ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 163 มาหา

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 163 มาหา

เว่ยเชียงเห็นอย่างชัดเจนว่ากำไลทั้งสองวงไม่ต่างกันเลย

การรวบรวมอัญมณีเจ็ดสีมาทำกำไลประดับทองนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แม้จะเป็นแบบเดียวกัน แต่รายละเอียดและฝีมือก็ไม่มีทางเหมือนกันทุกประการ

หรือก็คือ กำไลวงนั้นที่คุณหนูลั่วสวมบนข้อมือและกำไลของอวี้เหนียงเป็นกำไลคู่

แต่เขาจำได้ว่าอีกวงอยู่ที่เว่ยเหวิน

ส่วนเจ้าของที่แท้จริงของกำไลวงนี้คือลั่วเอ๋อร์

ลั่วเอ๋อร์เสียชีวิตไปแล้ว เขาเป็นคนฝังนางกับมือ เครื่องประดับและสิ่งของทั้งหมดที่ลั่วเอ๋อร์มักสวมใส่ในช่วงที่นางมีชีวิตอยู่ถูกฝังไปพร้อมกับนาง

กำไลทองเป็นเพียงเครื่องประดับธรรมดาๆ ที่อยู่ในกล่องมากมายเหล่านั้น

ที่บอกว่าธรรมดา เพราะสินเดิมที่จวนเจิ้นหนานอ๋องให้ลั่วเอ๋อร์นั้นมีมากมาย แม้จะเป็นกำไลที่หายากเช่นนี้ เมื่อเก็บไว้ด้วยกันกับเครื่องประดับมากมายก็ดูไม่โดดเด่นนัก แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะตัวกำไลธรรมดาแต่อย่างใด

เดิมเขาไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำ

สำหรับเขาแล้ว เมื่อลั่วเอ๋อร์เสียชีวิต สิ่งของเหล่านี้ก็กลายเป็นสิ่งของไม่จำเป็น ตาไม่เห็นก็ไม่บาดใจ

แต่ไม่กี่ปีต่อมา มารดาเปิดห้องคลังเพื่อทำความสะอาดสินเดิมของลั่วเอ๋อร์

น้องเล็กชอบกำไลทองฝังอัญมณีเจ็ดสีทันทีที่เห็น

หากเป็นเครื่องประดับที่ลั่วเอ๋อร์ใส่เป็นประจำ เขาย่อมไม่มีทางให้น้องเล็กเอาไป แต่กำไลคู่นั้นเป็นเพียงหนึ่งในเครื่องประดับมากมาย หลังจากที่น้องเล็กขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเขาก็ยอมให้

เพียงแต่ว่าคิดไม่ถึงว่าอวี้เหนียงเองก็ชอบกำไลวงนี้

นั่นเป็นครั้งแรกที่อวี้เหนียงเอ่ยปากขอสิ่งของกับเขา เขาย่อมปฏิเสธไม่ลง

สุดท้ายแล้วจึงกลายเป็นว่าน้องเล็กและอวี้เหนียงมีกำไลคนละวง

เหตุใดกำไลของน้องเล็กจึงไปอยู่กับคุณหนูลั่วนะ

เว่ยเชียงมองกำไลบนข้อมือของอวี้เสวี่ยนซื่อ ตกอยู่ในภวังค์

อวี้เสวี่ยนซื่อหลุบตาลง ขนตาหนาของนางสั่นเล็กน้อย นางอยากจะชักมือกลับมา

เว่ยเชียงจับไว้แน่นกว่าเดิม พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ดูเหมือนว่าอวี้เหนียงจะผอมลงอีกแล้ว”

อวี้เหนียงนิ่ง หลุบตาลงยิ้มเบาๆ “หม่อมฉันเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ถึงฤดูร้อน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเพคะ”

เว่ยเชียงกอดอวี้เหนียงเข้ามาในอ้อมอก พูดเสียงเบาว่า “ดูแลสุขภาพให้ดี อย่าให้ข้าเป็นห่วง”

อวี้เหนียงแนบตัวอยู่ในอ้อมอกของเว่ยเชียง ตอบตกลงอย่างอ่อนโยน “หม่อมฉันรู้แล้วเพคะ”

ในห้องไม่มีคนนอกคอยรับใช้ พวกเขาอยู่กันเงียบๆ เช่นนี้ครู่หนึ่ง เว่ยเชียงปล่อยมือ “ข้าไปหาพระชายาแล้ว คืนพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

อวี้เหนียงย่อเข่าเล็กน้อย “น้อมส่งองค์ชาย”

นางกำลังจะเดินไปส่งเว่ยเชียงที่ประตู แต่กลับถูกเขาห้ามไว้ “กลางคืนอากาศหนาวเย็น เจ้าร่างกายอ่อนแอ ไม่ต้องส่งข้าหรอก”

คำพูดนี้ย่อมทำให้เหล่านางกำนัลรับใช้อวี้เสวี่ยนซื่อลอบอิจฉา

องค์รัชทายาทช่างโปรดปรานอวี้เสวี่ยนซื่อเสียจริง

อวี้เสวี่ยนซื่อไม่สนใจสายตาอิจฉาของเหล่านางกำนัล เมื่อองค์รัชทายาทจากไป นางก็หันหลังเข้าไปในห้อง

ในห้องด้านใน มีไฟส่องสว่างหนึ่งดวง

อวี้เสวี่ยนซื่อทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง มือข้างหนึ่งแตะบนกำไลบนข้อมืออีกข้าง

นางกำกำไลไว้แน่นขึ้นเรื่อยๆ แววตาหวาดกลัววาบผ่าน

เหตุใดองค์รัชทายาทจึงมองกำไลวงนี้นะ

ไม่มีทางที่นางจะดูผิด เมื่อครู่นี้องค์รัชทายาทไม่ใช่ดูข้อมือของนางว่าเล็กลงไปอีกเท่าไร แต่คือกำไลทองฝังอัญมณีเจ็ดสีวงนี้ต่างหาก!

นี่คือกำไลของท่านหญิง มันเป็นสิ่งที่นางต้องปกป้องแม้จะต้องทนกับความอัปยศอดสูก็ตาม

อวี้เสวี่ยนซื่อตกอยู่ในความทรงจำในอดีตอันยาวไกล

นั่นคือเวลาก่อนที่สินเดิมจะถูกยกไปจวนผิงหนานอ๋อง

กล่องเครื่องประดับถูกเปิดออกทีละกล่อง นางเป็นคนพาลูกน้องไปจัดอย่างระมัดระวัง

เดิมกำไลคู่นี้ไม่ได้อยู่ในกล่องกับเครื่องประดับเหล่านี้ ท่านหญิงเป็นคนให้นางกับมือและบอกให้นางใส่เข้าไป

ตอนที่ท่านหญิงนำกำไลให้นาง เคยถามนางว่าแยกความแตกต่างของกำไลสองวงนี้ได้หรือไม่

นางเพิ่งมองอยู่นานก็ไม่เห็นความต่าง สุดท้ายท่านหญิงเป็นคนชี้ให้นางเห็น

ท่านหญิงชี้ไปที่กำไลวงนั้นพูดกับนางว่า “เฉาฮวา เจ้าจำไว้นะ กำไลวงนี้สำคัญกว่าสินเดิมทั้งหมดรวมกันเสียอีก”

พวกนางทั้งสี่เป็นสาวใช้ภักดีของท่านหญิง ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ท่านหญิงจะบอกเรื่องสำคัญบางเรื่องแก่พวกนาง ครานั้นนางถามว่า “สำคัญเช่นนั้นเลยหรือ บ่าวดูไม่ออกเลย”

ท่านหญิงพูดเสียงเบาว่า “กำไลวงนี้สามารถแลกแผ่นดิน เจ้าเป็นสาวใช้ใหญ่ที่ดูแลเสื้อผ้าและเครื่องประดับของข้า ต้องเก็บรักษาให้ข้าดีๆ ล่ะ”

นางตะลึง อดถามไม่ได้ว่า “ท่านหญิง ในเมื่อกำไลสำคัญเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงไม่สวมไว้เจ้าคะ”

ท่านหญิงยิ้ม “การไม่เปิดเผยต่อสาธารณะปลอดภัยกว่า”

ครานั้นนางไม่เข้าใจ รู้เพียงว่ากำไลวงนี้สำคัญมาก

จนกระทั่งในเวลาต่อมา จวนอ๋องเกิดหายนะ ได้ข่าวการตายของท่านหญิง

นางและซูเฟิงจนปัญญา วิ่งชนเสาฆ่าตัวตาย

ซูเฟิงตาย นางถูกช่วยไว้

ตายไปหนึ่งครั้ง กำไลวงนี้ที่ท่านหญิงกำชับนางให้รักษาดีๆ ทำให้นางสงบอารมณ์ลง

ท่านหญิงบอกว่า กำไลวงนี้สามารถแลกแผ่นดินได้…

นางไม่กล้าตาย นางต้องช่วยท่านหญิงรักษากำไลวงนี้ไว้ให้ดี

บางทีในค่ำคืนนั้นมีคนในจวนอ๋องหนีออกไป บางทีท่านอ๋องอาจมีแผนการอื่น…

นางต้องรักษากำไลวงนี้ไว้ให้ดี บางทีอาจจะรอจนถึงวันที่มีคนมาแลกเปลี่ยนแผ่นดินต้าโจว คืนความยุติธรรมให้จวนเจิ้นหนานอ๋องและท่านหญิงของนาง!

เฉาฮวาจับกำไลทองไว้แน่น น้ำตาไหลลงมา

ท่านหญิง บ่าวเหนื่อยเหลือเกิน หากดวงวิญญาณท่านอยู่บนสวรรค์ ขอให้วันนั้นมาถึงไวๆ ด้วยเถอะ

เช่นนั้นบ่าวก็จะได้หลุดพ้นจากชายน่าขยะแขยงคนนั้น หลุดพ้นจากร่างกายน่าขยะแขยงของตนเอง ไปหาท่าน

อยู่ข้างกายท่านดีจะตายไป มีเจี้ยงเสวี่ยผู้เก่งกาจและสง่างามกว่าบุรุษ มีซูเฟิงผู้เฉลียวฉลาดความจำเป็นเลิศ ยังมีซิ่วเย่ว์ผู้มีฝีมือการทำอาหารดีเยี่ยม

เฉาฮวานอนลง ดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะไว้

ผ้าห่มที่ทำมาจากผ้าทอนั้นเบาและบาง เผยให้เห็นรูปร่างที่บอบบางและอ่อนแอของนาง

คืนนี้ลั่วเซิงนอนไม่หลับ

วันนี้เกิดเรื่องมากมายจริงๆ เรื่องทุกเรื่องล้วนทำให้นางนอนพลิกตัวกลับไปกลับมา

และตอนนี้สิ่งที่นางอยากรู้มากที่สุดคือนางสนมที่เป็นที่โปรดปรานขององค์รัชทายาทท่านนั้นคือใคร

ดึกแล้ว เสียงแมลงร้องนอกหน้าต่างก็หยุดไปนานแล้ว

ลั่วเซิงนอนพลิกตัวไปมาบนเตียงราวกับเล่าปิ่ง[1]ไม่รู้กี่ครา ก่อนจะผล็อยหลับไป

ตื่นมาอีกครั้ง ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว

โค่วเอ๋อร์มารายงานว่าไคหยางอ๋องมาหา ตอนนี้กำลังดื่มชากับแม่ทัพใหญ่ที่เรือนรับรองด้านหน้า

ลั่วเซิงจัดการตัวเองเสร็จแล้วก็ทานข้าวต้มถ้วยหนึ่งอย่างเอื่อยเฉื่อย ก่อนจะสั่งโค่วเอ๋อร์ไปเชิญไคหยางอ๋องที่เรือนด้านหน้า

เว่ยหานดื่มชาอยู่ในเรือนรับรองเป็นเวลาหนึ่งถ้วยชา เป็นการดื่มชาที่ไม่ผ่อนคลายมากนัก

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองเขาตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ สายตาลุ่มลึกและตั้งใจ ท่าทางเหมือนมีอะไรจะพูด

นอกจากสีหน้าที่เปิดเผยครั้นอยู่หอสุราแห่งหนึ่ง เว่ยหานยังคงรักษาความสงบได้ดี

แม่ทัพใหญ่ลั่วมือถือจอกชา โมโหในใจ

เหตุใดไคหยางอ๋องจึงไม่ถามเลยเล่า หรือว่าคิดว่าเขาเชิญมาที่นี่เพื่อดื่มชาอย่างเดียว

แม่ทัพใหญ่ลั่วกระดกน้ำชา กระแอมขึ้นทีหนึ่ง “ท่านอ๋องเป็นลูกค้าประจำของมีหอสุราหรือ”

“ถือว่าใช่” เว่ยหันตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ลูกค้าประจำจะได้อาหารแถมหรือ”

เว่ยหานเงียบครู่หนึ่ง น้ำเสียงราบเรียบกว่าเดิม “ลูกค้าประจำอื่นมีหรือไม่ไม่ทราบ แต่ข้าไม่มี”

ครานี้เปลี่ยนเป็นแม่ทัพใหญ่ลั่วที่เงียบ คำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของไคหยางอ๋องและบุตรสาวถูกระงับไว้หมด

“แล้วเมื่อวาน…”

“เมื่อวานมีข้าเป็นลูกค้าเพียงคนเดียวจึงได้อาหารแถมจากคุณหนูลั่ว”

“อย่างนี้นี่เอง” จู่ๆ แม่ทัพใหญ่ลั่วก็รู้สึกซับซ้อน

เขาคิดว่าบุตรสาวแอบหมั้นหมายกับไคหยางอ๋องไว้แล้วเสียอีก…

แม่ทัพใหญ่ลั่วดื่มชาคำหนึ่งอย่างเสียใจ

ครานี้โค่วเอ๋อร์เดินเข้ามา คารวะทั้งสองอย่างสุภาพ พูดว่า “แม่ทัพใหญ่ลั่ว คุณหนูบอกว่าหากท่านคุยกับท่านอ๋องเสร็จแล้ว เชิญท่านอ๋องไปหานางเจ้าค่ะ”

เอ๋?

แม่ทัพใหญ่ลั่วมองเว่ยหานอย่างจริงจัง

ไหนบอกว่ามีความสัมพันธ์เป็นเพียงลูกค้าและเจ้าของหอสุราธรรมดาๆ มิใช่หรือ

[1] คือขนมชนิดหนึ่ง ทำจากแป้ง มีลักษณะแบนและกลมคล้ายแพนเค้ก ต้องพลิกกลับไปกลับมาเวลาจี่บนกระทะ

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท