บทที่ 128 ไต่เต้าและพังทลาย-1
“ผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก ข้าผู้เฒ่าย่อมรับรองด้วยน้ำชาสุรา เหตุใดต้องเกรี้ยวโกรธเพียงนี้เล่า”
หลิวรุ่ยอิ่งมองเห็นฝูงชนรวมตัวกันมุงดูที่ด้านหน้าประตูและค่อยๆ แหวกช่องทางเดิน
ทันใดนั้นทุกคนล้วนค้อมกายคำนับ
“ท่านประมุขหอตี๋!”
ท้ายที่สุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ตี๋เหว่ยไท่ไม่อาจเพิกเฉย
ลู่หมิงหมิงติดตามอยู่ข้างกายเขา ตามหลังมาด้วยสี่พี่น้องเบญจลักขี
โอวหย่าหมิงเห็นลู่หมิงหมิงจึงทักทายด้วยความดีอกดีใจ
ลู่หมิงหมิงชี้โอวหย่าหมิง ความโกรธสะสมมานานระเบิดปะทุ!
พูดก็พูดเรื่องนี้ล้วนเกิดจากโอวหย่าหมิงทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะโอวฉูหรือสามพี่น้อง
สามพี่น้องตามหาโอวหย่าหมิงเพื่อแก้แค้น
โอวฉูตามหาโอวหย่าหมิงเพื่อพิสูจน์กระบี่
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยืนอยู่ด้านข้าง ลอยตัวเหนือเหตุการณ์และเอ้อระเหยเฉื่อยชา
แท้จริงแล้วนี่เป็นต้นตอของปัญหาต่างหาก
อันที่จริงตี๋เหว่ยไท่จะให้ลู่หมิงหมิงออกหน้าก็ย่อมได้
เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับโอวหย่าหมิง อีกทั้งระดับฝึกตนก็เพียงพอ
ทว่าหอทรงปัญญาในปัจจุบันไม่เหมือนแต่ก่อน…
เหลี่ยงเฟินเบญจลักขีสิ้นชีวิต
ก่อนหน้านี้หลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋องประมือกับตู้เยี่ยนชายชุดขาวเพื่อความเป็นความตายของหลิวรุ่ยอิ่ง
ตอนนี้ถึงคราวผู้นำตระกูลโอว โอวหย่าหมิง ‘บุตรแห่งกระบี่’ คนปัจจุบัน
ช่วงเวลาที่มีเรื่องมากมายเช่นนี้ ตี๋เหว่ยไท่ไม่อาจนั่งบนแท่นตกปลาของเขาอย่างมั่นคงได้อีก
เขาต้องปรากฏตัวและต้องแสดงตน ต้องแสดงความแข็งแกร่งของหอทรงปัญญาออกมา
เขาต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าหอทรงปัญญายังคงเดิม ไร้ความเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นบรมครูทรงปัญญาในใต้หล้าที่คนมากมายนับถือมาหลายชั่วอายุคน!
แต่สองพี่น้องอ้วนฉุก็ยังกินต่อไปไม่หยุด
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงก็ยังมีเงาขาดุจแสงดั่งสายฟ้า ทำให้คนดวงตาพร่าเลือน
แต่ละฝ่ายต่างทำหูทวนลมต่อคำกล่าวเปิดฉากนี้ของตี๋เหว่ยไท่
ลู่หมิงหมิงก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว เตรียมพร้อมหยุดยั้ง
กล่าวสิ่งใดก็ตามล้วนต้องทำให้สองคนที่ทะเลาะกันหยุดจึงจะดี
หากไร้คนแสดงตนในหอทรงปัญญา ปล่อยพวกเขาทะเลาะต่อเช่นนี้ ครั้นรอจนจบค่อยคิดบัญชีทีหลังก็ไม่เลว
เพียงแต่ตอนนี้ตี๋เหว่ยไท่ประมุขหอทรงปัญญามาถึงแล้ว ถ้วยชามในโถงยังเกลื่อนกลาดระเกะระกะ สะบักสะบอม ดูหมิ่นกันเกินไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้
ทว่าโอวฉูไหนเลยจะเคารพผู้ใด
สิ่งเดียวที่เขาเคารพมีเพียงกระบี่ปลิดวิญญาณในมือเท่านั้น
ชายผอมสูงสูบยาเส้นไม่เข้าใจว่าความเคารพคือสิ่งใดเช่นกัน
เขาสนใจเพียงคำสรรเสริญและชื่อเสียง
“วิทยายุทธ์บนขาของคนผู้นี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
ลู่หมิงหมิงกล่าว
“แต่ว่าผู้ที่ถือกระบี่ช่างโง่เขลาเสียจริง…จะว่าอย่างไรก็ได้เปรียบในด้านอาวุธ แต่หากไม่รีบไล่บี้ศัตรูโดยเร็วจะกลายเป็นสร้างกับดักให้ตนเอง”
ลู่หมิงหมิงส่ายศีรษะ เห็นได้ชัดว่าประเมินโอวฉูไม่สูงนัก
ครั้นพูด ก็พร้อมจะออกตัว
แต่ร่างกายกลับถูกตี๋เหว่ยไท่ขวางเอาไว้
ลู่หมิงหมิงเพิ่งมองเห็นมือข้างหนึ่งของตี๋เหว่ยไท่ยื่นมาข้างหน้าตน ครั้นได้สติ ตี๋เหว่ยไท่ก็เดินลิ่วไปหลายจั้งแล้ว
เห็นเพียงตี๋เหว่ยไท่แตะนิ้วชี้ทั้งสองข้างเบาๆ
นิ้วหนึ่งชี้ไปทางกระดูกน่องชายผอมสูงสูบยาเส้น อีกนิ้วชี้ไปทางตัวกระบี่ปลิดวิญญาณของโอวฉู
วิชาพู่กันวสันตสารท!
เดิมเป็นวิธีและทักษะประเภทหนึ่งที่สายบุ๋นใช้บันทึกประวัติศาสตร์
ในความวิจิตรแฝงไปด้วยการติชม รู้ดีเลว แยกถูกผิด
แต่ตี๋เหว่ยไท่เปลี่ยนทักษะการเขียนนี้ให้กลายเป็นวิทยายุทธ์ ใช้นิ้วชี้จากพู่กันกลายเป็นมีดพู่กัน
วิทยายุทธ์ชุดนี้เป็นการสรรค์สร้างดั้งเดิมของตี๋เหว่ยไท่อย่างแท้จริง
มันแบ่งออกเป็นสามระดับ เบาบางแต่ชัดเจน มุ่งมั่นแต่เลือนราง ละมุนแต่ร้ายกาจ
เบาบางแต่ชัดเจนหมายถึงสิ่งนี้ดำรงอยู่ คล้ายกลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[1]ในกลยุทธ์แห่งสงครามทว่าไม่เหมือนกันทั้งหมด
ออกศึกสู้รบจำต้องรู้เขารู้เราเสียบ้าง
ความเบาบางหมายถึงบางเบาจนไม่อาจมองเห็น และยังหมายถึงไม่อาจสัมผัสได้อีกด้วย
จนรู้สึกว่ามีดพู่กันเล่มนี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ตน ขณะที่อ่อนกำลังลงถึงขั้นละเลย ย่อมไร้การเฝ้าระวังไปโดยปริยาย
ในยามนี้เองมีดพู่กันเล่มนี้เลี้ยวพลิกอย่างฉับพลัน ไม่เพียงไล่บี้จวนตัวเท่านั้น ยังปลดปล่อยพลังที่ไม่อาจต้านทานอย่างกะทันหัน!
เปรียบเสมือนไหวพริบยามบัณฑิตเปล่งคำพูดและการเปรียบเปรยยามเขียนบทความ
ดูราวกับธรรมดาสามัญ ไร้ประโยชน์ ครั้นรู้แจ้งเมื่อใดจึงจะตระหนักถึงตัวแปรสำคัญ ควบคุมการขึ้นลงได้
มันไม่ต้องจำเป็นต้องใช้หมึกมาก ยามใช้งานก็ไม่ฉับพลันจนเกินไปนัก
แม้หมื่นบุปผารายล้อมก็คร้านย้อนกลับไปมอง แต่ท้ายที่สุดไม่อาจแปดเปื้อนแม้เพียงกลีบเดียว ทว่ากังวลหนักใจราวกับหยดซึมไปทั่ว
ทุกสิ่งดูราวกับน้ำมาคลองเกิด เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ความจริงกลับล้มเหลว
แม้ว่าชั้นนี้จะเป็นรากฐานของวิชาพู่กันวสันตสารท แต่เป็นส่วนสำคัญที่สุด
ต่างจากลำดับกระบี่เจ็ดถ้อยสันดาปของหลิวรุ่ยอิ่ง วิชาพู่กันวสันตสารทเน้นที่การเชื่อมโยงต่อกัน
หากไร้รากฐานระดับเบาบางแต่ชัดเจนก็ไม่อาจบรรลุถึงสองระดับหลัง
มุ่งมั่นแต่เลือนรางแฝงความหมายคลุมเครือ อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรหรือการเคลื่อนไหวล้วนง่ายยิ่ง
เมื่อครู่ตี๋เหว่ยไท่ชี้ไปทางโอวฉูและชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงซึ่งเป็นระดับนี้
ไม่มีรูปแบบพลิกแพลงใดๆ
ไม่คล้ายแสงรังสีทั่วนภาของขาธุลีลวงตา และไม่เหมือนการเปลี่ยนแปลงนานาชนิดของกระบี่ปลิดวิญญาณโอวฉู
คนทั้งสองพบหน้าหากล้วนกล่าววาจากำปั้นทุบดินถึงขั้นโต้เถียงจนโมโหหน้าดำหน้าแดง หากกล่าวว่าเขาทั้งสองทะเลาะวิวาทก็คงจะไม่เหมาะสมนัก
ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนคำ จริงใจเปิดกว้างหรือเปิดตับเห็นไต ล้วนสบายใจยิ่งขึ้น
แม้ว่าโดยแก่นแท้จะไม่ได้เปลี่ยนเจตจำนงที่ต่างกันของทั้งสองแต่เดิมก็ตาม ทว่าผู้ใดอยากจะให้ท่าทีเสียมารยาทของตนถูกเปิดต่อหน้าสาธารณะบันทึกลงกระดาษจรดพู่กันเล่า
แต่ทว่านี่เป็นการมีอยู่ของความหน้าซื่อใจคดของบัณฑิต
หากเปลี่ยนเป็นวิทยายุทธ์ก็คือ ทั้งๆ ที่ข้าต้องการฆ่าเจ้าแต่ข้ากลับกล่าวว่านี่เป็นการช่วย
ช่วยอะไรข้าน่ะหรือ
ช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าตายอย่างไรเล่า
แม้ว่าเจ้าจะไม่อยากตาย กระทั่งไม่เคยคิดเรื่องความตายมาก่อน
แต่ว่าข้าแค่อยากช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าตาย
เพราะข้าต้องการฆ่าเจ้า
ใช้คำว่าฆ่าเปลี่ยนเป็นช่วยสงเคราะห์
ทันใดนั้นจึงมีฉากชื่นชีวีสุขสันต์เกิดขึ้น
แต่มีเพียงไม่กี่คนสามารถทนการนองเลือดและอันตรายเบื้องหลังคำกล่าวเหล่านี้ได้
…………………………
คำกล่าวผู้มาเยือนเป็นแขก รับรองน้ำชาสุราจากปากตี๋เหว่ยไท่ ในความเป็นจริง เมื่อเขาเห็นโรงน้ำชาที่หรูหราที่สุดบนถนนย่านพลุกพล่านที่สุดในหอทรงปัญญาของตนถูกคนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ จะไม่โกรธขึ้งในใจได้อย่างไร
การกระทำของหลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋อง เขาสามารถทนได้
ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นกษัตริย์องค์แรกในห้าอ๋อง อีกทั้งยังทิ้งทวนถ้อยคำสุภาพให้ตน
แม้ว่าคำกล่าวสุภาพไม่อาจกินและใช้จ่ายได้ แต่อย่างน้อยฟังดูแล้วสบายใจและให้เกียรติกัน
ยิ่งไปกว่านั้นงานประชันพยัคฆ์มังกรวรรณกรรมยังจัดขึ้นในเมืองหลวงอีกด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมอบสิทธิพิเศษบางประการให้เจ้าของผืนดินนี้
กฎเกณฑ์มักถูกกำหนดโดยผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุด และกฎเกณฑ์ที่พวกเขากำหนดล้วนเป็นประโยชน์ต่อตนเองโดยไม่มีข้อยกเว้น
เฉกเช่นเดียวกับผู้ใหญ่มักกล่าวว่าเด็กเลือกกิน เด็กก็มักจะรู้สึกว่าผู้ใหญ่นั้นเป็นผู้ใหญ่จริงๆ แม้แต่ผักเขียวที่ไม่อร่อยบนโต๊ะก็ยังสามารถคีบใส่ชามใส่ปากโดยไม่เรื่องมาก
หารู้ไม่ว่า อาหารเหล่านี้ผู้ใหญ่เป็นคนทำมันเอง ย่อมขึ้นอยู่กับความโปรดปรานของพวกเขาทั้งสิ้น
เด็กทำได้เพียงยอมรับอย่างอดทน ไม่กินก็ถือว่าผิด
ผู้ใหญ่กินอาหารทุกจาน เพราะแต่ละอย่างที่พวกเขาทำล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาชอบกิน ดังนั้นย่อมไม่ผิด
อย่างไรก็ตามอาหารบนโต๊ะอาจจะซ้ำกันทุกวัน แต่ความขัดแย้งผลประโยชน์ในโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ฉะนั้นกฎเกณฑ์จึงเปลี่ยนแปลงไปตามผลประโยชน์
แต่ไม่ว่ากฎเกณฑ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร มันก็ยังคงเดิม เป็นไปไม่ได้ที่จะตามให้ทันความรวดเร็วและความหลากหลายของการเปลี่ยนแปลงในความเป็นจริง จึงมีข้อยกเว้นเกิดขึ้น
การเยือนหอทรงปัญญาของหลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋องถือเป็นข้อยกเว้น
การฟาดฟันไร้ที่มาที่ไปในโรงน้ำชาแห่งนี้ก็เป็นข้อยกเว้น
ในเมื่อมีข้อยกเว้น ไร้กฎเกณฑ์ปฏิบัติตาม เช่นนั้นมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดที่กำหนดกฎเกณฑ์เท่านั้นสามารถออกหน้าตัดสินใจในประโยคเดียว
ไม่ว่าจะเป็นการประหารชีวิตหรือโทษจำคุก
ล้วนเป็นเรื่องในประโยคเดียวของพวกเขา
ตี๋เหว่ยไท่สามารถอดทนต่อความอุกอาจชั่วครู่ได้ แต่หากทุกคนล้วนกำเริบเสิบสาน เช่นนั้นหอทรงปัญญาแห่งนี้ก็ไม่ต่างจากตลาดขายผักไม่ใช่หรือ
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าขณะที่ชี้สองจุดนี้มีจิตสังหารหรือไม่
ทว่าตำแหน่งที่เขาชี้ไปหาใช่จุดอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ไม่
แต่ในเมื่อกล่าวถ้อยคำสุภาพออกมาแล้ว ก็ย่อมต้องรักษาความสุภาพไว้บ้างเป็นเรื่องธรรมชาติ
เสแสร้งก็คือความเสแสร้ง แต่หากความจอมปลอมไม่ถูกคนแบไต๋ก็ไม่นับว่าจอมปลอม
มองทะลุไม่ได้กล่าวหมดเปลือก นี่เป็นกฎการเอาชีวิตรอดพื้นฐานของหอทรงปัญญา
ส่วนระดับสามนั้น ละมุนแต่ร้ายกาจ ไม่มีความหมายเท่าไรนัก
กล่าวตรงๆ เป็นเพียงการบรรลุระดับแรกเท่านั้น
มันทำให้ความเบาบางไม่เพียงเบาบางเท่านั้น ยังละมุนละไมอีกด้วย
คำว่าละมุนช่างน่าสนใจ
ละมุนสอดคล้องกับกล้าหาญ บิดเบี้ยวสอดคล้องกับตรงดิ่ง นุ่มนวลสอดคล้องกับแข็งกระด้าง
มันตรงข้ามกับทุกสิ่งที่แข็งกร้าว
อันที่จริงระดับนี้ไม่ใช่ขอบเขตของวิทยายุทธ์หรือบทกวีอีกแล้ว แต่เป็นแดนแห่งมนุษย์ที่แท้จริง
รู้จักบุรุษ ปกป้องสตรี
ความเกรียงไกรย่อมทรงพลังน่าเกรงขามแน่นอน แต่หากแข็งแกร่งมากพอ ไม่จำเป็นต้องมีท่าทีหรือวัตถุภายนอกใดๆ แสดงออกมา
หลิวจิ่งเฮ่า ฮั่ววั่ง ตี๋เหว่ยไท่ รวมถึงโอวหย่าหมิง
ขอเพียงพวกเขาหยุดอยู่ที่นี่ก็เป็นการดูหมิ่นทุกสรรพสิ่ง
นุ่มละมุนดุจน้ำ แม้น้ำไม่เที่ยง แต่ให้ประโยชน์ทุกสิ่งไร้ความแก่งแย่ง สายธาราจึงสามารถไหลไปทั่วหล้าได้
หากนุ่มละมุนดั่งลม แม้ลมไร้สภาวะ แต่สามารถเจาะลึกไร้สิ่งกีดขวางจึงเข้าไปได้ทุกทิศทุกทางไม่ว่าจะเหนือใต้ออกตก
ตี๋เหว่ยไท่แตกต่างจากหลิวรุ่ยอิ่ง
หลิวรุ่ยอิ่งยังอยู่ในช่วงเติบโต ยังคงเฝ้าคอยออกจากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ
แต่สิ่งที่ตี๋เหว่ยไท่แสวงหาคือความยืนยาว
ไม่ว่าจะเป็นอายุขัยหรือสถานะของตน ตราบใดที่ยาวนานจึงจะดี
ตราบชั่วฟ้าดินสลาย เพราะฟ้าดินไม่แสวงหาความยืนยาวจึงคงอยู่ได้ตลอดกาล
พระจันทร์ยั่งยืน พระจันทร์เพียงแขวนสูงลิ่วกลางท้องฟ้า ขึ้นตกตามเวลาจึงคงอยู่ได้ตลอดไป
บ่อยครั้งเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามมักจบลงด้วยการไม่ได้อะไรเลย
สิ่งที่กระทำระหว่างทางกลับเต็มไปด้วยความสุขทั้งชั่วโคตร
ปัจจุบันนี้ ตี๋เหว่ยไท่จะเปลี่ยนชุดขุนนางบัณฑิตตะวันแพรทองขั้นแปดเนื่องในโอกาสทางการอย่างยิ่งเท่านั้น อย่างเช่น งานประชันพยัคฆ์มังกรวรรณกรรม ในวันธรรมดาจะแต่งกายเหมือนชาวนาแก่อยู่เสมอ
แม้ว่านี่จะเป็นการจงใจ ทว่าก็เป็นท่าทีอย่างหนึ่ง
………………………..
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเห็น ‘พลังพู่กัน’ โจมตีเข้ามา ฝ่ามือบรรพตมหารณพชูขึ้นอีกครั้ง ปรบห้าฝ่ามือรัวติดกัน ราวกับกลุ่มเซียนออกสัญจร นภากว้างใหญ่
แม้วิชาพู่กันวสันตสารทของตี๋เหว่ยไท่จะวิจิตรงดงาม แต่ขาดกำลังและพลังธาตุอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าตี๋เหว่ยไม่ตื่นตระหนก เขายกแขนเสื้อขึ้นแกว่งไกวอย่างอิสระพึงใจ
พลังธาตุระเบิดออกมาอย่างไร้กังวลราวกับม้าฝึก ล้อมรอบฝ่ามือบรรพตมหารณพห้าสายสลายไปชั่วพริบตา
“ข้าเอาชนะท่านไม่ได้”
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงตัดสินใจโดยพลัน
ยิ่งกว่านั้นวาจาของตี๋เหว่ยไท่ไม่ได้กระตุ้นประสาทอันเปราะบางของเขา
เมื่อเห็นว่าฝ่ามือบรรพตมหารณพห้าสายของตนถูกตี๋เหว่ยไท่ทลายอย่างง่ายดายเพียงนี้ จึงรีบดึงขาธุลีลวงตาก่อน ‘พลังพู่กัน’ ของเขาจะกระแทกใส่
เพียงแต่โอวฉูยังคงไม่ยินยอม
ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงดึงขาธุลีลวงตากลับแล้ว แต่ตี๋เหว่ยไท่กลับเคลื่อนไหวมีดพู่กัน
แม้ว่ามีดพู่กันจะไม่ใช่กระบี่ แต่มีดกระบี่เดิมก็ตระกูลเดียวกัน จะปล่อยโอกาสหลุดรอดไปได้อย่างไร
โอวฉูจำตี๋เหว่ยไท่ได้อย่างแน่นอน
แม้ตี๋เหว่ยไท่จะไม่ใช่คนตระกูลโอว แต่หากกระบี่เอาชนะตี๋เหว่ยไท่ได้ เขาก็จะบรรลุเป้าหมายการพิสูจน์กระบี่ปลิดวิญญาณด้วยเช่นกัน
‘แกร๊ง!’
ขณะที่โอวฉูยกปลายกระบี่ขึ้นอีกครั้ง กระบี่ปลิดวิญญาณของตนถูกกระบี่อีกเล่มสกัดไว้
กระบี่เล่มนี้เขาคุ้นเคยมันเป็นอย่างดียิ่ง มันเป็นความปรารถนาอันยาวนานของเขาตลอดสิบสามปีที่ผ่านมา
‘บุตรแห่งกระบี่’
………………………………………………………
[1] กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม เป็นหนึ่งในกลศึกใช้โจมตีศัตรูของสามก๊ก โดยต้องเตรียมบุกโจมตีจุดที่ศัตรูคาดไม่ถึง เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูตั้งรับได้ถูก หลอกล่อศัตรูให้หลงทิศบุกโจมตีและนำกำลังทหารเฝ้าระวังผิดตำแหน่ง จึงเกิดการหละหลวมต่อกำลังทหารและเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย