ตอนที่ 212 ทุกสรรพสิ่ง
บนบ่อเทพ เจตจำนงกระบี่เรียวยาวห้าสายนั้นพัวพันกันเหมือนใบไม้
หนิงอี้กลั้นลมหายใจ เก็บจิตใจ ใช้สมาธิทั้งหมดควบคุมเจตจำนงกระบี่ห้าสายให้มารวมกัน
“ประกายเพลิง เทพหิมะ สังหารเร้น ธารใหญ่ มังกรเหลือง…”
ประกบสองมือ
“รวม!”
ภายใต้การควบคุมของหนิงอี้ เจตจำนงกระบี่ห้าสายเกิดเสียงดังแปะ ชนเข้าด้วยกันเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวขุ่นบริสุทธิ์
แสงสีขาวขุ่นนั้นไม่เสถียรภาพอย่างยิ่ง
หากสั่งสมเจตจำนงกระบี่แห่งเพลิง เจตจำนงกระบี่แห่งน้ำ เจตจำนงกระบี่แห่งดิน เจตจำนงกระบี่แห่งไม้และเจตจำนงกระบี่แห่งทองที่บริสุทธิ์ยิ่ง ตอนนี้คงจะรวมเป็นเจตจำนงกระบี่ปัญจธาตุในตำนานได้
หนิงอี้จงใจเลือกใช้ตัวแบบเจตจำนงกระบี่ห้าสายนี้
ในบ่อเทพของเขาไม่มีเจตจำนงกระบี่ใดที่เริ่มตระหนักรู้อย่างแท้จริงและได้รับการพัฒนาขึ้น
หนิงอี้ยืมเจตจำนงกระบี่พวกนี้มาจากหุบเขานิรันดร์ เพียงแค่แปลกใจ อยากเห็นกับตาว่าโลกของเจตจำนงกระบี่กว้างใหญ่เพียงใด
เจตจำนงกระบี่ในตอนนี้รวมเข้าด้วยกัน…จะเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบใด
หนิงอี้อยากรู้มาก
“เจตจำนงกระบี่ห้าสายนี้มาจากปัญจธาตุ เพราะกระบี่ให้ความสำคัญในด้านใดด้านหนึ่งถึงเกิดเป็นราชันดาราวิถีกระบี่ห้าท่าน ตอนนี้ข้าเอามารวมกัน จะลบล้างกันหรือไม่…สิ่งที่กำเนิดออกมาจะใช่ปัญจธาตุหรือไม่”
การดึงและผสมตัวแบบเจตจำนงกระบี่ไม่ถือว่าเป็นการฝึกบำเพ็ญ นับว่าเป็นการทดลองอย่างหนึ่ง หนิงอี้ลองทำทุกอย่างเพื่อรวมเจตจำนงกระบี่มากมายเข้าด้วยกันในบ่อเทพของตน เพื่อดูว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอัศจรรย์อะไรขึ้น
เคียงกระบี่มองเจตจำนงกระบี่ใหม่ที่ไม่เสถียรภาพนั้นบนฟ้าบ่อเทพเช่นกัน
สองคนเพ่งสมาธิไปที่บ่อเทพ
แต่ไม่รู้เลยว่ากลิ่นอายมรณะเข้มดุจน้ำหมึกตรงก้นบ่อเทพกำลังตกตะกอนลงไป ไม่ได้ลอยเหนือบ่อเทพ ไม่ผสมกับน้ำบ่อ แต่รวมด้วยกัน ไหลไปช้าๆ และเงียบเชียบ
แสงสว่างพุ่งออกมาจากตัวแบบเจตจำนงกระบี่ใหม่นั้นอย่างฉับพลัน
นัยน์ตาหนิงอี้ฉายประกายดีใจ เขายื่นมือมาข้างหนึ่งบังหน้าไว้ สายลมพัดผ่าน หลังคลื่นลมสงบนิ่ง เจตจำนงกระบี่ประกายเพลิง เทพหิมะ สังหารเร้น ธารใหญ่และมังกรเหลืองก็ลอยมาอยู่ตรงหน้าเขาช้าๆ
“ไม่ใช่ปัญจธาตุ…”
เสียงพึมพำของเคียงกระบี่ลอยขึ้นมาเหนือบ่อเทพ
“นี่มันเจตจำนงกระบี่อะไร”
หนิงอี้ยื่นมานิ้วหนึ่ง สัมผัสเจตจำนงกระบี่นั้น มันส่งเจตนารมณ์ที่อบอุ่นและอ่อนโยนมา ดวงจิตของราชันกระบี่เดิมกลายเป็นน้ำแข็งละลาย หนิงอี้คือเจ้านายคนใหม่ของเจตจำนงกระบี่นี้…หลังจากปลายนิ้วสัมผัสเจตจำนงกระบี่ เขาก็รู้สึกว่าเจตจำนงกระบี่นี้เหมือนอากาศธาตุว่างเปล่า
ดวงจิตหนึ่งลากผ่าน เคียงกระบี่ใช้ความคิดจมอยู่ในเจตจำนงกระบี่ใหม่นี้
“ข้าไม่เคยเจอเจตจำนงกระบี่เช่นนี้มาก่อน…เหมือนจะไม่อยู่ในปัญจธาตุ และยังก้าวออกจากชั้นวางของโลกนี้”
เคียงกระบี่พูดงึมงำ
หนิงอี้เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาฉายประกายงุนงงนิดๆ
ปัญจธาตุ ทองไม้น้ำไฟดินสร้างโลกนี้ขึ้น ในปราณกระบี่นี้ไม่มีกลิ่นอายปัญจธาตุอยู่จริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากการผสมหลังจากเดินห้าเส้นทางถึงที่สุด
“ข้ารู้สึกว่า…” เคียงกระบี่นึกไปถึงการสัมผัสของจิตใจตนกับเจตจำนงกระบี่นี้ ก่อนจะพูดเนิบนาบ “มันหนักมาก หนักเหมือนโลกใบหนึ่ง”
“ข้ากลับรู้สึกว่ามันเบามาก” หนิงอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “ลองมองดูดีๆ จะเหมือนอากาศธาตุสลัวตอนโลกกำเนิดขึ้น”
เศษหินรูปปั้นเคียงกระบี่หลุดร่วงลงมาทีละนิด ดินโคลนบนตัวเขาหลุดออกมาช้าๆ ภายใต้การบ่มเพาะด้วยความเป็นเทพ ดูแล้วช่วงนี้คงได้บ่มเพาะจิตวิญญาณดีใช้ได้
“เจตจำนงกระบี่นี้เหมือนโลกใหม่ ภายภาคหน้ามีความเป็นไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด” เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “เข้าหุบเขานิรันดร์ ได้สิ่งเหล่านี้มานับว่าคุ้มค่ามาก”
หนิงอี้ยิ้มก่อนจะถอยจากสภาวะการส่องดูภายใน
ภายในลานบ้าน ร่างเงาชุดดำที่นั่งขัดสมาธิมาตลอดพลันลุกขึ้นยืน
ร่มกระดาษมันพินิจเหมันต์ที่วางบนตักลอยขึ้น ถูกหนิงอี้คว้าไว้
เจตจำนงกระบี่นั้นแนบกับพินิจเหมันต์
หนิงอี้ฟันกระบี่ออกไปง่ายๆ
เจตจำนงกระบี่เดือดพล่าน ส่งไปทีละนิดเหมือนสันหลังมังกรจนไปถึงปลายกระบี่ แต่ก็ไม่ได้เหมือนมังกรเขมือบต้นพุทราตรงหน้าอย่างที่เขาคิดไว้
ตรงปลายกระบี่เหมือนจุดแสงเทียน พัดเบาๆ ก็ดับ
หนิงอี้เลิกปลายคิ้วขึ้น
นี่คือเจตจำนงกระบี่ใหม่ของเขาหรือ
เผยฝานที่นั่งวาดอยู่ตรงโต๊ะไม้ต้นแพร์ครามเงยหน้าขึ้น ถึงกับกลั้นขำไว้ไม่อยู่
หนิงอี้ขมวดคิ้วก่อนจะนั่งลง
เจตจำนงกระบี่ของตนยังไม่พอหรือ
เขาใช้จิตกลับไปในบ่อเทพอีกครั้ง ลาก ‘เจตจำนงกระบี่จอกแหน’ ที่ฝังรากในบ่อเทพของตนออกมา ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ใส่ไปในเจตจำนงกระบี่สีขาวขุ่นดั้งเดิม
ลืมตาขึ้น
ฟันอีกหนึ่งกระบี่
ปราณกระบี่ครั้งนี้ยกระดับขึ้นเล็กน้อย
หนิงอี้ทำหน้าเข้าใจแจ่มแจ้ง เขาย่อยทำนองของปราณกระบี่ดั้งเดิมนี้เงียบๆ…หากจิตใจจมอยู่ในนั้น ก็จะเหมือนขี่ลมลอยขึ้น เพียงแต่รอบตัวเป็นอากาศธาตุสลัว การใส่เจตจำนงกระบี่จอกแหนเข้าไปในนั้นจะทำให้โลกนี้ไม่เหมือนเดิมไปเล็กน้อย
หนิงอี้ถอยออกมาจากการส่องดูภายใน
เขามีสีหน้าซับซ้อนเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดเลยว่าเจตจำนงกระบี่ของตนจะแสดงตรงหน้าตนได้ด้วยวิธีแบบนี้
ผู้อาวุโสเคียงกระบี่เคยคิดว่าเจตจำนงกระบี่นี้หนักมาก เพราะมันมีความเป็นไปได้ที่จะใส่เจตจำนงกระบี่อื่นไปได้นับไม่ถ้วน
“ท้องฟ้า แผ่นดิน สายลม หิมะ สายฝน ดวงตะวัน…นี่เหมือนกับโลกจริงๆ” หนิงอี้นั่งในลานบ้าน เขาก้มหน้าลงมองพินิจเหมันต์พลางพูดพึมพำ “อยู่ในโลกนี้ไม่มีกฎเกณฑ์มากกว่านี้…เพราะข้าคือผู้สร้างกฎ”
แสงสว่างนั้นในดวงตาหนิงอี้สว่างขึ้นเรื่อยๆ
นี่เท่ากับว่าเขาทำอะไรได้ตามใจไม่ใช่รึ
“ข้าจะส่งตัวแบบเจตจำนงกระบี่ในบ่อเทพเข้าไปในเจตจำนงกระบี่ดั้งเดิมนี่…”
…….
