ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 160 กินข้าวไม่เสียเงิน

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 160 กินข้าวไม่เสียเงิน

“อาหารที่หอสุรามียกมาอย่างละหนึ่งที่ให้หมด” แม่ทัพใหญ่ลั่วกล่าวอย่างวีรบุรุษผู้กล้าหาญ

ราคาอาหารของร้านเซิงเอ๋อร์ร้านนี้เขารู้ดี แต่ถึงอย่างไรผู้ที่ได้เงินก็คือลูกสาว ไม่ได้เสียให้ผู้อื่นเสียหน่อย

แม้จะไม่มาทานอาหารที่นี่ เขาก็ต้องให้เงินค่าขนมลูกสาวอยู่ดี

ไม่นานอาหารก็ถูกยกออกมา

“เนื้อตุ๋น ไก่แช่น้ำมัน ลิ้นเป็ดกระเทียมดำ…” ทุกครั้งที่หงโต้ววางอาหารลงทีละจาน สีหน้าก็ยิ่งหนักอึ้งขึ้นทีละน้อย

แม่ทัพใหญ่ลั่วลอบส่ายศีรษะ

สาวใช้คนนี้ของเซิงเอ๋อร์ไม่เหมาะเป็นเสี่ยวเอ้อร์เลย บริการลูกค้าไม่เป็นแม้แต่น้อย

หรือไม่กลับไปเขาช่วยหาคนฉลาดคล่องแคล่วจำนวนหนึ่งมาช่วยลูกสาวดีกว่า

“เซิงเอ๋อร์ เจ้าสาม พวกเจ้ามานั่งด้วยกันสิ” เมื่อเห็นอาหารวางบนโต๊ะหมดแล้ว แม่ทัพใหญ่ลั่วก็เรียกพวกเขา

คุณชายสามเซิ่งทิ้งก้นนั่งลงทันที

เมื่อนั่งลงแล้ว เห็นคุณหนูลั่วยังไม่มีทีท่า เขาก็ยิ้มอย่างละอายใจ “น้องลั่ว นั่งสิ”

น้องลั่วมักจะสงบนิ่งเช่นนี้เสมอ ทำเอาเขาดูเป็นคนใจร้อนมาก

ที่จริงเขาก็ไม่ได้รีบร้อนเช่นนี้เสียหน่อย

ลั่วเซิงนั่งลง

คุณชายสามเซิ่งรินสุราให้แม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างกระตือรือร้น ชูจอกสุราให้เขา “ท่านลุง หลานขอชนกับท่านหนึ่งจอก ช่วงนี้รบกวนท่านแล้ว”

แม่ทัพใหญ่ลั่วดื่มหมดจอก รู้สึกชอบพอหลานชายคนโตผู้สง่างามตรงหน้าคนนี้มาก หัวเราะพูดขึ้นว่า “เจ้าเป็นญาติผู้พี่ของเซิงเอ๋อร์ สำหรับข้าแล้วเจ้าก็เหมือนลูกชาย คำพูดแบบนี้ต่อไปห้ามพูดอีก”

“ขอรับๆ หลานผิดไปแล้ว หลานขอลงโทษตนเองดื่มอีกหนึ่งจอก” คุณชายสามเซิ่งดื่มหมดจอก

สือเยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ กระตุกมุมปากอย่างแรง

คุณชายสามเซิ่งไร้ยางอายจริงๆ นี่เขาดื่มสุราไปสองจอกแล้ว

สุรากาหนึ่งมีเพียงสามจอกเท่านั้น!

“เจ้าสาม กลับไปให้ลุงหางานให้เจ้าทำเถอะ” แม่ทัพใหญ่ลั่วบีบจอกสุราในมือ โพล่งพูดขึ้น

แม้จะบอกว่าโพล่งโดยไม่คิด อันที่จริงเขาเคยคิดในใจมาก่อนแล้ว

เจ้าสามเด็กคนนี้มาส่งเซิงเอ๋อร์จากแดนไกลและไม่มีทีท่าว่าจะกลับไป จะเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในหอสุราไปตลอดแบบนี้ได้ที่ไหนกัน

หากเขาไม่กลับไปจริงๆ ก็ต้องหางานจริงๆ จังๆ ให้เขาทำ ไม่เช่นนั้นหากได้รับจดหมายจากจินซา ถามว่าเจ้าสามอยู่เมืองหลวงทำอะไร เขาคงตอบจดหมายนี้กลับไปไม่ได้

ทันทีที่คุณชายสามเซิ่งได้ยินก็งงงัน

หางานให้ทำ? เขาเป็นเสี่ยวเอ้อร์ในหอสุราอยู่ดีๆ จะหางานอะไรให้ทำหรือ

อีกอย่าง เขายังต้องกลับไปอีก

ส่วนเรื่องที่ว่าจะกลับเมื่อไร… แน่นอนว่าเป็นเสี่ยวเอ้อร์พอแล้วเขาจะกลับจินซาเอง

“ท่านลุงมิต้องเป็นห่วงข้าขอรับ อีกไม่นานหลานก็จะกลับจินซาแล้ว”

“จะกลับไปหรือ…” แม่ทัพใหญ่ลั่วมิอาจซ่อนความเสียใจได้ “ลุงคิดว่าเจ้าจะปักหลักในเมืองหลวง เจ้าอุตส่าห์เข้ากันได้ดีกับน้องสาวเช่นนี้”

ไม่ง่ายเลยจริงๆ เขาเห็นเจ้าสามไม่ถือสาบุตรสาวที่ชอบก่อกวน ไม่แน่ว่าจะได้เป็นครอบครัวที่ลึกซึ้งแล้วยิ่งลึกซึ้งขึ้นไปอีกเล่า

คุณชายสามเซิ่งชะงัก

ท่านลุงพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรนะ

เว่ยหานที่กำลังยื่นตะเกียบออกไปคีบเนื้อชะงักเล็กน้อย หดตะเกียบกลับมายกจอกสุราขึ้นจิบคำหนึ่ง

แม่ทัพใหญ่ลั่วหมายความว่าอย่างไรกัน

สายตาของเขามองไป

ชายหนุ่มหล่อเหลา หญิงสาวงดงาม ดูแล้วเหมาะสมกันดีมาก

เว่ยหานขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว

แม่ทัพใหญ่ลั่วคิดจะให้คุณหนูลั่วแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องของนางหรือ

คุณชายสามเซิ่งไร้ซึ่งความคิดความอ่าน รู้เพียงแต่กิน ไม่เหมาะสมกับคุณหนูลั่วที่คาดเดายากและมีความลับมากมายหรอก

แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา

เว่ยหานคีบเนื้อวัวเข้าปาก คิ้วขมวดกันแน่นกว่าเดิม

เนื้อตุ๋นวันนี้เหมือนกับว่ารสชาติจะแย่กว่าวันก่อน…

เมื่อเผชิญกับสายตาเปี่ยมรักของท่านลุง คุณชายสามเซิ่งก็รู้สึกขนลุก

คงไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดหรอกนะ

เหอะๆๆ หากได้กินอาหารที่น้องลั่วทำตลอดชีวิต เช่นนั้นเขายินยอม!

ปล่อยตนเองคิดเพ้อเจ้อครู่หนึ่ง คุณชายสามเซิ่งก็ตั้งสติได้

ไม่ได้!

น้องลั่วยังมีนายบำเรออีกสองคน

หากเขาแต่งงานกับน้องลั่ว น้องลั่วให้ผู้ชายสองคนนั้นเป็นบ่าวรับใช้แต่งเข้าจวนตามนางกลับไปจินซาด้วยจะทำอย่างไรเล่า

ท่านแม่ต้องโมโหตายแน่ๆ

“แค่กๆ ท่านย่าข้าก็บอกว่าข้าเป็นง่ายๆ เข้ากับทุกคนได้ดี”

“อืม” แม่ทัพใหญ่ลั่วเข้าใจความหมาย ความคิดที่จะจับคู่จางหาย เขาคีบไก่แช่น้ำมันชิ้นหนึ่งขึ้นมา

แม่ทัพใหญ่เบิกตากว้างทันทีที่ไก่สีเหลืองทอง รสสัมผัสกรอบนอกนุ่มในชิ้นหนึ่งเข้าปาก

อร่อยเกินไปแล้ว!

เขาคิดว่าคนเหล่านั้นพูดเกินจริง คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าพวกเขาชมอ้อมค้อมเกินไปแล้ว!

ทำให้ไก่ตัวหนึ่งมีรสชาติเช่นนี้ได้อย่างไรนะ

เมื่อกลืนเนื้อไก่ลงไปแล้วก็รีบคีบเนื้อตุ๋น กินเนื้อตุ๋นเสร็จก็รีบคีบลิ้นเป็ด

รสสัมผัสที่กรอบ สู้ฟัน มีรสชาติทั้งเปรี้ยวและหวาน… รสชาติต่างๆ กระทบต่อมรับรสที่เชื่องช้าไปนาน ตะเกียบในมือของแม่ทัพใหญ่ลั่วก็ยุ่งเหยิงเป็นพัลวัน

หมดแล้ว?

สั่งเพิ่มอีก!

อาหารที่สั่งเพิ่มอีกหมดอีกแล้ว แน่นอนว่าก็สั่งเพิ่มต่อ

เมื่อทานจนอิ่มไปแปดส่วน แม่ทัพใหญ่ลั่วจึงสละเวลาเล็กน้อยถามหงโต้วที่ยืนข้างๆ ว่า “เหตุใดจึงไม่เห็นอาหารจานเล็กบนโต๊ะไคหยางอ๋องบ้างเล่า”

เขาจำได้ว่า ตอนที่เข้ามานั่งลงเขาบังเอิญเหลือบไปเห็นอาหารบนโต๊ะของไคหยางอ๋อง อาหารจานเล็กจานน้อยเหล่านั้นมีสีสันสวยงามน่าทานมาก

เนื้อตุ๋นพวกนี้ก็อร่อย แต่อาหารที่ยังไม่เคยกินก็ควรต้องชิมมิใช่หรือ

หงโต้วหน้านิ่งพูดว่า “นั่นคืออาหารอภินันทนาการเจ้าค่ะ ไม่ใช่ทุกโต๊ะที่จะได้ทาน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วเลิกคิ้ว

หมายความว่าอย่างไร ไคหยางอ๋องมาแล้วได้อาหารอภินันทนาการ แต่เขาผู้เป็นพ่อมากลับไม่มี

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองเว่ยหานก่อนจะมองไปที่ลั่วเซิง

ลูกสาวต้องชี้แจง!

ลั่วเซิงสั่งหงโต้วด้วยน้ำเสียงสงบว่า “ยกอาหารเรียกน้ำย่อยสองสามอย่างมา”

เมื่อพูดจบก็เหลือบมององครักษ์จิ่นหลิ่นที่หมกมุ่นอยู่กับการกินข้าว พูดเสียงราบเรียบว่า “ให้โต๊ะนั้นด้วย”

องครักษ์จิ่นหลินห้าหกคนที่กินจนปากมันวาวเงยหน้าขึ้นอย่างงงงัน

ยกอะไรให้พวกเขานะ

ฮี่ๆ ยกอะไรมาอีกก็ได้ อร่อยเกินไปแล้ว มารดามันเถอะ!

แม่ทัพใหญ่ลั่วขมวดคิ้ว “ไม่ต้องให้พวกเขา ยกมาให้โต๊ะนี้ทั้งสองที่”

เขานึกเสียดายแล้ว

รู้แต่แรกว่าอาหารของหอสุราที่เซิงเอ๋อร์เปิดอร่อยขนาดนี้ ทำให้กระเพาะของผู้คนทำงานได้ดีกว่าเคย เขาคงไม่พาลูกน้องไม่เอาถ่านห้าหกคนนั่นมาแล้ว

ไม่นานอาหารก็ถูกยกมา

แม่ทัพใหญ่ลั่วทานกุ้งแช่บ๊วยตัวหนึ่ง ให้คำปรึกษาลั่วเซิงด้วยคำพูดที่จริงใจ “เซิงเอ๋อร์ อาหารแถมอร่อยเช่นนี้ ให้กินไม่เสียเงินแล้วยังไม่ขายน่าเสียดายมาก”

ปล่อยให้คนเหล่านั้นเอาเปรียบได้อย่างไร

ลั่วเซิงยิ้มเบาๆ “ท่านพ่อวางใจ อาหารแถมมีแค่คนส่วนน้อยที่ได้กิน ไม่ใช่ใครที่ไหนก็ได้กินเจ้าค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี” แม่ทัพใหญ่ลั่วโล่งอก แต่จู่ๆ ก็ฉุกคิดได้

ไม่ถูกสิ ในเมื่อมีแค่คนส่วนน้อยที่ได้กิน เหตุใดไคหยางอ๋องจึงได้

ไม่ได้ ต้องคุยเรื่องความสัมพันธ์ของไคหยางอ๋องและลูกสาวให้ชัดเจน

แต่จะให้ถามในหอสุราเลยก็ดูไม่เหมาะสม คนอยู่กันมากมายเช่นนี้

แม่ทัพใหญ่ลั่วครุ่นคิดครู่หนึ่ง หันไปยิ้ม “พรุ่งนี้วันหยุดข้าพอดี หากท่านอ๋องมีเวลา มานั่งดื่มชาสักแก้วที่จวนข้าหรือไม่”

เว่ยหานกินอิ่มแล้ว เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปากตอบรับคำเชื้อเชิญของแม่ทัพใหญ่ลั่ว “พรุ่งนี้ข้าว่าง”

ถึงอย่างไรก็ต้องไปจวนสกุลลั่วเพื่อดูต้าไป๋อยู่แล้ว

“ท่านแม่ทัพใหญ่ค่อยๆ กิน ข้ากินเสร็จแล้ว ขอล่วงหน้าไปก่อน” เว่ยหานทักทายแม่ทัพใหญ่ลั่วเสร็จก็พยักหน้าให้ลั่วเซิงเป็นการกล่าวลาและลุกขึ้นเดินออกจากประตูไป

แม่ทัพใหญ่ลั่วคิ้วขมวดแน่น รู้สึกไม่ชอบมาพากล

เมื่อเห็นแผ่นหลังของเว่ยหานหายลับไปจากประตูหอสุรา แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ เขาค่อยๆ หันกลับมามองลั่วเซิง

ไคหยางอ๋องได้อาหารแถมแล้วยังได้กินข้าวไม่เสียเงิน?

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท