ตอนที่ 89 ก่อเรื่อง
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ทรงสิริโฉมงดงามมาก พระพักตร์นวลเนียน พระองคาพยพทั้งห้าประณีตงาม โดยเฉพาะดวงเนตรยาวและโต หางเนตรตวัดขึ้นเล็กน้อย แม้อยู่ในวัยนี้แล้ว แต่คนที่ได้เห็นต่างรู้สึกได้ว่าองอาจรูปงามเหนือสามัญ
ชิ่งอ๋องเองก็รูปงาม ซิ่วอ๋องก็หน้าตาไม่เลว แต่หน้าตาทั้งสองคนล้วนค่อนไปทางมารดา มีส่วนที่เหมือนกับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่มาก
ชิ่งอ๋องคำนับแล้วก็มองดูนิ่งอยู่เช่นนี้ พลันได้สติขึ้นมาได้ว่าเหตุใดเขาเห็นคุณหนูโค่วที่เปิดร้านหนังสือแล้วจึงคุ้นตา
หน้าตานางคล้ายเสด็จพ่อ!
นางถึงกับหน้าตาคล้ายเสด็จพ่อ!
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้มองอาการเหม่อลอยชิ่งอ๋องก็ตรัสเรียก “องค์ชายรอง?”
ชิ่งอ๋องตั้งสติ รีบทูลตอบ “เสด็จพ่อดูแล้วยังทรงหนุ่ม กระหม่อมเห็นแล้วจึงได้แต่มองจนเหม่อ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ที่เคร่งขรึมได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ยังอดแย้มสรวลไม่ได้ “อายุไม่น้อยแล้ว ยังพูดจาลื่นไหลเช่นนี้อีก”
“กระหม่อมรู้สึกเช่นนี้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ถามเรื่องราวนอกวัง เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ไปเยี่ยมเสด็จแม่พวกเจ้าเถอะ”
“กระหม่อมทูลลา”
ชิ่งอ๋องกับซิ่วอ๋องถอยออกไปพร้อมกัน แต่ต้นจนจบฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ไม่ได้ตรัสถามซิ่วอ๋องส่วนตัวแม้แต่คำเดียว
ออกจากตำหนักเฉียนชิงกง ท่าทีชิ่งอ๋องต่อซิ่วอ๋องก็ยิ่งปล่อยตัวตามสบาย กล่าวขอตัวแล้วก็ตรงไปตำหนักพระสนมซูเฟย
ซิ่วอ๋องมองตามน้องชายที่เดินจากไปอย่างเริงร่าเบิกบาน มุมปากก็กระตุกเล็กน้อย หลุบตาลงเดินไปอีกทาง
ณ ตำหนักฮั่นตั้นกง
พระสนมซูเฟยเตรียมของกินไว้รอบุตรชายแล้ว
“พระสนม ชิ่งอ๋องมาถึงแล้วเพคะ”
นางกำนัลเพิ่งทูลรายงาน ชิ่งอ๋องก็ก้าวเข้ามาแล้ว “เสด็จแม่ ข้ามาแล้ว”
พระสนมซูเฟยยิ้มแย้มทั้งใบหน้าและแววตา “อยู่จวนอ๋องเป็นอย่างไรบ้าง ระยะนี้อากาศเริ่มหนาวแล้ว อย่าได้กระทบไอเย็นเอา”
ปกติมักจะได้เห็นบุตรชายแตกต่างไปยามอยู่กับฮ่องเต้ซิงหยวนตี้ ชิ่งอ๋องกับซิ่วอ๋องออกจากวังหลวงไปพำนักจวนตนเอง ส่วนใหญ่จะเข้าวังมาเยี่ยมเสด็จแม่ตนเองในวันที่หนึ่งและสิบห้า ยามได้พบกับบุตรชายที่ไม่เจอกันครึ่งเดือน พระสนมซูเฟยย่อมคิดถึง
“ทราบแล้ว ข้าโตขนาดนี้แล้ว กลับมาเยี่ยมทุกครั้งก็เอ่ยเช่นนี้ทุกครั้ง”
เห็นบุตรชายรำคาญใจ แต่พระสนมซูเฟยก็ไม่เก็บมาใส่ใจ ยิ้มถามขึ้นว่า “ไปบ้านท่านลุงเจ้ามาแล้วหรือยัง”
“ไปมาแล้ว”
“พวกเขาสบายดีไหม”
“ดีมาก ข้ากับน้องเจ๋อร์ยังไปร้านหนังสือมาด้วย ร้านหนังสือนั้น…” เห็นสายตาสนใจใคร่รู้ของพระสนมซูเฟย ชิ่งอ๋องก็กลืนคำว่าเจ้าของร้านหนังสือเป็นคุณหนูหน้าตาเหมือนเสด็จพ่อลงท้องไป “ร้านหนังสือมีนิยายใหม่สนุกมาก ชื่อว่า ‘วาดหนัง’ เสด็จแม่เคยอ่านไหม”
พระสนมซูเฟยยิ้มกล่าวว่า “ในวังไม่เหมือนนอกวัง จะมีนิยายที่ลูกบอกได้อย่างไร เจ้าก็โตแล้ว อ่านหนังสือพวกนี้ให้น้อยหน่อย…”
“ทราบแล้ว ทราบแล้ว เสด็จแม่ ข้าพลันนึกได้ว่ามีงานต้องทำ ขอตัวก่อน” ชิ่งอ๋องไม่อยากฟังพระสนมซูเฟยบ่น กำลังจะรีบไป
“ไม่อยู่กินอาหารกลางวันหรือ”
“ครั้งหน้าเถอะ ลูกมีธุระจริงๆ”
พระสนมซูเฟยเดินไปส่งถึงประตูวัง มองตามบุตรชายเดินจากไปไกลด้วยสีหน้าอาวรณ์
“เสี่ยวหมิงจื่อ ไว้ออกไปนอกวังซื้อ ‘วาดหนัง’ มาสองเล่ม ข้าจะอ่านสักหน่อย”
“พ่ะย่ะค่ะ”
ชิ่งอ๋องออกจากวัง ก็ไม่อยากกลับจวน พลันนึกขึ้นว่าจะไปร้านหนังสือชิงซง
ซินโย่วกลับถึงจวนรองเจ้ากรม อยู่ได้ไม่นานก็มีคนมารายงานว่า มีคนงานชื่อสือโถวมาหา
ซินโย่วได้ยินก็รู้ว่าเกิดเรื่องแล้ว จึงรีบออกไปพบด้านหน้าทันที
“ท่านเจ้าของร้าน ไม่ได้การแล้ว มีนักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนหลายคนมาก่อเรื่องที่ร้านหนังสือเรา!”
“เพราะ ‘วาดหนัง’?”
สือโถวรีบพยักหน้า “ใช่ พวกเขาได้ยินว่ามีคนซื้อ ‘วาดหนัง’ เล่มสองไปก่อน รู้สึกว่าไม่ยุติธรรม จึงมาเอาเรื่อง”
“ไม่รีบ เจ้ากลับไปก่อน บอกผู้ดูแลร้านว่าข้าจะรีบกลับไป”
ซินโย่วไปเรือนหรูอี้ถัง
“ท่านยาย ร้านหนังสือเกิดเรื่อง ข้าต้องรีบกลับไปจัดการ ข้าคงไม่อยู่กินข้าวแล้วเจ้าค่ะ”
“เรื่องอันใดหรือ”
“มีลูกค้าเจรจายาก ข้าไปดูหน่อย”
นายหญิงผู้เฒ่าขมวดคิ้ว “ก็บอกว่าแล้วว่าทำการค้าไม่ง่าย ไปเถอะ”
ไม่เอ่ยอันใดอีก
ซินโย่วย่อมไม่คาดหวังความช่วยเหลือจากคนจวนรองเจ้ากรม แต่ก็ยินดีที่ไม่มีคนในจวนมาข้องเกี่ยว เดินออกไปก็พบต้วนอวิ๋นหลาง
“น้องชิงไปไหนหรือ”
“กลับร้านหนังสือ”
ต้วนอวิ๋นหลางได้ยินก็หันหลังกลับ “กลับไปร้านหนังสือหรือ ไม่ใช่ว่าเพิ่งมาจากร้านหนังสือหรือ”
“มีนักเรียนจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนมาเอะอะโวยวาย”
“ไม่มั้ง!” ต้วนอวิ๋นหลางตกใจ “น้องชิง ข้าไปกับเจ้า”
ซินโย่วไม่ได้ปฏิเสธ รีบเร่งกลับร้านหนังสือ เอ่ยเตือนต้วนอวิ๋นหลาง “นักเรียนที่กล้ามาเอะอะโวยวายที่ร้านหนังสือคาดว่าไม่ธรรมดา หากพี่รองรู้จักก็แค่บอกสถานะอีกฝ่ายกับข้า อย่าได้มีเหตุปะทะกับพวกเขา”
ต้วนอวิ๋นหลางรับปาก
สองพี่น้องรีบเร่งมาถึง ประตูร้านหนังสือก็มีคนออกันอยู่ไม่น้อยแล้ว
เสียงเอะอะโวยวายดังแว่วมาว่า “ในเมื่อพวกเจ้าพิมพ์ ‘วาดหนัง’ เล่มสองเสร็จแล้ว ถือสิทธิ์อันใดปฏิบัติแตกต่างกัน หรือคิดว่าคนจวนกู้ชางป๋อสูงส่งกว่าพวกเรา ขึ้นอาหารตามสถานะ[1]หรือ”
“ใช่ ใช่! เสียทีที่พวกเรารักษาธรรมเนียมอดทนรอหนังสือใหม่ออกวางขาย ปรากฏว่าขายไปแล้ว…”
ล้วนเป็นนักเรียนอยู่วัยหนุ่มอารมณ์ร้อนชาติกำเนิดไม่เลว ผู้ดูแลร้านหูปาดเหงื่อไม่หยุด พลันเหลือบเห็นซินโย่วพอดี
“ท่านเจ้าของร้าน!”
คนที่ออกันอยู่หน้าประตูก็เปิดทางให้ด้วยสัญชาตญาณ ซินโย่วเดินเข้าไป
นักเรียนที่นำทุกคนมาคิ้วหนาเข้ม พอเห็นซินโย่วก็มองประเมิน “เจ้าก็คือคุณหนูโค่วเจ้าของร้านหนังสือชิงซง?”
ซินโย่วมองประเมินอีกฝ่ายเช่นกัน “ท่านคือ…”
ความจริงตอนเข้ามา ซินโย่วก็รู้สถานะคนผู้นี้จากต้วนอวิ๋นหลางแล้ว
หนุ่มน้อยที่ดูอายุราวสิบหกสิบเจ็ดผู้นี้ชื่อว่าจังซวี่ เป็นหลานชายโส่วฝู่[2]คนปัจจุบัน รายละเอียดก็ไม่มีเวลามาทำความเข้าใจแล้ว
“ข้าเป็นผู้ใดไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือร้านหนังสือเจ้าปฏิบัติต่อลูกค้าแตกต่างกัน!” จังซวี่แค่นเสียงเยียบเย็น
ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าตอนเจ้าไต้เจ๋อนั่นเอา ‘วาดหนัง’ เล่มสองมาโอ้อวดต่อหน้าเขา เขาโมโหเพียงใด
ทำไมไต้เจ๋อมีได้ แต่เขาไม่คู่ควรมี? หากไม่ใช่ว่าท่านปู่ไม่ให้เขาอาศัยบารมีตระกูลโอ้อวดข่มผู้อื่น เขาก็คงมาบีบให้ร้านหนังสือมอบ ‘วาดหนัง’ เล่มสองออกมาแล้ว ยังจะปล่อยให้เจ้าไต้เจ๋อมาทำท่าทางได้ใจอย่างนั้นหรือ
“ปฏิบัติต่อลูกค้าแตกต่างกัน?” สาวน้อยที่ถูกนักเรียนรุมแสดงอาการไม่พอใจเบิกตากว้าง สีหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ “ไม่ได้ปฏิบัติต่อลูกค้าแตกต่างกันนะ ไม่ใช่ว่าผู้ใดก็ยังไม่ได้ซื้อไปหรือ”
จังซวี่ได้ยินก็ยิ่งโมโห “เจ้าไม่ได้ขายให้พวกเรา แต่ขายให้ไต้เจ๋อจวนกู้ชางป๋อ!”
สีหน้าซินโย่วเข้าใจกระจ่าง “ท่านหมายถึงคุณชายไต้หรือ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ร้านหนังสือเราไม่ได้ขายให้เขา แต่ข้ามอบให้เขาเอง อืม ในฐานะเจ้าของร้าน มอบของตนเองให้ผู้อื่นเป็นของขวัญ น่าจะไม่ผิดกฎกระมัง”
“มอบให้เขา?” จังซวี่นิ่งอึ้งไปทันที
เหตุใดเจ้าไต้เจ๋อไม่บอกว่าร้านมอบให้!
พอพบว่าเข้าใจผิดแล้ว คุณชายสูงศักดิ์เช่นจังซวี่กลับไม่อาจลดศักดิ์ศรีเอ่ยขอโทษได้ “เหตุใดข้าไม่เห็นได้ยินว่าไต้เจ๋อรู้จักกับคุณหนูโค่ว”
“ก็มิได้รู้จัก แต่เขามากับชิ่งอ๋อง ได้ยินว่าชิ่งอ๋องชอบ ‘วาดหนัง’ มาก พอดี ‘วาดหนัง’ เล่มสองพิมพ์เสร็จแล้ว ข้าในฐานะเจ้าของร้านรู้สึกตื่นเต้นจึงได้มอบให้ชิ่งอ๋องกับคุณชายไต้คนละเล่ม” ซินโย่วเอ่ยถึงตรงนี้ สีหน้าก็ไม่ดีนัก “ท่านลูกค้าว่าไม่ควรปฏิบัติต่อชิ่งอ๋องแตกต่างหรือ เช่นนั้นข้าให้ทุกท่านคนละเล่มก็ได้”
“นี่…” จังซวี่เหลือบมองไปที่ประตูเห็นชิ่งอ๋องก็กระแอมไอ “จะได้อย่างไรเล่า!”
[1] สำนวนมาจากการทำอาหารให้ลูกค้าตามสถานะ สถานะสูงก็ทำอาหารระดับหนึ่ง สถานะต่ำต้อยก็ทำอาหารระดับล่างให้
[2] ตำแหน่งขุนนางอาวุโสสูงสุดในราชสำนักส่วนกลางเรียกว่า โสวฝู่ เทียบเท่าราชเลขาธิการ