ในช่วงเวลาหลังจากนี้ หนิงอี้แทบจะจมอยู่ในทะเลสาบจิตไม่ยอมหลับยอมนอน เจตจำนงกระบี่ที่ฝังรากในบ่อเทพถูกเขาดึงขึ้นมาทีละสาย เจตจำนงกระบี่ดั้งเดิมสีขาวขุ่นนั้นดูดซับตัวแบบเจตจำนงกระบี่อื่นไปเรื่อยๆ เสริมความแกร่งของตนไปเรื่อยๆ
หนิงอี้เรียกเจตจำนงกระบี่ที่ลอยบนบ่อเทพว่า ‘เจตจำนงกระบี่ทุกสรรพสิ่ง’
เจตนารมณ์ของทุกสรรพสิ่งหมายถึงทุกเรื่องราวและทุกสิ่งอย่าง เปลี่ยนแปลงได้หลากหลาย ขณะเดียวกันยังซ่อนโชควาสนาไว้มากมาย
ตอนนี้เจตจำนงกระบี่นี้เป็นเพียงตัวแบบ หากใส่เข้าไปในตัวกระบี่พินิจเหมันต์…หนิงอี้ก็ยังไม่เคยลองอานุภาพเหมือนกัน แต่เขาคาดการณ์ได้ว่าเจตจำนงกระบี่ที่สร้างโลกขึ้นได้เองนี้ ไม่เคยปรากฏต่อหน้าปุถุชนอย่างแน่นอน
ผู้อาวุโสเคียงกระบี่บอกว่ามันหนัก
เช่นนั้น…มันจะต้องหนักมากแน่
ส่วนหนักเพียงใด หนิงอี้ก็อยากรู้เหมือนกัน
ท่านหญิงพิณบอกกับเขาว่าหากผู้บำเพ็ญแดนบูรพาพวกนั้นตระหนักรู้ทำนองของหุบเขานิรันดร์เสร็จ เกรงว่าคงจะมาหาเรื่องเขาที่จวน
หนิงอี้ถอยออกจากสภาวะการบำเพ็ญ พ่นลมหายใจขุ่นช้าๆ ตั้งแต่ความเป็นเทพไหลเข้าไขกระดูก การหายใจของเขาขยายออกไป พ่นลมหายใจดุจมังกร เมฆหมอกเวียนวน
เขาส่องดูภายใน อวัยวะภายในทั้งหลายเปล่งแสงสว่าง อยู่ในสภาพที่ดียิ่ง
“ดีมาก ข้าจะรอพวกเจ้ามา”
หนิงอี้ขยับเส้นเอ็นและกระดูก ส่งเสียงถั่วระเบิดดังทั้งตัว
ดึกมากแล้ว เด็กสาวพักผ่อนแล้ว
ภายในจวนเงียบถึงที่สุด
หนิงอี้ผลักประตูห้องของตน เคลื่อนไหวเบามาก ขึ้นเตียง ด้วยความล้าทางจิต ไม่นานก็หลับลึกไป
ผิวบ่อเทพเงียบสงบ
ก้นบ่อเทพไม่ค่อยสงบเท่าไรนัก
กลิ่นอายมรณะเหมือนน้ำหมึก เข้มจนละลายไม่ได้ รวมเป็นมังกรน้ำนอนขดตัวหนึ่ง ลืมตาขึ้นช้าๆ ในเงามืด
……………………….