ตอนที่ 86 รายงาน
ผู้ดูแลร้านหูแทบจะวิ่งตะบึงไปที่โรงพิมพ์แล้วก็วิ่งตะบึงกลับมา
ทำอย่างไรได้ ลูกค้าสถานะยิ่งใหญ่ บรรยากาศกำลังเคร่งเครียดมาก หากไม่เร็วหน่อย ร้านหนังสือก็คงยุ่งยากใหญ่โตแล้ว!
“ได้แล้วขอรับท่านเจ้าของร้าน”
“มอบให้ชิ่งอ๋อง ใต้เท้าเฮ่อ แล้วก็…” ซินโย่วมองไปทางหนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงิน แล้วก็ชะงักไป
หนุ่มน้อยชุดสีน้ำเงินเชิดหน้าเอ่ยว่า “ข้าแซ่ไต้”
“แล้วก็คุณชายไต้ คนละเล่ม”
ผู้ดูแลร้านหูรับคำ ตอนกำลังจะคิดเข้าใกล้ชิ่งอ๋องก็ถูกองครักษ์ข้างกายขวางไว้
“เอามา” ชิ่งอ๋องเอ่ยน้ำเสียงเกียจคร้าน
องครักษ์ที่ขวางผู้ดูแลร้านหูไว้รับหนังสือมา ก็ตรวจสอบสายรัดหนังสือรอบหนึ่ง ก่อนจะประคองสองมือส่งให้ชิ่งอ๋อง
สายรัดหนังสือจะมีรัดเฉพาะหนังสือออกใหม่ เพราะนิยายมากมาย ใช้สายกระดาษแข็งรัดไว้รอบหนึ่ง ต้องดึงให้ขาดจึงจะได้อ่านเนื้อหาข้างใน จุดประสงค์ก็เพื่อปัองกันคนมายืนอ่าน ไม่เช่นนั้นนิยายที่เป็นหนังสือไม่มีคุณค่าที่จะอ่านหลายรอบพวกนี้ถูกคนเปิดอ่านไปแล้ว ผู้ใดจะควักเงินซื้อกัน
ท่าทางกระชากสายรัดขององครักษ์ทำให้ซินโย่วอดมองไปทางเฮ่อชิงเซียวไม่ได้ ในใจคาดเดาว่าใต้เท้าเฮ่อคงมิใช่เพราะมีสายรัดจึงไม่อ่านนิยาย อ่านแต่บันทึกการเดินทางกระมัง
เฮ่อชิงเซียวรับหนังสือมาเงียบๆ เก็บเข้าอกเสื้อ
ไต้เจ๋อกลับเปิดอ่านทันที ท่าทางราวกับรอบกายไร้ผู้คน
“โอ๊ย ถึงกับเป็นผีร้ายจริงด้วย!” ไต้เจ๋ออ่านเล่มหนึ่งถึงช่วงที่ทิ้งท้ายรอตอนต่อไปไว้ พอได้อ่านก็ตบขาดังฉาด
คนในร้านหนังสือพากันมองมาทางเขา
สถานการณ์เช่นนี้ ถึงกับมีคนผู้หนึ่งอ่านหนังสือจริง
“ท่านโหวงานไม่ยุ่งหรือ” เห็นเฮ่อชิงเซียวไม่คิดจากไป ชิ่งอ๋องก็ยิ้มถามขึ้น
“วันนี้ไม่ยุ่งพ่ะย่ะค่ะ”
“ดูท่าเป่ยเจิ้นฝู่ซือภายใต้การดูแลของท่านโหวจะผ่อนคลายมาก”
“ขอบพระทัยชิ่งอ๋องที่ตรัสชม”
ชิ่งอ๋องพลันลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่ยินดีนัก “เสด็จพ่อให้ท่านโหวดูแลเป่ยเจิ้นฝู่ซือเพราะไว้วางพระทัยในตัวท่านโหว ท่านโหวอย่าได้ทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง”
เฮ่อชิงเซียวยังคงสีหน้าอ่อนโยนดังเดิม “ขอบพระทัยชิ่งอ๋องที่ตรัสเตือน”
“ไต้เจ๋อ ไป” ชิ่งอ๋องสะบัดแขนเสื้อ ก้าวเท้าจะไปทางประตูได้สองสามก้าวก็ยืนนิ่งหันกลับมามองซินโย่ว “ยังไม่รู้ชื่อแซ่เจ้าของร้าน?”
“หม่อมฉันแซ่โค่วเพคะ”
“ร้านหนังสือนี้ไม่เลว วันหน้าไม่แน่จะได้มารบกวนคุณหนูโค่วอีก”
ซินโย่วยิ้มละไม “ชิ่งอ๋องมาเยือนบ่อยๆ ถือเป็นเกียรติของร้านเราเพคะ”
ชิ่งอ๋องนิ่งมองสาวน้อยยิ้มละไมทีหนึ่ง ก่อนจะก้าวไปที่ประตู พบว่าไต้เจ๋อไม่ได้ตามมา
“ไต้เจ๋อ?”
ไต้เจ๋อก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออยู่พลันเงยหน้าขึ้น
มุมปากชิ่งอ๋องกระตุก “เจ้าอยากอยู่ต่อหรือ”
“อ่า ไม่ใช่” ไต้เจ๋อรีบลุกขึ้นยืน ยัดหนังสือเข้าอกเสื้อก่อนจะวิ่งตามไป
ทั้งสองคนออกจากร้านหนังสือมาได้ ชิ่งอ๋องก็หันไปถามขึ้นว่า “คุณหนูโค่วผู้นี้มีความเป็นมาอย่างไร”
คำถามนี้ไต้เจ๋อตอบไม่ได้ “ข้าไม่ค่อยได้มาแถวนี้ ไม่รู้เหมือนกัน”
ที่นี่ใกล้กับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน อัปมงคล!
กับองค์ชายผู้เป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง ไต้เจ๋อไม่กล้าชักช้า กวาดตามองไปเจอคนที่รู้จัก
“เมิ่งเฝ่ย…” ไต้เจ๋อปรี่เข้าไปหาหนุ่มน้อยเรียวตาหงส์ที่กำลังเดินมาพร้อมกับหนุ่มน้อยอีกสองสามคน
เมิ่งเฝ่ยเห็นว่าเป็นไต้เจ๋อก็ขมวดคิ้ว จากนั้นก็เห็นชิ่งอ๋องข้างกายไต้เจ๋อ แอบอุทานว่าซวยแท้ แต่จำต้องเดินเข้าไปหา
สามคนที่มาพร้อมกับเขาล้วนเป็นบุตรหลานขุนนางที่เคยเห็นชิ่งอ๋องมาก่อน แต่ไม่มีโอกาสได้พบกันต่อหน้า จำได้ว่าเป็นชิ่งอ๋องแล้วก็ย่อมไม่อาจแสร้งมองไม่เห็น แม้ไม่รู้จัก แต่เห็นสหายร่วมชั้นเรียนเดินเข้าไปก็ย่อมตามไปด้วย
“ถวายบังคมชิ่งอ๋อง” เมิ่งเฝ่ยคำนับชิ่งอ๋องตามมารยาท
อีกสามคนก็รีบคำนับตาม
สายตาชิ่งอ๋องมองแต่เมิ่งเฝ่ย “ข้าจำได้ว่าเจ้าคือหลานชายเมิ่งจี้จิ่ว[1]”
คำพูดนี้ทำให้ไต้เจ๋อแอบค้อน นี่เป็นเหตุที่ทำให้เขาไม่ชอบเมิ่งเฝ่ย เหตุที่เขาเกลียดสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ตัวการใหญ่ที่สุดก็คือปู่ของเมิ่งเฝ่ย!
เดิมเห็นเมิ่งเฝ่ย เขาก็คิดเดินหลบไป จนได้ยินว่าเมิ่งเฝ่ยเรียนไม่ได้ความ จึงมักถูกเมิ่งจี้จิ่วตี เขาจึงได้เลิกขัดหูขัดตาเจ้าหมอนี่ลงได้หน่อย
“เมิ่งเฝ่ย ร้านหนังสือชิงซง เจ้าเคยไปไหม”
เมิ่งเฝ่ยมองไปทางไต้เจ๋อ “เคยไป มีอันใดหรือ”
ร้านหนังสือชิงซงใกล้กับสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนเช่นนี้ บอกว่าไม่เคยไปก็คงไม่มีผู้ใดเชื่อ
“วันนี้ข้ากับพี่ชายไปมา พบกว่าเจ้าของร้านหนังสือชิงซงเป็นคุณหนูท่านหนึ่ง มีความเป็นมาอย่างไรหรือ อายุน้อยๆ ถึงกับเปิดร้านหนังสือใหญ่โตเช่นนี้”
พอเอ่ยเช่นนี้ สหายสองคนที่มากับเมิ่งเฝ่ยก็อดมองไปทางคนผู้หนึ่งไม่ได้
ต้วนอวิ๋นหลางแข็งทื่อไร้ปฏิกิริยา
เหตุใดพวกชิ่งอ๋องสนใจเรื่องน้องชิง
ไม่ได้การแล้ว คงไม่ใช่เห็นน้องชิงสะสวย จึงคิดบังคับใจหญิงสาวชาวบ้านกระมัง
เมิ่งเฝ่ยกระแอมไอ ทำให้ทุกคนหันมาสนใจเขา
“ข้ารู้มาว่าเจ้าของร้านหนังสือชิงซงแซ่โค่ว เป็นหลานสาวรองเจ้ากรมพระราชยานหลวง เพราะกำพร้าบิดามารดาจึงได้มาอยู่บ้านยาย ตอนปู่คุณหนูโค่วยังอยู่เคยเปิดร้านหนังสือ คุณหนูโค่วโตมาจึงได้คิดสืบทอดปณิธานปู่ตน ซื้อกิจการร้านหนังสือชิงซงมาดำเนินต่อ…”
จวนรองเจ้ากรมเป็นคนกระพือข่าวสาเหตุที่ซินโย่วเปิดร้านหนังสือ จวนรองเจ้ากรมไม่อยากเสียหน้า ที่เด็กสาวกำพร้ามาอาศัยย้ายออกจากจวนไป
“ที่แท้คุณหนูโค่วก็มีชาติกำเนิดสูง” ไต้เจ๋อเผยสีหน้าคาดไม่ถึง มองไปทางชิ่งอ๋อง
หากชาติกำเนิดพอใช้ได้ หากพี่ชายชอบพอก็พอรับเข้าจวนอ๋องได้
พวกเขาสองพี่น้องมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ไหนเลยชิ่งอ๋องจะไม่เข้าใจว่าน้องชายคิดอันใดอยู่ ส่งสายตาเตือนเขาทันที เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “ในเมื่อน้องเจอสหาย ก็ไปคุยกันเถอะ”
เมิ่งเฝ่ยพยายามสะกดกลั้นอาการอยากจะเบ้ปาก
เขาไม่ได้มีอันใดอยากเสวนากับไต้เจ๋อ
เห็นชัดว่าไต้เจ๋อเองก็คิดเช่นเดียวกัน “ก็แค่พานพบพูดจากันไม่กี่คำ ท่านพี่ พวกเราไปกันเถอะ”
ระหว่างทางกลับ ไต้เจ๋อหัวเราะเอ่ยขึ้นว่า “หากท่านพี่จะไปร้านหนังสืออีก เรียกข้าด้วยนะ”
ชิ่งอ๋องเหล่มองเขาทีหนึ่ง “เจ้าอย่าได้คิดเหลวไหลไปเอง”
“ท่านพี่สนใจคุณหนูโค่วหรือ” ไต้เจ๋อนิ่งอึ้งไปทันทีก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านพี่ไม่ได้เพิ่งบอกว่าคุณหนูโค่วคุ้นตาหรือ”
ยามเขาได้พบสาวน้อยคนงาม คิดอยากสนทนาก็มักจะเอ่ยวาจาเช่นนี้
“คิดว่าข้าเป็นเจ้าหรือ เห็นหญิงสาวหน้าตาดีเข้าหน่อยก็หวั่นไหว หรือว่าเจ้ามองไม่ออก ความสัมพันธ์คุณหนูโค่วกับฉางเล่อโหวไม่ธรรมดา?”
ไต้เจ๋อเบ้ปาก “ฉางเล่อโหวแล้วอย่างไร มาถือรองเท้าให้ท่านพี่ยังไม่คู่ควร! หากท่านพี่ถูกใจ เขากล้าแย่งกับท่านพี่หรือ”
ชิ่งอ๋องขี้เกียจจะสนใจเสวนากับน้องชายลูกพี่ลูกน้องที่ในสมองมีแต่เรื่องผู้หญิง “รีบกลับกันเถอะ”
พอเห็นว่าพวกชิ่งอ๋องลับตาไปแล้ว ต้วนอวิ๋นหลางก็ตื่นตกใจ “พวกเจ้าไปก่อน ข้าไปร้านหนังสือคุยกับน้องชิงหน่อย”
พวกเมิ่งเฝ่ยสามคนเข้าใจความคิดสหายร่วมชั้นเรียนอย่างมาก
“ไปเถอะๆ”
ต้วนอวิ๋นหลางรีบพุ่งเข้าร้านหนังสือทันที “น้องชิง ไม่ได้การแล้ว…”
พอเห็นเฮ่อชิงเซียวอยู่ด้วย คำพูดต่อจากนี้ก็ชะงักกึก
ซินโย่วเดินเข้าไปหา “พี่รอง เกิดเรื่องอันใดขึ้นเจ้าคะ”
ต้วนอวิ๋นหลางมองดูเฮ่อชิงเซียว กระซิบว่า “ข้ากับสหายร่วมชั้นเรียนออกมาซื้อของได้พบกับชิ่งอ๋องและไต้เจ๋อจวนกู้ชางป๋อ พวกเขาเอาแต่ถามข้าเกี่ยวกับน้องชิง ข้ารู้สึกว่าพวกเขาคิดอันใดกับเจ้า!”
เฮ่อชิงเซียวลอบมองมาเงียบๆ
แม้ว่าเสียงจะเบามาก แต่เขาได้ยิน
[1] จี้จิ่ว เป็นชื่อตำแหน่งหัวหน้าสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน