ตอนที่ 412 แสดงละครจนคิดจริงจังใช่หรือไม่
ตอนที่ 412 แสดงละครจนคิดจริงจังใช่หรือไม่
ครั้นเซี่ยไห่ได้ยินว่าเซี่ยอวี่ตามเย่ไป๋ไปพบพ่อและแม่ของเขา น้ำเสียงประหลาดใจพลันดังขึ้น ปฏิกิริยาแรกคือเซี่ยอวี่แสดงละครจนคิดเป็นจริงเป็นจัง
หลินเซี่ยชำเลืองมองเขาและเอ่ยเตือนเสียงเบา “คุณอย่าตะโกนสิ ฉันถามคุณก็เพราะว่าอยากรู้เหมือนกัน”
เซี่ยไห่ส่ายศีรษะ “ฉันก็ไม่รู้แน่ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น รู้แค่ว่าหล่อนทำเพื่อให้พ่อของเธอสบายใจ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องแสดงละครกับเย่ไป๋ งั้นกลับไปแล้วฉันจะไปถามหล่อนว่าแสดงละครจนคิดจริงจังถึงขั้นแต่งงานออกไปจริงหรือเปล่า”
หากพี่สาวของเขาแต่งงานกับเย่ไป๋ได้ก็นับว่าเป็นเรื่องดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตา การงาน หรือว่าครอบครัว เย่ไป๋นับว่าโดดเด่นทุกด้าน อีกทั้งยังเป็นคนรู้จักและรู้ไส้รู้พุงกันดี
แพทย์หนุ่มการศึกษาสูงอย่างเช่นเย่ไป๋กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในวงการหาคู่ในฮ่องกง และยังเป็นตัวเลือกแรกสำหรับการเลือกคู่ให้กับลูกสาวของเศรษฐี
เขาคู่ควรกับราชินีแห่งภาพยนตร์ของครอบครัวเขาอย่างแน่นอน
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยไห่ หลินเซี่ยก็เอ่ย
“อย่าถามเลยค่ะ ในเมื่อหล่อนไม่ได้บอกพวกเรา เช่นนั้นก็คงไม่ต้องการให้พวกเรารู้ นี่คือเรื่องส่วนตัวของหล่อน คุณอย่าหาเรื่องให้โดนด่าเลย สุดท้ายเรื่องเป็นอย่างไรเดี๋ยวพวกเราก็คงรู้เอง”
“ก็ได้ๆๆ งั้นฉันไม่ถามแล้ว เธอไปเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ พวกเราออกเดินทางกันเย็นพรุ่งนี้นะ”
หลินเซี่ยวางแผนเตรียมร้านตัดผมเสร็จแล้วก็ไปยังร้านอาหารตรงข้ามเพื่อรับหู่จือออกมา สองแม่ลูกกลับบ้านด้วยกัน เมื่อถึงบ้านแล้วเธอก็เตรียมเสื้อผ้าที่จะนำไปด้วยราวสองสามชุด
โรงเรียนอนุบาลของหู่จือปิดภาคเรียนเร็วกว่าโรงเรียนอื่น หลายวันมานี้เขาอยู่ที่ร้านอาหาร อยากกินอะไรตากับยายก็ทำให้เขา จนเขาถึงกับไม่อยากกลับบ้านเพราะอยากกินอาหารที่นี่
เมื่อกลับมาถึงบ้าน หู่จือก็เอ่ยถาม “แม่ แม่จะไปไหนครับ?”
“แม่จะไปซื้อของที่เมืองเชินเฉิงกับคุณตารองของลูกน่ะ” หลินเซี่ยเอ่ยกับหู่จือด้วยเสียงอ่อนโยน “หู่จือ ในเมื่อพ่อของลูกกลับมาตอนบ่าย พวกเราจะพาลูกไปอยู่กับปู่ทวดดีไหม? แม่ต้องไปต่างเมืองหลายวัน อยู่กับยายแล้วแม่ไม่สบายใจ”
ตอนพ่อแม่ของเธออยู่ภายในครัวเพื่อทำอาหาร พวกเขาจะไม่มีเวลาดูแลเด็ก หากหู่จือวิ่งเล่นออกไปด้านนอกก็อาจจะเป็นอันตราย
หู่จือพยักหน้าให้ความร่วมมืออย่างดี “ได้ครับ ผมไม่ได้ไปหาปู่ทวดมานานแล้ว ผมคิดถึงพวกเขาครับ”
“เป็นเด็กดีจริงๆลูกชายแม่”
หลินเซี่ยลูบศีรษะของเขาและเอ่ยตอบรับ “ได้เลย ลูกอย่าดื้อและเชื่อฟังปู่ทวดกับย่าทวดนะ แม่กลับมาแล้วจะเอาของเล่นมาให้ลูกเยอะแยะเลย”
ใบหน้าเล็กๆของหู่จือปรากฎรอยยิ้ม “ขอบคุณครับแม่ ผมจะไม่ดื้อและเชื่อฟังครับ”
หลังจากเฉินเจียเหอเลิกงานและกลับมาช่วงบ่าย หลินเซี่ยก็บอกกับเขาว่าพรุ่งนี้ต้องไปซื้อของที่เมืองเชินเฉิง
ก่อนหน้านี้เธอเคยพูดเรื่องนี้กับเฉินเจียเหอแล้ว แน่นอนว่าเฉินเจียเหอก็สนับสนุน เขาอยากไปเป็นเพื่อนเธอมาก อยากไปเลือกซื้อสิ่งของกับเธอและถือกระเป๋าถือของให้กับเธอ
แต่เนื่องด้วยสถานการณ์ภายในโรงงานตอนนี้ทำให้เขาไม่สามารถยื่นขอลาได้
ทำได้เพียงปล่อยให้เธอและเซี่ยไห่ไปกันสองคน
“ฉันอยากให้หู่จือกลับบ้าน ปิดภาคเรียนแล้วให้เขากลับไปอยู่กับปู่และย่าสักสองสามวัน”
“ได้ ปู่ก็รอให้หู่จือปิดภาคเรียนและกลับบ้านมาโดยตลอด ผมจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พวกเรากลับบ้านกัน”
ทั้งสามคนนั้นไม่ได้อยู่ภายในเขตทหารหลายวัน เมื่อวันนี้กลับไปแล้วผู้อาวุโสทั้งสองคนต่างก็มีความสุขมากและอุ้มหู่จือพลางกอดจูบไม่ยอมปล่อย
หู่จือเองก็มีเรื่องพูดคุยกับผู้อาวุโสมากมาย อย่างเช่นคุณตารองซื้อมอเตอร์ไซค์ให้กับแม่ แม่ของเขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับไปส่งเขาที่โรงเรียนทุกวัน เป็นอะไรที่เจ๋งมาก
เพื่อนร่วมห้องของเขาต่างก็พากันอิจฉา
เมื่อหู่จือออดอ้อนผู้อาวุโสเสร็จสิ้น เขาก็ได้ยินว่าเฉินเจียวั่งอยู่บ้าน จึงรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อเรียกให้เฉินเจียวั่งลงมาด้านล่าง
เมื่อได้ยินเฉินเจียเหอกล่าวว่าหลินเซี่ยต้องไปเมืองเชินเฉิงกับเซี่ยไห่ ปฏิกิริยาแรกของผู้เฒ่าเฉินคือเป็นกังวล ภายในหัวใจของเขา ธุรกิจห้องเต้นรำที่เซี่ยไห่ทำอยู่ล้วนไม่มีความน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากและค่อนข้างวุ่นวาย
แต่อย่างไรก็ตามเซี่ยไห่คืออารองของหลินเซี่ย ทำให้เขาพูดอะไรได้ไม่มากนัก
เขาถามเฉินเจียเหอว่าเขาขอลางานไปกับหล่อนได้หรือไม่ เฉินเจียเหอกล่าวว่าไม่สามารถปลีกตัวออกจากโรงงานได้เลย
เฉินเจียเหอรู้ว่าปู่มีอคติกับเซี่ยไห่ หลังจากครอบครัวทั้งสองกลายเป็นเครือญาติกัน เขาก็เข้าใจว่าทำไมเซี่ยไห่ทำงานหนักเพื่อหาเงิน แต่ถึงอย่างไรปู่ก็ไม่เห็นด้วยกับธุรกิจที่เขากำลังทำอยู่ดี
“ปู่ ปู่ไม่ต้องกังวลไปนะครับ เซี่ยไห่คุ้นเคยกับที่นั่นมาก ไม่มีปัญหาแน่นอน”
คุณย่าเฉินเอ่ยกำชับกับหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย ไปเมืองเชินเฉิงแล้วจะต้องระมัดระวังความปลอดภัยด้วย เดินตามอารองของเธอให้ดี อย่าหลงทางเด็ดขาด”
หลินเซี่ยยิ้มและเอ่ย “คุณย่าคะ คุณย่าสบายใจได้เลยค่ะ ฉันไม่หลงทางแน่นอน”
คุณย่าเฉินเห็นหลานชายถูกหู่จือพาลงมายังชั้นล่าง จากนั้นเอ่ยถามหลินเซี่ย “ไปซื้อของกันเยอะหรือเปล่า? เจียวั่งเพิ่งสอบเสร็จพอดี อยากให้เขาไปกับพวกเธอไหม ให้เขาคอยช่วยพวกเธอถือของไหม”
เฉินเจียวั่งได้ยินคำพูดของย่าแล้วก็มองไปทางเฉินเจียเหอและหลินเซี่ยด้วยสายตาสงสัย
หลินเซี่ยจะไปซื้อของที่เมืองเชินเฉิงเหรอ?
เขายังไม่ทันเอ่ยปาก ใบหน้าของคุณย่าเฉินพลันมืดมนเพราะถูกตาแก่พร่ำบ่น
“ทำไมคุณถึงเสนอความคิดไม่เข้าท่าแบบนี้? สุขภาพเจียวั่งเป็นอย่างนั้นคุณยังกล้าให้เขาวิ่งเล่นไปทั่วอีกหรือ? เขายังต้องรับการรักษาอยู่นะ”
เฉินเจียวั่งต้องการกล่าวบางอย่าง แต่เมื่อปู่พูดเช่นนี้ เขาพลันเงียบลงอีกครั้ง
ก้นบึ้งนัยน์ตาปรากฏความเหงาและความเศร้าอย่างไม่อาจปกปิดได้
คุณย่าเฉินตอบกลับผู้เฒ่าเฉินอย่างขุ่นเคือง “ไม่ใช่ว่าเซี่ยเซี่ยบอกว่าไปเพียงไม่กี่วันก็กลับหรอกเหรอ? ตอนนี้เจียวั่งก็ไม่จำเป็นต้องไปบ้านผู้อาวุโสเย่ทุกวันแล้ว ออกไปเที่ยวเล่นบ้างก็ไม่เป็นอะไรหรอก คุณนี่ก็ระแวงเกินไป”
หลินเซี่ยอธิบาย “ย่าคะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไปกับอารองสองคนได้ค่ะ อารองของฉันมีห้องเต้นรำอยู่ที่นั่น คงมีคนมาช่วยขนของอยู่ค่ะ”
“ตกลง งั้นพวกเธอรีบไปรีบกลับนะ”
ขณะนี้เฉินเจิ้นเจียงและโจวลี่หรงรวมถึงเฉินเจียซิ่งยังไม่เลิกงาน เฉินเจียเหอเอ่ยถามปู่ของเขา “ช่วงนี้เจียซิ่งเป็นอย่างไรบ้าง? ยังทำงานที่เดิมหรือเปล่าครับ?”
ปีที่แล้วเฉินเจียซิ่งเปลี่ยนงานอยู่บ่อยครั้ง หน่วยงานที่เข้าไปทำได้ก็เข้าไปทำหมดแล้ว ครั้งนี้ไม่ได้ยินเรื่องการเปลี่ยนงานของเขามาสักพักแล้ว เฉินเจียเหอเดาว่าเขาน่าจะหางานที่ลงตัวได้แล้ว
“ใช่ เขายังคงเป็นผู้จัดการฝ่ายการตลาด งานนี้น่าจะเหมาะกับเขา ตอนนี้เขาออกไปทำงานแต่เช้าและกลับดึก ไปทำงานทุกวัน ไม่ได้เหลาะแหละเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อเดือนก่อนหลังจากได้เงินเดือนก็ยังซื้อของให้กับพวกเรา หลังชีวิตแต่งงานครั้งนั้นล้มเหลวเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เป็นผู้ใหญ่มากกว่าเมื่อก่อนมาก”
เฉินเจียเหอได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้าพึงพอใจมาก เขาเอ่ยตอบ “โตขึ้นแล้วก็ดี”
เอ่ยถึงเฉินเจียซิ่งได้ไม่ทันขาดคำ เจ้าตัวก็กลับมาถึงบ้านแล้ว
“พี่ใหญ่” เฉินเจียซิ่งเข้ามาภายในบ้าน เมื่อเห็นครอบครัวของเฉินเจียเหออยู่ด้านใน เขาก็เอ่ยเรียกพี่ใหญ่ จากนั้นสายตาก็มองไปยังหลินเซี่ย ลังเลชั่วขณะและเอ่ยอีกครั้ง “พี่สะใภ้ใหญ่”
“หา? อือ สวัสดี” หลินเซี่ยรู้สึกประหลาดใจมาก คาดไม่ถึงเลยว่าวันนี้เฉินเจียซิ่งเป็นฝ่ายทักเธอว่าพี่สะใภ้ก่อน
หลังไม่ได้เจอกันมานาน ดูเหมือนว่าเขาสุขุมขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่มีท่าทางยโสโอหังเมื่อก่อนหน้านี้อีกแล้ว
ผู้เฒ่าเฉินเห็นว่าหลานคนรองกลับมาแล้วก็ทักทายด้วยรอยยิ้ม “มา เจียซิ่งรีบมานั่งพักเถอะ มาพูดคุยกับพี่ใหญ่ของแก พี่ใหญ่ของแกเพิ่งถามถึงเรื่องงานของแกอยู่น่ะ”
เฉินเจียซิ่งนั่งลงและเอ่ยทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ เมื่อผู้เฒ่าเฉินเอ่ยถามเรื่องงาน เขาเองก็ตอบกลับอย่างว่าง่าย จากนั้นก็เดินเข้าไปเล่นกับหู่จือ
ตอนแรกหู่จือเองก็มองเฉินเจียซิ่งอย่างระแวดระวัง เพียงเรียกอารองด้วยความสุภาพ แต่ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขานัก
เขารู้ว่าอารองไม่ชอบเขา
เฉินเจียซิ่งยิ้มพลางหยิบช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “ให้เธอ”
หู่จือไม่ยอมรับ เขามองไปทางเฉินเจียเหอและหลินเซี่ย
เฉินเจียเหอกล่าว “รับไปเถอะ”
หู่จือยื่นมือเล็กๆออกมารับด้วยความระมัดระวังและหยิบช็อกโกแลตภายในมือของเฉินเจียซิ่ง
“ขอบคุณครับอารอง”
หู่จือแกะกระดาษห่อช็อกโกแลตอย่างเบามือ ช็อกโกแลตนี้แม่ของเขาเคยซื้อให้เขา ได้ยินว่าราคาแพงที่สุดในร้าน
เมื่อหู่จือกินเสร็จก็เลียริมฝีปากราวกับว่ายังไม่หนำใจ
เฉินเจียซิ่งอุ้มหู่จือขึ้นและเอ่ย “ไปกัน อาจะพาเธอไปซื้อที่ร้านด้านนอกนะ”
“พ่อครับ แม่ครับ ไปได้หรือเปล่า?”
เฉินเจียซิ่งเคาะหน้าผากของหู่จือ “เจ้าเด็กน้อย เธอยังต้องขอความคิดเห็นจากพ่อแม่ด้วยเหรอ? ฉันพาเธอไปซื้อขนมไม่ได้หรือไง?”
หู่จือตอบอย่างจริงจัง “ผมต้องเชื่อฟังคำพูดของพ่อกับแม่ครับ”
“ได้ ห้ามกินล่าเถียวนะ ไม่งั้นจะไอ”
หลินเซี่ยกล่าวเช่นนั้น หู่จือพลันเอ่ยด้วยความดีใจ “อารอง แม่ของผมตกลงแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
ครั้นเฉินเจียซิ่งพาหู่จือออกไปแล้ว คุณย่าเฉินก็ถอนหายใจ “เจียซิ่งเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ เขาเองก็ถึงช่วงอายุที่จะเป็นพ่อคนแล้ว ถ้าเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ได้โกหกพวกเราในครั้งนั้นและตั้งครรภ์จริงๆ ตอนนี้ก็คงใกล้คลอดแล้ว เฮ้อ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เดี๋ยวก็รู้แหละค่ะว่าจากแฟนเล่นๆ จะกลายเป็นแฟนจริงๆ หรือเปล่า
เจียซิ่งหลังพ้นกรรมจากยัยเสี่ยวเหมยแล้วชีวิตรุ่งขึ้นเยอะเลย
ไหหม่า(海馬)