ตอนที่ 407 ทำไมคนที่เย่ไป๋พามาถึงเหมือนเซี่ยอวี่มาก
ตอนที่ 407 ทำไมคนที่เย่ไป๋พามาถึงเหมือนเซี่ยอวี่มาก
หลี่เหม่ยเฟิ่งกลัวว่ารสมืออาหารที่หล่อนทำจะไม่ถูกปากแขก หลังจากทำอาหารสองถึงสามจาน จึงสั่งเมนูขึ้นชื่อจากร้านอาหาร และเตรียมอาหารทั้งหมดไว้สิบจานอย่างสมบูรณ์แบบ
ในช่วงบ่าย เย่ไป๋ได้โทรมาบอกว่าจะมาถึงเร็ว ๆ นี้แล้ว
หลี่เหม่ยเฟิ่งบอกเย่เชี่ยนว่า “เสี่ยวเชี่ยน ไปเรียกพ่อและบอกให้เขาหยุดเขียนงานก่อน ว่าที่ลูกสะใภ้กำลังจะมาถึงแล้ว”
“ค่ะแม่”
เย่เชี่ยนไปเรียกเย่เจิ้งหัวให้ออกมา ครอบครัวมากันพร้อมหน้ารวมถึงเจียงอวี่เฟย ซึ่งยืนรออยู่หน้าประตูอย่างเรียบร้อย
ตระกูลเย่อาศัยอยู่ในอาคารพักอาศัย เย่เชี่ยนกำลังฟังความเคลื่อนไหวตรงทางเดินหน้าประตู และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “มาแล้ว มากันแล้ว”
เย่เชี่ยนเดินอย่างลุกลี้ลุกลน และพูดกับหลี่เหม่ยเฟิ่งว่า “แม่ เตรียมเปิดประตูได้เลย”
“แม่เปิดเอง”
หลี่เหม่ยเฟิ่งก้าวไปข้างหน้า เมื่อมาถึงหน้าประตู หล่อนก็เปิดประตูอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้ม
“เสี่ยวไป๋ มาถึงสักที…”
หลี่เหม่ยเฟิ่งต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่นด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เพื่อแสดงกิริยาที่ดีให้ลูกสะใภ้ในอนาคตได้รู้สึกถึงความจริงใจ และความรักจากพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อหล่อนเห็นผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างเย่ไป๋ รอยยิ้มก็แข็งค้างทันที เช่นเดียวกับคำพูดถัดไปที่หยุดอยู่ในลำคอ
หล่อนมองผู้หญิงที่เหมือนเดินออกมาจากทีวี คิดอยู่ครู่หนึ่งว่าตนเองกำลังประสาทหลอนหรือเปล่า และกะพริบตารัว ๆ
นี่มัน…
คนที่ลูกชายของตนพากลับมามีหน้าตาเหมือนเซี่ยอวี่ขนาดนี้เลยเหรอ?
หล่อนหมกมุ่นอยู่กับการดูทีวีจนเห็นทุกคนดูเหมือนเซี่ยอวี่หรือเปล่า?
แม้หลี่เหม่ยเฟิ่งจะประหลาดใจ แต่หล่อนก็รีบก้าวออกไปและทักทายอย่างประหม่า ทั้งยังแฝงความเคอะเขิน “มาเถอะจ้ะ เข้ามาเร็ว”
เย่ไป๋พาเซี่ยอวี่เข้ามาข้างใน และแนะนำหล่อนให้ครอบครัวรู้จัก “พ่อ แม่ นี่แฟนผมเอง เซี่ยอวี่”
หลี่เหม่ยเฟิ่ง “หืม?”
ชื่อเซี่ยอวี่เหรอ?
เย่เชี่ยนตกตะลึงมาก พลางยืนมองเซี่ยอวี่และยกมือปิดปากด้วยความตื่นเต้น “พี่ นี่พี่… ล้อกันเล่นหรือเปล่าเนี่ย?”
เจียงอวี่เฟยมองเซี่ยอวี่ด้วยความตกใจเช่นกัน
ดวงตาฉายแววตกใจสุดขีด
เดิมทีเซี่ยอวี่เป็นคนใจเย็นมาก การแสดงเป็นสิ่งที่หล่อนทำได้ดีมาโดยตลอด
ขณะที่หล่อนเหลือบไปเห็นเจียงอวี่เฟย รอยแตกร้าวก็ปรากฏบนใบหน้าที่สงบของหล่อน
ทันใดนั้นหล่อนก็จำได้ว่าเย่ไป๋เคยบอกว่าเจียงอวี่เฟยเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา
ปกติแล้วหล่อนไม่เคยสนใจเรื่องส่วนตัวของใคร และลืมสิ่งที่คนอื่นพูดง่ายด้วย!
เซี่ยอวี่เหลือบมองเย่ไป๋ด้วยความหงุดหงิดทันที
ทำไมผู้ชายคนนี้ไม่บอกหล่อนก่อนว่ามีคนรู้จักอาศัยอยู่ที่นี่ด้วยเล่า?
เย่ไป๋สบตากับเซี่ยอวี่ พยายามหลีกเลี่ยงสายตาหล่อนอย่างสงบ และแนะนำด้วยรอยยิ้มต่อว่า “ผมบังเอิญเจอกับอวี่เฟยระหว่างทางกลับบ้านพอดี เลยถือโอกาสชวนหล่อนมา”
“สวัสดีค่ะคุณลุงคุณป้า” เซี่ยอวี่มองไปที่เย่เชี่ยนและเจียงอวี่เฟยต่อ ตามด้วยยิ้มแล้วกล่าวสวัสดี “สวัสดีจ้ะ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งและเย่เชี่ยนเฝ้าดูบุคคลที่เหมือนหลุดมาจากทีวีและได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเธอ ทั้งแม่และลูกสาวตกใจมากจนไม่มีสติ สมองเหมือนกับเป็นอัมพาตจนหยุดคิดถึงทุกสิ่งอย่าง
เย่เจิ้งหัวเคยเห็นหญิงสาวคนนี้ในทีวีเหมือนกัน เนื่องจากดูรายการนี้กับพวกเธอด้วย แน่นอนว่าเขาก็รู้จักเซี่ยอวี่เช่นกัน
จึงประหลาดใจมากไม่ต่างกัน
เขากระแอมไอเบา ๆ แล้วยิ้มตอบ “สวัสดี”
เย่เจิ้งหัวเห็นภรรยาและลูกสาวทำท่าราวกับว่าไม่เคยเห็นคนดังมาก่อน ซึ่งนักแสดงหญิงคนนี้ก็ทำให้พวกหล่อนตะลึงมากถึงขนาดนี้ เขาจึงทำได้แค่เตือนพวกหล่อนเสียงดังว่า “ทำไมถึงยังยืนนิ่งอยู่อีก? ไปหาที่นั่งให้แขกเร็วสิ”
หลี่เหม่ยเฟิ่งรู้สึกตัวทันที และทักทายอีกฝ่ายอย่างอบอุ่น “คุณเซี่ยอวี่ เดี๋ยวนั่งตรงนี้ก่อนนะคะ”
เย่เชี่ยนก็วิ่งไปนำผลไม้ออกมาเสิร์ฟ และเจียงอวี่เฟยก็กำลังยุ่งอยู่กับการรินน้ำ
หลี่เหม่ยเฟิ่งดีใจที่หล่อนจัดบ้านให้เรียบร้อยทั้งภายในและภายนอก ทั้งยังดีใจที่ได้ทำผมและสวมเสื้อผ้าใหม่ได้จังหวะพอดี
เซี่ยอวี่เห็นครอบครัวของพวกเขามองหล่อนด้วยความกระตือรือร้นและเขินอาย ก็รู้ว่าไม่เพียงแต่พวกเขาจะจำหล่อนได้เท่านั้น แต่ดูเหมือนจะเกร็ง ๆ กับหล่อนมากด้วย
หล่อนเริ่มรู้สึกเสียใจจากก้นบึ้งของหัวใจที่ยอมตกลงกับเย่ไป๋ว่าจะมาที่บ้านเขาเพื่อแกล้งทำเป็นแฟนกัน
จะเป็นอย่างไรถ้าครอบครัวพวกเขาจริงจังกับเรื่องนี้ขึ้นมาจริง ๆ และถ้าสื่อต่าง ๆ รู้ว่าหล่อนกำลังเป็นสะใภ้ตระกูลหนึ่ง อาชีพของหล่อนคงต้องพังพินาศแน่
อย่างไรก็ตาม ตามความเข้าใจของหล่อนเกี่ยวกับเย่ไป๋ นอกจากท่าทางของคนเหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ดูเหมือนเป็นครอบครัวที่มีบุคลิกน่าเชื่อถืออยู่บ้าง
หลังจากนั่งลง หลี่เหม่ยเฟิ่งก็เตรียมคำทักทายไว้มากมาย แต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรออกไปในเวลานี้
เย่ไป๋หันไปหาเซี่ยอวี่ แนะนำสมาชิกในครอบครัวอย่างละเอียด
“นี่คือเย่เจิ้งหัวพ่อของผม เขาเป็นนักเขียน”
“ส่วนแม่ของผมเคยทำงานด้านวรรณกรรมและศิลปะ แต่ตอนนี้เกษียณแล้ว เย่เชี่ยนน้องสาวผมเป็นครูสอนดนตรีในโรงเรียนมัธยม”
หลังเขาพูดจบก็ชี้ไปทางเจียงอวี่เฟยด้วยรอยยิ้ม “นี่ลูกพี่ลูกน้องผมเอง คุณคงคุ้นเคยกับหล่อนดี”
เซี่ยอวี่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นดูเขินอายไม่แพ้กัน หลังจากได้ฟังเย่ไป๋แนะนำสมาชิกในครอบครัว ดวงตาของหล่อนก็สดใสขึ้น ถามว่า “คุณลุงเป็นนักเขียนเหรอคะ?”
หลี่เหม่ยเฟิ่งยิ้มและพยักหน้า “ใช่จ้ะ พ่อของเย่ไป๋ทำอาชีพนี้มานานกว่าสิบปีแล้ว งานเขายังได้ตีพิมพ์เป็นหนังสือด้วยนะ ล่าสุดเขากำลังเจรจากับผู้กำกับอาวุโสเกี่ยวกับลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ แถมยังบอกครั้งล่าสุดว่าถ้าการเจรจาสำเร็จ นางเอกก็น่าจะเป็นคุณที่ได้แสดง”
เมื่อหลี่เหม่ยเฟิ่งแนะนำเย่เจิ้งหัว หล่อนก็ตั้งใจที่จะยกระดับสถานะของสามีเพื่อเข้าใกล้เซี่ยอวี่มากขึ้น ให้อีกฝ่ายรู้ว่ามีคนในครอบครัวอยู่ในแวดวงคนดังเหมือนกัน เพื่อครอบครัวหล่อนจะได้พัฒนาไปในทิศทางเดียวกันกับอีกฝ่ายในอนาคต
แม้ทรัพย์สินสุทธิของเย่เจิ้งหัวจะสูงมาก แต่เขาก็ยังทำตัวติดดินเหมือนเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ชอบโอ้อวดตัวเองสักเท่าใด
หลี่เหม่ยเฟิ่งพูดกับเย่เชี่ยนว่า “เสี่ยวเชี่ยน ไปเอาหนังสือที่พ่อเขียนมาเร็ว จะได้ให้คุณเซี่ยอวี่ลองอ่านดู”
เย่เชี่ยนลุกขึ้นไปหยิบหนังสือเพื่อเอามาให้แขก
เย่เจิ้งหัวขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดของภรรยา
ทำไมถึงชอบโอ้อวดจังเลยนะคุณ?
เย่เชี่ยนนำหนังสือมาและพูดว่า “พี่เซี่ยอวี่ ดูสิคะ พ่อของฉันเขียนเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลย”
เย่เชี่ยนรู้สึกว่าการเรียกอีกฝ่ายว่าคุณเซี่ยอวี่นั้นไม่ธรรมชาติ จึงเรียกว่าพี่ เพื่อให้ความสัมพันธ์ดูใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะอีกฝ่ายจะเป็นพี่สะใภ้แล้ว และหล่อนก็รู้สึกตื่นเต้นมากเมื่อคิดถึงมัน
จากนั้นก็วางหนังสือหนาสองเล่มไว้บนโต๊ะ
เมื่อเซี่ยอวี่เห็นชื่อเรื่องและชื่อผู้แต่งบนหน้าปกของหนังสือ ใบหน้างดงามปราณีตของหล่อนก็เพ่งมองเย่เจิ้งหัวด้วยความประหลาดใจ
หล่อนถามยืนยันว่า “คุณคือคุณเย่หัวใช่ไหมคะ?”
เย่เจิ้งหัวมองสีหน้าของเซี่ยอวี่ รู้สึกประหลาดใจที่หล่อนรู้จักชื่อนามปากกาของเขา
เขามองไปยังเซี่ยอวี่อย่างสงบและพูดว่า “ใช่ ผมเองแหละเย่หัว”
เซี่ยอวี่หันไปมองเย่ไป๋ที่นั่งข้าง ๆ เธอแล้วถามว่า “ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนล่ะว่าพ่อคุณคือเย่หัว นักเขียนชื่อดังคนนั้น?”
คนอย่างเย่ไป๋นี่มีความลับเยอะจริง ๆ
ลุงรองของเขาคือหมอแผนจีนเย่ผู้เลื่องชื่อ แถมตอนนี้พ่อของเขายังเป็นนักเขียนชื่อดังอีก!
หล่อนถูกกักไว้ในความมืดเกี่ยวกับความจริงทั้งหมดนี้
แน่นอนว่าหล่อนไม่สามารถตำหนิเย่ไป๋ได้ พวกเขาไม่ค่อยสนิทกันแต่แรก และความสัมพันธ์ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกันจนต้องรู้ความเป็นมาของสมาชิกในครอบครัว
น้ำเสียงของเย่ไป๋อ่อนลง และขอโทษว่า “ผมขอโทษ เป็นความสะเพร่าของผมเอง”
เซี่ยอวี่มองไปยังเย่เจิ้งหัวอย่างถ่อมตัวและสุภาพ “อาจารย์เย่ ฉันเป็นแฟนหนังสือตัวยงของคุณเลยนะคะ โชคดีมากที่ได้อ่านหนังสือทั้งสองเล่มนี้ตอนอยู่ฮ่องกง หนังสือทั้งสองเล่มสร้างแรงบันดาลใจให้ฉันอย่างมากมายเลยค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ภูมิหลังครอบครัวเย่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนะเนี่ย
ไหหม่า(海馬)
……………………………………