เกิดใหม่เป็นข้ารับใช้ไร้ชื่อในเกมจีบสาวสุดหดหู่แนวญี่ปุ่นย้อนยุคไม่พอผู้หญิงรอบตัวยังดูน่ากลัวกันทุกคนอีก – ตอนที่ 1

เกิดใหม่เป็นข้ารับใช้ไร้ชื่อในเกมจีบสาวสุดหดหู่แนวญี่ปุ่นย้อนยุคไม่พอผู้หญิงรอบตัวยังดูน่ากลัวกันทุกคนอีก

 

ท่ามกลางคืนจันทร์เต็มดวงที่แสงส่องแพรวพราวกลางพื้นเขา แมกไม้แดนเหนือซึ่งปกคลุมด้วยหิมะ

“…”

กลุ่มเงาดำนั้นสวมหน้ากากเหมือนหน้ากากละครโนและชุดสีดำเมี่ยมกลมกลืนกับเงามืด

วิ่งท่ามกลางป่าหนาถึบ 

หนึ่งในกลุ่มนั้นคือชั้นเอง

“…”

หลังที่เงาด้านหน้าสุดใช้สัญญาณมือสื่อสารกันเรียบร้อย ก็ทำการแยกกลุ่มกันไปคนละทางในทันที

ต่างกลุ่มก็วิ่งผ่านแมกไม้หนาทึบดั่งนักนักกรีฑามืออาชีพกันอย่างไร้เสียง แต่ไม่มีแม้เสียงฝีเท้าทั้งเสียงลมหายใจก็เบาบางผ่านการใช้ทักษะพิเศษ

“…!”

ทันใดนั้นผู้ที่วิ่งนำอยู่ด้านหน้ากลุ่มหลังสังเกตุบางอย่างขนาดใหญ่ได้ก็ส่งสัญญาณมือ พลันกลุ่มของเราก็หยุดฝีเท้าและแยกกันหลบซ่อนใต้เงาไม้ในทันที

“…”

ชั้นที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ค่อยๆชำเลืองมอง มัน ก็ตะลึงในทันที

ที่ต้องตะลึงเพราะมันมีหมาป่าขนขาวมันวาวตัวน่าจะสูงใหญ่เป็นสิบเมตรที่กำลังนอนอาบแสงจันทร์อยู่

…และแน่นอนว่าไม่ว่าจะมองมุมไหนหมาป่าตัวขนาดนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติบนโลกได้แน่นอน ทั้งยังมีอีกสิ่งที่ต่อให้บ้าแค่ไหนก็รู้ว่ามันแปลกประหลาด

นั่นก็คือไอหมอกสีดำที่มันแพร่ออกมาจากตัวนั่นเอง เหมือนเคยได้ยินมาว่าชาวต่างแดนเรียกหมอกนี่ว่า ไอปีศาจ( 妖気 ) และแน่นอนว่าเจ้าตัวที่ปกคลุมไปด้วยหมอกที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้คือ โยวไค นั่นเอง

(ไอ้บ้าเอ้ย!!นี่มันต่างกับในรายงานที่พวกหนวยลับมันให้ไปเยอะเลย! ดูยังไงก็ไม่ใช่โยวไคชั้นกลางแต่เป็นชั้นสูงชัดๆ!)

ต้องอดกลั้นที่จะส่งเสียงเดาะลิ้นสาบส่งพวกหนวยลับนั่นก็เพราะถ้าเกิดส่งเสียออกมา ปีศาจชั้นสูงตรงหน้าด้วยประสาทสัมผัสที่เหนือล้ำก็ต้องได้ยินและรู้ตำแหน่งของพวกเราเป็นแน่ ถึงแม้จะเว้นระยะห่างกันกว่า 30 เมตรแล้วก็ตามเถอะ

คว้าไปจับเครืองรางตรงคออย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงจะรู้ว่าไม่มีพลังเวทย์อยู่ก็ตาม แต่เป็นถึงของที่ได้มาจากยัยองหญิงกอริลลานั่น รู้งี้ตอนนั้นน่าจะขอไอ้ของที่มันใช้การได้มาก็ดี

(ดวงซวย…ไม่สิโดนจัดฉากงั้นเหรอ…)

ไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ยิ่งกับไอ้ตระกูลบัดซบนี่ที่สร้างเรื่องให้พระเอกเกมไว้ขนาดนั้น ขนาดคนที่มีฐานะระดับนึงยังโดนไม่ยั้ง ไอ้ชั้นที่ฐานะต่ำเตี้ยเยี่ยงทาสจะโดนเอาตายแบบนี้ก็ไม่แปลก…

(แต่ถ้าเป็นการจัดฉาก ก็สงสารพวกที่ต้องมาติดร่างแหไปด้วย)

ก็ไม่ใช่ว่าพวกข้ารับใช้จะมีสายสัมพันธ์อันดีอะไรกันนัก เพราะแม้ในเนื้อเรื่องหลักก็บอกไว้ชัดเจนว่าพวกนี้โดนฝึกให้ไม่แสดงอารมณ์ เป็นเหมือนเครื่องจักรสังหารเพียงเท่านั้น ถึงโดนโยนไว้กลางดงปีศาจก็คงไม่รู้ว่าจะแค้นได้รึเปล่าหรอก บอกไว้เลยว่าตั้งแต่ทำงานนี้มาเพื่อนที่สนิทด้วยใน 3 คนตอนนี้เหลือแค่ 1 แล้ว

แต่เรื่องที่ต้องมาซวยตามชั้นไปด้วยมันก็ทำเอาหนักใจไม่น้อย

“…”

หัวหน้ากลุ่มที่อยู่ด้านหน้าก็ส่งสัญญาณมือมาพลันก็เตรียมอาวุธกันออกมาทันที ทั้ง ดาบ ธนู หัวธนู หอก นั้นต่างถูกเคลือบด้วยถ่านเพื่อกันการสะท้อนแสง และใช้สมุนไพรแบบพิเศษที่ทั้งกลบกลิ่นเหล็ก กลิ่นคาวเลือดได้แล้วยังทำหน้าที่เป็นพิษที่ไร้กลิ้นและร้ายแรงอีกด้วย

กำหอกไว้ในมือแน่น…ทั้งหมดนี่ถ้าเป็นปีศาจชั้นกลางก็พอไปวัดไปวาได้…แต่กับชั้นสูงที่ประสบการณ์สู้ก็ไม่เคย แต่ถึงไม่ได้ก็มีแต่ต้องถูๆไถๆไปให้ได้ละนะ

หน่วยอื่นอีก 4 หน่วยโดยในหนึ่งหน่วยจพประกอบไปด้วย 5 คนนั้นในตอนนี้น่าจะกำลังล้อมศัตรูจากทุกทางอยู่ จำนวนคนขนาดนี้ถ้าเป็นโยวไคชั้นกลางก็น่าจะเพียงพอแล้ว…

‘บรู้ววว!!’

“ห๊ะ..”

อยู่ๆโยวไคมันก็ส่งเสียงหอนออกมา รู้ตัวอีกทีก็โดนพัดปลิวไปตามแรงลมอย่างรุนแรง ตัวปลิว ภาพหมุนกลิ้งจนหยุดเพราะไปกระแทกพื้นแข็งๆจนหัวหมุนและสติเบลอไปหมด

“อั้ก…ชิบเอ้ย!จะมาสลบตอนนี้ไม่ได้..!”

เพราะถ้ามาสลบเอาตอนนี้ก็มีแต่ตายเท่านั้น ดังนั้นเลยพยายามฝืนสติตัวเองแล้วม้วนตัวเพื่อรักษาท่าทาง

“แม่งเอ้ย เจ็บชิบ…นี่ยังโดนไปแค่ทีเดียวแท้ๆ…”

พอลุกขึ้นมาเห็นภาพตรงหน้าก็ไม่แคล้วต้องกัดปากพลางตะลึงกับภาพตรงหน้า ภาพที่คนตายกันระนาวน่าจะจากพวกต้นไม้เอยก้อนหินเอยหลังจากที่ปีศาจมันสะบัดหางใส่…โดนบี้จนไม่เหลือเค้าว่าเคยเป็นมนุษย์มาก่อนเลย

ส่วนพวกที่โดนหางสะบัดเข้าตรงๆร่างท่อนบนก็ขาดกระจายไม่เหลือชิ้นดี ไอ้การที่รอดโดนแค่ลมพัดปลิวจนไหล่หลุดนี่ก็เรียกได้ว่าปาฏิหาริย์สุดๆ

“แม่ง…ยังไม่ทันจะได้เริ่มก็เละแล้ว…”

ในตอนที่ข้ารับใช้ที่เหลืออยู่พยายามสู้กับปีศาจตรงหน้าข้าก็ปล่อยอาวุธลงแล้วรีบล่าถอยออกมา ไม่ใช่การหนีเพราะถ้าเกิดพุ่งเข้าไปช่วยทั้งๆที่ไหล่หลุดไม่พอ คนในหน่วยตัวเองก็ตายหมดแบบนี้ก็ไม่ต่างกับไปถ่วงเขา

พอถอยออกมาตั้งหลักก็เห็นเลยว่าทั้งดาบและธนูต่างก็ไม่สะเทือนขนที่แข็งดั่งเหล็กนั่นเลย แม้แต่ไศยเวทย์เอย วิชาองเมียวเอยที่รุมปล่อยใส่มันก็ไม่ระคายแม้แต่น้อยเพราะ ไอปีศาจจากตัวมันนั้นแข็งแกร่งกว่ามาก แค่เห็นก็รู้แล้วว่าไอ้พวกข้ารับใช้อย่างเรามันทำอะไรไม่ได้เลย ถึงถูกฝึกมาให้ละทิ้งความเป็นมนุษย์แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับปีศาจตรงหน้าได้แม้แต่น้อย แต่ถึงรู้แบบนั้นก็ไม่มีทางเลือกให้หนีได้แต่ถยอยเข้าตายกันไปทีละคน

“ชิบชิบ…ไอ้หมาบ้าเอ้ย!!!”

วิ่งไปเอาไหล่กระแทกกับต้นไม้ใกล้ๆจนมันส่งเสียงน่าหวาดเสียวออกมา ก็ทรุดลงไปเจ็บกับพื้นหลังรู้ว่าไหล่กลับเข้าที่แล้วแต่ก็ต้องพยายามข่มความเจ็บไว้แล้วรีบลุกขึ้นมา ทางหนีก็ไม่มีจะมามัวนั่งรอไห้หายเจ็บก็ใช่เรื่อง เวลาตอนนี้สำคัญมากเพราะยิ่งผ่านไปนานโอกาศรอดก็ยิ่งน้อยตาม

“แม่ง แม่ง จะเอาก็เข้ามาสิวะไอ้หมาบ้าเอ้ย…”

พลันลุกขึ้นมาก็คิดอะไรต่อไม่ออกแล้วก็เพราะไอ้หมาบ้านั่นมันมาตามคำขอแล้ว

‘กรร…’

มันขู่พลางใช้ตาสีแดงของมันจ้องลงมา ไม่พอในปากมันนั่นน่าจะเป็นยาฮิโระ จากหน่วยของคาวะกุจิกระมั้งที่ตัวเต็มไปด้วยสีแดงของเลือดไม่พอแขนขวายังบิดผิดทาง ลมหายใจอิดโรยพลางกระอักเลือด

“อะ..อั้ก..โทโมเบะเรอะ..ชะ..ช่วยข้า…”

ก็อยากจะตอบรับคำวิงวอนของมันอยู่หรอกแต่ชะตาของเขามันถูกกำหนดไว้แล้ว

‘กรร!!’

“อะ…”

ไม่ทันที่เขาจะวิงวอนหรือได้โหยหวนไอ้หมาตรงหน้าก็เคี้ยวพร้อมกลืนยาฮิโระลงท้องมันไปแล้ว 

ชะตาเราก็คงไม่ต่างกันมากซะละมั้ง

แค่มันเอาหน้าเข้ามาใกล้แล้วยิ้มเยาะก็ทำเอาอยากร้องไห้ ขามันก็สั่นจนจะยืนไม่อยู่แต่ก็เตรียมใจพร้อมควักมีดสั้นลงอาคมที่ยัยองหญิงกอริลลานั่นยัดเยียดออกมาตั้งท่าเตรียมสู้ ก็รู้ว่าไอ้มีดสั้นแบบนี้มันจะไปทำอะไรได้กับไอ้หมาที่แม้แต่ดาบใหญ่เอย หอกเอยยังฟันแทงไม่เข้าก็เถอะ แต่คนมันยังไม่อยากตายไง ยังไม่อยากมาตายในที่แบบนี้

รู้อยู่ว่าน่าสภาพมันน่าสมเพชแต่ว่า

“ก็เอาสิวะ!!”

สิ้นคำสั่งลา ไอ้หมานั่นก็อ้าปากจะเขมือบข้าทันที แต่ตอนนั้นเอง ก็มีดาบเล่มใหญ่พุ่งลงมาจากฟ้าอย่างรวดเร็วเสียบทะลุสมองหมาจนมันล้มไปกองกับพื้นทันที

“เห๊ะ…”

ตะลึงจนพูดไม่ออกกับเหตุการณ์ตรงหน้า พอฝุ่นจากการที่หมายักษ์ตรงหน้าล้มไปจางลง ก็เห็นว่าเจ้าของดาบนั้นเป็นคนที่รู้จักนั่นเองไม่สิเรียกว่ารู้จักเองฝ่ายเดียวมากกว่า

เจ้าของดาบใหญ่ยืนอยู่บนหัวปีศาจนั้นยืนโดยมีพระจันทร์เป็นฉากหลังอีกทำให้เป็นภาพที่ตระการตาเป็นอย่างมาก โดยตัวผู้หญิงนั้นอายุอานามดูแล้วก็ไม่น่าห่างกันมากเธอมีเรือนผมดำสลวย สวมชุดกิโมโนสำหรับผู้ชายที่ดูคล่องตัว แล้วพอรู้ว่าเป็นใครก็ทำให้โล่งใจลงได้เปราะหนึ่งเพราะอาเจ๊ตรงหน้านั้นเทียบกับยัยจิ้งจอกหรือป้าบางคนในเกมแล้วยังถือว่าสติดีกว่าโข

“..เหลือเชื่อ ยังมีข้ารับใช้ที่รอดอยู่ด้วยงั้นเรอะ”

ราวกับหยุดมองแมลงบนพื้น หญิงสาวก็สังเกตุเห็นหัวคนข้างล่างจนได้ ตัวเธอนั้นถึงจะหน้าสวยและอายุยังน้อยแต่คำพูดคำจาและท่าทางจะทะมัดทะแมงมากเดียว

“ขอขอบคุณที่เหนือยากและความช่วยเหลือขอรับท่านหญิงฮินะ”

ย่อเข่าหนึ่งข้างแล้วก้มหัวลงให้ต่ำสุด ถึงไม่อยากที่จะต้องมาก้ม เคารพคนในตระกูลระยำนี่ แต่มันก็เป็นเรื่องปรกติที่ข้ารับใช้ต้องเข้าใจความต่างชั้นทางฐานะและความแข็งแกร่ง ไม่มีประโยชน์จะมาทำกร่างให้หัวหลุดเล่นหลังจากที่ได้ต่อชีวิตอีกด้วย

“ไม่เป็นไรข้าแค่มาตรวจดูหลังจากทำภารกิจเสร็จแล้วจับสัมผัสพลังวิญญาณได้เฉยๆเท่านั้นเอง ว่าแต่หน่วยลับส่งข้อมูลให้พวกเจ้าพลาดงั้นเหรอเพราะคนรับใช้แค่นี้ไม่น่าจะพอสำหรับปีศาจระดับนี้นะ”

หลังอาเจ๊หันดูกองศพที่กระจัดกระจายโดยรอบโดยไม่ค่อยใส่ใจมากนัก

ก็พูดออกมาเหมือนเอะใจอะไรบางอย่างได้

“หืม…ถึงที่ตายเพราะข้อมูลผิดพลาดจะเป็นแค่พวกข้ารับใช้ก็เถอะแต่ถ้าเยอะขนาดนี้ก็จะมีปัญหาเอาได้”

อาเจ๊มองผ่านๆอีกรอบก่อนจะหันมาออกคำสั่งกับข้า

“เจ้าตามข้ามา ข้าต้องการพยานมีชีวิตให้การเรื่องที่ว่าพวกหน่วยลับทำงานผิดพลาดตอนรายงานกับเหล่าผู้อาวุโส”

คำสั่งจากเบื้องสูงไอ้ข้ารับใช้อย่างเรามันก็บอกปัดไม่ได้อยู่แล้วก็ต้องตอบไปอย่างสุภาพ

“ต้องขอกล่าวโทษด้วยขอรับองหญิงแต่ข้าคงยังตามไปด้วยไม่ได้”

ว่ายังไปไม่ได้ละนะ

“…เป็นแค่ข้ารับใช้จะขัดคำสั่งข้างั้นเหรอ”

“ไม่เป็นเช่นนั้นขอรับแต่ข้าต้องจัดการกับศพของพวกพ้องแล้วก็ปีศาจก่อนขอรับ”

สาเหตุการเกิดโยวไคนั้นมีหลากหลายแต่ สาเหตุที่เห็นได้ทั่วไปเลยนั่นก็คือการที่พวกสัตว์ป่าไปกินซากศพไม่ก็เลือดของคนที่มีพลังวิญญาณ หรือ โยวไคนั่นเอง ดั้งนั้นจึงต้องรวบรวมและทำลายไม่ให้เหลือเพื่อกันการเกิดของพวกมัน

แล้วก็ถึงจะไม่ได้สนิทกันแต่ข้าก็อยากจัดการศพพวกพ้องให้มันดีๆด้วย เพราะยังไงก็ถือว่าเป็นพวกที่ร่วมหัวจมท้ายรับใช้ให้กับตระกูลระยำในโลกโหดร้ายนี้ด้วยกันมา สั้นๆก็เห็นใจพวกเขานั่นแหละ

“อ้อ นั่นสินะแต่ถ้าเจ้าทำคนเดียวคงเสียเวลาแย่ข้าให้พวกนี้ไว้ใช้ละกัน”

พูดเสร็จอาเจ๊แกก็ควักชิคิกามิออกมา มีรูปคนสิบรูปนกหนึ่ง พลันพวกกระดาษนั่นก็กลายเป็นหุ่นไล่กาขนาดเท่ามนุษย์กับอีกาตัวใหญ่ที่พันไปด้วยยันต์

“ใช้เจ้าพวกนี้เก็บกวาดศพนะแล้วพอเสร็จก็ขี่อีกานั่นตามข้ามาแล้วกัน”

ทันใดนั้นก็มีมังกรขนาดใหญ่ปรากฏตัวออกมา แล้วอาเจ๊ก็กระโดดขึ้นไปขี่บนหัวของมันทันที

“งั้นข้าจะรอละ”

มังกรก็ทยานขึ้นไปบนฟ้าอย่างรวดเร็วราวกับดาวหางกลืนไปกับท้องฟ้ายามราตรีในทันที

“..ฮะฮะฮะ ไอ้เมื่อกี้มัน โคโยว( 黄曜 ) ใช่ไหมนะ…ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นชัดๆแบบนี้นะเนี้ย”

ตามเนื้อเรื่องเกมต้นฉบับแล้วมังกรเมื่อกี้นี้คือชิคิกามิระดับสูงติดท็อปสาม ที่กว่าจะเห็นเนื้อเรื่องก็ใกล้จะจบแล้ว เพราะงั้นอาเจ๊เรียกที่ใช้เป็นว่าเล่นก็เรียกได้ว่าเก่งกาจมากเลยทีเดียว

“แล้วปัญหาคือไอ้โลกนี้ถึงจะไม่เท่ามังกรเมื่อกี้ ปีศาจที่เหมือนไอ้ศพหมานี้มันก็ดันมียั้วเยี้ยเลยเนี้ยสิ”

พูดก็พูดไอ้ตัวประมาณหมานี่พอกลางเกมเมื่อไหร่พี่พระเอกเราก็ตบตัวแบบนี้ได้เป็นว่าเล่นเลยเนี้ยสิ ไม่พอยังมีตัวที่บ้าบอกว่านี้อีกเพียบ แต่ก็เพราะพี่พระเอกเรามีพลังพิเศษนั้นแหละเลยทำได้ ไอ้เรามันก็เป็นแค่ตัวประกอบฉากเฉิยๆเนี้ยสิ แล้วก็

“ศัตรูมันดันไม่ได้มีแค่ปีศาจที่เข้ามาจากด้านหน้าเนี้ยสิ”

ถ้ามันมีแค่ศัตรูที่ดาหน้ากันเข้ามาก็เรื่องหนึ่ง แต่อันตรายจากตัวนางเอกเกมก็มีอีกเพียบเช่นกัน

“ก็ไอ้โลกเกมสุดหดหู่นี่มันดันมีแต่นางเอกแนวยันเดเระอารมณ์เอาแน่เอานอนไม่ได้ทั้งนั้น”

เห้อ…แล้วไอ้เราที่เป็นแค่ตัวประกอบก็โดนแม่สาวยันเดเระในนั้นหมายหัวไว้แล้วด้วยเนี้ย ใครก็ได้เอาไอ้ความสนอกสนใจของนางไปโยนใส่ให้พี่พระเอกแทนได้ไหมเนี้ย

“จะมามัวยืนถ้อใจแบบนี้ก็ไม่ได้ยังมีงานต้องทำอีก … เดี๋ยวนะเอาจริงดิ”

แล้วในตอนนั้นเองที่รู้สึกตัวว่าเครื่องรางที่สวมอยู่มันหายไปแล้ว

“ถ้าบอกไปตรงๆแล้วเรื่องจบโดยดี…คงไม่สินะ”

มองสภาพป่าที่เละเป็นซากแล้วก็ได้แต่ใจหาย

“…จะหาเจอไหมเนี้ย”

คงต้องภาวนาให้ไม่โดนโทษหนักมากแทนละมั้งเนี้ย

“…”

มังกรสีทองกำลังแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางหมู่ดาวยามค่ำคืน ที่นั่งอยู่ตรงส่วนหัวนั้นคือองหญิงจากตระกูล โอนิซึกิ บ้านหลัก ซึ่งเป็นตระกูลปราบปีศาจเลื่องชื่อของประเทศฟุโซ เธอก็ได้หยิบเครื่องรางเจ้าปัญหาขึ้นมาดู

เธอรู้ในทันที่ว่ามันมีอาคมอะไรแอบซ่อนเอาไว้ มันคือเครื่องรางที่ยัยน้องสาวผู้อ่อนต่อโลก เอาแต่ใจ เจ้าอารมณ์ ของเธอมอบให้กับข้ารับใช้คนนั้น

“กล้าลงอาคมเลวทรามพรรค์นี้ไว้แล้วเอามาให้เขาใส่เชียวเหรอ…”

ทันใดนั้นเครื่องรางค์ที่แอบซ่อนอาคมชักนำจิตใจ และ เฝ้าสังเกตุ ไว้อย่างแยบยลก็โดนเผาคามือในทันที

“…”

สะบัดผงอย่างที่หลือทิ้งราวกับของที่น่าขยะแขยงพลางก็คิดหาทางจัดการกับยัยคนที่จัดฉากให้เขาไปเจอกับเรื่องเลวร้ายเมื่อครู่

“จะที่ดิน เงิน ตระกูล แกอยากได้อะไรเอาไปผลาญให้หมดชั้นไม่ว่าแต่…”

หลังจากหยุดไปชั่วครู่หญิงสาวก็พึมพำซ้ำไปซ้ำมาว่า

“เขาเป็นของชั้น…”

ถึงเสียงจะเบาบางราวค่ำคืนแต่ก็หยั่งรากฝั่งลึกยิ่งกว่าต้นไม้ใหญ่ซ้ำยังเร่าร้อนราวกับเปลวเพลิง

 

***

 

หยุดแปลไปเพราะหมดไฟกับต้องหางานทำ แต่ไม่คิดว่าจะมาแปลอะไรแล้วจนเห็น นิยายชูวะจัง LC ไม่พอปีหน้าเหมือนจะได้เมะด้วย ทำเอารู้สึกไฟติดเฉย บักเลียมก็เล่ม 3 แล้วบท สตรีเหล็ก ก็เรียกว่าฮาสุดๆอีกด้วย

อุดหนุนกันเถอะครับ lol 

เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบแนวฮาเร็ม พระเอกหัวบื้อ แต่เรื่องนี้หยวนๆเพราะฉากสารภาพรักเลยขอบอกว่ามัน โ ร แ ม น ติ ค ฟุดๆ  :v 

เกิดใหม่เป็นข้ารับใช้ไร้ชื่อในเกมจีบสาวสุดหดหู่แนวญี่ปุ่นย้อนยุคไม่พอผู้หญิงรอบตัวยังดูน่ากลัวกันทุกคนอีก

เกิดใหม่เป็นข้ารับใช้ไร้ชื่อในเกมจีบสาวสุดหดหู่แนวญี่ปุ่นย้อนยุคไม่พอผู้หญิงรอบตัวยังดูน่ากลัวกันทุกคนอีก

Status: Ongoing
ดูเหมือนจะมาเกิดใหม่เป็นตัวประกอบไร้ชื่อในเกมจีบสาวแฟนตาซีแบบญี่ปุ่นย้อนยุค…แต่ปัญหาคือไอ้เกมนี้ทั้งเนื้อเรื่องหดหู่ แล้วก็มีแต่ผู้สาวเอาแน่เอานอนไม่ได้ทั้งนั้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท