ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา – บทที่ 131 ไต่เต้าและพังทลาย-4

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

บทที่ 131 ไต่เต้าและพังทลาย-4

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบัณฑิตจางกล่าวถึงสุราหมักเมื่อครู่หรือไม่

จู่ๆ ความหวานปะแล่มก็ผุดออกจากโคนลิ้นในปากเขาและคิดว่าหากอีกเดี๋ยวไปร่วมงานเลี้ยงแล้วได้ดื่มสุราหมักก็คงจะดี!

เดิมนี่ก็เป็นอาหารว่างของอาณาจักรอันตงอ๋องและอาณาจักรหนานอ๋อง

ปัจจุบันนี้หาทานได้ทั่วไป

แม้แต่ในเมืองรัฐติงยังมีร้านขายสุราหมักไม่ต่ำกว่าหนึ่งแห่ง ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงหอทรงปัญญาแห่งนี้

บัณฑิตจางรู้ว่าทังจงซงกล่าวถึงสิ่งใด

แม้ว่าในใจเขาค่อนข้างสะเทือนใจต่อประสบการณ์ในอดีต แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่ควรแบกรับแรงกดดันหนักหนาถึงเพียงนี้จริงๆ

แต่ชะตากรรมถึงจุดนี้ เจ้าจะรับมันหรือไม่ล้วนหล่นใส่ศีรษะอยู่ดี

หากไม่โดนมันทับตาย ไม่ก็ยืดคอตั้งตรงให้มั่นเข้าไว้ ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว

“คนมีชีวิตกินได้ นอนได้ วิ่งได้และกระโดดได้ ตราบใดที่วาดออกมาไม่น่าเกลียดย่อมมีพลังเสน่ห์ตามธรรมชาติ ทว่าสิ่งที่วาดยากคือวาดภูเขา วาดธารา วาดสิ่งไร้ชีวิตให้มีชีวิตชีวาว่องไวเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์”

บัณฑิตจางเบี่ยงประเด็นอย่างมีสติ ไม่ต้องการให้ทังจงซงหวนคิดเรื่องเหล่านั้นในอดีตอีก รังแต่จะเพิ่มความเสียใจและไม่เกิดผลดี

“นั่นไม่ใช่เพียงวาดภาพทิวทัศน์หรือ สิ่งนี้ข้ารู้!”

ทังจงซงกล่าว

อารมณ์ดีมีความสุขตีตื้นขึ้นมาทันที

มนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ หากอีกฝ่ายพูดคล่อง พูดน้ำไหลไฟดับตลอดเวลา ไม่ว่าจะบรรยายได้วิเศษเพียงไหน หากไม่เข้าใจคำกล่าวประโยค พานแต่จะง่วงงุนเท่านั้น

แต่หากเข้าใจเพียงเล็กน้อย ตนเองสามารถสอดแทรกสนทนาได้ บรรยากาศก็จะแตกต่างออกไป

บัณฑิตจางใช้วิธีนี้ดึงทังจงซงเข้าร่วมและละทิ้งความทุกข์ในอดีตของเขา

“ฉะนั้นตำรานี้ของท่านเป็นการสอนผู้คนวาดภาพทิวทัศน์หรือ”

ทังจงซงถาม

“ก็ไม่ทั้งหมด…”

บัณฑิตจางเว้นวรรคไปชั่วครู่ ควรจะอธิบายให้ทังจงซงอย่างไรดี

แม้ทังจงซงจะรู้ว่าภาพวาดทิวทัศน์คือสิ่งใด แต่หากอธิบายลึกยิ่งขึ้น เกรงว่าเขาจะไม่เข้าใจแม้แต่คำเดียว

เรื่องเดียวกันนี้ หากเปลี่ยนการอธิบายในรูปแบบอื่นจะเข้าใจได้ง่ายยิ่งกว่า

ความรู้นี้มักจะถ่ายทอดด้วยวาจาก่อนแล้วค่อยจรดพู่กันบนกระดาษ

แม้แต่คนไม่รู้หนังสือก็สามารถเข้าใจภาษาพูดธรรมดาได้

แต่รายการบนกระดาษหาใช่เรื่องที่เข้าใจได้ง่ายๆ

ยิ่งกว่านั้น ความรู้นี้ได้พัฒนามาถึงจุดนี้และกลับหัวกลับหางไปหมด

กลับกลายเป็นต้องดูรายการบนกระดาษก่อน แล้วค่อยฟังคำอธิบายจากวาจาอาจารย์

นี่ก็เป็นสาเหตุที่สอนตำราแห่งปราชญ์เหมือนกัน แต่มีอาจารย์บางท่านสอนได้ดีและอาจารย์บางท่านสอนได้ไม่ดี

“ลายเส้นเป็นทักษะการวาดภาพทิวทัศน์ประเภทหนึ่ง”

บัณฑิตจางก้ำกึ่งอยู่นานก่อนจะกล่าวออกมา

แม้ว่าเขาจะได้ชื่อว่าเป็นบัณฑิตจางอาจารย์บุ๋น ยิ่งกว่านั้นเขายังอ่านตำรามาไม่น้อยจริงๆ ทั้งยังเข้าใจหลักการเหตุผลหลากหลาย เรียนรู้น้ำใจมนุษย์มากมาย

แต่ตนเข้าใจก็ส่วนเข้าใจ ทว่าเขากลับไม่รู้จะอธิบายออกมาอย่างไร

กระทั่งยังรู้สึกเก้อกระดากเล็กน้อย ราวกับกำลังอึกอัก…

เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ฝึกฝนวรยุทธ์ ในร่างกายจะเกิดอินหยางสองขั้ว เปลี่ยนอินหยางเป็นพลังธาตุเพื่อฝึกยุทธ์และใช้ทักษะวรยุทธ์

การวาดภาพทิวทัศน์ก็ใช้หลักการเดียวกัน

กล่าวถึงเนื้อสัมผัสนั้น ภูเขาแข็งกระด้าง ธาราอ่อนไหว

แข็งคือหยาง อ่อนคืออิน

นี่ก็ถือเป็นการสร้างรากฐานแห่งอินหยาง

กล่าวถึงสถานะนั้น ภูเขาเงียบสงบ ธาราเคลื่อนไหว

เคลื่อนไหวคือหยาง เงียบสงบคืออิน

แต่มันพลิกผันความสอดคล้องอินหยางที่สร้างขึ้นจากเนื้อสัมผัสอย่างสิ้นเชิง

แยกจากสามารถสูงโดดเด่นและคลื่นโหมซัดสาด

อย่างไรก็ตามขณะที่แยกอิสระจากกัน อินหยางก็เสริมซึ่งกันและกัน

ทั้งภูเขาและธารา สามารถสร้างรอยแตก วิวัฒนาการและเปลี่ยนแปลงไม่มีที่สิ้นสุด

เขาพันยอดหมื่นเริ่นท่ามกลางสิบฉากมหัศจรรย์แห่งหอทรงปัญญาและแม่น้ำไหลสี่ฤดูก็บ่งบอกถึงสิ่งนี้เช่นกัน

ด้วยความสัมพันธ์ซ้อนกันหลายชั้นเหล่านี้ ขุนเขาธาราความขัดแย้งที่เป็นเอกภาพนี้จึงถูกปล่อยลำพังและเป็นอิสระได้

บัณฑิตจางต้องการยกระดับพัดกระดูกของเขา วิธีที่ดีที่สุดคือการวาดภาพทิวทัศน์บนภาพกระดูกที่มีอยู่ตอนนี้

เพียงแต่ว่า ทำจุดนี้มันยากยิ่งกว่ายากเสียอีก

หากเพียงวาดทิวทัศน์ ก็คงไม่สิ้นเปลืองแรงบัณฑิตจางแม้แต่น้อย

แต่ว่าตอนนี้ ทิวทัศน์บนพัดกระดูกนี้เป็นสิ่งที่มาภายหลัง

ในเมื่อไม่อาจอ่อนกำลังแรง เช่นนั้นพลังก็ไม่เพียงพอ

ไม่อาจแย่งชิงจุดเด่นได้ เช่นนั้นก็ยังเหี้ยมโหดไม่มากพอ

ดังนั้นภาพทิวทัศน์จึงควรผสมผสานความยิ่งใหญ่อันน่าเกรงขาม สูงชันอันตราย บริสุทธิ์อย่างแท้จริงทั้งสามประการ

ใน ‘ตำราลายเส้น’ กล่าวว่า ภาพวาดมีสิบส่วน เจ็ดส่วนเป็นทิวทัศน์ และสามส่วนเป็นคน

ในทิวทัศน์เจ็ดส่วนนี้ รวมด้วยบทกวีสี่ส่วน ทักษะวาดภาพสามส่วน

ประจวบเหมาะที่บัณฑิตจางเห็นประโยคนี้จึงตัดสินใจหยุดอยู่ที่หอทรงปัญญา อ้อยอิ่งอยู่พักหนึ่งก็เพื่อให้ตนเองได้ซึมซับอิทธิพลจากกลิ่นอายบทกวีวรรณกรรม

ศึกษาอารยธรรมจากเบื้องนอก ธำรงแก่นจิตใจดั้งเดิมภายใน

การสร้างสรรค์เกิดขึ้นระหว่างภูเขาธารา อาศัยการขึ้นเหนือล่องใต้ตลอดหลายปีที่ผ่านมาของบัณฑิตจางจึงเข้าใจมันอย่างดี เพียงแต่ทราบซึ้งและตระหนักถึงแก่นจิตใจนี้ยังห่างไกลพอสมควร

เพราะนี่เป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน ไม่เพียงแต่ใช้เวลานานยังต้องสงบนิ่งไม่ถูกรบกวนอีกด้วย

แต่ว่านับตั้งแต่บัณฑิตจางออกจากสำนักปากสอบ ไหนเลยจะมีเวลาว่างเพียงครู่

ภายใต้ความไร้ทางเลือกจำต้องเก็บซ่อนความคิดสร้างสรรค์ที่สะสมไว้อย่างลึกซึ้ง หาโอกาสชื่นชมและตระหนักถึงมัน

บัดนี้เขารู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว

หากพลาดไปแล้ว ก็ไม่รู้ว่าต้องรอครั้งหน้าอีกเมื่อไร

อันที่จริง ‘ตำราลายเส้น’ เล่มนี้เป็นภาพรวมทักษะการวาดภาพทิวทัศน์ขั้นพื้นฐาน

ไม่ว่าจะเป็นทิวทัศน์เจ็ดส่วนหรือคนสามส่วน

ล้วนมีพลังเป็นอับดับแรก ความรู้เป็นรอง และทักษะพู่กันน้ำหมึกจรดลงบนผ้าไหมคุณภาพแท้จริงเป็นสิ่งสุดท้าย

บัณฑิตจางมีพลังมาก แต่ความรู้ไม่เพียงพอ

ยังต้องเพิ่มระดับการควบคุมความกลมกลืนของดวงและพลัง

ตรงจุดนี้กลับเป็นอาจารย์อินหยางเต้นระบำอัญเชิญเทพเหล่านั้น ยังแกร่งกว่าเสียอีก

พวกเขาเชื่อว่าภูเขาและธาราย่อมรู้จักรุกถอยแต่กำเนิด เพราะภูเขาสูงตระหง่าน ธาราไหลเบื้องล่าง เข้าใจกฎเกณฑ์แต่กำเนิด เพราะภูเขามีขอบ ธาราจึงวนรอบ ทั้งมีเสียงสะท้อนแต่กำเนิด เพราะหิมะตกลงมาและหิมะกลายเป็นน้ำ

ด้วยเหตุนี้จึงรู้จักขอบเขต ขุนเขาสูงไม่เทียมฟ้า ธาราหลั่งไหลสู่มหาสมุทร

ด้วยเหตุนี้จึงรู้จักผ่อนคลาย มีดภูเขาฟันขวาน ทรัพยากรน้ำไร้ข้อพิพาท

ด้วยเหตุนี้จึงรู้จักเหตุและผล ภูเขาแข็งแกร่งตระหง่านนับหมื่นปี ธาราเปลี่ยนแปลงหมื่นครั้งในเวลาแสนสั้น

ระหว่างทิวเขาและผืนน้ำ นั่งอยู่บนน้ำพุในหุบเขา นี่เป็นโอกาสอันดี

………………………..

“แล้วอย่างไรเล่า ทักษะประเภทนี้ฉลาดมากหรือ”

ทังจงซงถามอย่างคาดหวัง

หากเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น บัณฑิตจางคงจะบอกกล่าวความจริงและอธิบายให้เขาฟังอย่างชัดเจน

ทว่าในสายนี้ ตัวเขาเองก็ยังอยู่ในขั้นตอนศึกษา ไหนเลยจะมีคุณสมบัติสอนผู้อื่นได้เล่า

เขาไม่ใช่ผู้ชอบวางตัวสั่งสอนผู้อื่น แต่ไหนแต่ไรไม่ทำให้ศิษย์เรียนรู้ผิดๆ จะต้องมั่นใจทิศทางที่ตนเองเชี่ยวชาญ แต่ในยามนี้ประหม่าเอามากๆ

แต่คิดไม่ถึงว่าทังจงซงจะยืนกรานไม่ปล่อยวาง ซึ่งทำให้บัณฑิตจางปวดเศียรเวียนเกล้า…

“วิชาลายเส้นเป็นวิธีวาดภาพที่แสดงออกถึงเส้นสายและพื้นผิวของหิน ยอดเขา และต้นไม้ประเภทหนึ่ง ขณะวาดต้องใช้หมึกหนาพู่กันหนักเพื่อร่างโครงร่างก่อนแล้วค่อยใช้หมึกอ่อนพู่กันแห้งเติมเข้าไปด้านใน หลักๆ มีหนังป่าน หยาดฝน เมฆม้วน คลาย…“

“หยุดๆๆๆ!”

บัณฑิตจางยังกล่าวไม่จบก็ถูกทังจงซงกล่าวหยุดสี่ครั้งขัดจังหวะ

“ข้าถามท่านเพื่อให้ท่านบอกกับข้าด้วยภาษาของท่าน ไม่ได้ให้ท่านอ่านตามตำรา! ตัวข้าตาบอดหรือไม่รู้หนังสือหรืออย่างไร หากข้าหยิบมันขึ้นมาแล้วอ่านรู้เรื่องก็คงไม่ต้องถามท่านกระมัง!”

ทังจงซงกล่าว

เขาขยาดคำพูดบอกเล่ายาวๆ เช่นนี้ที่สุด

ยิ่งกว่านั้นยังมีคำมากมายผสมปนเปกันโดยที่เขาฟังไม่เข้าใจสักนิด

สิ่งใดคือหมึกหนาพู่กันหนัก สิ่งใดคือหมึกอ่อนพู่กันแห้ง…พู่กันก็แห้งแล้ว หมึกก็อ่อนแล้ว ยังวาดสิ่งใดได้อีกเล่า

แม้แต่อักษรยังอ่านไม่เข้าใจเสียด้วยซ้ำ!

“สิ่งเหล่านี้น่ะ ตัวข้าเองยังรู้แค่ผิวเผิน…เป็นความจริงที่ไม่อาจสอนเจ้าดังเช่นทักษะวรยุทธ์หรือบทความกวีทั่วไปได้ ในเมื่อข้าเป็นอาจารย์บุ๋นของเจ้า ยิ่งเจ้าเอ่ยถาม ขอให้ชี้แนะ ข้าย่อมต้องอธิบายให้เจ้าเข้าใจชัดเจน เพียงแต่ตอนนี้ข้ายังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ฉะนั้นเจ้ายืนกรานให้ข้าพูด ข้าได้เพียงแบ่งปันประสบการณ์บางส่วนของตัวข้าให้เจ้าเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่ถือว่าเป็นคำตอบหรือสั่งสอนชี้แนะแน่นอน

อีกทั้งประสบการณ์ของข้าอาจมีอคติอย่างเลี่ยงไม่ได้ ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามีอคติเพราะเหตุนี้ ถึงอย่างไรเราก็มีช่องว่างระหว่างวัยและช่องว่างทางประสบการณ์อย่างมาก ไม่มีประสบการณ์เช่นเดียวกัน ย่อมไม่อาจมีเสียงสะท้อนเช่นเดียวกันได้ ความเห็นอกเห็นใจจอมปลอมและเทศนาสั่งสอนเป็นทางการเหล่านั้นเจ้าก็ไม่ต้องการเพียงนิด ฉะนั้นหากเจ้าอยากฟังจริงๆ ก็รอให้ตัวข้าเรียนรู้ เรียนให้ดี เรียนเชี่ยวชาญเสียก่อน จนถึงตอนนั้นหากเจ้ายังคงสนใจ ไว้ข้าค่อยมาบอกกล่าวเจ้าก็ยังไม่สาย”

บัณฑิตจางวางตำราพลางกล่าว

ทังจงซงพยักหน้า

จู่ๆ ก็รู้สึกว่าตาเฒ่าที่ปกติเอ้อระเหยลอยชาดูสง่าขึ้นมาเล็กน้อย

ไม่เพียงสง่างาม ย่อหน้ายาวๆ นี้ดูเหมือนจะเป็นความจริงยิ่งกว่า แต่จริงๆ แล้วยังเผยความน่าเอ็นดูไม่น้อย

“ตำราเล่มนี้ขโมยมาจากในวังติ้งซีอ๋องกระมัง!”

แม้ว่าในใจจะรู้สึกแตกต่างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อวาจากล่าวพูดของทังจงซง

“บัณฑิต…”

“อ๋อ! ไม่ผิดๆ…บัณฑิตขโมยตำราไม่นับเป็นการขโมย! ท่านเพียงอ่านไปเรื่อยๆ แล้วสับสนจนเผลอหยิบมันออกมา ถูกหรือไม่”

ทังจงซงกล่าว

“เฮอะ…”

บัณฑิตจางหน้าเขียวหน้าแดงอยู่พักหนึ่ง

ทังจงซงคนนี้ไม่เคยมีสิ่งใดมองทะลุรู้ชัดแต่ไม่พูด

แต่ไหนแต่ไหนก็เป็นเช่นนี้ แม้ว่าจะยังรู้ไม่ชัดแต่ก็พูดเอาไว้ก่อน!

ขอเพียงสิ่งที่พูดมีความเกี่ยวข้อง ก็สามารถทำเอากังวลใจคิดหน้าคิดหลังอยู่พักหนึ่งไม่ใช่หรือ

ขอเพียงเห็นตาเฒ่าแสนเย่อหยิ่งผู้นี้จนมุม ทังจงซงก็จะสุขใจอย่างไม่มีเหตุผล!

เขาไม่ได้ตระหนักเลยว่าความสัมพันธ์และความผูกพันระหว่างตนกับบัณฑิตจางนั้นลึกซึ้งยิ่งขึ้นทีละน้อยโดยไม่รู้ตัว

“ข้าวน่ะยังจะกินอยู่หรือไม่! อย่ารอให้ไปถึงแล้วเหลือแต่น้ำแกง กับข้าวเละๆ แล้วกัน!”

บัณฑิตจางหยัดกายเดินไปหยิบเทียบเชิญและกล่าว

“นั่นพวกเขาเรียกกินข้าวหรือ นั่นเรียกปะทะฝีปาก…ดวลฝีปากแล้วก็ดวลสุรา! ดูเหมือนว่าดื่มอีกสองสามจอกสามารถปล่อยวางความแค้นในอดีต ใช้สุราคลายความเกลียดชัง…ข้าจะบอกท่าน มนุษย์ดื่มสุราแล้ว อารมณ์อ่อนไหวกว่าปกติเป็นร้อยเท่า! รักก็ยิ่งรัก เกลียดก็ยิ่งเกลียด! จะอย่างไรก็ไม่อาจลืมไปจนหมดสิ้น”

บัณฑิตจางเดินนำหน้า ทังจงซงเดินตามหลังออกจากประตู

“แน่นอนว่าสามารถลืมไปจนหมดสิ้น!”

บัณฑิตจางหยุดฝีเท้าและหันกลับมากล่าว

“วิธีลืมเช่นไรหรือ”

ทังจงซงกล่าวถาม

“ดื่มให้ตาย! แล้วจะว่างเปล่าไปจนสิ้น!”

บัณฑิตจางกล่าว

“ดีเลย! ข้าเคยดื่มไปทั่วถนนเจ็ดแปดตรอกและชั้นสิบสามที่หัวเมืองรัฐติงทั้งคืน ดวลสุราไม่เคยแพ้ แม้แต่เป็นหนี้ก็ไม่เคย! ข้าว่าคืนนี้ท่านอย่าดื่มจนไม่เหลือแม้แต่เคราล่ะ!”

ทังจงซงกล่าว

“หากข้าแพ้ให้เจ้า รอสร่างเมาเมื่อใดจะรีบโกนเคราจนเกลี้ยง!”

บัณฑิตจางกล่าวอย่างไม่ยอม

“แต่ว่าเราต้องปฏิบัติตามตราบทบัญญัติสามประการ”

ทังจงซงกล่าว

“แล้วแต่เจ้า วิถีใดข้าก็ย่อมได้!”

บัณฑิตจางกล่าวพลางโบกมืออย่างไร้ความอดทน

ทั้งสองปะทะฝีปากเสียงดังและมุ่งหน้าไปโรงน้ำชาที่หลิวรุ่ยอิ่งและคนอื่นๆ ร่วมงานเลี้ยงเช่นนี้ เช่นเดียวกับที่พวกเขาเดินทางจากวังติ้งซีอ๋องมายังหอทรงปัญญา

……………………………………………………………………

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

ศึกยุทธ์ใต้ขุนเขาเงาจันทรา

Status: Ongoing
ด้วยภารกิจสำคัญที่ได้รับมา เขาจึงมุ่งหน้าสู่แดนพายัพ โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่วิถีแห่งเซียนและการต่อสู้!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน