ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 128 ไต่เต้าและพังทลาย-1

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 128 ไต่เต้าและพังทลาย-1

“ผู้มาเยือนล้วนเป็นแขก ข้าผู้เฒ่าย่อมรับรองด้วยน้ำชาสุรา เหตุใดต้องเกรี้ยวโกรธเพียงนี้เล่า”

หลิวรุ่ยอิ่งมองเห็นฝูงชนรวมตัวกันมุงดูที่ด้านหน้าประตูและค่อยๆ แหวกช่องทางเดิน

ทันใดนั้นทุกคนล้วนค้อมกายคำนับ

“ท่านประมุขหอตี๋!”

ท้ายที่สุดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ตี๋เหว่ยไท่ไม่อาจเพิกเฉย

ลู่หมิงหมิงติดตามอยู่ข้างกายเขา ตามหลังมาด้วยสี่พี่น้องเบญจลักขี

โอวหย่าหมิงเห็นลู่หมิงหมิงจึงทักทายด้วยความดีอกดีใจ

ลู่หมิงหมิงชี้โอวหย่าหมิง ความโกรธสะสมมานานระเบิดปะทุ!

พูดก็พูดเรื่องนี้ล้วนเกิดจากโอวหย่าหมิงทั้งสิ้น

ไม่ว่าจะโอวฉูหรือสามพี่น้อง

สามพี่น้องตามหาโอวหย่าหมิงเพื่อแก้แค้น

โอวฉูตามหาโอวหย่าหมิงเพื่อพิสูจน์กระบี่

แม้ว่าตอนนี้เขาจะยืนอยู่ด้านข้าง ลอยตัวเหนือเหตุการณ์และเอ้อระเหยเฉื่อยชา

แท้จริงแล้วนี่เป็นต้นตอของปัญหาต่างหาก

อันที่จริงตี๋เหว่ยไท่จะให้ลู่หมิงหมิงออกหน้าก็ย่อมได้

เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับโอวหย่าหมิง อีกทั้งระดับฝึกตนก็เพียงพอ

ทว่าหอทรงปัญญาในปัจจุบันไม่เหมือนแต่ก่อน…

เหลี่ยงเฟินเบญจลักขีสิ้นชีวิต

ก่อนหน้านี้หลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋องประมือกับตู้เยี่ยนชายชุดขาวเพื่อความเป็นความตายของหลิวรุ่ยอิ่ง

ตอนนี้ถึงคราวผู้นำตระกูลโอว โอวหย่าหมิง ‘บุตรแห่งกระบี่’ คนปัจจุบัน

ช่วงเวลาที่มีเรื่องมากมายเช่นนี้ ตี๋เหว่ยไท่ไม่อาจนั่งบนแท่นตกปลาของเขาอย่างมั่นคงได้อีก

เขาต้องปรากฏตัวและต้องแสดงตน ต้องแสดงความแข็งแกร่งของหอทรงปัญญาออกมา

เขาต้องทำให้ทุกคนรู้ว่าหอทรงปัญญายังคงเดิม ไร้ความเปลี่ยนแปลง ยังคงเป็นบรมครูทรงปัญญาในใต้หล้าที่คนมากมายนับถือมาหลายชั่วอายุคน!

แต่สองพี่น้องอ้วนฉุก็ยังกินต่อไปไม่หยุด

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงก็ยังมีเงาขาดุจแสงดั่งสายฟ้า ทำให้คนดวงตาพร่าเลือน

แต่ละฝ่ายต่างทำหูทวนลมต่อคำกล่าวเปิดฉากนี้ของตี๋เหว่ยไท่

ลู่หมิงหมิงก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว เตรียมพร้อมหยุดยั้ง

กล่าวสิ่งใดก็ตามล้วนต้องทำให้สองคนที่ทะเลาะกันหยุดจึงจะดี

หากไร้คนแสดงตนในหอทรงปัญญา ปล่อยพวกเขาทะเลาะต่อเช่นนี้ ครั้นรอจนจบค่อยคิดบัญชีทีหลังก็ไม่เลว

เพียงแต่ตอนนี้ตี๋เหว่ยไท่ประมุขหอทรงปัญญามาถึงแล้ว ถ้วยชามในโถงยังเกลื่อนกลาดระเกะระกะ สะบักสะบอม ดูหมิ่นกันเกินไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้

ทว่าโอวฉูไหนเลยจะเคารพผู้ใด

สิ่งเดียวที่เขาเคารพมีเพียงกระบี่ปลิดวิญญาณในมือเท่านั้น

ชายผอมสูงสูบยาเส้นไม่เข้าใจว่าความเคารพคือสิ่งใดเช่นกัน

เขาสนใจเพียงคำสรรเสริญและชื่อเสียง

“วิทยายุทธ์บนขาของคนผู้นี้ยอดเยี่ยมจริงๆ!”

ลู่หมิงหมิงกล่าว

“แต่ว่าผู้ที่ถือกระบี่ช่างโง่เขลาเสียจริง…จะว่าอย่างไรก็ได้เปรียบในด้านอาวุธ แต่หากไม่รีบไล่บี้ศัตรูโดยเร็วจะกลายเป็นสร้างกับดักให้ตนเอง”

ลู่หมิงหมิงส่ายศีรษะ เห็นได้ชัดว่าประเมินโอวฉูไม่สูงนัก

ครั้นพูด ก็พร้อมจะออกตัว

แต่ร่างกายกลับถูกตี๋เหว่ยไท่ขวางเอาไว้

ลู่หมิงหมิงเพิ่งมองเห็นมือข้างหนึ่งของตี๋เหว่ยไท่ยื่นมาข้างหน้าตน ครั้นได้สติ ตี๋เหว่ยไท่ก็เดินลิ่วไปหลายจั้งแล้ว

เห็นเพียงตี๋เหว่ยไท่แตะนิ้วชี้ทั้งสองข้างเบาๆ

นิ้วหนึ่งชี้ไปทางกระดูกน่องชายผอมสูงสูบยาเส้น อีกนิ้วชี้ไปทางตัวกระบี่ปลิดวิญญาณของโอวฉู

วิชาพู่กันวสันตสารท!

เดิมเป็นวิธีและทักษะประเภทหนึ่งที่สายบุ๋นใช้บันทึกประวัติศาสตร์

ในความวิจิตรแฝงไปด้วยการติชม รู้ดีเลว แยกถูกผิด

แต่ตี๋เหว่ยไท่เปลี่ยนทักษะการเขียนนี้ให้กลายเป็นวิทยายุทธ์ ใช้นิ้วชี้จากพู่กันกลายเป็นมีดพู่กัน

วิทยายุทธ์ชุดนี้เป็นการสรรค์สร้างดั้งเดิมของตี๋เหว่ยไท่อย่างแท้จริง

มันแบ่งออกเป็นสามระดับ เบาบางแต่ชัดเจน มุ่งมั่นแต่เลือนราง ละมุนแต่ร้ายกาจ

เบาบางแต่ชัดเจนหมายถึงสิ่งนี้ดำรงอยู่ คล้ายกลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[1]ในกลยุทธ์แห่งสงครามทว่าไม่เหมือนกันทั้งหมด

ออกศึกสู้รบจำต้องรู้เขารู้เราเสียบ้าง

ความเบาบางหมายถึงบางเบาจนไม่อาจมองเห็น และยังหมายถึงไม่อาจสัมผัสได้อีกด้วย

จนรู้สึกว่ามีดพู่กันเล่มนี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ตน ขณะที่อ่อนกำลังลงถึงขั้นละเลย ย่อมไร้การเฝ้าระวังไปโดยปริยาย

ในยามนี้เองมีดพู่กันเล่มนี้เลี้ยวพลิกอย่างฉับพลัน ไม่เพียงไล่บี้จวนตัวเท่านั้น ยังปลดปล่อยพลังที่ไม่อาจต้านทานอย่างกะทันหัน!

เปรียบเสมือนไหวพริบยามบัณฑิตเปล่งคำพูดและการเปรียบเปรยยามเขียนบทความ

ดูราวกับธรรมดาสามัญ ไร้ประโยชน์ ครั้นรู้แจ้งเมื่อใดจึงจะตระหนักถึงตัวแปรสำคัญ ควบคุมการขึ้นลงได้

มันไม่ต้องจำเป็นต้องใช้หมึกมาก ยามใช้งานก็ไม่ฉับพลันจนเกินไปนัก

แม้หมื่นบุปผารายล้อมก็คร้านย้อนกลับไปมอง แต่ท้ายที่สุดไม่อาจแปดเปื้อนแม้เพียงกลีบเดียว ทว่ากังวลหนักใจราวกับหยดซึมไปทั่ว

ทุกสิ่งดูราวกับน้ำมาคลองเกิด เป็นไปตามธรรมชาติ แต่ความจริงกลับล้มเหลว

แม้ว่าชั้นนี้จะเป็นรากฐานของวิชาพู่กันวสันตสารท แต่เป็นส่วนสำคัญที่สุด

ต่างจากลำดับกระบี่เจ็ดถ้อยสันดาปของหลิวรุ่ยอิ่ง วิชาพู่กันวสันตสารทเน้นที่การเชื่อมโยงต่อกัน

หากไร้รากฐานระดับเบาบางแต่ชัดเจนก็ไม่อาจบรรลุถึงสองระดับหลัง

มุ่งมั่นแต่เลือนรางแฝงความหมายคลุมเครือ อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรหรือการเคลื่อนไหวล้วนง่ายยิ่ง

เมื่อครู่ตี๋เหว่ยไท่ชี้ไปทางโอวฉูและชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงซึ่งเป็นระดับนี้

ไม่มีรูปแบบพลิกแพลงใดๆ

ไม่คล้ายแสงรังสีทั่วนภาของขาธุลีลวงตา และไม่เหมือนการเปลี่ยนแปลงนานาชนิดของกระบี่ปลิดวิญญาณโอวฉู

คนทั้งสองพบหน้าหากล้วนกล่าววาจากำปั้นทุบดินถึงขั้นโต้เถียงจนโมโหหน้าดำหน้าแดง หากกล่าวว่าเขาทั้งสองทะเลาะวิวาทก็คงจะไม่เหมาะสมนัก

ด้วยเหตุนี้จึงเปลี่ยนคำ จริงใจเปิดกว้างหรือเปิดตับเห็นไต ล้วนสบายใจยิ่งขึ้น

แม้ว่าโดยแก่นแท้จะไม่ได้เปลี่ยนเจตจำนงที่ต่างกันของทั้งสองแต่เดิมก็ตาม ทว่าผู้ใดอยากจะให้ท่าทีเสียมารยาทของตนถูกเปิดต่อหน้าสาธารณะบันทึกลงกระดาษจรดพู่กันเล่า

แต่ทว่านี่เป็นการมีอยู่ของความหน้าซื่อใจคดของบัณฑิต

หากเปลี่ยนเป็นวิทยายุทธ์ก็คือ ทั้งๆ ที่ข้าต้องการฆ่าเจ้าแต่ข้ากลับกล่าวว่านี่เป็นการช่วย

ช่วยอะไรข้าน่ะหรือ

ช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าตายอย่างไรเล่า

แม้ว่าเจ้าจะไม่อยากตาย กระทั่งไม่เคยคิดเรื่องความตายมาก่อน

แต่ว่าข้าแค่อยากช่วยสงเคราะห์ให้เจ้าตาย

เพราะข้าต้องการฆ่าเจ้า

ใช้คำว่าฆ่าเปลี่ยนเป็นช่วยสงเคราะห์

ทันใดนั้นจึงมีฉากชื่นชีวีสุขสันต์เกิดขึ้น

แต่มีเพียงไม่กี่คนสามารถทนการนองเลือดและอันตรายเบื้องหลังคำกล่าวเหล่านี้ได้

…………………………

คำกล่าวผู้มาเยือนเป็นแขก รับรองน้ำชาสุราจากปากตี๋เหว่ยไท่ ในความเป็นจริง เมื่อเขาเห็นโรงน้ำชาที่หรูหราที่สุดบนถนนย่านพลุกพล่านที่สุดในหอทรงปัญญาของตนถูกคนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ จะไม่โกรธขึ้งในใจได้อย่างไร

การกระทำของหลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋อง เขาสามารถทนได้

ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นกษัตริย์องค์แรกในห้าอ๋อง อีกทั้งยังทิ้งทวนถ้อยคำสุภาพให้ตน

แม้ว่าคำกล่าวสุภาพไม่อาจกินและใช้จ่ายได้ แต่อย่างน้อยฟังดูแล้วสบายใจและให้เกียรติกัน

ยิ่งไปกว่านั้นงานประชันพยัคฆ์มังกรวรรณกรรมยังจัดขึ้นในเมืองหลวงอีกด้วย ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมอบสิทธิพิเศษบางประการให้เจ้าของผืนดินนี้

กฎเกณฑ์มักถูกกำหนดโดยผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุด และกฎเกณฑ์ที่พวกเขากำหนดล้วนเป็นประโยชน์ต่อตนเองโดยไม่มีข้อยกเว้น

เฉกเช่นเดียวกับผู้ใหญ่มักกล่าวว่าเด็กเลือกกิน เด็กก็มักจะรู้สึกว่าผู้ใหญ่นั้นเป็นผู้ใหญ่จริงๆ แม้แต่ผักเขียวที่ไม่อร่อยบนโต๊ะก็ยังสามารถคีบใส่ชามใส่ปากโดยไม่เรื่องมาก

หารู้ไม่ว่า อาหารเหล่านี้ผู้ใหญ่เป็นคนทำมันเอง ย่อมขึ้นอยู่กับความโปรดปรานของพวกเขาทั้งสิ้น

เด็กทำได้เพียงยอมรับอย่างอดทน ไม่กินก็ถือว่าผิด

ผู้ใหญ่กินอาหารทุกจาน เพราะแต่ละอย่างที่พวกเขาทำล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาชอบกิน ดังนั้นย่อมไม่ผิด

อย่างไรก็ตามอาหารบนโต๊ะอาจจะซ้ำกันทุกวัน แต่ความขัดแย้งผลประโยชน์ในโลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ฉะนั้นกฎเกณฑ์จึงเปลี่ยนแปลงไปตามผลประโยชน์

แต่ไม่ว่ากฎเกณฑ์จะเปลี่ยนไปอย่างไร มันก็ยังคงเดิม เป็นไปไม่ได้ที่จะตามให้ทันความรวดเร็วและความหลากหลายของการเปลี่ยนแปลงในความเป็นจริง จึงมีข้อยกเว้นเกิดขึ้น

การเยือนหอทรงปัญญาของหลิวจิ่งเฮ่าฉิงจงอ๋องถือเป็นข้อยกเว้น

การฟาดฟันไร้ที่มาที่ไปในโรงน้ำชาแห่งนี้ก็เป็นข้อยกเว้น

ในเมื่อมีข้อยกเว้น ไร้กฎเกณฑ์ปฏิบัติตาม เช่นนั้นมีเพียงผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดที่กำหนดกฎเกณฑ์เท่านั้นสามารถออกหน้าตัดสินใจในประโยคเดียว

ไม่ว่าจะเป็นการประหารชีวิตหรือโทษจำคุก

ล้วนเป็นเรื่องในประโยคเดียวของพวกเขา

ตี๋เหว่ยไท่สามารถอดทนต่อความอุกอาจชั่วครู่ได้ แต่หากทุกคนล้วนกำเริบเสิบสาน เช่นนั้นหอทรงปัญญาแห่งนี้ก็ไม่ต่างจากตลาดขายผักไม่ใช่หรือ

ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าขณะที่ชี้สองจุดนี้มีจิตสังหารหรือไม่

ทว่าตำแหน่งที่เขาชี้ไปหาใช่จุดอันตรายถึงชีวิตจริงๆ ไม่

แต่ในเมื่อกล่าวถ้อยคำสุภาพออกมาแล้ว ก็ย่อมต้องรักษาความสุภาพไว้บ้างเป็นเรื่องธรรมชาติ

เสแสร้งก็คือความเสแสร้ง แต่หากความจอมปลอมไม่ถูกคนแบไต๋ก็ไม่นับว่าจอมปลอม

มองทะลุไม่ได้กล่าวหมดเปลือก นี่เป็นกฎการเอาชีวิตรอดพื้นฐานของหอทรงปัญญา

ส่วนระดับสามนั้น ละมุนแต่ร้ายกาจ ไม่มีความหมายเท่าไรนัก

กล่าวตรงๆ เป็นเพียงการบรรลุระดับแรกเท่านั้น

มันทำให้ความเบาบางไม่เพียงเบาบางเท่านั้น ยังละมุนละไมอีกด้วย

คำว่าละมุนช่างน่าสนใจ

ละมุนสอดคล้องกับกล้าหาญ บิดเบี้ยวสอดคล้องกับตรงดิ่ง นุ่มนวลสอดคล้องกับแข็งกระด้าง

มันตรงข้ามกับทุกสิ่งที่แข็งกร้าว

อันที่จริงระดับนี้ไม่ใช่ขอบเขตของวิทยายุทธ์หรือบทกวีอีกแล้ว แต่เป็นแดนแห่งมนุษย์ที่แท้จริง

รู้จักบุรุษ ปกป้องสตรี

ความเกรียงไกรย่อมทรงพลังน่าเกรงขามแน่นอน แต่หากแข็งแกร่งมากพอ ไม่จำเป็นต้องมีท่าทีหรือวัตถุภายนอกใดๆ แสดงออกมา

หลิวจิ่งเฮ่า ฮั่ววั่ง ตี๋เหว่ยไท่ รวมถึงโอวหย่าหมิง

ขอเพียงพวกเขาหยุดอยู่ที่นี่ก็เป็นการดูหมิ่นทุกสรรพสิ่ง

นุ่มละมุนดุจน้ำ แม้น้ำไม่เที่ยง แต่ให้ประโยชน์ทุกสิ่งไร้ความแก่งแย่ง สายธาราจึงสามารถไหลไปทั่วหล้าได้

หากนุ่มละมุนดั่งลม แม้ลมไร้สภาวะ แต่สามารถเจาะลึกไร้สิ่งกีดขวางจึงเข้าไปได้ทุกทิศทุกทางไม่ว่าจะเหนือใต้ออกตก

ตี๋เหว่ยไท่แตกต่างจากหลิวรุ่ยอิ่ง

หลิวรุ่ยอิ่งยังอยู่ในช่วงเติบโต ยังคงเฝ้าคอยออกจากรังไหมกลายเป็นผีเสื้อ

แต่สิ่งที่ตี๋เหว่ยไท่แสวงหาคือความยืนยาว

ไม่ว่าจะเป็นอายุขัยหรือสถานะของตน ตราบใดที่ยาวนานจึงจะดี

ตราบชั่วฟ้าดินสลาย เพราะฟ้าดินไม่แสวงหาความยืนยาวจึงคงอยู่ได้ตลอดกาล

พระจันทร์ยั่งยืน พระจันทร์เพียงแขวนสูงลิ่วกลางท้องฟ้า ขึ้นตกตามเวลาจึงคงอยู่ได้ตลอดไป

บ่อยครั้งเรื่องที่ต้องใช้ความพยายามมักจบลงด้วยการไม่ได้อะไรเลย

สิ่งที่กระทำระหว่างทางกลับเต็มไปด้วยความสุขทั้งชั่วโคตร

ปัจจุบันนี้ ตี๋เหว่ยไท่จะเปลี่ยนชุดขุนนางบัณฑิตตะวันแพรทองขั้นแปดเนื่องในโอกาสทางการอย่างยิ่งเท่านั้น อย่างเช่น งานประชันพยัคฆ์มังกรวรรณกรรม ในวันธรรมดาจะแต่งกายเหมือนชาวนาแก่อยู่เสมอ

แม้ว่านี่จะเป็นการจงใจ ทว่าก็เป็นท่าทีอย่างหนึ่ง

………………………..

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงเห็น ‘พลังพู่กัน’ โจมตีเข้ามา ฝ่ามือบรรพตมหารณพชูขึ้นอีกครั้ง ปรบห้าฝ่ามือรัวติดกัน ราวกับกลุ่มเซียนออกสัญจร นภากว้างใหญ่

แม้วิชาพู่กันวสันตสารทของตี๋เหว่ยไท่จะวิจิตรงดงาม แต่ขาดกำลังและพลังธาตุอย่างเห็นได้ชัด

ทว่าตี๋เหว่ยไม่ตื่นตระหนก เขายกแขนเสื้อขึ้นแกว่งไกวอย่างอิสระพึงใจ

พลังธาตุระเบิดออกมาอย่างไร้กังวลราวกับม้าฝึก ล้อมรอบฝ่ามือบรรพตมหารณพห้าสายสลายไปชั่วพริบตา

“ข้าเอาชนะท่านไม่ได้”

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงตัดสินใจโดยพลัน

ยิ่งกว่านั้นวาจาของตี๋เหว่ยไท่ไม่ได้กระตุ้นประสาทอันเปราะบางของเขา

เมื่อเห็นว่าฝ่ามือบรรพตมหารณพห้าสายของตนถูกตี๋เหว่ยไท่ทลายอย่างง่ายดายเพียงนี้ จึงรีบดึงขาธุลีลวงตาก่อน ‘พลังพู่กัน’ ของเขาจะกระแทกใส่

เพียงแต่โอวฉูยังคงไม่ยินยอม

ชายสูบยาเส้นร่างผอมสูงดึงขาธุลีลวงตากลับแล้ว แต่ตี๋เหว่ยไท่กลับเคลื่อนไหวมีดพู่กัน

แม้ว่ามีดพู่กันจะไม่ใช่กระบี่ แต่มีดกระบี่เดิมก็ตระกูลเดียวกัน จะปล่อยโอกาสหลุดรอดไปได้อย่างไร

โอวฉูจำตี๋เหว่ยไท่ได้อย่างแน่นอน

แม้ตี๋เหว่ยไท่จะไม่ใช่คนตระกูลโอว แต่หากกระบี่เอาชนะตี๋เหว่ยไท่ได้ เขาก็จะบรรลุเป้าหมายการพิสูจน์กระบี่ปลิดวิญญาณด้วยเช่นกัน

‘แกร๊ง!’

ขณะที่โอวฉูยกปลายกระบี่ขึ้นอีกครั้ง กระบี่ปลิดวิญญาณของตนถูกกระบี่อีกเล่มสกัดไว้

กระบี่เล่มนี้เขาคุ้นเคยมันเป็นอย่างดียิ่ง มันเป็นความปรารถนาอันยาวนานของเขาตลอดสิบสามปีที่ผ่านมา

‘บุตรแห่งกระบี่’

………………………………………………………

[1] กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม เป็นหนึ่งในกลศึกใช้โจมตีศัตรูของสามก๊ก โดยต้องเตรียมบุกโจมตีจุดที่ศัตรูคาดไม่ถึง เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูตั้งรับได้ถูก หลอกล่อศัตรูให้หลงทิศบุกโจมตีและนำกำลังทหารเฝ้าระวังผิดตำแหน่ง จึงเกิดการหละหลวมต่อกำลังทหารและเปิดโอกาสให้สามารถเอาชนะได้โดยง่าย

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท