ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 225 ศึกแวนโดเลีย ③ การเดินทัพที่มั่นคงเกินไป

ถนนสู่อาณาจักร

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

「เราจะตีพวกเขาแตกพ่ายในการปะทะเดียว」

「「โออออ้!!」」

ผมเลิกนับไปแล้วว่าเราสู้มากี่ครั้ง แต่ผมนำทหารม้าสู่การพุ่งเข้าตีศัตรูอีกครั้ง

ศัตรูพยายามเข้าขบวนแถวป้องกัน แต่พวกเขาแถวแตกก่อนเราปะทะจากการยิงธนูโดยทหารม้าธนู

「อีกครั้งที่ที่นี่จะเปลี่ยนเป็นการสังหารหมู่ ช่างเป็นความรู้สึกซับซ้อน」

ผมพูดระหว่างฟันทหารหน้าผม จากนั้นวิ่งผ่านผู้บัญชาการขี่ม้าและทำตัวเขาครึ่งบนกระเด็น

ตราบใดที่พวกเขาไม่ยอมแพ้ พวกเขายังเป็นศัตรูแม้จะวิ่งหนี

ผมไม่ต้องยั้งมือ

「บัดซบ! ทำไมเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับเรา……」

「นายแค่โชคร้าย」

ผมกวัดแกว่งหอกวิ่งผ่านทหารเมื่อเขาชูดาบพร้อมแล้วบ่น

「ถ้าเราแถวแตกอีกครั้งเราจะถูกขับไล่อีก!」

「ฉลาดดีนี่」

ผมทุบหัวทหารที่ให้กำลังใจคนรอบๆเขา

มันทำให้คนพวกนั้นที่อยู่ใกล้ๆหนีแตกกระจาย

ไม่มีศัตรูมากมายที่ต่อต้านอีกแล้ว พวกเขาแค่วิ่งหนีระหว่างเราไล่เก็บพวกเขา

「หนึ่งหน่วยน่าจะไล่เขาพอแล้ว คนอื่นทุกคนกลับไปที่กองทัพหลักแล้วเตรียมพร้อมเดินทัพ เราจะออกเดินทางหลังจากพักสั้นๆ!」

ผมไม่คิดว่ามีจุดหมายฆ่าคนไม่กี่คนที่ยังยืน

ผมจะบ่นกับลีโอโพลต์เมื่อกลับฐาน

「ศัตรูคิดอะไรอยู่? มาเจอกับเราด้วยกองทัพเล็กๆไม่มีกำลังใจ…… พวกเขาไม่ควรหวังชนะ」

หลังจากกำจัดศัตรูบนพรมแดน เราเจอกันกับทหารป้อมปราการและกำลังเสริมชาติภูเขาก่อนมุ่งหน้าลงใต้เพื่อรุกรานถิ่นแวนโดเลีย

ผมเขียนจดหมายพูดว่า “เราได้รับการโจมตีที่ไม่สมควรได้รับ และตอนนี้จะตอบโต้” และให้ทหารศัตรูที่ถูกจับเอาไปส่งให้เรา

「แต่ฉันไม่รู้ว่าจะไปถึงพวกเขาไหม」

「ทั้งหมดที่ศัตรูทำคือซื้อเวลา พวกเขาส่งกองกำลังแยกส่วนออกมาเพื่อเลี่ยงไม่ให้กองทัพหลักถูกไล่เมื่อพวกเขาหนี」

「ศัตรูควรลำบากอยู่ด้วยน่า พวกเขาทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้ความเร็วการเดินหน้าของเราช้าลง」

「ไมล่ามายืนพร้อมข้างผม」

เมื่อผมถูตูดเธอ เธอคิ้วขมวดแต่มีความสุข

โดยบังเอิญ มือซ้ายผมลูบคางปีปี้ ไม่มีมือที่ไม่สนุกอยู่

ซีเลียที่ถูกมองข้ามเดินไปมารอบผมระหว่างจ้องไมล่า

「ชาติศักดิ์สิทธิ์อัลแตร์ทำอะไรเร็ว」

ผมไม่รู้ว่าวิธีอะไรที่ลิบาติสใช้ให้อัลแตร์เชื่อ แต่พวกเขาตอบสนองทันทีและดูเหมือนเริ่มบุกแวนโดเลียเต็มรูปแบบ

พูดอีกอย่าง แวนโดเลียไม่มีกองกำลังเหลือมารบทางเหนือนอกจากกองทัพที่เรากำลังไล่เขาอยู่

ผู้บัญชาการของฝั่งนั้นต้องจนปัญญาแล้วแน่

「ฉันว่าปัญหาคือเราจะไปไกลแค่ไหน…​…」

「ที่ต้องการคือเส้นทางใต้ของมอลต์ แต่ไปกว่าจุดที่เราวางแผนไว้เถอะ ดินแดนแวนโดเลียจะเป็นของเราถ้าพวกเขาถูกทำลาย และเราอาจเสนอเงื่อนไขแลกเปลี่ยนสวนไปได้ถ้าศึกแนวหน้ากินกันไม่ลง」

「ถ้าไม่มีการต่อต้าน เราทำอะไรก็ได้ มาทำเท่าที่เราทำได้เถอะ」

ทั้งลีโอโพลต์และมอลต์ค่อนข้างไร้ปรานี

มันไม่เหมือนผมติดค้างอะไรกับแวนโดเลีย มาลุยเต็มที่เถอะ

「อย่าบอกดาช่าว่าเราเพิ่งพูดอะไรกัน มันจะทำให้เธอเป็นกังวลไม่จำเป็น ว่าแต่ เธออยู่ไหนล่ะ」

「……เมื่อวานเอเกอร์ซามะทำให้เธอน้ำแตกต่อหน้าทหารเธอเลยพูดว่าเธออยู่ไม่ได้แล้วเธอเลยไปนอน」

ขี้อายจริงๆ

「ที่สำคัญกว่าคือฉันกังวลที่โกลโดเนียเงียบ」

「……นั่นจริง」

ไม่เหมือนคราวที่เกิดขึ้นกับมอลต์ เราถูกทหาร 15,000 รุกรานครั้งนี้

มันเป็นการบุกโจมตีส่วนตัวใส่ผม แต่มันก็คิดได้เหมือนกันว่ามันเป็นการโจมตีโกลโดเนีย

ผมแจ้งพวกเขา แต่การตอบของพวกเขาค่อนข้างน่าผิดหวัง

ซีเลียนำจัดหมายออกจากกระเป๋าและอ่านอีกครั้ง

「สาส์นด่วนมาถึงเราเพื่อให้รู้ว่าทหารหนีทัพของแวนโดเลียคุมไม่อยู่ มันปรากฏว่าลอร์ดฮ​าร์ดเลตต์ใช้การตัดสินใจที่เหมาะสมเพื่อรับมือกับพวกเขา กองทัพหลวงอยู่ใต้การเตรียมทำสงคราม แต่ไม่มีการรุกรานข้ามฝั่งมา…… คือที่พวกเขาตอบ」

「เฉยๆมากจัง」

「ผมดูต้นทางว่ามันเป็นกับดักตั้งแต่แรกมั้ย」

ถ้าอย่างนั้นลีโอโพลต์คิดว่ามันเป็นกับดักเพื่อป่วนผม

「ไม่ได้ดูเหมือนเป็นอย่างนั้น คำตอบนี้และคำพูดกับมาตรการป้องกันไร้พิษภัยและไม่ล่วงเกิน….. ผมเดาว่าคนตำแหน่งสูงไม่มีเจตนาแจ้งเจตจำนง」

「หืมมม…… ฉันคิดว่าราชาโลภกว่านี้ซะอีก」

นี่เป็นราชาที่ขยายดินแดนเขาโดยหาเหตุผลอะไรก็ได้มารุกรานอาร์คแลนด์, มากราโด, และเทรีย

หรือผมคิดว่านั่นแหละเป็นปัญหาที่ยั้งทัพหลวงไม่ให้เดินทัพครั้งนี้

「บางทีสถานการณ์กลายเป็นว่าคนตำแหน่งสูงเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ได้เหรอ?」

ถ้าอย่างนั้นเจ้านี่กำลังบอกว่าเขากังวลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของเขา

「ถ้าราชาล้ม อย่างนั้นเราจะถูกติดต่อแน่นอน」

ถ้าราชาป่วย ประเทศจะไม่มีระเบียบไม่มากก็น้อย

อาจมีบางคนที่วางแผนกบฏในหมู่คนที่ถูกทำไม่ดีใส่ด้วย

อย่างน้อยผมเชื่อว่าพวกเขาทำกับผมดี และผมควรคิดว่าเป็นแบบเพื่อน

ผมควรพูดกับอีริชสักหน่อยเพื่อเตรียมสำหรับเรื่องแย่ที่สุดกันไว้ก่อน

「ไม่ว่ายังไง ทุกอย่างเป็นการคาดเดา มันไร้ควาทหมายจนกว่าเรารู้รายละเอียด」

「นายพูดถูก ทั้งหมดที่เรารู้คืออาณาจักรไม่ส่งกองัทัพ」

ผมมองข้างฐานหลังพูด

นั่น ผมเห็นธงน่าหงุดหงิดที่ต่างจากธงดำของผม ธงที่มีการตกแต่งมากเกินไปและออกแบบมาได้เด่นตาเกินไป โบกสะบัดอยู่เหนือหัว

「ถ้าอย่างนั้น นั่นเหรอพวกเขาที่มาแทน」

「พวกเขาไม่ควรลากเราให้ช้าลงแม้เขาดูเป็นอย่างนั้น」

เรียงอยู่ข้างผมเป็นกองทัพบริวารจากเคานต์โมนาชี่, วิสเคานต์บินโบ, และบารอนเวจินี่

「บารอนโกคินครับ」

「แค่นั้นเหรอ?」

จำนวนรวมคือ 1500 ซึ่งน่าประทับใจเมื่อดูสถานการณ์การเงินพวกเขาสามคน

มันทำให้ผมกังวลว่าพวกเขาไหวไหม

ทันทีที่มันการเป็นทางการว่าดินแดนผมถูกบุกโดยแวนโดเลีย  เคานต์โมนาชี่อาสาสนับสนุนผม

「ปัญหาลอร์ดฮาร์ดเลตต์คือปัญหาของทั้งเขตใต้ ได้โปรดให้เราส่งทหารด้วย」

เขายืนกรานแม้ว่าผมปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าเพิ่มจำนวนทหารมันเป็นภาระการขนส่ง

「อย่าได้กังวล มีพ่อค้าเร่ใหม่จะให้เรายืมเงิน เมื่อพวกเขารู้ว่าผมรู้จักกับลอร์ดฮาร์ดเลตต์ อย่างน้อยเราก็ถูกดูแลเรื่องอาหารการกิน มันไม่มีปัญหา!」

ปัญหาใหญ่เลยล่ะ แต่ผมจะปล่อยเขาทำตามใจเพราะมันปัญหาเขา

ผมไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในศึกนอกดินแดนเรา

มันอาจดีกว่าที่จะมีจำนวนเยอะๆเพื่อขับไล่การโจมตีจากด้านข้างและการซุ่มโจมตีจากข้างหลัง

「ถ้าเกิดซวยขึ้นมาแล้วศัตรูปรากฏ เรารับมือกับพวกเขาไม่ได้ ไปอยู่หลังๆ……」

อย่าพูดอย่างนั้นน่าลีโอโพลต์ ทั้งสามตระกูลไม่ส่งหัวหน้าบ้านก็เป็นลูกชายคนโต

มันจะเป็นเรื่องใหญ่ถ้าพวกเขาถูกกวาดล้าง

「เหมือนฉันเพิ่งพูด พวกเขาไม่ได้ดูไร้ความสามารถเหมือนที่เห็นเขา」

เหมือนที่ไมล่าพูด เหล่าลอร์ดบริวารเห็นแล้วคิดได้ว่าไร้ความสามารถอย่างเดียวเพราะพวกเขาใส่เกราะห่วยๆที่ชาวนาชอบใส่

แต่พวกเขาดูฝึกมาดีและมีวินัย

อุปกรณ์ดูไม่ไหวมันเพราะ…… เพราะเหตุผลทางการเงิน แม้มันควรพอใช้สำหรับภารกิจเสริมแบบนี้

「เมื่อพูดถึงก็มา….. นั่นเรอะเคานต์ที่อยู่นั่น?」

ขุนนางดูหรูหรา….. หรือดูเหมือนขุนนางรู้หราที่จริงๆแล้วเปื้อนดินมาหาเราบนม้าตามมาด้วยผู้ติดตาม

กับร่างกายที่มีเกราะห่วยและบรรยากาศชวนโชคร้าย มันเป็นเขาแน่นอน

「พวกเขาอุส่าห์มาไกลถึงที่นี่แม้จะจน มันจะไม่เจ็บตัวที่ทำกับเขาดีๆหน่อย」

เรา พร้อมกับกองทัพลอร์ดบริวาร เคลื่อนทัพช้าๆแต่แน่นอน

 

 

ในหมู่บ้านหนึ่งกลางเส้นทางเดินทัพ

「เราจะไม่ไปหาเรื่องหรือเกณฑ์ทหาร เราจะแค่ผ่านเท่าที่นายไม่ทำอะไรรุนแรง」

เราไปหมู่บ้านใกล้ๆที่เราเจอระหว่างทางเพื่อคุยกับพวกเขาตรงๆ

มันจะเป็นปัญหาถ้าพลเมืองเป็นเหมือนคนบ้าจากพวกประเทศอัลแตร์เพราะผมต้องกวาดล้างพวกเขา

「เรา…… ไม่มีเจตนาต่อต้านกองทัพด้วย ฉันจะบอกพวกคนในในหมู่บ้านให้เตรียมย้ายในประมาณสองหรือสามวัน ดังนั้นถ้าท่านจะได้โปรดผ่านเราอย่างสันติ」

คนที่ปรากฏว่าเป็นหัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ดูว่าทั้งขอบคุณสุดขีดหรือแสดงความเกลียดชังมาทางผม

พวกเขาต้องหวังรอให้พายุผ่านไป

ถ้าอย่างนั้น เราคุยกันเสร็จแล้ว

「มีแค่นั้นแหละถ้าอย่างนั้น เราจะปิดฉากสงครามนี้ในไม่นาน」

ผมกลับไปที่แคมป์หลังจากนั้น

ไม่ว่าอย่างไร มันดูเหมือนเหล่าผู้คนที่ยื่นหัวออกมาจากบ้านในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างผอมแห้ง

แวนโดเลียเป็นประเทศที่จนขนาดนั้นหรือ?

 

 

จากนั้นตอนกลางคืน

「เดี๋ยว! หยุด!」 「เป็นสายลับเรอะ!?」

「ได้โปรดปรานี…… โปรดปรานี!!」

ปัญหาเกิดขึ้นทันที

「มีอะไร?」

ผมปล่อยไมล่านอนกระตุกบนเตียงและออกเต็นท์ระหว่างท่อนบนผมเปลือยเพื่อมาเห็นทหารสองคนหยุดผู้หญิงลงพื้นด้วยหอก

「เจ้าศักดินาซามะครับ! ผู้หญิงคนนี้ไปยุ่งวุ่นวายกับรถเกวียนที่ขนอาหาร!」

「ฟุมุ เธอวางยาใส่เหรอ? หรือบางทีเธอพยายามจุดไฟ?」

นี่เป็นถิ่นศัตรู

มันไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าสายลับจะปลอมตัวเป็นพลเมืองมา

「ม-ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ! มันแค่ที่บ้านไม่มีอาหารเหลือแล้ว…… แล้วทุกคนกินกันอย่างมีความสุข……」

โอ้ มันแค่มาขโมยอาหาร

「มันเหมือนกันกับปล้นบางคนนั่นแหละ เราควรแขนคอเธอ……」

ผมมองหน้าผู้หญิงให้ชัดๆตอนคบเพลิงทำให้สว่างขึ้น

เธออยู่อายุที่ดูยากว่าเธอ 20 หรือไม่

ผมคิดว่าเธอสวยและหุ่นดีพร้อมนมกับตูดใหญ่ๆ แม้เ​ธอจะผอม มันเป็นเรื่องดีที่เธอไม่ผอมแห้งมีแค่หนังติดกระดูก

「……ฉันจะฟังว่าอะไรเกิดขึ้นจากเธอ มาที่เต็นท์」

「ข-ขอบคุณมากๆค่ะ!」

ผู้หญิงมีความสุขระหว่างทหารถอนหายใจ แยกย้ายและกลับตำแหน่ง

มันเหงานิดหน่อยเมื่อพวกเขาไม่ขานอะไรตอบ

ผมปิดไมล่าที่หลับด้วยผ้าห่มและให้ผู้หญิงนั่งเก้าอี้

「อย่างแรกที่ฉ​ันอยากรู้ คือเธอเป็นคนของแวนโดเลียมั้ย?」

「แน่นอนว่าไม่ได้เป็นค่ะ! หนูเป็นพลเมืองธรรมดาๆ…… ไม่มีอะไรเกินไป……」

มันไม่ได้ดูเหมือนเธอโกหก

「ถ้าอย่างนั้น ทำไมมาพยายามขโมยอาหาร? ไม่มีอะไรกินเหรอ?」

ผมเข้าใจได้แค่จากการมองร่างกายที่อ่อนแอของเธอ แต่ผมถามไปอยู่ดี

「ฉันไม่ได้กินอะไรสักอย่างตั้งแต่มะรืนวานแล้ว เราได้การเก็บเกี่ยวไม่ดีปีนี้ แต่หนูพออยู่ได้เพื่อหาอาหารมาให้ฤดูหนาว แต่ทว่ากองทัพมาจากทางใต้และก่อเรื่องเอาอาหารไปหมด」

โอ้ พวกนั้นที่เราไล่ไปน่ะหรือ?

จากทริสตัน พวกเขาดูเหมือนเป็นกองทัพผสม แต่การหาอาหารจากคนพื้นที่ดินแดนตัวเองมันไร้สาระมาก

แค่ครู่เดียว ผมคิดจริงๆว่าพวกเขาเป็นพวกหนีทัพ

「เราไม่มีอะไรลงท้อง และน้องชายหนูร้องไห้ แค่นิดเดียวก็ได้ แบ่งอาหารให้เราได้มั้ย?」

「หืมม」

ผมเห็นใจเธอแต่ถ้าผมต้องแบ่งอาหารให้พลเมืองทุกคนในเมืองที่เรายึด การขนส่งเราจะตามไม่ทันภาระ

อย่างไรก็ตามการทิ้งผู้หญิงคนนี้ขัดใจผมด้วยเหมือนกัน

「มีชาวบ้าน 200 คนใช่มั้ย…… ฉันจะแบ่งไว้ให้สำหรับไม่กี่วัน」

「ข-ขอบคุณมากๆค่ะ!」

มากเท่านี้น่าจะทดแทนส่วนที่นับเกินไป

มันจะไม่แก้ปัญหาที่ต้นตอแต่มันอาจเปลี่ยนความเห็นสาธารณะให้มองผมดีขึ้น

และเรายังคุยกันไม่เสร็จ

「ฉันอยาก…… ให้มากกว่านี้แต่แค่ที่บ้านเธอ」

ผมจับมือผู้หญิงระหว่างเธอพูด

เธอดูตะลึงกับคำพูดผมแต่ไม่นานก็รู้เจตนาผม

「……เชิญค่ะ ขอบคุณค่ะ」

เมื่อพูดกันเสร็จแล้ว ผมให้เธอนอนหงายหน้าบนเตียง

โอ๊ะ ผมเกือบไปโดนไมล่าแล้ว นั่นเกือบไป

「เธอแน่ใจแล้วถูกมั้ย?」

「ใช่ค่ะ เชิญตามสบาย」

ผมขึ้นคร่อมผู้หญิงด้วยท่อนบนที่เปลือยแล้ว และแก้ผ้าเธอให้เปลือยด้วย

หน้าอกอุดมของเธอที่ไหลออกด้านข้างเสื้อผ้านั้นสวยและขนาดกำลังดี

「โอ้ได้โปรดเบาๆหน่อยนะพี่คะ เพื่อที่หนูจะได้ไม่ยับเยิน」

ผมวางมือบนหน้าผู้หญิงตอนเธอปิดตาเพราะวิตกกังวลและจากนั้นจูบเธอเบาๆ

เธอเปิดตากว้างตกใจและผมเล้าโลมเธอเหมือนของแตกได้ จูบริมฝีปากแล้วย้ายมาจูบคอ จากนั้นเลียไหปราร้าเธอ

「อา อ๊านน ฮึ้นน!」

ผมย้ายลงจากไหปราร้าสู่นม และดูดหัวนมน่ารักของเธอไม่กี่ครั้งก่อนจับนมเธอเบาๆ

「นื้อ…… นื้อออออ! อะฮ่าฮ่านั่นจั๊กจี๋!」

เมื่อผมนำปากไปยิ่งต่ำกว่านั้นและเลียสะดือ เธอหัวเราะดิ้นแขนขา

「ฮ่าฮ่า ขอโทษที」

ผมหยุดเลียสะดือและนำปากผมขึ้นไปอีกครั้ง

ครั้งนี้ผมดูดหัวนมอีกหัวและวาดลิ้นจากไหปราร้าสู่คอเธอ

มันเค็มๆเพราะเหงื่อและเธอวิตกกังวล

ผมจะเลียมันให้หมด

「อ๊า อู้ววววว น๊าาา!」

สุดท้ายผมกลับไปที่ปากเธอและจูบเธอ

ผมพันลิ้นกับเธอครั้งนี้และเธอไม่ต่อต้านเลยสักนิด

「นึน……」

「ปุ๊ฮ่า……」

เมื่อปากเราแยกกัน ความเครียดบนหน้าแดงๆเธอตอนนี้ไม่มีแแล้ว เธอมองผมเขินๆ

「ทหารน่ากลัว…… ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล…… หนูคิดว่าหนูจะโดนข่มขืนแรงๆ แต่พี่ดีจัง」

「ฉันดีกับผู้หญิง โดยเฉพาะสวยๆอย่างเธอ」

ผมสบตาเธอเมื่อผมพูดคำนั้น

「ให้ตายเถอน่า…… หนูก็คิดว่าพี่น่ากลัวแต่พี่เจ้าชู้จัง」

ผู้หญิงยิ้มและเลิกเกร็งต้นขา

เมื่อผมจับขาเธอแหวกเธอขยับเปิดตามโดยไม่ต่อต้านและยินดี

「ฉันจะกินท่อนล่างด้วย」

「……」

เธอไม่พูดอะไรแต่เธอต้องยินยอมผมแล้วเพราะไม่ต่อต้าน

เมื่อผมเห็นรูเธอ ผมเห็นว่ามันใช้งานเยอะแม้ว่าสีสวย

「ฟุ่ฟุ่ฟุ่ ผิวมันอวบนนูนเลยล่ะ เล่นมันบ่อยเหรอ?」

「ม-ไม่ใช่อย่างนั้นน่ะ! หนูแค่เคยอยู่กับไม่กี่คนเองเพราะไม่มีคนเยอะในบ้านนอก!」

ผมวางปากที่รูเธอและแทงลิ้นเข้าข้างใน

อย่างที่คาดช่องคลอดที่ช่ำชอง มันเปียกทันที

「มันเปียกพอแล้วพี่ เอาเลยแล้วแทงหนู」

บางทีเธอรรู้สึกอายกลัวว่าจะเปียกกว่านี้ ผู้หญิงขอให้ผมแทงเธอ

「ฉันจะสร้างรักกับเธอถ้าอย่างนั้น」

「ฮู้ววว」

ผู้หญิงกำผ้าห่มข้างเธอและเอามาปิดหน้า แต่ผมอยากให้เธอหยุดเพราะเธอจะเห็นไมล่าถ้าเธอดึงเยอะไป

ผมคิดว่ามันเป็นอารมณ์สงบๆสำหรับให้เรามีเซ็กส์กัน แต่ทันทีทีผมชักลำเอ็นของผมออกมา สถานการณ์พลิกผัน

「ม-ม่ายยยยยย!!」

「มีอะไร? ทำไมเธอวิ่งหนี?」

ผู้หญิงร้องและขดตัวบนเตียง

ผมคิดว่าเธออยากมีเซ็กส์เสียอีก

「ยังมาถามทำไมอีกพี่!? อ-อันนั้นอ่ะดิ!」

ผู้หญิงชี้เจี๊ยวผมผม

「……มันแค่เจี๊ยวพี่เอง」

ถ้าดอกทานตะวันงอกอยู่ปลายเจี๊ยว เป็นผมผมก็ตกใจ

「มันใหญ่ไปแล้ว…… สัตว์ประหลาดอ้ะ!」

โอ้ เธอกังวลเรื่องขนาดมันหรือ?

「น่าน่า อย่าพูดอย่างนั้น」

ผมกอดผู้หญิงและดันปลายเอ็นใส่ทางเข้าช่องคลอดเธอ

「เดี๋ยว! พี่จะทำจิ๊หนูฉีกจริงๆนะ! ไอนั้นใหญ่เท่าแขนมันไม่เข้าหรอก…… กย๊าาาาา!!」

ผมจับเอวเธอแล้วแทงเข้าไปช้าๆ

มันใช้ 30 วินาทีเพื่อให้เอ็นผมมิดด้ามและผู้หญิงที่ตอนแรกต่อต้านเริ่มคลายเกร็ง

เธอผอมช่องคลอดเธอเลยรู้สึกแน่นและผมได้ยินเสียงมันลั่นเพราะเนื้อแยกแต่มันไม่ได้ดูเหมือนผมจะฉีกเธอ

「อาา…… ข้างในหนูขดตัวรับพี่ มันเลยรู้สึกเสียว」

「กกกึ มันเจ็บอ่ะ…… มันหนาไป…… แล้วมันแข็งโป๊กเลย…… โปรดอย่าเพิ่งขยับก่อนนะพี่……」

ผมโอบเธอแล้วปลอบเธอตอนผมเห็นเธอทำสีหน้าเจ็บตัว จากนั้นกระซิบเข้าหูเธอ

「พี่จะไม่แรง พี่จะรอจนกว่าหนูจะชินก่อนขยับ ดังนั้นผ่อนคลายและปล่อยทุกอย่างให้พี่เอง」

「อู้วววว…… พี่ดีจริงๆ แม้เอ็นพี่จะฆาตกรรมผู้หญิง」

ถ้าเธอชมพี่มากพี่จะยิ่งใหญ่ขึ้น

รูผู้หญิงสุดท้ายก็ชินขนาดผมและผมเริ่มขยับสะโพกช้าๆหลังเธอยอม

「อู้ว! อ๊าาาาาาา!! น่าทึ่งอ่ะ แค่ขยับนิดเดียวทำหนูสั่นสะท้านไปทั้งตัวเลย!」

「ข้างในหนูก็รู้สึกดีด้วย แล้วตรงนี้เป็นยังไงบ้าง?」

ผมหยิกคลิตอริสเธอระหว่างแทงเธอแล้วตัวเธอเด้งขึ้น

จิ๊ขมิบรับแน่นเีด้วย

「ถ้าหนูเสียวได้ขนาดนี้ ผู้ชายในหมู่บ้านมันจะไม่พอแล้ว!」

「ที่พี่มียังทำได้มากกว่านี้อีก!」

ผมยกตัวผู้หญิงแล้วเอาเธอมาวางทับผมก่อนแทงลึกๆ

ท้องเธอปูดทุกครั้งที่แทง แม้ว่าเธอไม่เจ็บเมื่อดูจากหน้าสบายตัวน้ำลายยืดที่ผู้หญิงทำ

「มันใหญ่เบ้ง…… ใหญ่เกินไป…… แต่ไม่ใช่ไม่ดีเลย…… มันรู้สึกเหมือนโดนผู้ชายเอาร่างข่มเลย」

「นั่นถูกแล้ว หนูเป็นของพี่ตอนนี้ พี่จะข่มหนูและเทน้ำใส่มดลูก」

ผมเร่งความเร็วการแทงยิ่งมากขึ้น

และเตียงที่ดูทำมารีบๆเหมือนจะหัก แต่ผู้หญิงร้องดังขึ้นเรื่อยๆ

และจากนั้นเธอถึงขีดจำกัด

「ปิดฉากด้วยการคร่อมหนูที!」

「ได้สิ โอบแขนไว้รอบคอพี่」

เมื่อรู้สึกว่าเธอใกล้ถึงจุดสุดยอด ผู้หญิงขอการแทงสุดท้ายจากด้านบน

ผมกลับไปท่ามิชชันนารี ทับเธอด้วยร่างกายผม จากนั้นกระแทกสะโพกใส่เธอ

เมื่อผมกระทุ้งมดลูกเธอด้วยแทงลึกซ้ำๆ เธอรัดแขนรอบคอผมและจิกเล็บเข้าหลังผม

「ข-ขอโทษค่ะ! มือหนูไปเอง-!」

「ไม่เป็นไรเลยหนู รอยจากเล็บผู้หญิงเป็นความภาคภูมิใจของชาย พี่จะทำนี่ตอบแทน」

ผมกระแทกรัวๆเร็วขึ้น ทำเสียงเนื้อตีกันดังลั่น

ผู้หญิงร้องดังและกอดผมสุดแรง น้ำตาไหลอาบหน้า

「น่ารักจริงๆ…… รับนี่ไป!」

ครั้งสุดท้าย ผมกอดสาวและดันสะโพกไปข้างหน้าให้ไกลสุดเท่าที่สุดได้ก่อนผมน้ำแตก

เสียงไม้เนื้อที่ 70% อยู่ในช่องคลอดเธอเต้นมันจังหวะดังออกมา

「อั่กกกกกกกกกกกก!!」

เธอต้องรู้สึกน้ำร้อนฉีดเข้าไปในมดลูกเธอ

「โออออออ้! อ๊าาาาาาา! โออออออ้…….」

เมื่อได้ยินเสียงร้องเหมือนสัตว์ป่ามันยิ่งเพิ่มความใคร่ผู้ชาย

ผมนำมือไปตรงนมผู้หญิงและฝังหน้าเข้านมเธอ ระหว่างยิงน้ำที่เหลือให้หมด

「เขิบ คุณ เมียก เค่อะ……」

หลังจากสร้างรักกันเสร็จ ผู้หญิงกลับไปบ้านอย่างขาเปลี้ยๆ

เธอนอนนี่ก็ได้ผมยินดี

แม้ว่านั่นหมายถือเธอจะนอนด้วยกันกับไมล่า

ขณะผมห่มผ้าห่ม ทหารที่ปกป้องทางเข้าเรียกผม

「เจ้าศักดินาซามะ คนของหมู่บ้านมา」

「อืม! เราได้ยินเรื่องของแพมมี่ หนูก็มีน้องชายสามคนที่บ้านที่หิว」

「……」

「หนู 16 ซิงๆ แต่หนูอยากโดยนายพลเอาของใหญ่แทง!」

「ฉันว่าฉันจะฟังว่าพวกเธอจะพูดอะไร」

สุดท้ายผมชวนผู้หญิงสามคนเข้าเต็นท์เพื่อฟังว่าเธอมีอะไรจะพูด

เมื่อผมเสร็จกิจ ไมล่าจ้องผมตลอดเวลาระหว่างนอนทับแขนผม

เห็นได้ชัดว่าเธอตื่นกลางทาง

 

 

วันต่อมา

「สำหรับการแบ่งอาหารให้หมู่บ้าน…… ผมจะขอบคุณท่านยังไงดี」

ผมให้หัวหน้าหมู่บ้านไปอย่างสบายๆ

มันไม่เหมือนว่าผมทำเพื่อเขา นอกจากนี้ ลีโอโพลต์ไม่ได้พูดด้วยว่าอาหารมากเท่านั้นจะทำให้การขนส่งลำบากเมื่อผมถามเขา

「ดูสิ ผู้หญิงสามคนตรงนั้นมองพี่ไปยั่วพี่ไป ไม่โบกมือทักพวกเธอหน่อยเรอะไง?」

มันดูเหมือนไมล่ายังโกรธผมกับที่เกิดขึ้นอยู่

บางทีมันเพราะเธอทำน้ำผลไม้หกใส่ตัวเอง

「อุโออ้!」 「คย๊าา!」

มันเป็นความรู้สึกลึกลับเมื่อผมรู้สึกใกล้พรมแดน แต่มันแรงกว่าครั้งนี้

ผมบอกได้ว่าครั้งนี้แผ่นดินไหว

「น-นี่อะไร!?」 「โอออ้ มันสั่นอ่ะมันสั่น!!」

ซีเลียและอิริจิน่าก็ตกใจด้วย

มันไม่ได้แรงพอจนเรายืนกันไม่ไหว แต่มันเป็นไปไม่ได้ที่พื้นจะสั่น

การสั่นนานไป 10 วินาทีและเงียบไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

「เมื่อกี้นี้อะไรน่ะ……」

「โออ้ นั่นเกิดขึ้นบ่อยแถวนี้ไม่นานนี้」

หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ดูตื่นตกใจ

ถ้าอย่างนั้นมันเกิดขึ้นรายวัน

「มันเกิดขึ้นบ่อยและมันเกิดขึ้นหลายครั้งระหว่างวัน มันไม่ได้แรงพอทำลายบ้านเรา เราไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมันมาก」

หัวหน้าหมู่บ้านชี้ไปทางใต้

ตรงนั้นเป็นภูเขาสูงที่ยอดทิ่มเมฆ

เมื่อคิดตำแหน่งดู มันไม่ใช่เทือกเขาที่ยิ่งใหญ่

มันเป็นภูเขาดาร์ดถ้าผมจำไม่ผิด

「คนจากอัลแตร์ปฏิเสธ…… แต่ฉันถูกบอกในอดีตว่าที่สั่นมันเพราะพระเจ้าของภูเขาดาร์ดและพระเจ้าของโลกกำลังเต้นและดื่มกันอยู่」

เข้าใจแล้ว สั่นนิดหน่อยไม่ใช่ปัญหาถ้าอย่างนั้น…… แต่บางอย่างทำให้ผมไม่สบายใจ

「พ่อค้าเร่บอกเราว่าเห็นควันขาวจากภูเขาดาร์ด แต่มันควรเป็นเรื่องเล่าของวงเหล้า มันน่าจะเลิกพูดเมื่อวงเหล้าเลิกรา」

ฟุมุ ไม่มีอะไรทำได้ถ้าเป็นงานของพระเจ้า เราจะใช้สมาธิสู้กับมนุษย์

「ทุกคนออกเดินทาง! เราจะมุ่งหน้าลงใต้!」

「「「โอออ้!」」」

กำลังใจเราสูง

เราไม่มีอะไรต้องกังวล

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย เจ้าศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 163,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 4500

กองทัพ: 14,650 คน

ทหารราบ:7400 คน, ทหารม้า 850 คน, พลธนู: 1000 คน, ทหารม้าธนู: 3900 คน (กองทัพลอร์ดบริวาร: 1500)

ปืนใหญ่: 30 กระบอก, ปืนใหญ่มาก: 10 กระบอก

ทรัพย์สิน: 470 ทอง (อาหารเพิ่มเติม -100)

คู่นอน: 233, ลูกเกิดแล้ว: 48 + ปลา 555 ตัว

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน