ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 161 ไม่เก็บเงิน

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 161 ไม่เก็บเงิน

“ท่านพ่อเป็นอะไรไปเจ้าคะ” เมื่อถูกแม่ทัพใหญ่ลั่วมองอย่างประหลาด ลั่วเซิงก็ถามขึ้น

“ไม่มีอะไร” แม่ทัพใหญ่ลั่วกระแอมเบาๆ กลบเกลื่อน สั่งหงโต้วว่า “เอาลิ้นเป็ดอีกสองจาน”

ในหอสุรามีคนอยู่มากมาย ถามมากไปจะไม่ดี

จะว่าไปแล้วลิ้นเป็ดกระเทียมดำนี่ถูกปากเขาจริงๆ

เห็นหงโต้วยืนนิ่งไม่ขยับ แม่ทัพใหญ่ลั่วขมวดคิ้ว “ทำไมไม่ยกอาหารมา”

นังหนูน้อยคนนี้ไม่ไหวจริงๆ ไม่กระปรี้กระเปร่าอย่างคนเป็นเสี่ยวเอ้อร์เลย

จะว่าไปแล้วก็ใช่ ในความทรงจำของเขา สาวใช้คนนี้ถนัดช่วยเซิงเอ๋อร์ฉุดผู้ชายที่สุด นางจะถนัดเรื่องการบริการได้อย่างไร

หงโต้วยังคงยืนนิ่งไม่ขยับ พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “หมดแล้วเจ้าค่ะ”

หมดแล้ว?

แม่ทัพใหญ่ลั่วนึกเสียดายในใจ พูดอย่างไม่เต็มใจนักว่า “เช่นนั้นก็เอาไก่แช่น้ำมันอีกหนึ่งจาน และเนื้อตุ๋นอีกสองจาน”

“ไก่แช่น้ำมันหมดแล้ว เนื้อตุ๋นก็หมดแล้วเจ้าค่ะ” หงโต้วกัดฟัน รู้สึกควบคุมไอสังหารต่อหน้าแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่ไหวแล้ว

อยากจะทุ่มเก้าอี้ใส่โต๊ะของเจ้าตะกละพวกนั้นจริงๆ

แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงัก “ทำไมถึงหมดทุกอย่างเลยเล่า”

หงโต้วชี้ไปที่องครักษ์จิ่นหลินที่กำลังเลียจาน พูดทีละพยางค์ออกมาว่า “เพราะว่าพวกเขากินหมดแล้วเจ้าค่ะ!”

แม่ทัพใหญ่เองก็กินไปไม่น้อย แต่ใครให้แม่ทัพใหญ่เป็นบิดาแท้ๆ ของคุณหนูเล่า จะโกรธเคืองก็ไม่ได้

แม่ทัพใหญ่ลั่วได้ยินก็เดือดดาล ตะคอกว่า “พวกเจ้า!”

องครักษ์จิ่นหลินห้าหกคนลุกขึ้นอย่างลำบาก กำหมัดประสานมือขึ้นพร้อมกัน “ท่านแม่ทัพใหญ่โปรดออกคำสั่ง”

แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงักเล็กน้อย ก่อนจะชี้ไปที่ประตู “ไสหัวออกไปซะ!”

เจ้าบัดซบพวกนี้ ไม่รู้จักเจียมตัวหน่อยเลยหรือ

องครักษ์ห้าหกคนมองหน้ากันไปมา

แม่ทัพใหญ่ลั่วโมโหหรือ แต่แม่ทัพใหญ่ลั่วเป็นคนบอกให้พวกเขานั่งกินอีกโต๊ะเองนี่

เมื่อเหลือบมองจานที่ซ้อนสูงเป็นภูเขา พวกเขาก็รู้สึกละอายเล็กน้อย

เหมือนว่าจะกินเยอะไปหน่อย แต่จะโทษพวกเขาไม่ได้นะ อาหารอร่อยเกินไปจริงๆ

หงโต้วได้ยินดังนั้นจะยอมปล่อยให้จอมตะกละเหล่านี้เอาเปรียบได้อย่างไร!

นางรีบหยิบใบเรียกเก็บเงินขึ้นมาอ่าน “เนื้อตุ๋นสามสิบจาน ไก่แช่น้ำมันยี่สิบตัว สไบนางและผ้าขี้ริ้วสี่สิบจาน… ท่านแม่ทัพใหญ่ โต๊ะพวกเขารวมทั้งหมดสามพันแปดร้อยตำลึงเจ้าค่ะ…”

แม่ทัพใหญ่ลั่วหัวใจเต้นแรง

เขารู้เรื่องราคา แต่แค่คิดไม่ถึงว่าอาหารจะอร่อยขนาดนี้ เจ้าบัดซบกลุ่มนั้นยังกินอย่างเสียสติเช่นนี้!

องครักษ์จิ่นหลินห้าหกคนที่ได้ยินก็สะดุ้ง

สามพันแปดร้อยตำลึง!

พวกเขาเป็นคนกินหมดเลยหรือ

เมื่อมองดูถ้วยจานอาหารบนโต๊ะที่ว่างเปล่า พวกเขาก็มองหน้ากัน ค่อยๆ นอนลงบนพื้นเงียบๆ และรีบกลิ้งออกไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อเห็นลูกน้องห้าหกคนนั่นทำตามคำสั่งโดยไม่ลังเล แม่ทัพใหญ่ลั่วก็ยังไม่หายทุกข์ใจ

เงินของเขาไม่ใช่ลมพัดมา หากตนเองเป็นคนกินเองก็ไม่เป็นไร แต่เจ้าลูกเต่านั่นบังอาจกินเงินเขาไปเกือบสี่พันตำลึง

เงินมากมายเช่นนี้ เขาให้บุตรสาวไปซื้อเครื่องประทินโฉมไม่ดีกว่าหรือ

ที่น่าหงุดหงิดที่สุดคือ พวกนั้นทำให้เขากินไม่อิ่ม!

“หงโต้ว เก็บใบเรียกเก็บเงินไปเสีย” ลั่วเซิงหรี่ตามองหงโต้วทีหนึ่งก่อนจะพูดกับแม่ทัพใหญ่ลั่วว่า “ท่านพ่ออย่าไปสนใจคำพูดเหลวไหลของสาวใช้เลยเจ้าค่ะ ท่านมาทานข้าวที่นี่ ลูกจะเก็บเงินได้อย่างไร”

ไม่เก็บเงิน?

ผู้ดูแลหญิงที่ยืนบริเวณโต๊ะเก็บเงินเงยหน้าขึ้นมาทันที

หงโต้วมองแม่ทัพใหญ่ลั่วอย่างตกตะลึง

เป็นไปได้หรือไม่ว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วรู้แต่แรกว่าคุณหนูจะไม่เก็บเงินเขาก็เลยพาเจ้าถังข้าวกลุ่มหนึ่งมา

เมื่อเห็นสายตาตกตะลึงของสาวใช้ แม่ทัพใหญ่ลั่วก็รู้สึกเกรงใจ พูดจริงจังว่า “ทำมาค้าขายข้างนอก ทุกคนที่เข้ามาในร้านล้วนเป็นแขก เงินน่ะต้องเก็บ”

ลั่วเซิงยิ้มๆ “หอสุราที่ลูกเปิด มีใครเขาเก็บเงินจากบิดากัน หากเรื่องแพร่ออกไป คนอื่นคงหัวเราะเยาะเย้ยลูกเห็นแก่เงิน ท่านว่าถูกหรือไม่เจ้าคะ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วหยุดหายใจ

ลั่วเซิงพูดอีกว่า “อาหารของหอสุราเรามีจำกัดบางอย่าง มิหนำซ้ำอาหารแถมก็ไม่ได้ทานได้ง่ายๆ ตั้งแต่ที่ท่านเข้ามา ข้าก็ให้เกียรติท่านพ่อในฐานะลูกสาว มิใช่เจ้าของร้านต้อนรับแขก”

แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดไม่ออก รู้สึกซาบซึ้ง

เซิงเอ๋อร์รู้จักแสดงความกตัญญูต่อเขาแล้ว หลังจากผ่านอุปสรรคแล้วก็โตขึ้นมากจริงๆ

สำหรับแม่ทัพใหญ่ลั่ว การส่งบุตรสาวอันเป็นที่รักออกเมืองหลวง ประสบมือสังหารไล่ฆ่าระหว่างทางตอนกลับเมืองหลวง ช่างเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง

แต่เนื่องจากบุตรสาวผ่านเรื่องเหล่านี้มาจึงทำให้นางเติบโตขึ้น นี่คือความโชคดีในความโชคร้าย

เมื่อพูดเช่นนี้ ครานั้นที่ทำให้ไคหยางอ๋องขัดเคืองอันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายทั้งหมด

ช้าก่อน!

แม่ทัพใหญ่ลั่วฉุกคิดได้ว่า อาหารแถมกินได้ยากเช่นนี้ แล้วไคหยางอ๋องมีสิทธิ์อะไรได้กินกัน

ไม่ได้ พรุ่งนี้ต้องถามให้รู้เรื่อง

เมื่อเห็นแม่ทัพใหญ่ลั่วเงียบไป ลั่วเซิงก็รินน้ำชาให้เขา “ดังนั้นท่านพ่อห้ามพูดถึงเรื่องจ่ายเงินอีกเด็ดขาด ไม่ใช่แค่ครั้งนี้ ต่อไปท่านมาก็เช่นกัน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วตะลึงงัน

ไม่เก็บเงินทุกครั้งเลยหรือ

แล้วเขาจะกล้ามาอีกที่ไหน… เห็นทีต่อไปคงต้องสั่งคนใช้ไม่คุ้นหน้ามาซื้ออาหารที่หอสุราและแอบส่งไปที่ศาลาว่าการให้เขาเสียแล้ว

ลั่วเซิงยิ้มเย็นชาในใจ

อาหารเลิศรสของนางไม่ได้ทำไว้เพื่อให้แม่ทัพใหญ่ลั่วกินอย่างมีความสุขทุกวันหรอกนะ

ใช่ นางเข้าใจว่าที่แม่ทัพใหญ่ลั่วนำทหารล้อมสังหารจวนเจิ้นหนานอ๋องคือการปฏิบัติตามคำสั่ง แต่เพียงเพราะเขาทำตามคำสั่ง นางก็จะสามารถมองใบหน้านี้ได้โดยปราศจากความขุ่นเคืองหรือความเกลียดชังใดๆ หรือ

ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร ท้ายที่สุดแล้วเขาก็คือเพชฌฆาตที่สังหารครอบครัวของนาง

นางใช้ร่างกายของคุณหนูลั่ว ได้เพลิดเพลินกับความสะดวกสบายในฐานะของบุตรสาวแม่ทัพใหญ่ลั่ว สิ่งที่นางทำได้ก็คือการไม่เอาชีวิตแม่ทัพใหญ่ลั่ว

เพียงเท่านี้เอง

“เช่นนั้นพ่อขอบใจเซิงเอ๋อร์แล้ว” แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้าสงบ ในใจขมขื่น

เขามีเงิน เขายินดีที่จะให้เงิน ขอเพียงได้กินอาหารอย่างสบายใจก็พอ

ช่างเถอะ ต่อไปค่อยส่งลูกน้องหน้าไม่คุ้นมาซื้อแล้วกัน

แม่ทัพใหญ่ลั่วเช็ดมุมปาก ลุกขึ้นอย่างอาลัย “เซิงเอ๋อร์ กลับจวนพร้อมพ่อเถอะ”

ลั่วเซิงอยากจะสอบถามเรื่องนางสนมรักของรัชทายาทพอดี นางย่อมไม่ปฏิเสธ

“ท่านพี่ พี่อยู่ช่วยเก็บกวาดหน่อยนะ เมื่อปิดร้านแล้วค่อยพาพวกหงโต้งกลับจวน”

“ได้” คุณชายสามเซิ่งยิ้มตอบ

พวกหงโต้วกลับเศร้าหมอง ไร้ชีวิตชีวา

ไม่มีอะไรเหลือแล้ว…

จากนั้นสายตาที่มองคุณชายสามเซิ่งก็มีประกายไฟพุ่งออกมา

ทำงานในหอสุราด้วยกันทั้งนั้น มีแค่เขาที่ได้กินอิ่ม!

คุณชายสามเซิ่งรู้สึกถึงอันตราย รีบขอความช่วยเหลือจากลั่วเซิง “น้องลั่ว…”

เขามีลางสังหรณ์ว่าประเดี๋ยวเขาต้องถูกหงโต้วฉีกเป็นชิ้นๆ แน่นอน!

ลั่วเซิงคิดว่าทุกคนคงเหนื่อยเหมือนกันจึงสั่งหงโต้ว “เมื่อปิดร้านแล้วให้อาซิ่วทำบะหมี่พริกฮวาเจียวให้พวกเจ้ากิน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วชะงัก

ยังมีบะหมี่พริกฮวาเจียวด้วยหรือ

แค่กๆ อันที่จริงเขาชอบกินเผ็ด รู้เช่นนี้ไม่รีบกลับก็ดี

แม่ทัพใหญ่ลั่วเดินออกจากประตูหอสุราด้วยความอาลัยและถอนหายใจ

“วันนี้ท่านพ่อกินไม่อร่อยหรือ”

“อร่อยสิ อร่อยมาก” แม่ทัพใหญ่ลั่วลูบท้องเบาๆ

หากบุตรสาวยอมเก็บเงิน ให้เขามากินทุกวันก็ยังได้ เช่นนั้นเขาจะมีความสุขมาก

สองพ่อลูกเดินจากไปหลายจั้ง เห็นชายมีหนวดพาเด็กหนุ่มหน้าดำเดินมาทางนี้

ปกติแล้วชายมีหนวดรับเสี่ยวชีกลับมาจะเดินอ้อมเข้าทางประตูหลังของหอสุราเพราะกลัวจะรบกวนแขก วันนี้เนื่องจากอยู่ข้างนอก ทั้งสองจึงบังเอิญเจอกันเข้าพอดี

“เถ้าแก่” ชายมีหนวดและเสี่ยวชีคารวะลั่วเซิงพร้อมกัน ไม่รู้ว่าผู้ที่เดินข้างกายเถ้าแก่คือใคร

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท