ตอนที่ 91 โฆษณา
ร้านหนังสือหย่าซินค่อนข้างมั่นใจนิยายใหม่ของท่านผิงอัน เดิมผู้ดูแลร้านกู่คิดว่าจะจับตาดูฝั่งตรงข้ามเอาไว้ ทันทีที่อีกฝ่ายมีแววว่าจะวางขายเล่มสองก็ให้รีบชิงตัดหน้าปล่อยข่าวนิยายเล่มใหม่ของท่านผิงอันออกไป
ทว่าคนฟุ่มเฟือยอย่างไรก็มีจำนวนน้อย คนส่วนใหญ่ซื้อหนังสืออ่านเล่นพวกนี้มักต้องคิดให้รอบคอบ นิยายใหม่ท่านผิงอันจะแย่งลูกค้ากลุ่มนี้ไป นิยายใหม่ร้านตรงข้ามคงได้แต่ค่อยๆ ขายแทน
วันนี้ฝั่งตรงข้ามมีกลุ่มคนที่เห็นชัดว่ามาก่อเรื่องวุ่นวาย เหตุใดจึงได้วางขายนิยายใหม่ได้!
เห็นคนเดินเข้าร้านหนังสือชิงซงมากยิ่งขึ้น ผู้ดูแลร้านกู่ก็ยิ่งร้อนใจรีบออกไปติดประกาศ
แต่เรื่องที่ทำให้เขาพอจะเบาใจได้ก็คือ ไม่นานก็มีคนมามุงหน้าป้ายประกาศกันไม่น้อย
“โอะ หนังสือใหม่ท่านผิงอันก็วางขายวันนี้แล้ว”
“‘ทาสภูต’…ฟังดูแล้วไม่เลว!”
“โอ๊ย เอาเงินมาพอซื้อแค่เล่มเดียว ซื้อ ‘วาดหนัง’ เล่มสองดี หรือว่าซื้อ ‘ทาสภูต’ ดี”
“ต้องให้พูดอีกหรือ ย่อมเป็น ‘ทาสภูต’ ของท่านผิงอันสิ นิยายท่านผิงอันไม่มีพลาด”
“แต่ข้าอยากรู้ว่า ‘วาดหนัง’ ต่อจากนั้นจะเกิดอันใดขึ้น…”
ดังนั้นมีคนกลุ่มหนึ่งเดินไปร้านหนังสือชิงซง แต่มีคนมากกว่าเดินไปร้านหนังสือหย่าซิน
เห็นสภาพการณ์เช่นนี้ ผู้ดูแลร้านกู่ก็โล่งอก
ชิชะ ลงมือเหนือความคาดหมายแล้วอย่างไร เล่นลูกไม้มากมายแล้วอย่างไร ก็ไม่อาจสั่นคลอนสถานะท่านผิงอันได้อยู่ดี
“ท่านเจ้าของร้าน ร้านหนังสือตรงข้ามกำลังแย่งลูกค้าเราขอรับ” หลิวโจวกระซิบรายงานซินโย่ว
“ไม่เป็นไร เจ้าหาคนไปซื้อนิยายใหม่ท่านผิงอันมาให้ข้าอ่านเล่มหนึ่ง”
ซินโย่วปลอบใจความกังวลของคนงานด้วยท่าทางนิ่งสงบ คนงานรีบให้คนไปซื้อนิยาย
ถนนที่ตั้งร้านหนังสือชิงซงกับร้านหนังสือหย่าซินพลันครึกครื้นขึ้นมาทันที หน้าประตูร้านหนังสือชิงซงมีลูกค้าเข้าออกไม่ขาดสาย ชิ่งอ๋องเลิกล้มความคิดที่จะมาสนทนากับซินโย่ว
ความจริงมาถึงตอนนี้ เขาก็ยังบอกไม่ถูกว่าเหตุใดพอออกจากวังหลังก็ตรงมาที่นี่ น่าจะเพราะพบว่ามีคนผู้หนึ่งหน้าตาคล้ายเสด็จพ่อ จึงรู้สึกแปลกใหม่กระมัง
ชิ่งอ๋องสั่งให้องครักษ์ไปร้านหนังสือตรงข้ามซื้อนิยายใหม่มา ก่อนจะเดินกลับจวนเงียบๆ
ไม่นานซินโย่วก็ได้นิยายใหม่ท่านผิงอันมา ชื่อ ‘ทาสภูต’ นี้แม้ว่าตรงไปตรงมาไม่มีอันใดให้อยากรู้ แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบเรื่องภูตผีแล้ว ก็น่าสนใจไม่น้อย
ซินโย่วตั้งใจอ่านจนจบด้วยความรู้สึกว่าเป็นทางเดียวกัน แต่พออ่านแล้วสีหน้าก็บอกไม่ถูก
เพราะนางประเมินอีกฝ่ายสูงเกินไป นิยายนี้มีเพียงชื่อเรื่องน่าสนใจเท่านั้น
วันนี้คนที่ตื่นเต้นดีใจมาซื้อ ‘ทาสภูต’ ไปอ่านจบแล้ว ก่อนอ่านคาดหวังไว้อย่างมาก อ่านจบกลับกลายเป็นผิดหวัง นึกเสียใจภายหลัง หงุดหงิดต่างๆ นานา
“เสียเวลามาก!” เสิ่นหนิง เจ้าของร้านหนังสือชิงซงคนก่อนโยน ‘ทาสภูต’ ลงบนโต๊ะ ก่อนจะหยิบ ‘วาดหนัง’ เล่มสองขึ้นมาแทน “อ่าน ‘วาดหนัง’ อีกรอบดีกว่า”
เสียทีที่เขาคิดว่าสองเล่มจะเทียบเท่ากัน ซื้อมาทั้งสองเล่ม
วันต่อมาต้วนอวิ๋นหลางกลับถึงสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ก็เอ่ยอย่างตื่นเต้น “เมิ่งเฝ่ย ‘วาดหนัง’ เล่มสองพวกเจ้าอ่านแล้วหรือยัง”
เมิ่งเฝ่ยส่ายหน้างุนงง “‘วาดหนัง’ เล่มสองออกแล้วหรือ”
“เมื่อวานวางขายแล้ว ข้าอ่านจบแล้ว สนุกมาก เหนือความคาดหมายมาก!”
สหายร่วมชั้นเรียนที่อ่านจบแล้วได้ยินต้วนอวิ๋นหลางพูดถึงก็พากันเข้ามาร่วมวงสนทนา
เพราะเมื่อวานเป็นวันหยุด จึงมีนักเรียนจำนวนมากไม่รู้ว่า ‘วาดหนัง’ เล่มสองวางขายแล้ว ไม่นานคนมากมายก็ร่วมวงสนทนากันยิ่งมากขึ้น
“เล่ามาเร็ว ๆ จากนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น” เมิ่งเฝ่ยยกมือพาดไหล่ต้วนอวิ๋นหลาง
“ไม่ได้ ไม่ได้ อยากรู้ก็รีบไปซื้อเอง” ต้วนอวิ๋นหลางยืนยันปฏิเสธ
เมิ่งเฝ่ยแสยะยิ้มกล่าวว่า “เขารู้กันหมดแล้ว ร้านหนังสือชิงซงเป็นร้านน้องสาวเจ้า”
ยามนี้ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “เฮ้ พวกเจ้าอ่าน ‘วาดหนัง’ แล้วหรือยัง ข้าซื้อ ‘ทาสภูต’ นิยายใหม่ท่านผิงอัน”
“ข้าเองก็ซื้อ ‘ทาสภูต’…”
“อืม ข้าด้วย…”
ไม่รู้ว่าเหตุใด คนที่บอกว่าตนเองซื้อ ‘ทาสภูต’ มาล้วนส่งเสียงคุยกันเบาอยู่สักหน่อย
เมิ่งเฝ่ยชอบอ่านนิยายมาก รีบถามทันที “เรื่อง ‘ทาสภูต’ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรหรือ”
คนที่ถูกถามสีหน้างุนงง “ข้าอ่านจบยังคิดว่าอ่าน ‘เซียนผีเสื้อ’ อีกรอบ…”
อีกคนเอ่ยขึ้นตรงไปตรงมากว่ามาก “น่าเบื่อๆ จืดชืด! ทำข้าเสียเงินหลายร้อยเหรียญทองแดงไปเสียเปล่า!”
“ไม่สนุกขนาดนั้นเลยหรือ ข้ายังคิดว่าจะซื้อ ‘ทาสภูต’ มาอ่านก่อน อย่างไรก็เป็นนิยายท่านผิงอัน”
“ดีเลย เช่นนั้นข้าก็จะซื้อ ‘วาดหนัง’ ละ แอบบอกหน่อยได้ไหมว่า ‘วาดหนัง’ เป็นอย่างไรบ้าง…”
ต้วนอวิ๋นหลางผุดลุกขึ้นยืนทันที “เล่าไม่ได้ๆ อยากดูต้องไปซื้อเอง หญิงสาวเปิดร้านหนังสือไม่ง่าย พี่น้องช่วยอุดหนุนกันด้วย”
สหายร่วมชั้นเรียนพากันส่งเสียงฮือฮาดัง อาจารย์เดินหน้าบึ้งตึงเข้ามา “เอะอะอันใดกัน”
บรรดาหนุ่มน้อยพากันรีบหุบปาก ยกหนังสือขึ้นมา
พอถึงเวลาพักกลางวัน นักเรียนกลุ่มใหญ่ก็พากันออกจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนตรงไปร้านหนังสือชิงซง
เรื่องใดก็ตามล้วนเกรงการเปรียบเทียบ หาก ‘ทาสภูต’ ขายเวลาต่างกับ ‘วาดหนัง’ ก็นับว่าเป็นนิยายธรรมดา อาศัยชื่อเสียงท่านผิงอันย่อมมีปริมาณการขายที่ไม่เลว แต่สองเล่มกลับวางขายในวันเดียวกัน คนเรายิ่งเปรียบเทียบก็ยิ่งรู้สึกว่า ‘ทาสภูต’ ไม่มีความจริงใจ คิดแค่หลอกขายเท่านั้น
เนื่องจากการบอกเล่าความแตกต่างของนิยายสองเรื่องนี้แบบปากต่อปาก คนเข้าแถวหน้าร้านหนังสือชิงซงก็ยิ่งยาวเหยียด แต่ร้านหนังสือหย่าซินกลับเงียบเหงาซบเซา
ผู้ดูแลร้านกู่ร้อนใจจนผมร่วงเป็นกระจุก พลิกอ่าน ‘วาดหนัง’ เล่มสองไปมาก็มีความคิดหนึ่งขึ้นมา
คนอ่านตลาดนิยายนี้ไม่เพียงแต่เป็นผู้ชาย ยังมีบรรดาคุณหนูในตระกูลมีฐานะกับหญิงสาวทั่วไปอ่านฆ่าเวลา พวกนางมักจะการข่าวไม่ไวเหมือนพวกผู้ชาย และมักซื้อหนังสือช้ากว่าหลายวัน
เทียบกับ‘ทาสภูต’ ที่ผูกเนื้อเรื่องนุ่มนวลแล้ว ‘วาดหนัง’ น่ากลัวกว่า จับประเด็นนี้มาโฆษณาขาย ก็ย่อมต้องทำให้บรรดาผู้หญิงตกใจกลัวไม่ซื้อ
ไม่นานก็มีข่าวความน่ากลัวต่างๆ นานาของ ‘วาดหนัง’ เล่มสองแพร่ออกมา ทำให้หญิงสาวขี้กลัวไม่น้อยรู้สึกลังเลขึ้นมาจริงๆ
ผู้ดูแลร้านหูได้ยินข่าวลือพวกนี้ก็รู้สึกว่าผิดปกติ คิดอย่างละเอียดแล้วก็รู้ว่าร้านหนังสือตรงข้ามเล่นไม่ซื่อแล้ว
“ร้านหนังสือหย่าซินชอบใช้วิธีการสกปรกเช่นนี้!” ผู้ดูแลร้านหูโอดครวญต่อหน้าซินโย่วพร้อมกับออกอาการฮึดฮัด
แม้ซินโย่วดำเนินกิจการร้านหนังสือเพื่อจุดประสงค์อื่น แต่ผู้ใดรังเกียจเงินทองกัดมือกัน นับประสาอันใดกับความมุ่งร้ายแก่งแย่งพวกนี้ไม่ควรทำจนเป็นนิสัย
“ท่านใจเย็นๆ ในเมื่อพวกเขาปล่อยข่าวพวกนี้ส่งผลต่อลูกค้าสตรีเรา เช่นนั้นพวกเราก็โฆษณาความโดดเด่นของ ‘วาดหนัง’ ต่อได้”
“ท่านหมายถึง…” ผู้ดูแลร้านหูขอคำแนะนำ
“เช่น หญิงสาวคนงามที่หวางเซิงชอบ ความจริงก็คือผีร้ายที่ห่อหุ้มด้วยหนังคน พอถูกพบเข้าก็ควักหัวใจหวางเซิงไปกินหมด”
ผู้ดูแลร้านหูสีหน้างุนงง “ข้างนอกลือกันว่า ‘วาดหนัง’ เล่มสองน่ากลัวมาก กระจายข่าวกันเช่นนี้”
ซินโย่วยิ้มละไมกล่าวว่า “พวกเราเปลี่ยนแนวทางการโฆษณา หวางเซิงถูกผีร้ายควักหัวใจ แม้ว่าน่ากลัว แต่แสดงให้เห็นว่าพวกเห็นหญิงสาวเจ้าชู้ล้วนมีจุดจบอนาถ เลี้ยงดูภรรยาน้อยไว้นอกบ้านก็ยิ่งต้องพบกับจุดจบน่าอนาถ สุดท้ายยังต้องให้ภรรยาร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาช่วยเหลือ บรรดานักอ่านสตรีที่ขี้กลัว แม้ตนเองไม่กล้าอ่าน แต่ก็ซื้อมาให้บิดาพี่ชายหรือสามีอ่านกันได้”
ผู้ดูแลร้านหู “!”