‘หิ่งห้อยรัตติกาล( 闇夜の蛍 )’ ถือว่าเป็นเกมดังอย่างมากของญี่ปุ่นในคริสต์ศักราชที่ 21 อืมชาติที่แล้วของชั้นเอง ตัวเกมนั้นดังได้เด่นๆก็เพราะทั้งนักพากย์ที่ดี งานภาพที่สวยงาม และที่สำคัญเนื้อเรื่องที่ยาวไม่พอยังมีรูทแยกย่อยอีกเพียบ
เซตติ้งโลกจะเป็นแนวดาร์คแฟนตาซีในญี่ปุ่นย้อยยุคช่วงยุคเอโดะ ในประเทศสมมุติชื่อฟุโซ เป็นโลกที่มีพลังเหนือธรรมชาติอย่างไสยเวทย์ วิชาองเมียว โดยจะมีราชสำนักฟุโซเป็นผู้แต่งตั้งตระกูลนักปราบปีศาจที่มีพลังโดดเด่นไปดูแลตามแคว้นต่างๆของประเทศ เพื่อ กำจัดตัวประหลาดที่เป็นภัยมาตั้งแต่อดีตกาลอย่างหรือพวก ‘โยวไค’
เรื่องในเกมหลักนั้นเล่าผ่านตัวพระเอกที่ซึ่งแต่เดิมเป็นลูกของหัวหน้าหมู่บ้านที่คอยมอบความรักและอยู่อาศัยกันอย่างสงบสุข จนกระทั่งโชคชตาก็พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
เพราะหมู่บ้านนั้นถูกโจมตีโดย โยวไคชั้นภัยพิบัติ ที่จัดว่าอยู่ในระดับอันตรายที่สุดในหมู่ โยวไค ด้วยกัน ทำให้คนในหมู่บ้านโดนฆ่าตายกันจนหมด และในตอนที่ตัวพระเอกของเราเหลือรอดอยู่ตัวคนเดียวและเจียนตายนั้นเองพลังอันกล้าแกร่งของเขาก็ตื่นคืนและจัดการล้มศัตรูตรงหน้าลงได้
แต่ในโลกนี้นั้นพลังที่สืบทอดกันรุ่นสู่รุ่นมักจะกล้าแกร่งขึ้น จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากที่พลังระดับจัดการกับ ไยวไคชั้นภัยพิบัติ ได้ง่ายๆแบบนี้จะมาอยู่กับลูกชาวนาแบบนี้ พอเป็นเช่นนั้นตระกูลโอนิซึกิที่เป็นตระกูลเรื่องชื่อในเขตที่ตัวเอกอยู่ มาเจอเข้าจึงรับเข้าไปในตระกูล โดยที่เขามุ่งเป็นนักปราบปีศาจเพื่อจัดการเหล่าโยวไคเพราะอยากจะปกป้องผู้คนนั่นเอง และเขาก็จะค่อยๆเรียนรู้เกี่ยวพลังของตน ต้นกำเนิดที่แท้จริงของตัวเอง รวมไปถึงด้านมืดของเหล่าตระกูลปราบปีศาจ เรื่องย่อของเกมก็เป็นประมาณนี้แหละ
แต่แหม่ไอ้เราก็มาเล่นเพราะโดนเพื่อนล่อซื้อ แต่ช่วงแรกที่เล่นก็ทำเอาตะลึงกับคุณภาพของเกมไปเลย ด้านเนื้อเรื่องก็ทำเอาอินไม่พอยังมี บทบรรยายที่ดีเยื่ยม ด้านแอคชั่นก็ทำออกมาได้ดี งานภาพยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพราะได้นักวาดชื่อดังมาออกแบบตัวละครให้อีก แค่นี้ก็ทำเลือดโอตาคุในตัวมันพลุ่นพล่านสุดๆนี่ยังไม่นับฉากอย่างว่าในเวอร์ชั่นผู้ใหญ่ที่ทำเอาน้องชายผงาดไม่รู้กี่ครั้ง
แต่ว่านั่นก็แค่ช่วงแรก ยิ่งเล่นเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆมันก็ค่อยๆดิ่งลงเหว ก็เพราะดันมีอีเว้นเลือดพุ่งกันตรึมเลยไม่พอ ได้ฉากจบแบบแย่เพราะไปเหยีบกับระเบิดจากพวกเหล่านางเอกอีก
แล้วก็ให้ตายเหอะไอ้พวก โยวไค เนี้ยตัวธรรมดาก็สู้ยากแล้วมันยังมี โยวไคมีชื่อที่ออกมาบานเลย แค่เซตติ้งแต่ละตัวบ้าบอไม่พอบางตัวเผลอไปเจอเข้าครั้งแรกเงื่อนไขไม่ตรงก็บังคับแพ้เลย บ้างก็ต้องใช้พลังที่ชนะทางจากเหล่านางเอกเกมเพื่อชนะ หรือบางตัวต่อให้ฟาร์มเวล ฟาร์มของจนตันแล้วสู้ไม่ได้ก็ยังมีอีก แค่คิดก็อยากปาจอยแล้ว!
ก็เพราะมีไอ้ตัวแบบนี้อยู่บานเลยเป็นสาเหตุให้มีฉากเลือดสาดเต็มไปหมดเพราะคนทำเกมยังใจดีอุตส่าทำ cg ให้ ตัวอย่างก็หัวนางเอกคนนึงอยู่ๆก็ระเบิดเป็นแตงโมบ้างละ คุยๆกันอยู่ดีๆฉากตัดมานางก็โดนกลืนทั้งเป็นบ้าง แต่ตายไปเลยยังจะดีกว่าเพราะไม่งั้นก็ได้โดนพวก โยวไค รุมกินโต๊ะอีก แล้วถ้าจะให้บอกว่าอะไรฝั่งใจสุดตอนเล่นครั้งแรกก็คือฉากของน้องอายากะเนี้ยแหละผู้มีนิสัยเป็นพี่สาวแสนดีที่คอยห่วงใยพระเอกในช่วงต้นเกม มาอกแตกเอาอีตอนกลางเกมเนี้ย!
เป็นโลกสุดวุ่นวายที่ศัตรูต้องระวังยังไม่พอ พวกตัวเองก็น่ากลัวไม่แพ้กันอีก เพราะพวกนี้อยู่อารมณ์รักหลงกันขึ้นๆลงๆ ยังต้องมาเล่นเกมคานอำนาจในตระกูลตัวเองจนจะตีกันเอง ยังมีจัดฉาก รอบสังหารกันเป็นปรกติอีก
ใช่แล้วพวกเหล่านางเอกนั้นอยู่ในโลกที่ต้องเครียจกับสัตว์ประหลาดรายวันยังไม่พอ บางคนคนที่ตัวเองรักก็โดนสัตว์ประหลาดฆ่าบ้าง โดนคนใกล้ตัวหักหลักบ้าง ด้วยประการฉะนี้ตอนเล่นก็ทำเอาตะลึงไปเลยว่าพี่พระเอกเรากล้าจีบแม่สาวอารมณ์เหวี่ยงพวกนี้ไปได้ยังไงเพราะถ้าก้าวสะดุดนิดเดียว เหล่าน้องนางก็จะอารมณ์ดิ่งได้อย่างง่ายดายทีนี้ก็ต้องมาลุ้นกับค่าความชอบที่สะสมมาแล้วว่าจะโดนน้องนางทำอะไรบ้า
(ที่แย่กว่านั้นไอ้เราก็ดันมาเกิดเป็นชนชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ในโลกแบบนี้อีก…)
*
กลับมาแสงอาทิตย์ก็ออกแล้ว ตัวชั้นที่แต่งชุดดำเต็มยศพร้อมสวมหน้ากากโนเพื่อซ่อนใบหน้าก็กำลังก้มหัวติดพื้นกลางห้องแบบญี่ปุ่นที่มีแสงสลัว ที่ถึงจะกว้างแต่ไม่มีทั้งหน้าต่าง ประตูกระดาษเลื่อน แสงก็ไม่มี ที่รอบตัวก็มีชาย หญิงแต่งตัวดูมีภูมิฐาน นั่งเรียงเป็นแถวขนาบสองข้าง ส่วนด้านหน้าก็มี พื้นยกระดับที่มีเก้าอี้อยู่ ถึงจะไม่มีเจ้าบ้านนั่งอยู่ก็เถอะ
“น่าอับอายเกินทน เสียไปเป็นยี่สิบยังสะกิดโยวไคชั้นสูงไม่ได้ไม่พอไอ้ตัวที่รอดก็ไร้รอยขีดข่วนกลับมาอีก
เสียงแหลมสูงดูอวดดีเยาะเย้ยพวกข้ารับใช้ที่ตายพร้อมแดกดันคนรอดไปด้วยนั้นดังมาจากคนสุดปลายแถว ส่วนไอ้เราต้องตอบกลับด้วยความเงียบได้อย่างเดียว เพราะพลังวิญญาณแต่ละคนในห้องนี่นับได้ว่าหนาแน่นกันมาก โกรธไปก็มีแต่ชีวิตสั้นเปล่าๆ
หลังรายงานเรื่อง โยวไค เมื่อคืนกับเหล่าผู้อาวุโสของโอนิซึกิ ก็ได้แต่คำดูถูกกลับมา ก็นับได้ว่าเป็นเรื่องปรกติของข้ารับใช้เลยก็ว่าได้ถึงจะรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้างก็เถอะ
ถ้าเอาตามหนังสือข้อมูลของเกม ตระกูลโอนิซึกิ เป็นตระกูลผู้ปราบปีศาจที่มีหน้าที่ดูแลพื้นที่กว้างใหญ่ในแคว้นตอนเหนือของประเทศฟุโซทั้งหมด นับได้ว่าเป็นตระกูลเลื่องชื่อเก่าแก่ที่อยู่มานานกว่า 800 ปี ถ้ารวมผู้ที่ไม่ได้ทำงานด้านการปราบปีศาจก็มีคนในตระกูลกว่าร้อยคน มีทั้งเส้นสายกับพ่อค้าในเมืองหลวง ครอบครองที่ดินมากมาย ความสัมพันธ์กับเจ้าเมืองรอบข้างก็หนาแน่น ดูแลไม่ใช่แค่งานด้านปราบปีศาจ แต่มีทั้ง ศาลเจ้า วัด งานพิธีต่างๆ รวมถึงเทศกาลก็ด้วย ทำให้เป็นตระกูลที่มีทั้งเส้นสายมากมายและเงินทองก็มั่งคั่ง
สิ่งที่ทำให้ตระกูลผู้ปราบปีศาจมีอำนาจมาได้ตั้งต้นก็มาจาก พลังวิญญาณ หรือ เรียกแบบตะวันตกก็ พลังเวทย์ นั่นเอง นอกจากจะเป็นพลังงานให้ใช้งานทั้ง ไสยเวทย์และวิชาองเมียว เพื่อให้เกิดพลังเหนือธรรมชาติแล้ว ถ้าเอามาใช้กับร่างกายก็จะมาเสริมแรงกายจนเหนือมนุษย์เลยทีเดียว ทั้งนี้ก็ยังเป็นพลังที่เอาไว้ต่อต้านกับ ไอปีศาจ ของพวก โยวไค ที่นับว้าเป็นพิษต่อมนุษย์อีกด้วย ทำให้ผู้ปราบปีศาจเลยมีหน้ามีตาในการปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน
จึงเลี่ยงไม่ได้เลยพวกผู้ปราบปีศาจสร้างเรื่องโกหกว่าพวกตนนั้นสืบวิชามาตั้งแต่ยุคสมัยแห่งเทพตามตำนานต่างๆ และตระกูลพวกตนนั้นสืบเชื้อสายจากเทพพวกนั้น มาหลอกคนธรรมดา
เรื่องจริงก็คือพวกคนที่เกิดมามีพลังวิญญาณในอดีตเนี้ยสังเกตุเห็นว่ายิ่งผู้มีพลังวิญญาณแต่งงานกันเองลูกที่ออกมาพลังก็จะกล้าแกร่งมากขึ้น ทีนี้พวกนี้ก็เลยเอาลูกหลานตัวเองแต่งงานกันเองบ้าง ส่งไปแต่งกับตระกูลอื่นบ้างแค่กับพวกผู้ปราบปีศาจด้วยกันเองเท่านั้น ทำให้พลังในการปราบปีศาจที่สำคัญต่อประเทศจะอยู่แค่กับพวกตนเท่านั้นนั่นเอง
แต่อัตราตายกับการสู้กับพวกภัยพิบัติก็มีสูง ยิ่งบางทีลูกที่ออกมามันไม่มีพลังวิญญาณก็มีเกิดขึ้นบ้าง ทำให้ไอ้คนพวกนี้ไปฉุดสาวชาวบ้านมาเพื่อให้มีสักคนออกมามีพลังวิญญาณก็มี มันก็เลยทำให้เกิดเรื่องกับเกมอำนาจในตระกูลตัวเองจนวุ่นกันไปหมด
ที่นี้ก็เลยมีพวกหัวหมอคิดระบบ ข้ารับใช้ ขึ้นมาเป็น ’เครื่องมือ’ จัดการกับไอ้พวกลูกนอกสมรสได้ไม่พอยังแก้ปัญหาคนขาดแคลนได้อีกด้วย ทีนี้ไอ้พวกคนใหญ่คนโตตามตระกูลต่างๆก็เลยเห็นดีเห็นงามมาใช้ระบบนี้กันอย่างแพร่หลาย
พวกเด็กที่เกิดมาแล้วมีพลังวิญญาณไม่สูงมากก็เลยถูกรับมาเลี้ยงเป็นข้ารับใช้ โดยสั่งสอน(ล้างสมอง)ตั้งแต่เด็กไม่พอยังถูกลงอาคมไม่ให้ขัดขืนหรือหนีต่อตระกูลที่สังกัด ไม่ต่างกับของใช้แล้วทิ้ง
(ก็ใช้ทิ้งขว้างเองไม่ใช่รึไง..)
พักรำลึกถึงข้อมูลเกมเท่าที่นึกได้ไว้แล้วก็ต้องมารับคำก่นด่าตรงหน้ากันต่อ
แน่นอนว่าถึงจะเป็นของใช้แล้วทิ้ง แต่พวกข้ารับใช้ก็ยังมีพลังวิญญาณ ต่อให้ไม่มีอาวุธแล้วเข้าสู้กับทหารธรรมดาก็รับประกันว่าชนะขาดแน่นอน
แต่ความต่างชั้นของผู้ปราบปีศาจและข้ารับใช้นั้นต่อให้พวกข้ารับใช้ร่วมใจกันขัดขืนพวกผู้ปราบปีศาจที่ไม่ต่างกับสัตว์ประหลาดที่มีสำนึกคิดแล้วละก็คงไม่แคล้วจะโดนกวาดล้างอยู่ฝ่ายเดียวอย่างไม่ต้องคิด และเหล่าผู้อาวุโสตรงหน้าก็รู้ถึงจุดนี้ ทำให้การดูถูกดูแคลนพวกข้ารับใช้จนเป็นเรื่องปรกติไปแล้ว
“มันใช่เวลามาเล่นคำกันอยู่ไหมนี่พวกท่านไม่ได้รู้ถึงปัญหากับสถาณการณ์ตอนนี้เลยงั้นหรือ”
ด้วยน้ำเสียงขึงขันของลูกสาวคนโตของบ้านหลักที่ยืนอยู่ด้านข้างชั้นก็ดังขึ้นกลบเสียงครรหาในห้องในทันที แล้วเธอก็เตรียมเปิดปากพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ที่สะท้อนนิสัยซื่อตรงของเธอออกมาได้เป็นอย่างดี
“พวกท่านก็น่าจะรู้ว่าข้ารับใช้ไม่ได้จะหามาแทนกันได้โดยง่ายแล้วนี่ยังเสียไปถึงสี่หน่วยกับแค่โยไคชั้นสูงอีก นี่มันไม่ถือว่าเป็นความเสียร้ายแรงต่อตระกูลเราในรอบสิบปีเลยไม่ใช่หรือไงกัน”
โอนิซึกิ ฮินะ เป็นองหญิงอันดับหนึ่งแห่งตระกูลโอนิซึกิ พูดถึงความเสียหายด้วยท่าทีสุขุม พวกผู้เล่นมักเรียกเธอกันว่า อาเจ๊
ใช่..ถึงข้ารับใช้มันจะเป็นพวกของใช้แล้วทิ้งแต่ก็ไม่ใช่ว่าโยนเงินไปแล้วก็มีงอกออกมาให้สู้กับสัตว์ประหลาดได้เลย เพราะมันต้องใช้เวลาในการฝึก
โดยทั่วไปแล้วการจะเสียข้ารับใช้จำนวนมากแบบนี้นั้นมักจะเอาไว้ใช้เป็นเป้าลองท่าของพวก โยไคชั้นภัยพิบัติ หรือเอาไว้ถ่วงเวลาเพื่อเพิ่มโอกาศการรอดชีวิตให้พวกผู้ปราบปีศาจถอยทัพ ดังนั้นการเอามาใช้สู้แนวหน้ากับ โยไคชั้นสูง แบบนี้ ในมุมนึงก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไร้สาระจนขำไม่ออกเลยเสียมากกว่า
“อีกอย่างตามปากคำของผู้รอดชีวิตผู้นี้ ไม่ใช่ว่ามันเป็นความบกพร่องของหน่วยลับไม่ใช่หรือ…ท่านอา อุเอม่อน ข้าขอล่วงเกินถามหน่อยเถอะว่าลูกน้องของท่านอานั้นแยกไม่ออกระหว่าง โยไคชั้นสูง กับชั้นกลางเชียวเหรอ”
ชายผมบางร่างอ้วนเหมือนหมู ก็สะดุ้งขึ้นกับคำกล่าวหาและสายตาตำหนิจากอาเจ๊
“ฮินะเจ้าก็ไม่ควรตำหนิอุเอม่อนผู้นี้ที่รับใช้ตระกูลอย่างสื่อสัตย์ไม่พอยังเป็นอาของเจ้าแบบนี้นะ”
“ยิ่งเพราะท่านอาเป็นคนที่มีตำแหน่งโดยตรงยังไงละถึงไม่ควรปล่อยปะละเลยปัญหาที่เกิดจากหน่วยของท่านไม่ใช่เหรอ”
คนร่างอ้วนนั้นพยายามพูดประณีประนอมแต่ก็โดนอาเจ๊เชือดเข้าให้ นิสัยซื่อตรงไม่ทนต่อความอยุติธรรมของอาเจ๊นั้นถือว่าหาได้ยากมากในเกมนี้ที่มันมีแต่นางเอกนิสัยแปลกๆ เพราะงั้นเหล่าผู้เล่นก็เลยนับถือเธอกันแล้วเลือกให้เป็นนางเอกหลักสำหรับเหล่าผู้ที่ไม่อยากมาระวังว่าวันดีคืนดีจะโดยจับขังหรือมีดเสียบทะลุหลังอะนะ
…แต่ช้าแต่เจ๊แกยิ่งค่าความสัมพันธ์เพิ่มมากเกินความจำเป็น ความสยองก็จะตามมาอยู่ดี
(แต่ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเราที่เป็นแค่ตัวประกอบฉากหรอกมั้ง แค่ต้องเครียดกับองหญิงกอริลลานั่นก็เต็มกลืนละ)
ก็ดันไปเจอตอเข้าตั้งแต่ตอนเนื้อเรื่องพื้นหลังของตัวองหญิงกอริลลานี้สิแล้วเพื่อจะเอาชีวิตรอดให้ได้ มันก็เลยดันไปเปลี่ยนเนื้อเรื่องเข้าจนได้ เลยไม่รู้จะส่งผลอะไรต่อเนื้อเรื่องด้วยอีก…แม่มเอ้ยทำไมไอ้ตอนนั้นถึงได้ดวงซวยโดนเลือกให้ร่วมเดินทางไปทำภารกิจด้วยกันฟร่ะ
ระหว่างที่ระลึกชาติอยู่ ก็ดูเหมือนอาเจ๊กับอุเออ้วน(ชื่อที่แฟนเกมตั้งให้ โอนิซีกิ อุเอม่อน หัวหน้าใหญ่ของหน่วยลับ) ก็เถียงกันจนเริ่มเดือดขึ้นเรื่อยๆเสียแล้ว
“นี่เจ้าจะหาว่าการดำเนินงานของข้ามันมีตำหนิเช่นนั้นเรอะ ช่างเป็นเด็กไม่รู้บุญคุณอะไรเช่นนี้ป่านนี้พี่ข้าที่นอนซมอยู่คงได้น้ำตาตกในเป็นแน่”
“ว่าไงนะ..ท่านอาไม่มีอะไรจะแก้ตัวเลยคิดจะเปลี่ยนเรื่องแทนงั้นเหรอ..”
ถึงจะก้มหัวอยู่แบบนี้แต่ฟังจากเสียงก็ดันเหมือนตอนที่สองคนนี้โทษกันไปโทษกันมาเหมือนกับที่พี่พระเอกเราโดนใส่ร้ายในเกมเลยแหะ แต่เหมือนในเซ็ตติ้งของเกม อาเจ๊ก็ดูไม่ค่อยถูกกับคนในตระกูลอยู่แล้วยิ่งกับหัวหน้าใหญ่ของหน่วยลับอย่างอุเอม่อนที่อุทิศตนให้ตระกูลแบบเขาอีกก็เลยไม่จะลงอีหร่อบนี้
“พอแค่นั้นดีกว่าไหมทั้งสองคน เดี๋ยวมันจะดูไม่งามเอานะ”
เสียงที่ใสดังราวกับกระดิ่งนั้นก็ได้ทำให้อาเจ๊ทำสีหน้าอึดอัดเล็กน้อยไม่พอเหล่าผู้อาวุโสที่ต่างหันไปทางเดียวกันบางคงมีทีท่าตื่นกลัว บ้างรังเกียจ บ้างหลงไหล ชั้นก็แอบชำลองมืองเจ้าของเสียงผ่านหน้ากากเช่นกัน
สิ่งแรกที่แตะตาเลยก็คือชุดกิโมโนดูหรูหราย้อมด้วยสีจากดอกระฆังจีน ลายดอกไม้บนชุดก็ใช้ด้ายทองปักอย่างพิถีพิถันบ่งบอกถึงความใส่ใจของผู้สร้าง
เจ้าของชุดนั้นพาดศอกถือไปป์เงางามบนที่เท้าแขนเฉียงไปทางซ้ายของเก้าอี้บนพื้นยกระดับ ถึงเสื้อจะปิดมิดชิดแต่ก็เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งดันออกมาได้อย่างชุดเจน เรือนผมสีดำขลับยาวสลวย ประดับด้วยปื่นปักผมเปลือกหอย ดูเผินๆจะเป็นคุณพี่สาววัยยี่สิบต้นๆที่ให้บรรยากาศลามกหน่อยๆ…
(ถ้าคนไม่รู้ก็คงเรียกว่าคุณพี่สาวกันอยู่หรอก…)
ได้แต่หัวเราะในลำคอตอนนึกถึงเซ็ตติ้งของคุณพี่สาวคนนี้ในเกม ถึงภายนอกจะดูอ่อนวัย แต่อายุจริงก็รุ่นยายไปแล้วนั่นเอง…
“เราก็ไม่รู้ว่าจะมีใครแอบสอดส่องเราอยู่ถึงในห้องนี้จะป้องกันการสอดแนมได้ แต่ก็อยากให้ทั้งคู่ที่เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลโอนิซึกิสำรวมกันมากกว่านี้หน่อย ไม่ควรมาขึ้นเสียงใส่กันแบบนี้เนอะ ”
โอนิซึกิ โคโชว ภรรยาของเจ้าบ้านโอนิซึกิรุ่นก่อน กล่าวเตือนทั้งคู่ที่เป็นลูกกับหลานของเธอ
ใช่ลูกกับหลาน ตะลึงกว่าคือคุณเธอเป็นคุณแม่ลูกสี่ ที่ตอนนี้หลานเธอก็โตกันพอตัวแล้วด้วย
ในโลกที่มีการใช้พลังเหนือธรรมชาติเพื่อละทิ้งกายเนื้อเพื่อกลายเป็นสิ่งอื่น กับแค่การใช้พลังวิญญาณเพื่อยืดชีวิตกับการทำให้ร่างกายอ่อนเยาว์ได้มันก็ไม่แปลกหรอก ใช่การที่คุณป้าที่ดูเอื่อยเฉื่อยนี่จะทำได้มันไม่แปลก ที่แปลกคือป้าแกใช้เสน่ห์กับร่างอ่อนวัยตัวเองไปยั่วคุณพระเอกที่อายุห่างกันเป็น 50ปี เนี้ยมันดูจะไม่น่าเป็นการกระทำที่น่าชื่นชมเสียนัก แต่ว่าก็ว่านางเอกบางคนอายุห่างกับพระเอกเป็นหลักเลข 3หลักมันก็มีหนิหว่า…
“ขอบคุณที่มารายงานนะ ทีนี่เจ้าก็โปรดออกไปก่อนเถอะ”
เธอออกคำสั่งชั้นหลังจากดูดไปป์ไปทีนึง ถึงไม่ต้องสั่งก็อยากรีบหนีให้ไวอยู่แล้ว ยิ่งกลัวที่พี่อ้วนตรงนั้นจ้องชั้นจนตาถลนไม่พอในห้องนี้พลังวิญญาณมันก็หนาซะเล่นรู้สึกจะคลื่นไส้อยู่ละ
“อ๊ะ งั้นข้าก็ขอตัวด้วย..”
“ฮินะจ๊ะ เจ้ายังไม่ได้รายงานภารกิจที่ให้ไปเลยนะ ดังนั้นอยู่ต่อก่อนเนอะ”
ตอนที่ชั้นเตรียมถอยออกแบบไร้เสียงให้เร็วที่สุดแล้วเหมือนอาเจ๊จะออกตามมาด้วยก็โดนคุณป้าแกหยุดเข้าให้
“…เข้าใจแล้ว..”
อาเจ๊หน้ากระตุกไปนิดนึงแล้วพูดออกมาด้วยอารมณ์ที่ทำเอาบรรยากาศห้องติดลบ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของคนที่ออกไปหน้าห้องแล้ว
“…”
หลังจากที่ก้มหัวให้แบบเงียบๆไปทีนึง ในตอนที่กำลังเลื่อนปิดประตูก็ดูเหมือนสายตาจะไปประสานเข้ากับคุณป้าให้ แต่น่าจะคิดไปเองมากกว่าไอ้เรามันแค่ตัวประกอบไม่น่าจะไปถูกตาต้องใจอะไรแกได้
ในทันใดนั้นก็มีกลิ้นหอมลอยมาแตะจมูกเข้าจากด้านหลังจนทำเอาหัวใจเกือบวาย หลังจากสูดหายใจเข้า หายใจออกลึกๆ ได้แต่คิดว่ายังไม่พ้นเรื่องหนักใจ
พอเตรียมตัวเตรียมใจเสร็จพอหันกลับไปก็มีเด็กหญิงยืนอยู่ตรงนั้น
“ยินดีตอนรับกลับนะโทโมเบะ งานเสร็จเรียบร้อยดีใช่ไหม”
เด็กผู้หญิงอายุต่ำกว่าสิบห้าซึ่งสวมกิโมโนสีชมพูพีชเอามือไพล่หลังแอ่นตัวส่งยิ้มกว้างมาให้ เป็นร้อยยิ้มที่ดูบริสุทธิ์พุดพ่อง ราวกับเด็กใสซื่อยิ่งนักถึงจะแค่ภายนอกก็เหอะ…
…ไอ้ตอนที่เราเปิดประตูออกมานั้นสัมผัสไม่ได้เลยว่าเธอยืนอยู่ตรงนั้น ไอ้ทางเดินตรงนี้มันก็ไม่มีที่ซ่อนได้อยู่ด้วย
“…”
พอคำนึงถึงนิสัยขี้ระแวง จิตหลอน แล้วเจ้าอารมณ์ของแม่นางในเกมแล้ว จึงตอบออกไปด้วยคำตอบที่คิดว่าปลอดภัยที่สุด
“องหญิง ดูเหมือนจะก้าวหน้าในการเรียนรู้วิชาพลางตัวด้วยดีสินะขอรับ ”
รีบคุกเข่าให้นางผู้ที่ตัวต้นเหตุความเครียดตลอดการเดินทาง
ที่อยู่ตรงหน้าก็คือ โอนิซึกิ อาโอย สาวน้อยสุดน่ารักจนสติหลุดที่เป็นนางเอกที่เหล่าผู้เล่นครั้งแรกหลงกันไปอยู่ในห้องใต้ดินของน้องแก
***