ถนนสู่อาณาจักร – ตอนที่ 231 นักล่ามังกร ① เสียงคำรามแห่งการเริ่มต้น

ถนนสู่อาณาจักร

 

 

–มุมมองเอเกอร์–

แสงอาทิตย์ยามเช้าโดนหน้าผมและทำให้ผมตื่นขึ้น

ไม่ดีแล้ว พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว

「อาาน……」

「อูว……」

เมื่อผมยกตัวท่อนบนจากเตียง มันทำให้เลติเซียกับชารอนที่กำลังพักนมและแขนไว้ที่อกผม ปล่อยเสียงครางเบาๆ

นี่เป็นร้านเลติเซีย ที่เป็นบ้านด้วยที่ผมมอบให้พวกเธอเพื่อที่พวกเธอหาเงินเลี้ยงชีพได้

พวกเธอให้ผมกินเลี้ยงเต็มที่เมื่อคืนผมเลยจ่ายด้วยการทำให้พวกเธอถึงจุดสุดยอดเกินจะนับด้วยนิ้ว

ผมแทงใส่เลติเซียและชารอนไม่หยุดจนกว่าพวกเธอจะสลบ……

「อุ้ย นี่ไม่ใช่เวลามาโด่อีกรอบ ฉันสายแล้ว」

ผมจูบสองคนที่ตายังปิดอยู่ครึ่งหนึ่งก่อนลุกจากเตียงแล้วใส่เสื้อผ้า

เลติเซียตื่นก่อนเดินเซหลังสะโพกใช้งานหนักเกินไปเมื่อคืน จากนั้นจัดเสื้อผ้าผมให้เรียบร้อย

「ขอโทษที่รบกวนระหว่างยุ่งๆและขอบคุณที่เมตตากับเรามาก ได้โปรดเชิญแวะมาแล้วโอบกอดเราอีกครั้งตามสบายไม่ว่าเมื่อไหร่ที่อยากทำ」

ผมกอดตัวนิ่มๆและดูดริมฝีปากอวบๆที่เห็นแล้วอดใจไม่ได้

「มาเร็วชารอน ตื่นแล้วส่งเขาด้วย อย่านอนหลับแบบนั้นมันหยาบ」

「อุ อุนน…… หนูอยากทำ แต่ตูดหนูโดนแทงมากไปแล้วหนูหยุด…… น้ำตะ-…… ไม่ หนูหยุดน้ำพุ่งไม่ได้」

ผมสร้างรักกับชารอนไปเยอะด้วยเมื่อวาน

「อยู่นั่นแหละ สาวน่ารักจริงๆนะเธอนี่」

ผมก้มไปหน้าชารอนและจูบ บางอย่างยกชูข้างในผ้าห่ม แต่มันไม่ใช่อะไรที่ต้องกังวล

ผมออกจากร้านหลังจากถูกส่งโดยสองสาวที่หน้าแดงและบอกผมว่ายังคิดถึงเซ็กส์เมื่อคืนอยู่

ไม่มีอะไรที่ทำให้ชายภาคภูมิใจได้มากกว่านั้นแล้ว

「พี่สาว หนูควรตัดจริงๆด้วย…… หนูคิดว่าตัวเองเป็นอะไรไม่ได้นอกจากผู้หญิงของฮาร์ดเลตต์ซามะตอนนี้」

「มาถามความเห็นเขาครั้งหน้าที่เขามาเถอะ ฉันแน่ใจว่าเขาจะนำน้องไปเส้นทางที่ถูกต้อง」

ผมไม่รู้ว่าพวกเธอพูดเกี่ยวกับอะไรและไม่อยากถามด้วย

 

 

สามวันต่อมา ลินต์บลูม

「ฉันจะไปหาดวอร์ฟ หนูไม่ต้องมากับพี่หรอก」

ผมบอกซีเลียอย่างนั้นหลังมาถึงลินต์บลูมระหว่างลูบหัวเธอ

ผมไม่ได้มาเพราะเหตุผลซับซ้อนเหมือนตรวจสอบ

ผมแค่อยากขอโทษบัลบาโน่ทีเสียอาวุธไปและดูว่าขอให้เขาทำหอกใหม่อีกเล่มได้ไหม

นั่นทำไมผมแค่อยากเอาคนไปน้อยที่สุดจากหน่วยคุ้มกันแบบกิโด้, ครอล, และคริสตอฟ

พูดถึง ซีเลียอยู่ข้างผมเสมอเธอเลยไม่ได้นับ

「อะร้า เราแค่มาดูุว่าเมืองเป็นยังไง ถ้าเราไปที่เดียวกันอยู่ดี ทำไมไม่ไปด้วยกันล่ะ…… นั่นไม่ดีเหรอ?」

คนที่ตามเรามาคือแคลร์ ลอรี่และคนติดตามอื่นๆ

「เธอพูดว่ามันบังเอิญ แต่มันรู้สึกเหมือนหนูรีบตามพี่มาเมื่อเห็นพี่ออกเดินทาง」

「คิดไปเองน่า」

「ผู้ติดตามทั้งหมดเป็นผู้หญิงอีก…… ไม่ใช่แค่นั้น ทั้งหมดมีหุ่นแบบที่เอเกอร์ซามะชอบด้วย」

「คิดไปเองล่ะน่า」

แคลร์และลอรี่ตอบผม

ผมมีความสุขที่มีสาวๆรอบผมเยอะ แต่มันชัดเจนจนเจ็บว่ามีเจตนาแฝง

「เอเกอร์ซามะ ท่านอย่าถูกผู้หญิงล่อลวงและไปทำสัญญาแปลกๆนะ」

ซีเลียจ้องแคลร์ตอนพูด ในทางกลับกันแม่ค้ายังไม่สะทกสะท้านและยิ้มใหซีเลีย

「……มีบางอย่างในโลกนี้ที่มนุษย์ทำอะไรไม่ได้ พวกเขาทำได้แค่ทำเต็มที่และหวังว่าพวกเขาสู้ได้」

「การใช้เสน่ห์ล้อหลอกไม่ใช่บางอย่างทรงพลังซะหน่อย」

ซีเลียไต่บนลีอาห์ที่พักอยู่ที่ตักผม

「แงงง ซีเลียจัง เธอทำฉันกลัว」

เมื่อซีเลียได้ยินว่าแคลร์จะมาร่วมผม เธอรีบลากลีอาห์ที่ใกล้ชิดกับเธอมาด้วย

「ฉันไม่พอทำเอเกอร์ซามะอิ่ม นั่นจะหมายถึงเอเกอร์ซามะจะไปโอบกอดผู้หญิงที่แม่ค้าหญิงส่งมา」

「ฉันจะทำเต็มที่」

ลีอาห์ถูกซีเลียลาก แต่เธอไม่ได้ดูเหมือนไม่พอใจ

เธอกอดแขนผมผมอย่างมีความสุขและดันหน้าอกใส่ผม

「หนูไม่ได้ไปเดินทางไกลๆบ่อย หนูเลยดีใจที่ได้อยู่ด้วยกันกับพี่~」

ผมลูบลีอาห์ที่เอาใจผมระหว่างมองร่างกายเธอ

เธอเตี้ยกว่าซีเลียหนึ่งขนาด

ร่างกายเธอออกอวบมากกว่ามีกล้ามเพราะไม่ได้ฝึก

「อ๊านน」

เมื่อผมจับๆลูบๆนม ผมบอกได้ว่ามันใหญ่กว่าซีเลียอยู่พอตัว

บางทีเพราะเธอกินอาหารดีๆ นมและตูดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

「หนูอยากให้พี่จับนมหนูอีก มันทำให้หนูดีใจว่านายท่านจับหนู~」

ร่างกายเธอไม่ได้เป็นอย่างเดียวเท่านั้นที่นุ่ม ท่าทางกายของเธอก็นุ่มด้วย เพราะแบบนั้น เธอเชี่ยวชาญบนเตียงและผมเขาข้างในช่องยอดเยี่ยมมี่รัดเหมือนสิ่งมีชีวิตเท่าไหร่ก็ไม่พอ

「หนูดีใจที่พี่พาหนูไปหลายๆที่ด้วย เพราะปรกติแล้วหนูเดินทางไกลๆทีไรหนูถูกทิ้งตลอด」

ลีอาห์ไม่เหมือนซีเลียที่เธอไม่ได้สู้เก่งและเท้าก็ไม่ได้เร็วด้วย  ผมเลยไม่อยากพาเธอไปที่ที่มีอันตราย

ของถูกส่งไปมาลินต์บลูบ่อย บวกกับมันมีโรงแรมและเส้นทางที่ดูแลตามทาง ผมเลยคิดว่ามันจะปลอดภัยที่พาเธอมากับเรา

「พี่จะทำอย่างนั้นถ้าที่ที่เราไปปลอดภัย มา อย่าให้บัลบาโน่รอเลย」

「มันจะดีถ้าท่านได้อาวุธใหม่……」

ซีเลียกลายเป็นมืดมนอีกแล้ว

「พี่บอกแล้วนี่ว่าอย่ากังวล」

ผมลูบหัวซีเลียเบาๆ

จากนั้นผมรีบจำว่าต้องลูบหัวลีอาห์ด้วยหลังจากนั้น

「ลีอาห์สูงเท่าซีเลียได้สักพักแล้วและมันสูงพอดีลูบเลย」

ผมได้มารู้ว่าพูดออกไม่ค่อยดี

ซีเลียทรุดลงไปที่เข่า

ผมเดาว่าการถูกผมลูบหัวเป็นบางอย่างที่สำคัญสำหรับเธอ

「พี่พลาดพี่พลาด พี่จะลูบหัวหนูด้วย」

「ฮาบุบุ…… หัวหนูได้โปรด」

เราไปเรื่อยๆถึงที่ดวอร์ฟอยู่กันระหว่างผมบีบๆหน้าซีเลีย

 

 

บ้านดวอร์ฟ

อุโมงค์ในภูเขา

「งั้นนายเสียหอกไปเหรอ?」

บัลบาโน่และผมคุยกันตัวต่อตัว

ซีเลียอยากพูดบางอย่างแต่ผมไม่อยากใช้ผู้หญิงเป็นข้ออ้างผมเลยให้เธออยู่ที่ห้องติดกัน

บัลบาโน่เตี้ยและตัวหนาเหมือนเดิม ที่ประมาณ 160 ซม. แต่กล้ามปูดและขาสั้น

หน้าเขาแต่งด้วยหนวดเฟิ้มและแขนขามีขนเป็นชั้นๆ

「ใช่อยู่ว่าฉันรู้ว่านายใช้เวลาและพยายามทำมันให้ฉัน แต่ฉันคิดว่ามันจะไม่ช่วยอะไรถ้าฉันตาย」

ผมเอามันแลกชีวิตผมและผู้หญิง และระหว่างที่ผมอาจเสียใจ ผมไม่อับอาย

บาลบาโน่ปิดตาและกินเหล้า

「อย่ากังวลไป นั่นอาวุธดี แต่มันไม่เทียบเสียเพื่อน ฉันดีใจที่นายกลับมาได้」

ชายหนวดๆยืนและดึงผมเข้าไปกอดแน่นๆ

ผมไม่ชอบกอดผู้ชายแต่ผมจะทนๆไปสำหรับตอนนี้

「ฉันยังมีอะไรที่ต้องทำ ฉันยังตายไม่ได้」

ผมอยากเจอลูซี่และโอบกอดเธออีกครั้ง

ผมได้ประสบการณ​์กับผู้หญิงมามากหลังออกจากป่าแล้วด้วย

ทั้งร่างกายผมและเอ็นผมใหญ่ขึ้น

ผมตอนนี้ น่าจะเจอเธอได้และทำให้เธอหลงเอ็นผม

ผมจะกระแทกลูซี่แม้ว่าเธอร้องว่าสุดแล้วสุดแล้ว กัดคอเธอและบีบนมให้แรงจนมันเจ็บ

กระนั้น เธอจะรัดต้นขารอบเอวผมขณะรับไม้ผมไปแน่นๆ

「เฮ้……」

「……อย่าถือน่า」

ขณะความหลงภาพคิดไปเรื่อยคุมไม่ได้ เอ็นผมก็หลงไปด้วย

บาลบาโน่รีบก้าวถอยจากผม

มันเข้าใจผิดแล้ว

「ถ้าอย่างนั้นนายมาที่นี่เพื่อขอโทษอย่างเดียวเหรอ?」

บัลบาโน่นั่งที่

เขานั่งไกลกว่าเดิมนิดหน่อย

「นั่นก็เหตุผลนึง…… ฉันก็จะขอบางอย่างด้วย」

「หอกแทนกันเหรอ?」

อย่างที่คาดกับเขา เขารู้ว่าผมต้องการอะไร

มาใกล้กว่านี้หน่อย ทำไมอยู่ไกลเหลือเกิน​?

「ใช่ ฉันขอจริงครั้งนี้แต่มันเป็นธรรมดาที่ฉันจะจ่ายด้วย」

ดวอร์ฟไม่ได้แสดงความสนใจเงินมากมาย ผมเลยจะให้รางวัลเขาเป็นเนื้อกับเหล้า

เห็นได้ชัดว่าพวกเขาดื่มเหล้าเราเหมือนน้ำอร่อยๆ

「หืมม……」

อย่างไรก็ตามบัลบาโน่ลูบหนวดระหว่างดูมีปัญหา

ผมก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว

「ฉันจะให้รางวัลมากเท่าที่นายพอใจ」

บัลบาโน่ถอยไปหนึ่งก้าว

「ความเป็นเพื่อนของเราวัดไม่ได้ด้วยจำนวนที่จ่ายหรอกน่า มันแค่ไม่มีวัตถุดิบน่ะสิ」

เขาพูดอยู่จริงว่าวัตถุดิบที่ใช้ทำหอกมันมีค่า

「นายไม่ต้องใช้วัตถุดิบดีสุดหรอก มันพอแล้วแค่ว่าใช้จริงแล้วมันไม่หัก」

「วัตถุดิบสำคัญทั้งหมดถูกใช้ทำปืนใหญ่พวกนั้น ฉันยังทำบางอย่างได้ดีกว่าช่างพื้นที่ด้วยอะไรที่มีในมือแต่ฉันให้บางอย่างแบบนั้นกับเพื่อนไม่ได้หรอก」

แต่แบบนั้นผมก็ใช้ได้แล้ว

มันไม่เหมือนว่าผมจะเอามันไปแขวนเป็นเครื่องประดับ

「ฉันจะเสียใจไปตลอดเวลาถ้าหอกดันหักเข้าสักวันแล้วเพื่อนตาย ฉันจะไม่ส่งบางอย่างครึ่งๆกลางๆหรอก!」

บัลบาโน่นั้นเหมือนรูปลักษณ์ภายนอก ดื้อด้าน

มันไม่ทำให้ของดีขึ้นถ้าผมไปเค้นเอากับเขา

「มีบางคนที่หาวัตถุดิบให้มั้ย?」

「ไม่นานนี้ คนอายุน้อยขุดอุโมงค์ใหม่ น่าจะเพราะได้แรงบันดาลใจมาจากเพื่อนนาย เราน่าจะหาวัตถุดิบได้จากที่นั่น」

หืมม…… ดูเหมือนมันจะค่อนข้างใช้เวลา

ทันทีเมื่อผมคิดเกี่ยวกับการให้ช่างในลินต์บลูมทำบางอย่างมาสำหรับเวลานั้น ผมรู้สึกว่าท้องร้อง

ณ เวลาเดียวกันพื้นใต้เท้าผมสั่นและฝุ่นลงมาจากเพดาน

「ผ-แผ่นดินไหวอีกแล้วเหรอ!?」

ซีเลียรีบวิ่งมา

ไม่มันใกล้และเวลาสั้นกว่าอะไรที่เราได้รับประสบการณ์ในแวนโดเลีย

「ถ้ำถล่มอีกแล้วเหรอ!? ไปดูว่ามีใครโดนหินทับมั้ย!」

บัลบาโน่รู้ความจริงของสถานการณ์ทันที โยนเหล้าทิ้งและรีบออกไปจากห้อง

「มันเป็นทางที่บอนโบและโดกอนขุด!」

「หาตัวพวกเขา พวกเขาต้องถูกฝังอยู่ใต้หิน เอาจอบและพลั่วไปด้วย!」

ดวอร์ฟเริ่มรวมกันจากใกล้ๆ

「ขอโทษแต่เราต้องพูดนี่ต่อทีหลัง ฉันจะไปด้วยแล้วตอนนี้」

「ฉันจะไปด้วย」

สำหรับตอนนี้ผมจะเอาค้อนที่แขวนอยู่ในห้องเขาไป

ด้วยนี่ ผมจะหวดหินใหญ่ที่ขวางทางอยู่ได้

「เราจะไปด้วย」

ซีเลีย, กิโด้, และคริสตอฟจะมากับผม

ผมคุยกับบัลบาโน่ขณะเราวิ่งผ่านอุโมงค์

「ถ้ำถล่มเกิดขึ้นบ่อยมั้ย?」

ผมได้ยินว่ามันเกิดขึ้นบ่อยในเหมืองและนำไปสู่การได้รับผู้เสียชีวิต

「แน่นอนว่าไม่บ่อย ดวอร์ฟอาศัยกันอยู่ในภูเขา ความพลาดแบบนั้นหายาก…… นั่นทำไมฉันกังวลว่ามีโอกาสที่มันจะทะลุมาผ่านที่นั่นมั้ย」

「ความมืดมิดน่ะเหรอ……?」

มีที่ลึกข้างในภูเขาที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ที่เรียกว่า ‘ความมืดมิด’ และมีเวลาที่เมื่อขุดอุโมงค์จะทำให้เกิดช่องที่เชื่อมไปนรกนั้นเปิดขึ้น

เมื่อนั่นเกิดขึ้น มอนสเตอร์จะพุ่งกันออกมาจากรูนั้นจนกว่ารูมันจะปิด

「ฉันไม่อยากเห็นแมงมุมเหมือนครั้งที่แล้ว ฉันไม่มีหอกฉันด้วย」

ขณะเราคร่ำครวญไปตตามทางอุโมงค์ เราไปสุดทางและแน่นอนว่าเห็นว่าเพดานถล่ม

ดวอร์ฟสองคนติดอยู่ใต้หินและฝุ่นที่หล่นลงมา

「พวกเขาติดอยู่ข้างใต้ตรงนั้น! ขุดพวกเขาออกมา!」

ระหว่างซี้เขายุ่งกับการขุด บัลบาโน่และผมไปดูข้างหลังสุด

「มีรอยแตก」

ช่องเปิดใหญ่พอให้เห็นไปอีกฝั่งหนึ่ง

ผมลองมองผ่านช่องเปิดและไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นนอกจากความมืด

นั่นหมายถึงมันเชื่อมความมืดมิดนั่นหรือ?

「เถิบก่อน ขอดูหน่อย」

บัลบาโน่เอาหม้อน้ำมันที่จุดไฟ…… ใช้มันเป็นเหมือนคบเพลิงและโยนมันไปอีกฝั่งผ่านช่องเปิด

หลังจากไม่กี่วินาที ผมได้ยินหม้อแตกและไฟเล็กๆส่องแสงในพื้นที่มืดสนิท

เมื่อเห็นนั่น ดวอร์ฟโล่งอกเล็กน้อย

「งั้นมันไม่ใช่ความมืดมิดเหมือนที่เราคิด มันถ้ามันใช่มันจะเป็นรูไร้ก้น」

แต่หน้าบัลบาโน่เครียดขึ้นมา

「มันดูเหมือนถ้ำถล่มค่อนข้างใหญ่ อาจเป็นไปได้ว่ามันนำไปความมืดมิดดังนั้นต้องสืบสวนให้เสร็จก่อน」

มันจริงที่ว่ามันใช้สองสามวิก่อนหม้อแตกที่ก้น หมายถึงมันเป็นหลุมลึกและกว้าง

ผมจะทำให้แน่ใจว่าผมมีค้อนกันไว้ก่อนถ้าศัตรูปรากฏ

「ท่านมีดาบด้วย!」

ซีเลียเอาแอ่งคู่มาด้วย

ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ เดี๋ยวจะเลียจิ๊ให้พอเปียกโชกเลยหลังจากนี้

บัลบาโน่เอาเชือกดูหนามาจากเพื่อน เชือกเป็นเชือกที่ดูเหมือนถักเข้าด้วยกันจากบางอย่างที่เป็นเหล็ก จากนั้นทุบค้อนที่สุดทางไปที่พื้นก่อนโยนปลายเชือกไปให้สุดทางผ่านช่องเปิดหน้าเรา

ผมว่าเราจะลงรูกันแบบนี้

「ฉันจะไปก่อน นายมาหลังฉัน」

「ไหนๆมาแล้วไปด้วยเลยก็ได้」

บัลบาโน่นำ, ตามด้วยผม, และจากนั้นซีเลีย เราลงรูระหว่างพึ่งเชือกเหล็กถัก

เมื่อผมหยุดครู่หนึ่ง ซีเลียเอาตูดนุ่มๆมาแนบหน้าผม

「ได้โปรดอย่าเพิ่งเล่นได้มั้ยตอนนี้อ่ะ!」

เธอโกรธเลย

ผมจะเตรียมกับอะไรที่จะมาถ้าอย่างนั้น

「ไอ้บ้าเอ๊ย! อย่ามาตดใส่หัวฉันดิ๊!」

ขอโทษฉันตึงๆอยู่มากไปน่ะ

เมื่อเรามาถึงก้นเราได้แสงอยู่บ้างจากไฟที่จุดใส่แร่ติดไฟได้

เราต้องให้แน่ใจว่ารูนี้ไม่เชื่อมกับความมืดมิด

「ทุกอย่างดูปลอดภัยทางนี้」

「ทางนี้ก็ไม่มีอะไรด้วย」

「ในความมืดมิด คนจะเห็นความจริงได้……」

「อุว้าาาาาาา!!…… ช่างมันๆ มันแค่เห็ด」

ซีเลียและคนอื่นไม่เห็นอะไรสักอย่าง

บัลบาโน่ก็วิ่งทั่ว ดูกำแพงตรงนี้ตรงนั้น ไม่เจออะไรที่เป็นปัญหาพิเศษ

ไม่ว่าอย่างไร นี่คือบริเวณกว้าง…… ที่นี่สูงมากกว่าเป็นรัศมี 50 เมตรแลละดูเหมือนใหญ่เป็น 100 เมตรได้ บริเวณแบบนี้มันจะไม่เป็นรูปทรงแต่ที่นี่เกือบกลม……มันทำให้ผมคิดว่านี่เป็นในอาคารใหญ่หรือบางอย่าง

「พื้นมันเรียบและเกลี้ยงด้วย」

ไม่มีหินไม่มีเนินไม่มีหลุมในพื้น

มันเหมือนบางคนเก็บกวาดที่นี่อยู่……

「นั่นอะไร?」

ผมเจอจุดหนึ่งในกำแพงกลมที่ดูไม่ปรกติ

ผมส่องแสงไปตรงนั้นและเห็นรอยปูดใหญ่

มันเป็นงานแกะสลักหรือบางอย่างหรือ?

「มีแค่ตรงนี้ที่สีไม่เหมือนกัน」

ผมหยิบค้อนและทุบตรงนั้น แต่มันทำเสียง ‘กระเช้ง’ และทำให้เท้ากับมือสั่นสะเทือน

มันแข็งจนแปลก

ขณะผมเจ็บ ผมมองขึ้นและเห็นลูกกลมส่องแสงสองลูก

「หือ?」

ผมชูคบเพลิงขึ้นและไม่เจออะไรผิดปรกติ

มันแค่ใหญ่นิดหน่อย

「ตาเรอะ?」

ผมถอนหายใจจากนั้นรีบหันไปหาเชือก

「เอเกอร์ซามะ บางอย่างแปลกๆ……มื้อ!」

ขณะซีเลียวิ่งและมาเจอผมครึ่งทาง ผมหยุดเธอกลางประโยค จากนั้นผมอุ้มเธอและแบกเธอขึ้น

บัลบาโน่พร้ออมกิโด้และพวกก็ส่งสัญญาณให้กันเงียบๆก่อนวิ่งสุดตัว

「เฮ้ยเฮ้ย…… นั่นอะไร……?」

คริสตอฟหยุดเพราะเขาหันไปดูข้างหลัง

ท่ามันบอกให้เข้าอย่าส่งเสียง แต่ไอ้บ้านั่นไม่ได้ดูเหมือนมีความกล้าที่จะเงียบ

「อุว้าาาาาาาาาาาาาาา!!!」

คริสตอฟร้องก้องทั่วพื้นที่และจากนั้นเหมือนตอบกลับ เสียงคำรามน่ากลัวเหมือนจะทำหัวแตกสั่นอากาศ

กิโด้เป๋เมื่อได้ยินเสียงระหว่างบัลบาโน่และผมหยุดเคลื่อนไหวด้วยกัน

คริสตอฟ ที่ใกล้เสียงนั้นที่สุดกระเด็นแล้วสลบไป

ครอลปิดตาและอ้าแขนกว้าง ซีเลียร้องเสียงหลงเบาๆ

หลังจากเสียงคำราม เจ้านั่นลุกขึ้นอย่างช้าๆและเดินมาข้างหน้าเรา

ผมพูดว่ามันเดินมา แต่มันใช้แค่สองสามก้าวและกระนั้นชิดระยะได้แล้ว

「……มันไม่ได้ดูเหมือนเป็นไปได้ที่จะหันหลังและไต่เชือกแล้วสิ」

「ใครจะคิดว่ามันมีอยู่จริงๆ」

บัลบาโน่และผมหันไปและยกอาวุธพร้อม

「ลิ-ลิ-ลินต์บลูม」

กิโด้ที่แน่นอนว่าไม่ใช่คนขี้ขลาด เริ่มสั่นและทรุดลงไปนั่งด้วยตูด

「หนูไม่เป็นไร!」

ผมผลักซีเลียหลังผมแม้ว่าเธอพยายามทำเข้ม

อย่ากังวลถ้าฉี่แตก พี่ไม่บอกใครหรอก

「บางอย่างใหญ่ๆมาอีกแล้วดิ แมงมุมจะดีกว่านี่เป็นร้อยเท่าเลย」

เมื่อพูดนั่น คบเพลิงถูกโยนไปหน้าศัตรูเพื่อส่องแสดงให้บริเวณ

สิ่งมีชีวิตมีตัวใหญ่สูงหลายเมตร หน้าใหญ่เหมือนกันและปากกว้างเปิด และสุดท้ายดวงตาทีส่องแสง

แขนขามันเหมือนซุงหนา มันมีหางยาวที่มองไปไม่รู้ว่าสุดหางมันอยู่ตรงไหน และยืดมาจากขาหน้าคือกรงเล็บที่ยาวกว่าตัวผมอีก

มากไปยิ่งกว่านั้น ทั้งร่างกายมันดู

ฟันแทงไม่เข้า…….

พูดจากประสบการณ์ที่ทุบตัวมัน

ร่างกายของสิ่งนี้มันปรากฏว่ามีเกล็ดหนานับไม่ได้เห็นชัดๆ

「ไม่ต้องพูดเลยว่ามังกรแหง」

ผมออกความเห็นระหว่างซ่อนเหงื่อเย็น

ผมพยายามทำให้สถานการณ์มันดูเบาสมอง แต่ผมไม่ได้การตอบสนองจากใคร

นี่อาจจะแย่

 

 

–มุมมองบุคคลที่สาม–

ศึกเมืองสีขาว ③ โจมตีเต็มอัตรา

「เริ่มโจมตี เน้นส่วนบนของป้อมปราการ อย่ากังวลถ้าโดนพวกเดียวกัน」

เซกริตออกคำสั่งและเรือประจันบานเข้าหาเมืองสีขาวทันที และยิงปืนใหญ่

ครั้งนี้ เมืองสีขาวโจมตีสวนโดยไม่ล่าช้าและยิงใส่กองเรือด้วยกระสุน

「เซเนเลสจมทันทีครับ」 「อากูลเสียหายหนักครับ」

เซกริตไม่ได้ตอบสนองกับรายงาน

ความเสียหายของของเรือเพิ่มขึ้น แต่ลูกกระสุนปืนใหญ่มากมายลงบนกำแพงด้วยและเธอเห็นปืนใหญ่และกระสุนกระเด็นซ้ายขวา

「กองทัพบกเริ่มบุกโจมตีครับ」

กองทัพบกจักรวรรดิพุ่งเข้ากำแพงปราสาทกลางควันที่ขึ้นมา

「เน้นการโจมตีส่วนใหญ่ไปตรงที่ศัตรูโจมตีสวนมา」

กองทัพจักรวรรดิโดนยิงด้วยการยิงธนูและปืนใหญ่เป็นชุดขณะพวกเขาเข้าหากำแพง กระเด็นกระจายตัวและวิ่งสับสนไปทั่ว

ไม่นานหลังจากนั้น กองเรือจะระดมยิงที่ที่การโจมตีสวนเกิดขึ้น

ชุดเหตุการณ์จะซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง มีผลลัพธ์ให้กองทัพจักรวรรดิตายกองๆกันที่พื้นกำแพง แต่ก็มีผลลัพธ์ว่าลดการต่อต้านกลับเหมือนกัน

「กองทัพพื้นดินส่งสัญญาณควัน」

「หยุดยิง」

ทันทีเมื่อเห็นควันแดง เซกริตสั่งหยุดระดมยิง

เสียทหารทิ้งได้เนื่องจากยิงโดนพวกเดียวกันไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่การยิงโดนตำแหน่งสำคัญบางอย่างเป็นเรื่องจริงจัง

ทหารจักรวรรดิมากมายผสมเข้าด้วยกันจากสองสามหน่วยและเดินหน้าเข้าหากำแพงปราสาท

「คิดว่าอะไรจะราบรื่นมั้ย?」

「แค่จำนวนที่เราใช้ไม่ทำให้พวกเขาแตกพ่ายหรอก」

ควันสีน้ำเงินขึ้นมาเพื่อบอกว่าแผนสำเร็จและจากนั้น การระเบิดใหญ่ที่เทียบไม่ได้กับกระสุนปืนใหญ่ทำลายกำแพงส่วนหนึ่ง

「ฝังดินระเบิดที่ฐานกำแพงและระเบิดตรงๆเหรอ…….?」

「ถ้าเราทำนี่ได้ ทำไมเราไม่ทำจนถึงตอนนี้เล่า……」

เซกริตถอนหายใจตอบลูกน้องไร้ความสามารถ

การโจมตีเสี่ยงๆแบบนั้นไม่สร้างความเสียหาบนกำแพงที่ยังไม่เสียหาย

มันเพราะกำแพงเต็มไปด้วยรูแล้วที่พวกเขาปิดฉากได้ด้วยการโยนดินระเบิดใส่พวกมัน

ไม่มีทางว่าจิ้มรูเล็กๆช้าๆที่กำแพงจะมีผลระหว่างสิ่งก่อสร้างป้องกันของศัตรูยังอยู่ในปฏิบัติการ

อธิบายรายละเอียดทั้งหมดนั้นมันมีปัญหา

เซกริตแค่ออกคำสั่ง

「กำแพงถล่มแล้ว ที่เหลือเป็นของกองทัพบกต่อระหว่างเราระวังกองเรือศัตรู」

กำแพงพังทลายแค่ส่วนหนึ่ง

พวกเธอเสนอการสนับสนุนเพิ่มมากกว่านี้ไม่ได้ด้วยการยิงปืนใหญ่เพราะบริเวณมันไกลเกินมองเห็นแล้ว

「ที่เหลือขึ้นอยู่กับทักษะแซพเนส…… มันจะดีถ้าเขาทำได้ดี」

กองทัพบกจักรวรรดิรุกผ่านรูใหญ่ที่เปิดขึ้นในชั้นแรกของกำแพงปราสาท

เพราะดินปืนมหาศาลถูกใช้เพื่อระเบิดกำแพง รูใหญ่พอถูกสร้างสำหรับกองทัพมโหฬารให้เทเข้าไปข้างใน

「รุกให้ถึงตัวเมือง!」 「ทำลายผานกำแพงอันต่อไปก่อนศัตรูพร้อมได้!」 「ทำลายทุกอย่างที่มองเห็น!」

กองทัพจักรวรรดิบุกในเสียงตะโกนและเสียงคำรามแห่งสงครามเพื่อแค่ได้เห็นว่าไม่มีอะไรอยู่หน้าพวกเขาเลย

พวกเขาไม่เห็นทหารศัตรูรีบหนีจากกำแพงที่ถูกทำลายหรือเคลื่อนทีปืนใหญ่

เมื่อพวกเขาเริ่มสงสัย ประตูกำแพงที่สงที่ขวางทางอยู่เปิดขึ้น

「โยนพวกป่าเถื่อนออกไป ทุกหน่วยเดินหน้า!」

ทหารสหพันธรัฐห่อในเกราะสีขาวรีบพุ่งใส่ทหารจักรวรรดิในเวลาเดียวกัน ปืนใหญ่และพลธนูนับไม่ถ้วนยิงสนับสนุนอย่างเข้มข้น

กองทัพจักรวรรดิไม่มีกำลังเสริมหลังก้าวเลยกำแพงแรก

เพิ่มเติม ทหารจักรวรรดิอัดกันเพราะอัดกันผ่านรูมาและพุ่งอย่างมืดบอด ระหว่างทหารสหพันธรัฐเดินทัพเข้ามาในระเบียบเป็นแถวๆ

ทหารสหพันธรัฐกำลังรอศัตรูรุกรานหลังจากกำแพงเมืองแรกล้ม

ทันทีที่สองฝั่งปะทะกัน ทหารจากจักรวรรดิแตกทัพทันที เจอตัวเองอยู่ในการตีให้แตกพ่ายฝ่ายเดียว และจากนั้นวิ่งหนีเก็บชีวิตผ่านรูที่ในที่สุดก็ทำลายได้ในกำแพงแรก

「ฮึ่ม ไอ้โง่เอ้ย พวกเขาคิดว่าทหารหวังแต่กำแพงพังๆตลอดไปหรือไงกันวะ?」

เหมือนที่ผู้บัญชาการสหพันธรัฐพูดทุกอย่าง ฐานป้องกันมั่นใจว่ากำแพงแรกไม่ไหวแล้ว เคลื่อนที่ทหารและปืนใหญ่ส่วนใหญ่ไปกำแพงที่สอง

ด้วยการยิงสนับสนุนจากกองเรือ พวกเขาคาดว่ากำแพงฝั่งใต้จะพังแล้ว และเน้นกองกำลังป้องกันส่วนใหญ่ไปตรงนั้น

「ถ้าเราสู้ที่กำแพงที่สอง ปืนใหญ่กองเรือจะไม่มาถึงเรา」

「นั่นถูกแล้ว ศัตรูแค่สู้ได้เมื่อไม่มีกำลังเสริมเท่านั้น เราจะให้พวกเขาเห็นว่าเราทำอะไรได้」

เมื่อสีขาวยังไม่ล่ม

แสงในตาของทหารสหพันธรัฐยังไม่ตาย

 

 

สหพันธรัฐ ปะทะ จักรวรรดิ – เทียบกองกำลังกองทัพ (ปัจจุบัน + สูญเสีย = เคลื่อนทัพเต็มอัตรา ในกรณีที่จำนวนไม่ตรง มันหมายถึงมีกองกำลังสำรอง)

สหพันธรัฐโอลก้า

ความแข็งแกร่งกองทัพ – ปัจจุบัน: 550 000, เคลื่อนพลเต็มอัตรา: 2 550 000, สูญเสีย: 1 150 000, เหยื่อพลเมือง: 930 000

จักรวรรดิการ์แลนด์

ความแข็งแกร่งกองทัพ – ปัจจุบัน: 2 150 000, เคลื่อนพลเต็มอัตรา: 3 100 000, สูญเสีย: 950 000 (ทหารทาสไม่นับ)

 

 

ตัวเอก: เอเกอร์ ฮาร์ดเลตต์ 23 ปี ฤดูใบไม้ร่วง

สถานะ: มาร์เกรฟอาณาจักรโกลโดเนีย เจ้าศักดินาผู้ยิ่งใหญ่ของบริเวณตะวันออก ราชาแห่งภูเขา กุหลาบ1 เพื่อนของดวอร์ฟ เพื่อนของราชาแห่งอเลส

พลเมือง: 172,000  เมืองหลัก – ราเฟน: 24,000 ลินต์บลูม: 5000

เมืองเฉพาะแวนโดเลีย: 9000

ซีเลีย (เล็ด), กิโด้ (ตื่นตกใจ), คริสตอฟ (สลบ)

ทรัพย์สิน: 2440 ทอง (เงินไว้ใช้ให้พี่น้องเลติเซีย -10)

คู่นอน: 234, ลูกเกิดแล้ว: 54 + ปลา 555 ตัว

 

 

[1] กุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของ ผู้ชายที่ชอบผู้ชายในญี่ปุ่น มาจากตำนานกรีกที่ราชาไลอัสที่มีความสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มใต้ต้นกุหลาบ

 

แปลโดย: wayuwayu

tipme : tipme.in.th/wayuwayutl

patreon (Ebook): patreon.com/wayuwayu

ได้โปรดโดเนทเพื่อสนับสนุนผู้แปล ด้วยการช่วยเหลือของท่านจะทำให้แปลต่อไปได้เรื่อยๆ ขอบคุณครับ

ติดตามข้อมูลข่าวสาร, ติดต่อ: ​http://linktr.ee/wayuwayu

ถนนสู่อาณาจักร

ถนนสู่อาณาจักร

Status: Ongoing
นี่เป็นเรื่องราวของนักสู้ทาสอายุน้อย ในสังเวียนใต้ดิน เขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเขา หรือเขาไปอยู่ที่ที่เขาอยู่ได้ยังไง, มีเพียงว่าชื่อเขาคือ เอเกอร์, และเขาแข็งแกร่ง วันหนึ่งเขาฆ่านายและหนีไปจากสังเวียน, เข้าร่วมกลุ่มของทหารรับจ้างในฐานะสมาชิกใหม่ ระหว่างภารกิจของเขา เขาได้พบกับแวมไพร์, ลูซี่, ผู้ที่สังหารหมู่กลุ่มของเขา ด้วยพลังเหนือมนุษย์ หลังจากที่ได้เรียนรู้ว่า เอเกอร์ รู้จักแต่การฆ่าเท่านั้น, ลูซี่ ให้เขาอยู่ที่บ้านของเธอ, สอนเขา และดูแลเขา สองปีผ่านไป, และในวันจากลาของเอเกอร์, พวกเขาสองคนแลกเปลี่ยนสัญญา ถ้าเอเกอร์เป็นราชา และปกครองแผ่นดินของป่าเอิร์ก, เขาสามารถมาเพื่อพาเธอไปในฐานะผู้หญิงของเขาได้ ทำสิ่งนั่นให้เป็นเป้าหมายในชีวิต, เอเกอร์ออกเดินทางเพื่อเป็นฮี่โร่, ราชา, และสร้างอาณาจักรของเขาเอง

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน