เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น? – ตอนที่ 20 ฮึ้มมม~

เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?

 

เช้าวันรุ่งขึ้น

 

“……”

 

“นี่..”

 

“………”

 

“เน่..!! ได้ยินมั้ยเนี่ย!  ”

 

“หืม?”

 

ภายในห้องเรียน ขณะที่ผมกำลังนั่งอย่างโดดเดี่ยวก็ได้เหม่อลอยไปพักใหญ่ๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงคนเรียกข้างๆ

 

เมื่อผมค่อยๆหันไปก็พบกับผมยาวสีแดงเพลิงเงางาม และใบหน้าสวยได้รูปงดงามหมดจดพร้อมกับนัยน์ตาสีม่วง

 

เอเลน่ากำลังมองมาทางนี้พร้อมกับใช้นิ้วเรียวยาวของเธอแตะโช้คเกอร์ที่คอไปด้วย ท่าทางดูกระสับกระส่าย

 

“อาา อรุณสวัสดิ์นะเอเลน่า”

 

“อรุณสวัสดิ์”

 

“…..”

 

“ค..แค่นั้นอะนะ? ไม่มีเรื่องอะไรจะพูดอีกแล้วรึไง”

 

“เอ๊ะ? อรุณสวัสดิ์เช่นกัน? ”

 

“ไม่ใช่สักหน่อย!  ….เฮ้ออ”

 

เอเลน่าถอนหายใจผ่านริมฝีปากสีชมพูที่ดูอวบอิ่มของเธอและจ้องมองผมอย่างไม่ละสายตา

 

“หลังจากเกิดเรื่องเมื่อวานไปแล้วก็ยังดูชิลๆอยู่เลยเนอะ โทษทีนะแต่ฉันรู้เรื่องหมดแล้วย่ะ เรื่องที่นายให้คำปรึกษากับอลันน่ะ”

 

“อ๋าา—”

 

“ไม่ต้องมา ‘อ๋าา’ เลยนะ เรื่องนั้นแทนที่จะเงียบไว้ก็ช่วยบอกฉันสักหน่อยเถอะ!….ถะ -ถ้านายบอก บางทีฉันอาจจะยอมชมนายสักนิดนึงก็ได้…”

 

—พึมพำๆ

 

ประโยคหลังๆของเอเลน่ากลายเป็นการพูดงึมงำๆไปแทนจนเบเรต์ไม่ได้ยิน ขณะเธอพูดก็ก้มมองตํ่าและกระพริบตาถี่ๆ

 

“ขอโทษที ฉันควรจะบอกเธอก่อนจริงๆนั่นแหละน้า แล้วฉันก็ให้คำแนะนำกับเขาไปจริงๆซะด้วยสิ ”

 

“นายคิดอย่างนั้นจริงๆงั้นเหรอ? เหมือนคำพูดของนายมันฟังดูไม่มีนํ้าหนักสักเท่าไหร่เลยนะ”

 

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า…”

 

(อุหวา มีสายตาที่เฉียบคมชะมัด …บอกไม่ได้เด็ดขาดว่าที่แท้จริงแล้วตอนให้คำปรึกษาเราไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็นน้องชายของเอเลน่า)

 

ไม่ใช่ว่าผมตั้งใจจะปิดบังเธอแต่อย่างใด แต่มันช่วยไม่ได้

 

“อะ..เอ่อคือว่านะ อลันตอนอยู่ที่บ้านเขาดูเป็นไงบ้างเหรอ? เขาโอเคดีใช่ไหม? ฉันค่อนข้างจะพูดรุนแรงกับเขาไปซะด้วยสิฉันก็เลยเกิดเป็นห่วงขึ้นมา”

 

“นายนี่ก็เป็นห่วงคนอื่นเป็นเหมือนกันสินะ น่าตกใจจริงๆ แต่ว่าหายห่วงเถอะ แทนที่เขาจะเศร้าแต่ว่ามันกลับกันเลยต่างหาก เขาทำตาเป็นประกายและพูดชมนายซะยกใหญ่เลยล่ะ กว่าฉันจะทำให้สงบได้ลำบากแทบแย่…”

 

“งะ งั้นเหรอ? ถ้างั้นก็ดีแล้วล่ะ”

 

หลังจากได้รับคำตอบ

 

ผมเริ่มคิดทบทวนกับตัวเองในใจว่า ‘คราวหลังผมควรเลือกใช้คำพูดให้ดีกว่านี้ดีกว่า’ เมื่อตัดสินใจแน่วแน่ผมก็ยืดตัวขึ้น

 

“อะ เอ่อ… คือว่า…แบบว่า…..เบเรต์?”

 

“หืม? ทำท่าทำทางอย่างกับเชียเลยนะ”

 

“อะ! ก ก่อนอื่นเลยก็ขอบคุณนะเบเรต์ หลังจากฟังก็ฉันเล่าถึงปัญหาของฉันไปแล้ว ก็ยังอุส่าไปตามหาอลันเพื่อให้คำปรึกษาเขาอีก….! ”

 

หลังจากพูดจบ เอเลน่าก็เม้มปากแน่น โค้งคำนับให้อย่างเขินอาย…..แต่ว่า ผมไม่เข้าใจว่าเธอจะขอบคุณผมทำไมนี่สิ?

 

“เดี๋ยวนะ นี่เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่อะ?”

 

(แรกเริ่มเดิมทีแล้วผมไม่ได้ตั้งใจจะไปตามหาอลันสักหน่อย เพราะว่าผมกับเขาก็ไม่ได้รู้จักอะไรกันเป็นพิเศษ ที่เจอนั่นก็แค่บังเอิญ…)

 

“ถึงจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ ก็เพราะมันไม่มีเหตุผลอะไรที่นายจะไปห้องสมุดได้เลยนี่นา”

 

“เอ๊ะ?”

 

(มะ หมายความว่าไงฟะ? ผมก็แค่แวะไปห้องสมุดเพราะจะไปคืนหนังสือที่ยืมมาไง และก็มีธุระกับลูน่านิดหน่อยด้วย…)

 

อือออ ไม่เห็นเข้าใจเลยแหะ

 

“ที่ผ่านมานายเป็นคนแบบนี้มาโดยตลอดเลยงั้นเหรอ? ถ้านายทำอะไรที่สมควรได้รับคำชมแค่ยืดอกรับมันไว้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่ ”

 

“…..”

 

(เอาไงดีอะ ผมเริ่มจะตามเรื่องราวไม่ทันละนะ ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้ตั้งใจตามหาน้องชายเธอสักหน่อย มันก็แค่บังเอิญน่ะ บังเอิญญ….)

 

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจ

 

ถ้าหากผมยังอ้ำๆอึ้งๆต่อไปแบบนี้ เรื่องนี้มันก็วนเวียนไม่รู้จบแน่

 

งั้นก็สรุปไปตามที่ผมเข้าใจก็แล้วกัน เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ตอบกลับเธอไป

 

“ถ้าทำสิ่งที่สมควรได้รับคำชม งั้นเหรอ คือว่านะ ฉันไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นไปเพื่อหวังคำขอบคุณหรอกนะ และบอกไว้ก่อน การใช้เธอเป็นเครื่องมือเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงอันเลวร้ายของฉันน่ะยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย เพราะงั้นถึงฉันจะเงียบไว้ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่”

 

“หืมมม~ พูดจาซะใหญ่โตเชียวนะ หมายความว่าไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นรู้งั้นสิ? ทั้งที่มีแต่ข่าวลือแย่ๆแท้มาทำเป็นเท่ไปได้..”

 

“อะ ฮ่าๆๆ ที่พูดมาก็มีเหตุผล ”

 

ถึงผมจะใช้ชีวิตที่สองต่อจากเบเรต์คนก่อน แต่ตอนนี้กลับโดนหมัดแห่งความสมเหตุสมผลของเอเลน่าซัดเข้าให้อย่างจัง

 

“เอาเถอะ แต่ก่อนอื่นเลยขอบอกไว้ก่อนตอนนี้ท่านพ่อของฉันกำลังจับตาดูนายอยู่”

 

“เอ๊ะ? เมื่อกี้เธอว่าไงนะ?”

 

“เรื่องคำแนะนำของอลันก็ไปถึงหูท่านพ่อของฉันเหมือนกัน เมื่อเช้าฉันโดนถามว่า ‘เบเรต์คุงเป็นคนแบบไหนงั้นเหรอ? ช่วยเล่าให้พ่อฟังอย่างละเอียดที ’   ”

 

“อะไรน่ะ น่ากลัวอะ ”

 

“ผ..เผื่– เผื่อไว้ก่อนนะ คือฉันบอกเขาไปในทางที่ดีแล้วล่ะ”

 

“ฉะ ฉันดีใจนะที่ได้ยินแบบนั้น แต่ว่าเธอก็ไม่เห็นจำเป็นต้องพูดช่วยฉันเลยนี่นา? ถึงเธอจะพูดเรื่องไม่ดีๆไปฉันก็ไม่รู้หรอก”

 

เป็นเรื่องจริงที่พ่อของเอเลน่าอยู่อันดับต้นๆในหมู่ท่านเอิร์ล

 

ไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่าการได้รับความสนใจจากคนแบบนั้นแล้วล่ะ

 

ถ้าเผลอทำอะไรไปโดยไม่คิดก่อนล่ะก็…..ความเสียหายไม่อาจคาดเดาได้

 

“น -นายเนี่ย…จริงๆแล้วหัวดีมากๆเลยสินะ”

 

“ไม่ๆ ทำไมเป็นงั้นไปได้ล่ะ?”

 

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เอเลน่าก็ทำสีหน้าเหมือนหายใจไม่ออกและเอามือปิดปากด้วยความประหลาดใจ

 

“ก็เพราะท่านพ่อฉันพูดว่า ‘ถ้าบอกเรื่องนี้กับเขาไป แล้วเขาพยายามปิดบังล่ะก็แสดงว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดมากเลยล่ะนะ เด็กคนนั้นน่ะ’  เขายังบอกอีกว่าสำหรับผู้ชายยิ่งมีความสามารถมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องแบกรับภาระหน้าที่ที่หนักหนามากยิ่งขึ้นเช่นกัน การไม่ทำตัวเด่นเกินไปจึงเป็นตัวเลือกที่คนฉลาดๆเขาจะทำกัน ”

 

“ไม่หรอก ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย..”

 

“ —และ ถ้าหากฉันบอกสิ่งที่พ่อฉันพูดเมื่อกี้ให้นายฟัง นายก็จะปฏิเสธอย่างใจเย็นแน่นอน นี่ก็เป็นสิ่งที่ท่านพ่อของฉันพูดไว้เช่นกัน ”

 

“……”

 

“ท่านพ่อบอกว่ายิ่งคนที่ฉลาดมากขนาดไหนก็จะยิ่งพยายามเรียนรู้แต่สิ่งใหม่ๆ และนำสิ่งนั้นมาปรับใช้มากยิ่งขึ้นเมื่อประสบผลสำเร็จก็กลับไม่พอใจเพียงแค่นั้น ยังค้นหาสิ่งใหม่ๆที่ดียิ่งกว่าไม่รู้จบ”   //TN: เดอะฟัก? เจอปรัชญาพ่อตาไปนี่ผมตึ้บเลยครับ ถ้าตามที่ผมเข้าใจก็คือเมียเดียวมันไม่พอหรอก เดี๋ยวก็ต้องหาเมียสองเมียสามเพิ่ม ใช่เปล่าไม่รู้นะ 5555

 

“…………..”

 

(เดี๋ยวนะๆ นี่พ่อเธอมีญาณทิพย์เหรอ?  ก็จริงที่ผมมาเกิดใหม่ในร่างนี้ก็มีข้อได้เปรียบทุกอย่าง แต่ว่า…)

 

ขนาดแค่ฟังผ่านเอเลน่าแต่มันกลับทำให้ผมขนลุกซู่ ราวกับว่าเขาจ้องมองผมอยู่ตลอดเวลา

 

“ฉันถูกบอกให้มาส่งต่อข้อความจากท่านพ่อก็จริง แต่ไม่คิดเลยที่ท่านพูดมาจะถูกหมดเลย…”

 

“ไม่หรอก ฉันไม่ได้หัวดีอะไรขนาดนั้นหรอกนะ”

 

“ที่จริง ฉันไม่ได้ฉลาดขนาดที่จะสามารถให้คำแนะนำดีๆกับอลันได้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกด้วยที่พ่อถามเรื่องของคนอื่นอย่างสนอกสนใจขนาดนั้น”

 

“หมายความว่า นี่ฉันโดนหมายหัวเป็นอันดับต้นๆเป็นที่เรียบร้อยแล้วสินะ”

 

“ไม่ผิดแน่”

 

“ตอบในทันทีเลยเหรอ……”

 

ด้วยรีเอคชั่นของเอเลน่าผมคิดว่าเธอไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ

 

“คือว่า แล้วพ่อของเอเลน่าวางแผนจะทำอะไรต่องั้นเหรอ? หลังจากที่ได้รายงานเรื่องนี้แล้วน่ะ”

 

“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก ก็คงเป็นเรื่องการหมั้นล่ะมั้ง? หรือพูดอีกอย่างก็คือแต่งงานทางการเมือง”

 

“กับใครเหรอ?”

 

“นาย”

 

เอเลน่าชี้นิ้วเรียวบางของเธอมาทางผม

 

“กับฉัน”

 

และก็ชี้ไปที่ตัวเอง

 

“อะ! หะ หาาา!?”

 

“ ‘หา’อะไรกันยะ..! หมายความว่าไม่พอใจในตัวฉันอย่างงั้นเหรอ? ตัวฉันคนนี้ที่ได้รับคำขอแต่งงานจากเหล่าขุนนางมามากมาย ฉันคนนี้เนี่ยนะ! ”

 

“ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”

 

แน่นอนว่าในโลกนี้ก็คงจะมีการแต่งงานทางการเมืองจริงๆนั่นแหละ แต่ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยน่ะสิ ผมตกใจก็เลยอุทานแบบนั้นออกมา

 

“แล้วเดิมทีเอเลน่าโอเคกับฉันจริงๆงั้นเหรอ? ก็อย่างที่รู้ๆ ฉันมีแต่ข่าวลือแย่ๆเต็มไปหมดเลยนะ ”

 

“……อะ…อ๋าา บาบูบาบูวว ไม่รู้ๆๆ ไปคิดเอาเองสิยะ!”

 

“เดี๋ยวๆ พูดอะไรของเธอเนี่ย”

 

ใบหน้าที่บูดบึ้งของเอเลน่าถูกย้อมไปด้วยสีแดง ทำไมเธอถึงดูโมโห ทำไมเธอถึงหน้าแดง ทำไมเธอถึงทำตัวประหลาดๆแบบนี้ ผมสับสนไปหมดแล้วนะ

 

“ก็ฉันไม่อยากพูด”

 

“พูดเถอะ อย่างน้อยๆก็อธิบายสักหน่อยเถอะนะ”

 

“….กะ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ฉันเคยพูดล้อเล่นกับอลันว่า ‘ใครก็ตามที่ช่วยแก้ปัญหาให้อลันได้จะให้สิทธิได้เป็นคู่แต่งงานกับฉัน’ แล้วน้องชายของฉันก็ดันไปเล่าเรื่องนี้ให้ท่านพ่อฟัง….. แหม อลันนี่ล่ะก็~ ดูเหมือนว่าตั้งแต่การให้คำปรึกษาวันนั้นเขาจะชอบนายมากเลยล่ะน้า ”       //TN: ประโยคนี้ดูเหมือนตอนที่13 ผมจะแปลผิดไปนะครับ ที่จริงแล้วเอเลน่าไม่ได้หยอกว่าจะให้แต่งงานกับอลันแต่จะให้แต่งงานกับตัวเอง เดี๋ยวผมไปแก้ให้นะครับขออภัยจริงๆเบลอไปหน่อย

 

“ไม่ไม่ไม่ ถ้างั้นนี่ก็เป็นความผิดของเอเลน่าสิ”

 

“เป็นความผิดของอลันต่างหาก! เขาควรจะมาถามฉันก่อนสิ! ”

 

“เพราะเธอดันไปพูดอะไรแปลกๆแบบนั้นไง เพราะงั้นเธอนั่นแหละที่ผิด ไม่เห็นจำเป็นต้องเอาตัวเองเข้าไปแลกเลย ”

 

“มะ..ไม่เห็นต้องพูดกันถึงขนาดนั้นก็ได้นี่นา….”

 

เอเลน่าที่ดูหน้าบูดกว่าเมื่อกี้ ก็ได้ทำหน้าอย่างงอนๆม้วนผมสีแดงของเธอเล่นไปมา

 

“ฉันอยากช่วยอลันมากถึงขนาดนั้นเลยนะ….”

 

“อา ก็จริงที่ว่าเธอเองก็เป็นคนใจดีเหมือนกับน้องชายของเธอนี่นะ”

 

“ใช่มั้ยล่ะ!?”  

 

“อื้อ ฉันเองก็ชอบส่วนนั้นของเธอเหมือนกัน”

 

“…….”

 

ทันทีที่เขาพูดกับเธอแบบนั้น เอเลน่าก็แน่นิ่งเป็นหินไปแล้ว แต่แล้วก็กลับคืนสภาพจากฟอสซิลได้อย่างรวดเร็ว

 

“ไม่สิ ถ้าเรื่องของฉันยังถูกเมินอยู่แบบนี้ฉันจะลำบากเอานะ”

 

“ฮึ! ฮึ้มมม~ ฉันไม่ได้พูดอย่างนั้นเพราะอยากจะให้นายชมหรอกนะ! ”

 

“ฉันรู้น่า”

 

เธอแสดงท่าทีเริ่ด! เชิ่ด! หยิ่ง! อย่างโจ่งแจ้ง เพื่อซ่อนความกระวนกระวายใจของเธอ

 

“…อะ….อืมมมม ก่อนอื่นก็ อ่ะนี่! ให้!”

 

“เอ๊ะ?”

 

เอเลน่าล้วงเอากล่องปริศนาจากในกระเป๋าและยื่นให้ผม

 

“นี่อะไรอะ”

 

“….ช็อกโกแลต”

 

เธอพูดด้วยนํ้าเสียงเริ่ด! เชิ่ด! หยิ่ง! อีกครั้ง เพื่อซ่อนความเขินอายของเธอ

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“ของตอบแทนสำหรับเมื่อวาน… เรื่องอลัน”

 

“อ่ออ..ขอบใจนะ”

 

“ฮึ้มม~”

 

เธอยังคงพูดด้วยนํ้าเสียงแบบนั้นจนประโยคสุดท้าย… จากนั้นเธอก็นั่งลง

 

ช็อกโกแลตที่เธอให้ผมมาละลายเล็กน้อย อาจเป็นเพราะมันสัมผัสกับอุณหภูมิร่างกายของเธอโดยตรง?

 

 

 

TN:อั้ยหยา รถไฟแต่ละขบวนเริ่มออกตัวจากสถานีแล้วจ้า สับรางให้ดีนะพ่อหนุ่มไม่งั้นหัวเองอาจจะไม่ได้อยู่กับตัว แต่อาจไปอยู่บนเรือแทนก็ได้นะ หึหึหึ

 

เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?

เกิดใหม่เป็นขุนนางสารชั่ว แต่ดันเป็นที่หมายปองของเหล่าสตรีสูงศักดิ์ซะงั้น?

Status: Ongoing
ชายผู้เกิดใหม่ในร่างบุตรชายเพียงคนเดียวของมาควิส ที่ทั้งก้าวร้าว และหยิ่งผยอง ตัวผมก็แค่อยากจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขไปวันๆ แต่เหล่าสตรีสูงศักดิ์กลับจ้องจะเล่นผมเสียอย่างนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน