชี่ยวชาญ แม้ไม่แน่ว่าจะสืบอันใดพบ แต่น่าจะดีกว่าคุณหนูโค่วดำเนินการในเมืองหลวงคนเดียว”
ซินโย่วพลันไม่รู้ควรเอ่ยตอบอย่างไร
แม้ว่าเฮ่อชิงเซียวเข้าใจผิดไปมาก แต่ความเข้าใจผิดนี้คล้ายว่าไม่มีข้อเสียอันใด…
“คุณหนูโค่วหยุดมือชั่วคราวได้หรือไม่”
ซินโย่วยังคงรู้สึกว่ามีอันใดไม่ถูกต้องสักอย่าง “ใต้เท้าเฮ่อ ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าฝีมือเช่นข้าเป็นเรื่องยากที่จะเอาชีวิตท่านได้ไม่ใช่หรือ”
มาเกลี้ยกล่อมให้นางวางมือ หมายความว่าอย่างไร
ซินโย่วสว่างวาบขึ้นมาทันที คาดเดาออกไปว่า “ใต้เท้าเฮ่อสงสัยว่าการตายของโจวทงเกี่ยวข้องกับข้าหรือเจ้าคะ”
อาการนิ่งเงียบของเฮ่อชิงเซียวก็คือคำตอบของนาง
ซินโย่วเองก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ถามขึ้นด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดใต้เท้าเฮ่อไม่จับกุมข้า”