ตอนที่ 85 ชิ่งอ๋อง
ซินโย่วยืนหลบมุมมองประตูใหญ่จวนกู้ชางป๋อเงียบๆ
นางมีความรู้ความเข้าใจจวนกู้ชางป๋อน้อยมาก ถึงตอนนี้ข่าวที่ได้มาก็มาจากทางเหมียวซู่ซู่เท่านั้น รู้เพียงว่ากู้ชางป๋อเป็นพี่ชายร่วมบิดามารดากับพระสนมซูเฟย ท่านลุงขององค์ชายรองชิ่งอ๋อง
ไม่มีมากกว่านี้อีกแล้ว
จวนกู้ชางป๋อมีผู้ใดอีก ในวังพระสนมซูเฟยมีสภาพการณ์อย่างไร ชิ่งอ๋องมีสภาพการณ์อย่างไร เรื่องเหล่านี้ล้วนต้องค่อยๆ สืบ ไม่อาจอาศัยฟางหมัวมัวที่เป็นเพียงสตรีธรรมดาไปสอบถามได้
ทุกอย่างนางต้องพึ่งพาตนเอง คนที่ที่พอจะเข้าใกล้คนเหล่านี้ให้นางได้มีน้อยมาก
ในห้วงความคิดซินโย่วมีคนผู้หนึ่งผุดขึ้นมา
เรื่องพวกนี้ใต้เท้าเฮ่อต้องรู้อย่างแน่นอน อาจลงมือจากทางเขาได้…
ความคิดนี้ล่อลวงใจยิ่ง แต่ซินโย่วรู้ดีว่าความคิดนี้อันตรายอย่างมาก
หากนางยอมเปิดเผยความจริงทุกอย่างให้เฮ่อชิงเซียวทราบ เพียงเพราะเขาให้โอกาสนางหลายครั้ง เช่นนั้นนางคงเป็นคนไร้เดียงสานัก กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเป่ยเจิ้นฝู่ซือจับคนเข้าคุก เรื่องที่ดำเนินการล้วนเป็นความลับส่วนตัวที่ผู้อื่นไม่รู้ ฮ่องเต้ไม่พึงพระทัย หากให้เฮ่อชิงเซียวรู้สถานะแท้จริงของนาง คนแรกที่เขาต้องรายงานก็คือฮ่องเต้
และทันทีที่ฮ่องเต้รู้สถานะนาง ไม่ว่าจะมีท่าทีอย่างไร สำหรับนางแล้ว อำนาจฮ่องเต้ยากขัดขืน สิทธิในการตัดสินใจก็ย่อมตกอยู่ในมืออีกฝ่าย
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ซินโย่วต้องการ
การจะเปิดเผยย่อมไม่อาจทำได้ แต่หากจะลองเลียบเคียงถามก็คงได้กระมัง
ซินโย่วคิดได้ดังนี้ แววตาก็สว่างวาบ
ประตูจวนกู้ชางป๋อเปิดออก มีหนุ่มน้อยเดินออกมาสองคน มีผู้คุ้มกันล้อมด้านหน้าและด้านหลังไม่น้อย
สายตาซินโย่วมองไปที่หนุ่มน้อยทั้งสอง
หนุ่มน้อยสวมชุดแพรหรูหรา ดูแล้วน่าจะอายุราวสิบเจ็ดสิบแปด รูปร่างสูงกลางๆ ใบหน้าหล่อเหลากระจ่างใส กิริยาท่าทางสบายๆ แบบชนชั้นสูงที่ไม่ค่อยสนใจอันใดมากนัก
ส่วนหนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินที่เดินเคียงข้างกายเขารูปร่างสูงกว่าเล็กน้อย ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่า น่าจะอายุราวสิบห้าสิบหก
ทั้งสองคนเดินออกมาด้วยกัน หนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินเอ่ยขึ้นน้ำเสียงไม่เบานัก “ท่านพี่ ‘วาดหนัง’ ท่านอ่านจบแล้วใช่หรือไม่ สนุกมากใช่ไหม!”
หนุ่มน้อยชุดแพรพยักหน้าเล็กน้อย “วันนั้นเปิดๆ อ่านไปอย่างนั้น ก็ไม่เลว นิยายนี้เหมือนยังไม่จบ”
“ใช่ ยังมีเล่มสองอีก ได้ยินว่าจะวางขายต้นเดือนเก้า”
หนุ่มน้อยชุดแพรเลิกคิ้วเล็กน้อย “กล่าวเช่นนี้แปลว่าเล่มสองพิมพ์เสร็จแล้ว?”
“น่าจะ”
“ไปร้านหนังสือนั่นกัน”
คนกลุ่มหนึ่งเดินส่งเสียงดังไกลออกไป
ซินโย่วค่อย ๆ ก้าวออกจากมุม รีบเร่งใช้อีกเส้นทางกลับร้านหนังสือชิงซง
ร้านหนังสือชิงซง
ผู้ดูแลร้านหูกำลังคิดบัญชีอยู่ ก็เห็นหนุ่มน้อยสองคนเดินเข้ามา
ร้านหนังสือชิงซงอยู่ละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน คนที่เข้าไปศึกษาในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนได้ส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกหลานขุนนางและชนชั้นสูง ผู้ดูแลร้านหูเห็นบรรดาคุณชายตระกูลใหญ่มามาก พอเห็นหนุ่มน้อยชุดแพรก็รู้ว่าไม่ธรรมดา
เขารีบเข้าไปต้อนรับด้วยท่าทีสุภาพให้เกียรติยิ่ง “คุณชายทั้งสองมาซื้อหนังสืออันใดหรือขอรับ”
หนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินกวาดตามองรอบโถงร้าน “‘วาดหนัง’ เล่มสอง”
ผู้ดูแลร้านหูตกใจรีบเอ่ยว่า “‘วาดหนัง’ เล่มสองอีกสองสามวันจึงจะวางขาย หากคุณชายชอบ ถึงเวลาข้าน้อยจะเก็บไว้ให้ท่านทั้งสอง…”
หนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินทนรำคาญผู้ดูแลร้านหูไม่ไหว ตัดบทขึ้นว่า “พวกเราจะอ่านตอนนี้”
ผู้ดูแลร้านหูเคร่งเครียดขึ้นมาทันที แต่สีหน้ายังคงยิ้ม “ต้องขออภัยคุณชายทั้งสองจริงๆ ตอนนี้ยังอยู่ในกระบวนการเตรียมความพร้อม”
เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นจากหนุ่มน้อยชุดแพรที่ตั้งแต่เข้ามาในร้านหนังสือก็ไม่ได้เอ่ยอันใด
หนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินย่อมรู้ความคิดของพี่ชาย สีหน้าเคร่งเครียดเอ่ยว่า “ในเมื่ออีกสองสามวันก็จะวางขายได้แล้ว แสดงว่าตอนนี้พิมพ์เสร็จแล้ว เช่นนั้นให้พวกเราได้อ่านก่อนจะเป็นอันใดไป ผู้ดูแลร้านรู้สถานะพี่ชายข้าหรือไม่ ข้าขอเตือนเจ้าอย่าได้ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ”
“เอ่อ…” สีหน้าผู้ดูแลร้านหูลำบากใจ คำนับติด ๆ กันหลายที “คุณชายทั้งสอง ข้าน้อยเป็นแค่ลูกจ้างทำงาน ตัดสินใจไม่ได้จริงๆ และก็ไม่มีธรรมเนียมที่จะปล่อยให้หนังสือใหม่ที่ยังไม่วางขายหลุดเล็ดออกไปก่อน…”
แม้ว่าหนุ่มน้อยชุดแพรดูแล้วสูงศักดิ์ แต่ไม่เปิดเผยสถานะก็คิดจะให้ร้านหนังสือมอบนิยายที่ยังไม่วางขายให้ เหลวไหลเกินไปแล้ว
ลูกหลานชนนั้นสูงเมืองหลวงมากมายนับไม่ถ้วน วันนี้คุณหนูคุณชายจวนโหวจวนป๋อให้พวกเขานำหนังสือออกมาก่อน พรุ่งนี้คุณหนูคุณชายเสนาบดีให้พวกเขานำหนังสือออกมาก่อนบ้าง ร้านหนังสือจะดำเนินกิจการอย่างไร
“ผู้ดูแลร้านพูดดีๆ ไม่ชอบ ต้องให้ใช้ไม้แข็งหรือ” หนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินถามน้ำเสียงดุดัน
แววตาหนุ่มน้อยชุดแพรเริ่มทนรำคาญไม่ไหว
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” ขณะที่บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ก็ได้ยินเสียงสอบถามของสาวน้อยดังขึ้น
ผู้ดูแลร้านหูพลันถอนหายใจเฮือก แต่ก็รีบตั้งรับขึ้นมาทันที
เจ้าของร้านพวกเขาเป็นเพียงคุณหนู หากคุณชายชุดแพรท่านนี้เป็นชนชั้นสูงศักดิ์ตระกูลใดจริง จะเสียเปรียบ!
ซินโย่วกลับไปเรือนตะวันออกเปลี่ยนชุดมาแล้ว ค่อยกลับเข้ามาทางประตูด้านหลังของร้านหนังสือ พอเสียงนางดังขึ้น หนุ่มน้อยสองคนก็หันขวับไปมองพร้อมกัน
นางเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผย คำนับทั้งสองคนตามมารยาท “ข้าเป็นเจ้าของร้านหนังสือนี้ เมื่อครู่ได้ยินว่าทางนี้กำลังครึกครื้นจึงได้มาดูสักหน่อย”
“เจ้าของร้านหนังสือพวกเจ้าเป็นคุณหนูหรือ” หนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินมองประเมินซินโย่วด้วยสีหน้าประหลาดใจ
หนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินคือบุตรชายคนเล็กของกู้ชางป๋อ ชื่อว่าไต้เจ๋อ เพราะต่อต้านการเรียนหนังสืออย่างมาก จึงไม่ได้เข้าเรียนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ไม่ค่อยคุ้นเคยกับร้านหนังสือในละแวกสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน
เทียบกับไต้เจ๋อที่เอ่ยเจรจาตามสบาย หนุ่มน้อยชุดแพรกลับมองซินโย่วอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้ไต้เจ๋อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ
พี่ชายเขาคงมิใช่ถูกใจคุณหนูท่านนี้กระมัง
ไต้เจ๋ออดมองซินโย่วไม่ได้
งามก็งามอยู่ แต่หญิงสาวที่มาทำการค้าออกหน้าออกตาเช่นนี้ ไม่อาจแต่งเข้าจวนอ๋องได้กระมัง
หนุ่มน้อยชุดแพรเป็นถึงองค์ชายรอง ‘ชิ่งอ๋อง’
ขณะที่ไต้เจ๋อกำลังคิดเหลวไหลอยู่นั้น ชิ่งอ๋องก็เอ่ยว่า “คุณหนูดูคุ้นตา พวกเราเคยพบกันมาก่อนไหม”
ไต้เจ๋อ “!”
ผู้ดูแลร้านหู “!!”
หลิวโจว “!!!”
แม้แต่ซินโย่วที่นึกภาพเหตุการณ์พบหน้ากับอีกฝ่ายไว้ต่างๆ นานา ก็ไม่มีทางคิดว่าประโยคแรกที่ชิ่งอ๋องเอ่ยกับนางจะเป็นประโยคเช่นนี้
ขณะที่บรรยากาศเงียบงันน่าประหลาดอยู่นั้น ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่หน้าประตู
ชิ่งอ๋องถอนสายตากลับจากซินโย่ว หันมองไปทางประตูร้านหนังสือแทน
ร่างสูงในชุดแดงเดินเข้ามา พอเขาเข้ามาใกล้ องครักษ์ข้างกายชิ่งอ๋องก็แอบเตรียมพร้อม
ชิ่งอ๋องมองปราดเดียวก็เอ่ยขึ้น “ฉางเล่อโหว?”
เฮ่อชิงเซียวก้าวเข้ามาอีกสองสามก้าว ประสานมือคำนับชิ่งอ๋อง “ถวายบังคมชิ่งอ๋อง”
“ท่านโหวมาที่นี่ได้อย่างไร” ชิ่งอ๋องถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกลางๆ
“กระหม่อมผ่านมาทางนี้ จึงแวะมาซื้อหนังสือสักเล่ม”
“บังเอิญจริง ข้าเองก็มาซื้อหนังสือ ท่านโหวต้องการซื้อหนังสือใดหรือ”
“บันทึกการเดินทางพ่ะย่ะค่ะ”
ชิ่งอ๋องยิ้มเล็กน้อย “บันทึกการเดินทางจะไปน่าสนใจอันใด ข้าได้ยินว่าร้านหนังสือนี้มี ‘วาดหนัง’ เล่มสองออกวางขายแล้ว จึงมาซื้อสักเล่มหนึ่งไว้อ่านฆ่าเวลา ท่านโหวไม่คิดซื้อสักเล่มหรือ”
“กระหม่อมจำได้ว่า ‘วาดหนัง’ เล่มสองยังไม่วางขาย”
“กฎเกณฑ์เป็นของตาย คนเป็นของเป็น เดิมก็พิมพ์ไว้แล้ว ยังไม่นำออกมาขายหรือ” ชิ่งอ๋องถามซินโย่ว แต่สายตากลับจ้องมองเฮ่อชิงเซียว
เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวขึ้นของเฮ่อชิงเซียวทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่เหตุบังเอิญ
ไม่ทันรอให้เฮ่อชิงเซียวตอบ ซินโย่วก็เอ่ยว่า “หนังสือร้านเราได้รับความชื่นชมจากชิ่งอ๋อง ถือเป็นเกียรติของร้านหนังสือเล็กๆ ของเราเพคะ ผู้ดูแลร้านหู ไปนำ ‘วาดหนัง’ ที่โรงพิมพ์มาสองเล่ม ไม่สิ สามเล่ม”
ชิ่งอ๋องมองใบหน้าของซินโย่ว แววตาคิดหยอก
น่าผิดหวังจริง เขายังคิดว่าคนหนึ่งเป็นพวกไม่เกรงอำนาจ คนหนึ่งเป็นพวกวีรบุรุษช่วยสาวงาม