ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 418 นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 418 นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ตอนที่ 418 นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ค่ำคืนบนรถไฟอันวุ่นวายนั้นผ่านพ้นไปแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นหลินเซี่ยและเซี่ยไห่ก็มาถึงเมืองเชินเฉิง

หลังเดินตามฝูงชนกลุ่มใหญ่ออกจากสถานี หลินเซี่ยก็มองไปรอบด้านด้วยความรู้สึกแปลกใหม่ เซี่ยไห่กลัวว่าหลานสาวจะหลงทาง จึงจับข้อมือของเธอไว้แน่นและเดินไปด้านหน้า หลินเซี่ยที่อยากดูสิ่งแวดล้อมเพิ่มเติมก็พลันไม่มีอิสระ

เมื่อทั้งคู่มาถึงลานกว้างของสถานีรถไฟ เซี่ยไห่รับสายโทรศัพท์จากเฉินเจียเหอ

มือข้างหนึ่งของเซี่ยไห่จับข้อมือของหลินเซี่ย มืออีกข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าหนังใบเล็กอย่างยากลำบาก

หลินเซี่ยมองท่าทางยากลำบากของเขา มุมปากกระตุกเล็กน้อย “อารอง อาปล่อยฉันก่อนก็ได้นะคะ”

พวกเขาสองคนอยู่ในสภาพนี้ คนที่ไม่รู้นั้นอาจจะคิดว่าเธอถูกลักพาตัวหรือไม่ก็สมองมีความผิดปกติจนต้องมีใครสักคนคอยจูงมือ

“ฉันกลัวว่าเธอจะหลงทาง”

ภายในสายตาของเซี่ยไห่ หลานสาวคนโตของเขามาเมืองเชินเฉิงครั้งแรก ที่นี่รถเยอะและคนเยอะ โดยเฉพาะในสถานีรถนั้นวุ่นวายมาก จะเกิดเรื่องผิดพลาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด

เซี่ยไห่ใช้มือข้างหนึ่งหยิบโทรศัพท์มือถือและกดปุ่มรับสาย

“ถึงสถานีปลายทางหรือยัง?” เสียงของเฉินเจียเหอดังขึ้นจากสายโทรศัพท์

เซี่ยไห่เงยหน้ามองดูนาฬิกาเรือนใหญ่ตรงลานสถานีรถไฟ จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “นี่นายนับทุกวินาทีแล้วโทรหาฉันใช่ไหมเนี่ย? พวกเราเพิ่งลงจากรถไฟ”

เฉินเจียเหอชำเลืองมองนาฬิกาข้อมือ เขากำลังจับเวลาอยู่จริงๆ

เขากล่าว “ส่งโทรศัพท์ให้เซี่ยเซี่ยหน่อยครับ”

“อ้อ” เซี่ยไห่ยื่นโทรศัพท์ให้กับหลินเซี่ย “แฟนเธอโทรมาน่ะ เธอรับสายซะ”

เซี่ยไห่จับมือขวาของหลินเซี่ยไว้ เธอจึงต้องเอื้อมมือซ้ายไปรับโทรศัพท์พร้อมกับเอ่ยเสียงหวาน “เฉินเจียเหอ พวกเราเพิ่งถึงเมืองเชินเฉิงน่ะค่ะ”

เฉินเจียเหอเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “เมื่อคืนอยู่บนรถไฟนอนหลับไม่สนิทใช่ไหมครับ? หิวหรือเปล่า?”

“บนรถไฟเสียงดังเล็กน้อย เลยนอนไม่ค่อยหลับค่ะ”

บนรถไฟสั่นสะเทือนมาก ประกอบกับความรู้สึกตื่นเต้นเพราะอยากสัมผัสบรรยากาศบนรถไฟของยุคสมัยนี้ของเธอ ดังนั้นต่อให้จะเสียงดัง ตัวรถโคลงเคลงและแออัด แต่เธอก็คิดถึงบรรยากาศอันคึกคักของยุคสมัย

ดังนั้นเธอก็เลยไม่อยากนอน

“อีกเดี๋ยวไปกินข้าวกันก่อนและบอกเหล่าเซี่ยว่าคุณขอพักผ่อนสักครึ่งวัน จากนั้นค่อยไปทำธุระนะ”

เฉินเจียเหอเอ่ยกำชับเธอด้วยความเป็นห่วง “เดินตามเหล่าเซี่ยให้ดี ระวังตัวเองด้วย”

หลินเซี่ยชำเลืองมองข้อมือที่ถูกเซี่ยไห่จับไว้ราวกับจูงลูกสุนัขตัวหนึ่งและเอ่ยตอบ “รู้แล้ว คุณเองก็อย่าลืมกินข้าวให้ครบสามมือและกินให้ตรงเวลานะคะ”

“แล้วก็คุณอย่าลืมรดน้ำดอกไม้ให้ฉันด้วย หากคุณมีเวลาก็ไปหาหู่จือด้วยและเอาเสื้อชั้นเดียวสักสองตัวไปให้เขาเปลี่ยนด้วย”

“รับทราบแล้วครับ”

เซี่ยไห่ที่อยู่ด้านข้างนั้นรับฟังด้วยความร้อนรน “เซี่ยเซี่ย ค่าบริการระบบโรมมิ่งนั้นแพงมาก ตอนนี้พวกเธอหยุดคุยกันแล้วรีบวางสายได้แล้ว”

เฉินเจียเหอได้ยินเสียงกระวนกระวายของเซี่ยไห่จากปลายสายโทรศัพท์ ใบหน้าหล่อเหลาของพลันพลันแข็งทื่อเล็กน้อย ก่อนบอกให้หลินเซี่ยยื่นโทรศัพท์คืนเซี่ยไห่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อารอง ออกไปด้านนอก อย่าตะโกนใส่หล่อน ถ้าค่าบริการโทรศัพท์มาแล้วผมจะจ่ายให้คุณ”

เซี่ยไห่ได้ยินเช่นนั้นก็พลันกลอกตา “ได้ยินน้ำเสียงคนรวยเช่นนี้ของนาย หากไม่รู้จักก็คงคิดว่านายร่ำรวยมาก”

“เอาล่ะ วางสายแล้ว”

เซี่ยไห่เก็บโทรศัพท์และเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไอ้เจ้าเด็กเจียเหอนั้นตกอยู่ภายใต้กำมือของเธอแล้ว เมื่อคืนนี้ก็ไม่ได้พบเจอกัน เขาร้อนรนจนกลายเป็นแบบนี้และทนเห็นเธอได้รับความคับข้องใจไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”

หลินเซี่ยหัวเราะเล็กน้อย “แน่นอนอยู่แล้ว”

เธอจ้องมองไปรอบด้านและเห็นว่าพวกเขายืนอยู่ตรงนี้มานานแล้วและไม่มีใครมารับ เธอเอ่ยถามเซี่ยไห่ “อารอง ไม่มีใครมารับพวกเราเหรอ?”

เซี่ยไห่หรี่ดวงตาลงและแสดงสีหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมกับส่ายศีรษะ “ไม่มี ครั้งนี้ฉันมาแบบเซอร์ไพร์ส”

เขาไม่อาจทำให้คนหนุ่มสาวภายในร้านเต้นรำรู้ล่วงหน้าว่าเขามายังเมืองเชินเฉิงได้

เขาต้องการดูว่าเมื่อเขาไม่อยู่ พวกเขานั้นทำงานหรือว่ากำลังเกียจคร้านอยู่กันแน่

หลินเซี่ยเอ่ยถาม “งั้นพวกเราจะไปไหนคะ?”

การมาเยี่ยมอย่างกะทันหันภายในเวลาเช่นนี้คงไม่ได้อะไรมากนัก ช่วงเวลาบ่ายนี้ร้านเต้นรำนั้นเพิ่งเปิดทำการ ขณะนี้คือเวลาพักผ่อน

“ฉันจะไปส่งเธอและให้เธอพักผ่อนที่โรงแรมก่อน ฉันต้องไปยังหมู่บ้านถวนเจี๋ยที่ฉันเคยอาศัยอยู่ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีเพื่อนบ้านโทรหาฉันและกล่าวว่าเขตพื้นที่นั้นกำลังพัฒนา ฉันจะกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เธอนอนก่อนเถอะ ช่วงบ่ายฉันจะกลับมาและพาเธอไปยังตลาดค้าส่ง”

หลินเซี่ยเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและมีความอยากรู้อยากเห็นต่อทุกสิ่ง หล่อนกล่าว “ฉันไม่ง่วงและไม่เหนื่อย ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนหรอกค่ะ ฉันจะไปที่นั่นกับคุณด้วย”

เธอเองก็อยากไปเที่ยวเล่นและอยากเห็นว่าเมืองใหม่ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วเป็นอย่างไร

“เธอไม่ต้องไปหรอก ที่นั่นอยู่ไกลมาก”

หลินเซี่ยยังคงยืนกราน “ไม่ได้ ฉันจะไป คุณปล่อยให้ฉันอยู่โรงแรมคนเดียว คุณไม่กังวลเหรอ?”

“ได้ งั้นก็ไปกันเถอะ”

เซี่ยไห่เรียกรถแท็กซี่และบอกตำแหน่งของเขา รถแท็กซี่ขับมาแล้วประมาณครึ่งชั่วโมง จากถนนซีเมนต์เข้าสู่ถนนลูกรัง ขับมาสักพักหนึ่งในที่สุดก็จอดตรงบริเวณทางเข้าหมู่บ้านประมงที่ดูทรุดโทรม

ภาพฉากตรงนี้นั้นแตกต่างกับเมืองยุคสมัยใหม่ที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วโดยสิ้นเชิง

เซี่ยไห่จ่ายเงินให้กับคนขับแท็กซี่และพาหลินเซี่ยเดินไปยังด้านหน้าบนถนนลูกรังที่เต็มไปด้วยโคลนและหลุมบ่อหลังฝนตก

เขาเดินไปด้านหน้าพลางเอ่ยแนะนำ “สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ตั้งหลักครั้งแรกเมื่อฉันมายังเมืองเชินเฉิง เมื่อฉันมาที่นี่ ฉันค้าขายอาหารทะเล ฉันซื้อลานเก่าขนาดเล็กด้านหน้าและลานว่างเปล่าด้านหน้านั้นด้วย เงินก้อนแรกของฉันก็มาจากสถานที่แห่งนี้ ก่อนหน้านี้เคยเป็นตลาดขายส่งอาหารทะเล ครั้งนี้มาเพื่อขายบ้านโทรมหลังนี้ พวกเธออาศัยอยู่ที่เมืองไห่เฉิง อาชีพภายในอนาคตของฉันเองก็อยู่ที่เมืองไห่เฉิงเช่นกัน”

“อารอง อามีความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวมาก”

หลินเซี่ยมองสำรวจเส้นทางถนนทรุดโทรม ถนนที่เปรอะเปื้อนโคลน บ้านดินทรุดโทรมและมีร้านค้าบางแห่งปิดตัวลง

รกร้างและเงียบเหงาเป็นอย่างมาก

เมื่อมองระยะไกลก็มองเห็นตึกสูงตั้งตระหง่านอยู่ห่างไกลออกไปอย่างคลุมเครือ

ขับรถมาเพียงครึ่งชั่วโมง สถานที่แห่งนี้และเมืองที่ห่างไกลก็ดูราวกับว่าเป็นคนละโลก

เซี่ยไห่พาหลินเซี่ยเข้ามาภายในเขตพื้นที่ของเขา

ตัวล็อคประตูชำรุดและเป็นสนิม เขาหยิบกุญแจออกมาเปิดประตู กลิ่นของอาหารทะเลนั้นลอยคละคลุ้งไปทั่วบ้าน

เซี่บไห่โบกมือและไม่ให้หลินเซี่ยเข้ามาใกล้

หลินเซี่ยมองดูภายในลานกว้างทรุดโทรมที่ยังมีถังขนาดใหญ่สำหรับเก็บอาหารทะเล บนผนังยังมีเสื้อผ้าเก่าขาดรุ่งริ่งที่หลินเซี่ยทิ้งไว้ หล่อนมองดูผู้ชายหล่อเหลาและสดใสตรงหน้า เส้นผมเงางามและสวมรองเท้าหนัง ด้วยความรู้สึกซับซ้อนมาก

เมื่อเขาสร้างตัวจากสองมือเปล่า เขาเองก็ผ่านความลำบากมาไม่น้อย

เหมือนกับเนื้อเพลงที่ได้ร้องเอาไว้ ไม่มีใครประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย

เธอและเซี่ยไห่มองสำรวจภายในลานบ้าน จากนั้นมองดูสภาพแวดล้อมด้วยความแปลกใหม่

เธอหันกลับไปมองดูอาคารขนาดใหญ่ที่ปรากฏให้เห็นจากระยะไกล จากนั้นก้มศีรษะมองดูผืนดินที่พวกเขากำลังยืนอยู่

ภาพบางอย่างฉายผ่านความคิดอย่างอดไม่ได้

สถานที่นี้คือ……..

อาคารสำนักงานและห้างสรรพสินค้าที่เพิ่งเริ่มเกิดขึ้นภายในยุค90

แม้จะเป็นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ถนนแห่งนี้ก็ยังคงเป็นถนนการค้าที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดภายในเมืองเชินเฉิง

เป็นเพราะความรู้นี้ หลินเซี่ยพลันรู้สึกตื่นเต้นขึ้นในทันใด

ถนนสภาพทรุดโทรมแห่งนี้ที่พวกเขากำลังยืนอยู่ ปีหน้าจะเริ่มการก่อสร้างอาคารสำนักงานแห่งแรกของเมืองเชินเฉิง นอกจากนี้ยังมีห้างสรรพสินค้าระดับไฮเอนด์อีกด้วย

นักพัฒนาคืออู๋เซิ่งหงเถ้าแก่ระดับรากหญ้าที่มาจากเขตชนบทในยุค80

เส้นทางชีวิตของนักพัฒนาคนนี้นั้นกล่าวได้ว่าเป็นตำนานเลยทีเดียว

ชายหนุ่มผู้มีชะตาเป็นช่างก่ออิฐและกลายเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศ

หลินเซี่ยเห็นบันไดไม้ตั้งอยู่ภายในลานกว้าง เธอขยับบันไดนั้นไปยังมุมกำแพงและปีนขึ้นไปด้านบนหลังคา ทอดสายตามองดูภาพฉากระยะไกล

เมื่อมองภาพระยะไกลจากมุมสูง โดยพื้นฐานแล้วเธอสามารถยืนยันได้ อสังหาริมทรัพย์เซิ่งหงที่ก่อตั้งโดยอู๋เซิ่งนั้นได้สร้างอาคารขนาดใหญ่แห่งแรกของเมืองเชินเฉิงภายในสถานที่แห่งนี้

เดิมทีเซี่ยไห่กำลังหวนนึกถึงความยากลำบากและความหวานชื่นภายในลานกว้าง หวนนึกถึงความลำบากเมื่อครั้งที่ตนเองเคยอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อเงยหน้าขึ้นพลันเห็นหลานสาวปีนขึ้นไปบนหลังคาที่ชำรุด เขาตื่นตระหนกมาก “เซี่ยเซี่ย เธอปีนขึ้นไปสูงขนาดนั้นทำไม?”

หลินเซี่ยทอดสายตามองดูภาพระยะไกลและเอ่ยตอบ “ฉันก็แค่อยากขึ้นมาดูน่ะค่ะ”

“สถานที่ซอมซ่อแบบนี้มีอะไรให้ดู?”

ริมฝีปากของเซี่ยไห่กล่าวว่าเป็นสถานที่ซอมซ่อ แต่เมื่อคิดว่าจะต้องขาย ภายในหัวใจยังคงรู้สึกสับสน

เขาเอ่ยเรียก “รีบลงมาเร็วเข้า ฉันจะลองไปสอบถามดูว่าใครต้องการขายที่ดินแห่งนี้ ฉันจะไปถามด้านข้างเหล่านั้นว่ารับซื้อราคาเท่าไร ฉันจะได้เสนอราคาพอดี”

หลินเซี่ยยังคงมองดูภาพระยะไกลและยืนนิ่งงันไม่ขยับเขยื้อน

“เซี่ยเซี่ย เธอลงมาได้แล้ว เหม่ออะไรอยู่?”

“อ้อ” หลินเซี่ยปีนลงมาจากบันได เซี่ยไห่รีบจับบันไดให้กับเธอ

กระทั่งฝีเท้าของเธอแตะพื้น เขาพลันถอนหายใจอย่างโล่งอก

“บรรพบุรุษตัวน้อย เธอใจเย็นลงหน่อยเถอะ ถ้าหล่นกระแทกลงมา เมื่อกลับไปแล้วฉันไม่สามารถให้คำอธิบายกับทุกคนได้หรอกนะ”

หลินเซี่ยปัดฝุ่นบนมือของตนพลางมองเซี่ยไห้และเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อารอง บ้านหลังนี้ขายไม่ได้นะคะ”

“ทำไมล่ะ?” เซี่ยไห่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

บ้านหลังนี้ต่อไปต้องให้ผลกำไรดีแน่นอน ว่าแต่เซี่ยเซี่ยจะเอาเหตุผลอะไรมาอ้างไม่ให้อารองขายดีล่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท