ตอนที่ 394 ความแตก
ตอนที่ 394 ความแตก
สีหน้าของเจียงกั๋วเซิ่งยับยู่น่าเกลียด เขามองไปที่หลินเซี่ย แล้วพูดอย่างใจเย็นที่สุด “เซี่ยเซี่ย อวี่เฟยอยู่ไหน?”
หลินเซี่ยไม่แน่ใจว่าทำไมเจียงกั๋วเซิ่งถึงทำหน้าทำตาแบบนั้น ขณะที่เธอกำลังจะพูด เจียงอวี่เฟยก็อุ้มเสี่ยวฮวาเดินออกมาจาห้อง “เซี่ยเซี่ย ฉันจะพาเสี่ยวฮวาไปนอนก่อน เดี๋ยวอีกไม่นานพ่อกับน้าหวังก็คงกลับมาแล้ว”
“พ่อ…” เจียงอวี่เฟยพูดไปได้แค่ครึ่งทาง และแล้วก็เห็นเจียงกั๋วเซิ่งกับหวังซิ่วฟางยืนอยู่ที่หน้าประตู หล่อนตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย ก่อนจะเปล่งเสียงเรียกพ่อ
หวังซิ่วฟางยืนอยู่ด้านหลังเจียงกั๋วเซิ่ง จากนั้นก็แอบขยิบตาให้เจียงอวี่เฟย
เจียงอวี่เฟยตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
รู้สึกเหมือนท้องฟ้ากำลังจะถล่มทลายลงมา
พ่อรู้เรื่องที่หล่อนเข้าร่วมประกวดนางแบบแล้วเหรอ?
ในขณะที่หล่อนกำลังคิดอย่างบ้าคลั่ง เจียงกั๋วเซิ่งก็มองหน้าหล่อนแล้วพูดว่า “อวี่เฟย กลับบ้าน”
“โอ้”
เมื่อเห็นว่าพายุที่จินตนาการไว้ในตอนแรกไม่ได้เกิดขึ้น เจียงอวี่เฟยก็ตอบรับอย่างว่างเปล่า จากนั้นจึงส่งเสี่ยวฮวาให้กับหวังซิ่วฟาง
หลินเซี่ยพูดอย่างสุภาพกับเจียงกั๋วเซิ่ง “ลุงเจียง ทำไมไม่เข้ามานั่งพักสักหน่อยแล้วค่อยกลับล่ะคะ?”
เจียงกั๋วเซิ่งปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ดึกมากแล้ว พวกเรากลับก่อนดีกว่า”
เจียงกั๋วเซิ่งไม่ได้พูดอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเซี่ยและหวังซิ่วฟาง เขาไม่ดุด่าเจียงอวี่เฟยเลย แค่อยากพาหล่อนกลับบ้านให้เร็วที่สุด
เจียงอวี่เฟยเหลือบมองหลินเซี่ยอย่างไม่สบายใจ ก่อนจะเดินตามพ่อของตนออกไป
ทันทีที่พวกเขาจากไป หวังซิ่วฟางก็หันกลับมามองหลินเซี่ยด้วยความตื่นตระหนก “เซี่ยเซี่ย เป็นเรื่องแล้ว เหล่าเจียงรู้แล้วว่าอวี่เฟยเข้าร่วมรายการประกวดนางแบบ!”
หลินเซี่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “พี่สาวหวัง ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นไปได้? ฉันขอให้คุณช่วยพาเขาออกไปเดินเล่นข้างนอก หลีกเลี่ยงไม่ให้เขาเห็นรายการทีวีไม่ใช่เหรอ?”
หวังซิ่วฟางอธิบายว่า “ใช่ ตอนแรกฉันก็พาเขาเดินไปทั่ว เราเดินเตร่ไปมาประมาณหนึ่งชั่วโมงเต็ม แต่เหล่าเจียงบอกว่าเขาเหนื่อยมาก อยากกลับบ้านไปนอนพัก แต่ฉันเห็นว่าตอนนั้นรายการยังไม่จบ ก็เลยพาเขาไปที่ร้านอาหารเพื่อหาอะไรกินฆ่าเวลา ปรากฏว่าทันทีที่เรามาถึงทางเข้าร้านอาหาร วันนี้ร้านดันย้ายทีวีออกมาตั้งด้านนอก มีผู้ชายกลุ่มหนึ่งกำลังดื่มเบียร์และดูทีวีอยู่ บังเอิญว่าตอนนั้นกล้องจับภาพไปที่อวี่เฟยพอดี เหล่าเจียงเลยจำอวี่เฟยได้ภายในพริบตา”
หวังซิ่วฟางวิตกกังวลมาก เอาแต่โทษตัวเองที่ไร้ความสามารถ แม้แต่จะช่วยเจียงอวี่เฟยยังทำไม่ได้
“หา บังเอิญขนาดนั้นเลยเหรอ?” หลินเซี่ยเม้มปากเล็กน้อย
นี่คงเป็นการจัดสรรของพระเจ้าอีกเช่นกัน
ถึงอย่างนั้น การออกอากาศรายการประกวดนางแบบครั้งนี้ได้สร้างคลื่นความปั่นป่วนครั้งใหญ่ให้เกิดขึ้นในไห่เฉิง และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เชิงขัดแย้งกันในวงกว้างระหว่างคนหัวเก่าและคนสมัยใหม่
ช่วงที่ผ่านมา มีการรายงานข่าวดังกล่าวลงบนหน้าหนังสือพิมพ์มากกว่าแต่ก่อนอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ ในรอบรองชนะเลิศที่ผ่านมา การมีดาราภาพยนตร์อย่างเซี่ยอวี่มานั่งเป็นกรรมการผู้ตัดสิน ก็ยิ่งถือเป็นการยกระดับรายการนี้ขึ้นไปอีก
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เจียงกั๋วเซิ่งจะเห็นลูกสาวอยู่ในรายการเข้าสักวันหนึ่ง
นับว่าโชคดีมากแล้วที่หล่อนสามารถปิดบังตัวตนไว้ได้นานขนาดนี้
น่าเสียดาย อีกแค่ก้าวเดียวก็ถึงรอบชิงชนะเลิศแล้ว
ไม่รู้เลยว่าเจียงกั๋วเซิ่งจะยินยอมปล่อยเจียงอวี่เฟยให้ร่วมประกวดในครั้งสุดท้ายหรือไม่
เวลานี้ ที่อาคารพักอาศัยในเขตโรงงานเครื่องจักร
เจียงกั๋วเซิ่งไม่ได้พูดอะไรสักคำระหว่างทาง เจียงอวี่เฟยก็ติดตามเขาไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่กล้าส่งเสียง
สองพ่อลูกเดินตามกันเข้าไปในบ้านทีละคน
ทันทีที่มาถึงห้องนั่งเล่น เจียงกั๋วเซิ่งก็ออกแรงเตะประตูห้องนั่งเล่นให้ปิดลง
เสียงประตูกระแทกปิดดังกึกก้อง ทันใดนั้นหัวใจของเจียงอวี่เฟยก็สั่นสะท้าน
หล่อนทั้งกังวลและหวาดกลัว มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวสั่นเทา หัวใจพลันเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
ทันทีที่เจียงกั๋วเซิ่งหันกลับมา เจียงอวี่เฟยก็กลืนน้ำลายอึกใหญ่ และพูดอย่างระมัดระวัง “พ่อ…”
แม้ว่าพ่อของหล่อนจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่หล่อนก็รู้ดี ว่าพ่ออาจจะรู้ความจริงแล้วเกี่ยวกับการเข้าร่วมการประกวดนางแบบของหล่อน
ไม่บ่อยนักที่พ่อของหล่อนใช้ความเงียบแทนความโกรธ เมื่อเขารู้สึกผิดหวังและโกรธหล่อนอย่างมาก
โดยปกติ เขาจะขึ้นเสียงใส่หล่อนแล้วดุด่าสั่งสอนให้จบเรื่องกันไป
“พ่อคะ ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว”
“อวี่เฟย ฉันเลี้ยงดูประคบประหงมแกเหมือนเจ้าหญิง หลายปีมาแล้วที่พ่อไม่เคยปล่อยให้แกขาดตกบกพร่องอะไร ฉันสอนแกเสมอว่าผู้หญิงควรรักนวลสงวนตัว และรักษาเกียรติของตัวเองตลอดเวลา ผลสุดท้ายเป็นยังไง?”
เจียงกั๋วเซิ่งมองหล่อนด้วยสีหน้าผิดหวังอย่างยิ่ง พูดต่อว่า “ไม่นึกเลยว่าแกจะทำตัวตกต่ำแบบนี้”
เจียงอวี่เฟยรวบรวมความกล้า มองหน้าพ่อแล้วเถียงว่า “พ่อ ฉันไม่ได้ทำตัวตกต่ำเลย ที่ฉันเข้าร่วมการประกวดนางแบบก็เพื่อแสดงความเป็นตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์”
เจียงกั๋วเซิ่งหัวเราะเยาะ “แสดงความเป็นตัวเองประสาอะไร? ถอดเสื้อผ้าจนเหลือแค่ชุดชั้นในแล้วขึ้นไปโพสต์ท่าทุเรศ ๆ ออกทีวี ปล่อยให้ผู้ชายหื่นกามพวกนั้นวิจารณ์กันสนุกปาก นั่นคือวิธีที่แกเรียกว่าแสดงความเป็นตัวเองงั้นเหรอ?”
เขาหวนนึกถึงคำพูดอันหยาบโลนไร้การควบคุมของคนเหล่านั้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ยิ่งรู้สึกโกรธเข้าไปใหญ่
เมื่อมองดูลูกสาวอีกที ก็ยิ่งรู้สึกผิดหวังมากขึ้น
เจียงอวี่เฟยไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเจียงกั๋วเซิ่งเลย หล่อนตอบโต้ด้วยความโกรธเช่นเดียวกัน
“พ่อ พ่อคิดมากเกินไปแล้ว ทำไมถึงได้ดูถูกความเป็นผู้หญิงของฉันถึงขนาดนี้?”
“ดูถูก? คนที่ดูถูกแกไม่ได้มีแค่ฉัน!”
เจียงกั๋วเซิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเข้มงวด “เจียงอวี่เฟย แกทำให้ฉันผิดหวังมาก นับจากนี้ไป แกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมในรายการไร้สาระนั่นอีกต่อไป ถ้ายังไม่เชื่อฟังอีก ฉันจะตัดความสัมพันธ์พ่อลูกระหว่างฉันกับแก แล้วไปทำเรื่องให้แกลาออกจากมหาวิทยาลัยซะ”
เมื่อเจียงอวี่เฟยได้ยินแบบนั้น น้ำตาของหล่อนก็ไหลพรากทันที น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ “พ่อ ทำไมพ่อถึงได้เป็นคนไม่มีเหตุผลขนาดนี้ สิ่งที่ฉันทำลงไปมันคือศิลปะ ในเมื่อพ่อไม่เข้าใจอะไรเลย แล้วทำไมต้องเข้ามายุ่งกับเรื่องของฉันด้วย?”
“ฉันไม่เข้าใจอะไรก็จริง แต่ฉันไม่อยากอับอายขายหน้า”
เจียงกั๋วเซิ่งโกรธมาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลังของเจียงอวี่เฟยด้วยใบหน้ามืดมนและพูดว่า “ฉันจะยึดโทรศัพท์ของแกไว้ จนกว่าแกจะสำนึกได้”
เจียงอวี่เฟยกลับเข้าไปในห้อง ทิ้งตัวนอนฟุบอยู่บนเตียงในสภาพที่โศกเศร้าและร้องไห้ไม่หยุด
ถ้าพ่อรู้ตั้งแต่ช่วงที่หล่อนเข้าร่วมการประกวดในรายการแรก ๆ บางทีหล่อนอาจจะยอมแพ้ แต่นี่หล่อนก้าวมาถึงจุดนี้แล้ว แถมยังได้อันดับดีมากในรอบรองชนะเลิศ อย่างที่หลินเซี่ยบอก ถ้าหล่อนโชคดี ก็อาจจะมีโอกาสได้เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้จริง ๆ
หล่อนไม่อยากยอมแพ้กลางคัน
ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากทำให้พ่อขุ่นเคืองจนถึงขั้นตัดความสัมพันธ์กับหล่อนได้
พ่อทำงานหนักมาหลายปีเพื่อเลี้ยงดูหล่อนให้ดีที่สุด ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรหล่อนก็ไม่ใจแข็งพอที่จะแตกหักกับเขา
เจียงอวี่เฟยนอนร้องไห้ พยายามคิดหาทางด้วยความเศร้าใจตลอดทั้งคืน ข่มตานอนไม่หลับ จนกระทั่งได้ยินเสียงพ่อเปิดประตูเพื่อออกไปทำงานในตอนเช้า หล่อนถึงลุกขึ้นจากเตียงด้วยดวงตาที่บวมเป่งจากการร้องไห้
พอเดินไปที่ห้องครัวเพื่อหยิบน้ำดื่ม ก็เห็นอาหารเช้าถูกวางเตรียมไว้บนโต๊ะ
ไข่ต้ม กับโจ๊กข้าวฟ่าง
เจียงอวี่เฟยอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาไหลรินลงมาอีกครั้ง
ตอนนี้ พอเห็นว่าถึงพ่อจะโกรธแค่ไหนแต่ก็ยังอุตส่าห์เตรียมอาหารเช้าร้อน ๆ ไว้ให้ หล่อนก็รู้สึกสะเทือนใจ เศร้าหมอง และรู้สึกผิดปะปนกันหลากหลาย
ทันใดนั้นหล่อนก็ตัดสินใจอย่างจริงจัง
ในเมื่อพ่อของเธอตั้งเงื่อนไขแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ให้หล่อนเข้าร่วมการประกวดนางแบบครั้งนี้ หล่อนก็คง… ต้องยอมแพ้
ถ้าต้องเลือกระหว่างเส้นทางการเป็นนางแบบกับพ่อ หล่อนจะเลือกพ่ออย่างไม่ต้องสงสัย
เขาคือญาติเพียงคนเดียวในชีวิตหล่อน
หล่อนสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปได้ทั้งหมดยกเว้นพ่อ
เจียงกั๋วเซิ่งเองก็นอนไม่หลับเช่นกัน เขาขี่จักรยานไปที่โรงงานด้วยสีหน้าที่อิดโรย
เมื่อวานนี้เสิ่นเถี่ยจวินเพิ่งกลับมาที่โรงงาน เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ทางโรงงานกำลังสุ่มตรวจสอบสินค้าจำนวนหนึ่งซึ่งถูกตีกลับจากหน่วยสหกรณ์
งานของเจียงกั๋วเซิ่งหนักเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
พอมีเรื่องวุ่นวายที่บ้านเกิดขึ้นอีก ทำให้เขารู้สึกเครียดมาก
หลังจากเข้าไปในโรงงาน เขาก็จอดรถจักรยานไว้ บรรดาพนักงานต่างทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม เจียงกั๋วเซิ่งแค่ตอบรับในลำคอแล้วเดินอย่างรวดเร็วไปขึ้นไปที่สำนักงาน
มีนัดประชุมในเวลาแปดโมงครึ่ง เมื่อเจียงกั๋วเซิ่งเดินเข้าไป ผู้บริหารคนอื่น ๆ ต่างก็มาถึงกันแล้ว พนักงานหญิงหลายคนและช่างเทคนิคชายหนุ่มอีกสองคนต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“ถ้าเราอายุน้อยกว่านี้อีกสองสามปีคงดีไม่น้อยเลยนะ”
“ใช่ ดูสิว่าพวกเธอมีความมั่นใจแค่ไหน ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ ผู้หญิงอย่างเรา ๆ สามารถอวดโฉมความงามในแบบฉบับของผู้หญิงออกเวทีได้อย่างสง่างามแล้ว”
เจ้าหน้าที่เสมียนธุรการหญิงคนหนึ่งซึ่งอายุประมาณยี่สิบเจ็ดหรือยี่สิบแปดปีพูดว่า “เมื่อคืนนี้หลังจากดูรายการจบ ฉันสงบสติอารมณ์ไม่ได้นานเชียวละ ฉันยังคิดจะเขียนจดหมายส่งถึงสถานีโทรทัศน์ด้วย”
เพื่อนชายจากฝ่ายช่างเทคนิคหัวเราะแล้วพูดว่า “อีกหน่อยถ้ามีรายการแบบนี้อีก คุณก็ลองสมัครเข้าร่วมดูสิ พนักงานทุกคนในโรงงานเราจะไปให้กำลังใจติดขอบเวทีเลย”
เจียงกั๋วเซิ่งเดินเข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง แต่คนอื่น ๆ ยังไม่จบการสนทนา
เนื่องจากโดยปกติเจียงกั๋วเซิ่งมักจะใจดีมาก เป็นมิตรกับทุกคนเสมอ
ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลานัดประชุม ช่างเทคนิคชื่อเสี่ยวจางจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “รองผู้อำนวยการเจียง เมื่อคืนคุณได้ดูรายการประกวดนางแบบหรือเปล่า?”
เมื่อเจียงกั๋วเซิ่งได้ยินคำว่า ‘ประกวดนางแบบ’ เขาก็เวียนหัวขึ้นมาทันที
รู้สึกเหมือนเส้นขนทั้งหมดบนร่างกายตั้งชัน
กลัวเหลือเกินว่าจะได้ยินคำพูดในเชิงดูหมิ่น
และยิ่งกลัวว่าคนอื่นจะจำลูกสาวของเขาที่อยู่ในรายการได้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสียดายเหมือนกันนะถ้าความฝันของอวี่เฟยต้องมาหยุดอยู่แค่ตรงนี้ พอจะมีทางที่เป็นทางสายกลางไหมหนอ
ไหหม่า(海馬)